The Divine Nine Dragon Cauldron 387

Now you are reading The Divine Nine Dragon Cauldron Chapter 387 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

สมบัติเทพนั่นอาจจะไม่ต้องใช้พลังวิญญาณของผู้ใช้งาน และหอกไม่ใช่แค่ทำให้สมบัติเทพของพวกเขากระเด็นออกไป มันยังทำให้พวกเขาบาดเจ็บอีกด้วย!

ฮั่นเจียงหลินตกตะลึง

“หอก! ทลาย! โลกา! นั่นมัน—สมบัติเทพของตำหนักของทวีปนี้ สมบัติเทพของอาณาจักรทมิฬ!”

เจ้าเมืองอันยี่แสดงความหวาดกลัว

“ละ—หลิงเสี่ยวเทียน! เขามาที่นี่!”

จ้าวหอสดับหิมะสีหน้าเคร่งเครียด

“เขามาที่นี่ทำไมกัน?”

เสียงหอกสั่นสะเทือนกำลังพุ่งเข้ามา เงาร่างหนึ่งลอยเหนือหอกนั้น เขาสง่างาม น่าหลงใหล และหล่อเหลา เขาไม่ใช่ใครอื่นนอกจากหลิงเสี่ยวเทียน! แต่เทียบกับพลังที่เขาใช้ออกมาเมื่อครู่ ใบหน้าของเขาดูเยือกเย็นอย่างมาก

หลิงเสี่ยวเทียนพูดเบาๆ

“ล้างสังหารสตรีและทำร้ายคนที่บาดเจ็บ! นี่น่ะรึคุณธรรมของพันธมิตรอุดรทวีป? ช่างเป็นคุณธรรมที่ยิ่งใหญ่นัก!”

เสียงของเขาดังก้องไปทั่วนภา

เพื่อยึดครองทวีปแห่งนี้ พวกเขาลอบโจมตีคณะวิหคเพลิง เรื่องนี้เพียงอย่างเดียวก็เลวร้ายพออยู่แล้ว แต่พวกเขาก็ยังสมคบคิดกับเฟิงเซี่ยนเพื่อวางยาจ้าววิหคเพลิงโดยเชื่อว่าเป็นการทำไปเพราะคุณธรรม

ฮั่นเจียงหลินตกใจ

“เจ้ารู้เรื่องพันธมิตรอุดรทวีปได้ยังไงกัน? แล้วเจ้ามาที่นี่ทำไม?”

พรึ่บ–

ทันใดนั้นก็มีสองคนบินออกมาจากกองทัพสองหมื่นคน สองคนนั้นคืออู๋หยางหลงและอู๋หยางยูซิน

พวกเขาลอยหลังหลิงเสี่ยวเทียนด้วยความนับถือและโค้งคำนับ

“สวัสดีท่านเจ้าตำหนัก!”

พวกเขาเรียกหลิงเที่ยวเทียนว่าเจ้าตำหนัก การเรียกเช่นนี้เป็นการเรียกแบบคนอาณาจักรทมิฬ เรื่องราวชัดเจนแล้ว คนตระกูลอู๋หยางเป็นสมาชิกอาณาจักรทมิฬ!

“ตระกูลอู๋หยางทรยศงั้นรึ? กล้าดียังไง!”

ฮั่นเจียงหลินโกรธแค้น!

เห็นได้ชัดว่าหลิงเสี่ยวเทียนรู้แผนการของพวกเขามานานแล้ว!

อู๋หยางหลงตอบช้าๆ

“พวกเราไม่เต็มใจจะฆ่าผู้คนอย่างไร้เหตุผล เจ้าพันธมิตรฮั่นโปรดหยุดการกระทำชั่วร้ายเถอะ”

ฮั่นเจียงหลินสีหน้าหม่นหมอง

“ข้าจะต้องลบนามตระกูลอู๋หยางออกไปให้สิ้….”

อู๋หยางยูซินยังคงใจเย็น

“น่าเสียดายนัก แต่ตระกูลอู๋หยางแปรพักตร์มาหมดแล้ว”

หลิงเสี่ยวเทียนหันไปพูด

“พวกเจ้าสองคนรีบหนีไปเถอะ หาที่หลบภัยซะ!”

“ขอรับ!”

พ่อลูกตระกูลอู๋หยางมองซือหยูและจากไปอย่างรวดเร็ว ทั้งสองเป็นสายลับจากอาณาจักรทมิฬ! มันเหนือจินตนาการไปแล้ว!

ซือหยูคิด อาณาจักรทมิฬนั้นปกครองทวีปแห่งนี้ พวกเขาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าเกิดอะไรขึ้น? บางทีอาจจะไม่มีแค่เพียงในร้อยดินแดน หอสดับหิมะเองกับคณะวิหคเพลิงก็อาจจะมีสายลับที่อาณาจักรทมิฬส่งมา

หอกทลายโลกาปรากฏขึ้นในมือหลิงเสี่ยวเทียน ทั้งตัวของเขาราวกับสมบัติเทพที่ทำลายได้ทุกสิ่งทุกอย่าง

“ถอยก่อนเถอะ…”

ฮั่นเจียงหลินพูดขึ้น

“หอกทลายโลกานับว่าเป็นสมบัติเทพระดับกลางที่ดีที่สุด ในมือของหลิงเสี่ยวเทียน นั่นทำให้เขาไม่ต่างจากราชามนุษย์ อย่าไปสู้กับเขาเลย”

ฮั่นเจียงหลินกับที่เหลือหันหลังเตรียมจะหนี แต่หลิงเสี่ยวเทียนก็สะบัดมือซัดหอกออกไป

“พวกเจ้าไม่จำเป็นต้องหนีไปไหนทั้งนั้น!”

หอกทะยานสู่นภา สีหน้าของผู้คุมสวรรค์ทั้งสามเปลี่ยนไป

“หลิงเสี่ยวเทียน!”

“เจ้าอยากจะสู้งั้นเรอะ? แม้จะต้องเสี่ยงถูกทำลายน่ะเรอะ?”

“ต่อให้เจ้าสามคนตาย ข้าก็อาจจะยังรอด!”

หลิงเสี่ยวเทียนตะโกนเบาๆ

“ระวัง!”

ทั้งสามพยายามป้องกันหอก

ปั้ง–

ทั้งสามเสียสมบัติเทพไปแล้ว หอกทะลวงร่างของพวกเขาทั้งสามเป็นแนวเดียวกับและพุ่งไปปักกับยอดเขา!

ปราการวิหคเพลิงเงียบกริบ น่ากลัวเกินไปแล้ว! แม้ทั้งหมดจะเป็นผู้คุมสวรรค์ พลังของหลิงเสี่ยวเทียนก็มากกว่าทั้งสามคนอย่างมาก! พวกนั้นถูกจัดการอย่างง่ายดาย

พรึ่บ–

หลิงเสี่ยวเทียนพุ่งเข้าไปหามู่เทียนฟางและรับร่างของซือหยูที่บาดเจ็บปางตาย

หลิงเสี่ยวเทียนแววตาเย็นยะเยือกเมื่อมองไปยังร่างที่ถูกทำลายของซือหยู

“พวกนั้นทำกับเจ้าขนาดนี้…ข้าจะเอาคืนมันให้เป็นสิบเท่า!”

หลิงเสี่ยวเทียนโกรธจนถึงขั้นที่ทั้งร่างเปล่งรังสีแห่งความพิโรธออกมา ซือหยูรู้ได้เลยว่านี่เป็นครั้งแรกที่หลิงเสี่ยวเทียนรู้ว่าตัวเขาเองโกรธได้มากมายเช่นนี้ แต่เขาก็ไม่รู้ถึงความโศกเศร้าภายในจิตใจหลิงเสี่ยวเทียน

ซือหยูอยู่ที่หน้าหุบเหวแห่งความตาย เขายิ้มอย่างเป็นสุขเมื่อได้ยินเสียงของหลิงเสี่ยวเทียน สติของเขากำลังหลุดลอย เขากำลังจะตาย กายเนื้อของเขาถูกทำลาย ทุกอย่างจะจากไปหลังจากที่เขาตาย นับจากนี้ไป นามหยินหยูจะกลายเป็นประวัติศาสตร์และความทรงจำอันเปล่งประกายในห้วงเวลา

ไม่มีใครลืมการประลองในงานชุมนุมวิหคเพลิงไปได้ ซือหยูขัดต่อบัญชาสวรรค์และกลายเป็นตำนานราชาที่เหนือกว่าทุกรุ่นในอดีต ไม่มีใครจะลืมผู้ยิ่งใหญ่แห่งทวีปที่ต่อสู้กับผู้คุมสวรรค์สามคนด้วยตัวคนเดียว และด้วยพลังสุดท้ายของชีวิต เขาได้ปล่อยพลังอันน่าตกตะลึงออกมา

ไม่มีใครลืมได้เลยว่าในยุคนี้ ในปีนี้ และในวันนี้ เด็กหนุ่มผู้เป็นราชาได้หายไปจากโลกใบนี้

หลิวเสี่ยวเทียนแบกร่างของซือหยู มือของเขาสั่นระริก น้ำตาคลอเบ้าของเขา

“ข้าขอโทษ ข้ามาช้า…”

เสียงสั่นเครือเล็ดลอดออกมาจากปาก

หลิงเสี่ยวเทียนโศกเศร้าอย่างลึกซึ้ง เขาคิดถึงวันนั้นในร้อยดินแดน ซือหยูสง่างามและเปล่งประกายเพียงใดกัน? เขาควรจะอยู่ได้ด้วยตัวเอง แต่หลิงเสี่ยวเทียนก็พาเขาเข้าสู่อาณาจักรทมิฬ พามายังทวีปแห่งนี้ และยังพาเขามาถึงที่ตาย ในวันนั้น ถ้าหลิงเสี่ยวเทียนปล่อยซือหยูไป แม้ว่าฐานพลังของซือหยูจะยังคงต่ำต้อย เขาก็อาจจะไม่ต้องมาพบเจอกับเรื่องราวโหดร้ายเช่นนี้

ความโศกเศร้า ความรู้สึกผิด ความแค้นและความชิงชังทำให้หลิงเสี่ยวเทียนตัวสั่น ราวกับเขาเสียลูกศิษย์ที่เขาดูแลเป็นอย่างดีไป

“พวกเจ้าทุกคนต้องชดใช้หนี้ครั้งนี้ด้วยเลือด!”

ดวงตาที่น้ำตาคลอของหลิงเสี่ยวเทียนแดงก่ำ เขาจ้องสามผู้คุมสวรรค์ที่อยู่ไกล!

“ตายซะ!”

หลิงเสี่ยวเทียนราวกับราชสีห์ที่โกรธเกรี้ยว จิตใจเต็มไปด้วยความแค้น!

แต่ในตอนนั้นเองจักรวาลก็คำรามพร้อมกับคนจำนวนหนึ่งที่พุ่งลงมา สองคนนั้นสวมผ้าคุลมแดง พวกเขาดูแก่เฒ่าและเยือกเย็น ฐานพลังของพวกเขาอยู่ในระดับผู้คุมสวรรค์! แต่พวกเขาก็ยังห่างชั้นกับชายหนุ่มที่อยู่ตรงกลาง

เขาอายุประมาณยี่สิบห้าปี เขาผิดซีดและไร้อารมณ์ เขาสวมผ้าคลุมดำสนิท เขาสวมมงกุฎหลวง เขากำลังยืนอยู่บนสมบัติเทพอย่างสง่างาม

ที่ทำให้ตกคนตกใจก็คือฐานพลังของเขา เขาเป็นอำมฤตระดับห้าขั้นกลาง!

ฮั่นเจียงหลินกับคนที่เหลือตกตะลึงและไร้คำพูด

“ราชามนุษย์!”

ระดับราชามนุษย์นั้นเหนือกว่าผู้คุมสวรรค์! มันเป็นไปไม่ได้ที่จะสำเร็จระดับนี้ด้วยอายุเพียงเท่านี้!

หลิงเสี่ยวเทียนสีหน้าเปลี่ยนไป เขาตาเป็นประกายและคุกเข่าลงกับพื้น

“จ้าวเฉินยิ่ง! ข้าคือเจ้าตำหนักแห่งทวีปนี้”

ผู้คุมสวรรค์ทั้งสามเบิกตากว้างด้วยความกลัว

“จ้าว…? จ้าวแห่งความมืดลำดับสอง…จ้าวเฉินยิ่ง!”

เจ็ดจ้าวแห่งความมืดคือตัวตนในตำนาน พวกเขาคือยอดฝีมือที่ถูกราชาแห่งความมืดบ่มเพาะด้วยตัวเอง ทุกคนมีพรสวรรค์ที่ไม่มีใครเทียบได้ ทุกคนมีพลังมหาศาลที่จะทำลายขุมกำลังอันยิ่งใหญ่และสามารถฆ่าล้างทวีปเฉินหลงได้เมื่อรวมตัวกัน

นอกจากราชาแห่งความมืดก็ไม่มีใครที่เหนือกว่าพวกเขา และตอนนี้ตัวตนในตำนานนั้นกำลังปรากฏตัวอยู่ต่อหน้าทุกคน และเขายังเป็นจ้าวเฉินยิ่งอยู่ในลำดับที่สอง!

ความยิ่งใหญ่ของราชามนุษย์และพลังที่แสดงออกมาทำให้ฮั่นเจียงหลินกับคนอื่นไม่กล้าแม้แต่จะหายไป พวกเขาหน้าซีดราวกับคนตาย

ต่อหน้าหลิงเสี่ยวเทียน พวกเขาก็ยังไม่มีหวังจะได้หลบหนี และต่อหน้าจ้าวแห่งความมืด พวกเขาทำได้แค่ตายเท่านั้น!

“เจ้าตำหนักหลิง ดูเหมือนเจ้าจะยังคิดถึงอาณาจักรอยู่บ้างนะ!”

จ้าวเฉินยิ่งร่อนลงมา ดวงตาไร้อารมณ์ของเขาไม่มองผู้ใดเลย นั่นไม่ใช่เพราะเขาไม่สนใจทุกคน แต่เป็นเพราะเขาอยู่ในตำแหน่งอันสูงส่งมานาน นั่นทำให้เขาดูถูกทุกคน

หลิงเสี่ยวเทียนใจหาย

“ข้าภักดีต่ออาณาจักรเสมอมา ข้าไม่เคยละเว้นหน้าที่แม้แต่ครั้งเดียว”

จ้าวเฉินยิ่งเอานิ้วแตะจมูก เขาหรี่ตา

“ใช่รึ? การสังหารผู้ตรวจการไป่ฮีก็นับเป็นความภักดีต่ออาณาจักรรึ?”

อย่างที่คาด เขามาเพราะเรื่องนี้!

หลิงเสี่ยวเทียนโค้งคำนับ

“เขาที่เป็นผู้ตรวจการกับทำลายกฎและพยายามสังหารรองเจ้าตำหนัก เขามีความผิดมหันต์และตามกฎนั่นเอง ข้าจึงใช้สมบัติเทพของข้าทำร้ายเขาอย่างสาสม!”

“เจ้าก็ควรจะรายงานกับอาณาจักร…”

“เจ้าจัดการเรื่องด้วยตัวเองนั้นเป็นการข้ามหน้าข้ามตาคนที่เหนือกว่าเจ้า! แล้วเจ้าก็ยังใช้สมบัติของอาณาจักรตามใจชอบ เจ้าคิดจะก่อกบฏต่ออาณาจักรงั้นรึ?”

จ้าวเฉินยิ่งจ้องมอง

“สมบัติเทพนี้ใช่เบื่อปกป้องตำหนักรอง! ในคราแรกเจ้าใช้มันสังหารผู้ตรวจการ และตอนนี้เจ้ายังใช้มันต่อสู้กับกำลังอื่นอีก! จากที่ข้ามอง เจ้าคิดจะก่อกบฏต่ออาณาจักรอยู่แล้ว!”

หลิงเสี่ยวเทียนพูดด้วยความนับถือ

“ท่านจ้าว โปรดตัดสินอย่างยุติธรรมเถอะ ข้าถูกเหตุการณ์บังคับให้ต้องทำร้ายผู้ตรวจการไป่ฮี และในตอนนี้ข้าก็ได้รับรายงานลับว่ามีกำลังทรราชย์กำลังแอบรวมกลุ่มเพื่อก่อตั้งพันธมิตรอุดรทวีป นี่เป็นอันตรายต่ออาณาจักร ข้าถึงต้องใช้สมบัติเทพ!”

จ้าวเฉินยิ่งมองดูรอบๆอย่างละเอียด สีหน้าของเขาว่างเปล่าไร้อารมณ์

“เจ้าพวกโง่นี่จะต่อกรกับอาณาจักรได้ยังไง! ข้ออ้างของเจ้ามันอ่อนด้อยนัก!”

ความจริงคือสามกำลังใหญ่ก่อตั้งพันธมิตรมานานแล้ว และอาจจะมีคนอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้! มิเช่นนั้นมันก็คงจะประหลาด เพราะแม้ทั้งสามจะร่วมมือกันก็มิอาจทำอะไรหลิงเสี่ยวเทียนได้ ไม่ต้องพูดถึงกับทั้งอาณาจักรทมิฬเลย!

“หลิงเสี่ยวเทียน…เจ้าใช้สมบัติเทพในเรื่องส่วนตัว นั่นหมายถึงความตั้งใจก่อกบฏต่ออาณาจักร จงถูกจับกุมและอย่าขัดขืน ตามข้ากลับไปยังตำหนักหลัก ให้จ้าวไป่ลั่วได้ลงโทษด้วยตัวเอง!”

เขาถูกจ้าวไป่ลั่วส่งมา!

หลิงเสี่ยวเทียนใจเย็น เขาคิดไว้แล้วว่าวันนี้จะมาถึง

“ข้าขอให้ท่านรอสักครู่จะได้หรือไม่?”

หลิงเสี่ยวเทียนขอร้อง

“หลังจากที่ข้าสังหารคนทรยศทั้งสามแล้ว ข้าจะกลับไปให้ท่านจ้าวตัดสิน”

แต่จ้าวเฉินยิ่งมองผ่านฮั่นเจียงหลินและคนที่เหลือด้วยความเหยียดเหยาม

“ยากนักที่เหล่าแมลงนั่นจะแข็งแกร่งขึ้นมาได้…”

“แล้วจะไปทำอะไรกับพวกมันเล่า? ถ้าเจ้าอยากจะใช้ข้ออ้างในการหนีเจ้าก็ไร้เดียงสาเกินไปแล้ว! ตามข้ากลับมารับคำตัดสินซะ!”

หลิงเสี่ยวเทียนชักสีหน้า

“แต่ถ้าพวกเราไม่ฆ่าสามทรราชย์ในวันนี้ คณะวิหคเพลิงก็คงจะพบกับความพินาศ! ยากที่จ้าววิหคเพลิงกับศิษย์ทั้งหมื่นคนจะหนีจากการถูกฆ่าได้!”

หลิงเสี่ยวเทียนคุกเข่าอ้อนวอน

“ข้าหวังว่าท่านจะเมตตาไว้ชีวิตผู้คนเหล่านี้!”

จ้าวเฉินยิ่งถอนหายใจแรง

“หลิงเสี่ยวเทียน เจ้าเป็นเจ้าตำหนักของอาณาจักร เจ้ากับกังวลถึงความอยู่รอดของขุมกำลังอื่น แต่เจ้าก็ยังมีหน้ามาพูดว่าเจ้าไม่คิดจะก่อกบฏ!”

เขามองเหล่าหญิงสาวจากคณะวิหคเพลิงที่บาดเจ็บล้มตาย เขามองจ้าววิหคเพลิงที่ตกอยู่ในอันตราย และกองทัพสองหมื่นคนที่ชายแดน

จ้าวเฉินยิ่งยิ้มอย่างโหดร้าย

“เรื่องราวสุนัขกินกันเองเช่นนี้นับว่าเป็นเรื่องดีกับอาณาจักร! ข้าจะหยุดไปทำไมเล่า?”

จ้าวเฉินยิ่งสั่ง

“พาตัวเขาไป!”

จากนั้นเขาก็เหลือบไปเห็นซือหยูที่กำลังจะตายที่หลิงเสี่ยวเทียนแบกอยู่

“หน้ากากสีเงิน ผมสีเงิน…”

“ใช่สิ เขาคือคนทรยศที่ฆ่ารองเจ้าตำหนักและฆ่าผู้ตรวจการไป่ฮีในท้ายสุดใช่หรือไม่?”

จ้าวเฉินยิ่งสีหน้าเย็นชา

“พวกเจ้า! ฆ่าเจ้าตำหนักหยินหยูเดี๋ยวนี้!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด