The Divine Nine Dragon Cauldron 595

Now you are reading The Divine Nine Dragon Cauldron Chapter 595 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ซือหยูตัวแข็งทื่อ เขาเคยได้ยินเสียงนี้มาก่อน

 

“ลู่…จือยี่”

 

ซือหยูมีความรู้สึกที่ค่อนข้างซับซ้อนกับนาง และนางก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากลู่จือยี่!

 

ในตอนนี้ ดวงตาของนางเยือกเย็นราวกับน้ำแข็ง นางจ้องมองซือหยูกับกิเลนน้อยอย่างดุร้าย

 

“ไร้ยางอายนัก!”

 

นางหน้าแดงเมื่อพูด

 

พอมาถึงตอนนี้ ซือหยูเพิ่งจะตระหนักว่ากิเลนน้อยนั้นยังใช้ร่างลู่จือยี่ตอนเด็กอยู่ ซือหยูตกใจจนไม่รู้จะพูดอะไรออกมา ไม่ว่าเขาจะอธิบายเท่าใด เขาก็คงไม่อาจจะเกลี้ยกล่อมนางได้ เขากำลังคิดว่าเขากำลังจะจบลงทั้งแบบนี้!

 

“เกิดอะไรขึ้นที่นี่? ข้าจะให้โอกาสเจ้าอธิบ…”

 

ลู่จือยี่ชี้ไปที่กิเลนน้อย

 

ซือหยูรู้ว่าเขาจะต้องแก้ไขเรื่องเข้าใจผิด เขาเริ่มพูด

 

“จือยี่…ความจริงแล้ว…”

 

อาจจะเพราะว่าเขาคุ้นเคยกับกิเลนน้อยในร่างลู่จือยี่ตอนเด็ก เมื่อได้เจอกับลู่จือยี่ตัวจริง เขาจึงเผลอเรียกชื่อของนางไปห้วนๆแบบไม่รู้ตัว

 

ลู่จือยี่รู้สึกแปลกเมื่อได้ยินคำเรียกเช่นนี้ จากตอนที่แยกจากกันคราวที่แล้ว เขายังเรียกนางอย่างสุภาพว่าผู้อาวุโสอยู่เลย เมื่อนางมองท่าทางเขินอายของซือหยู นางจึงมั่นใจได้ว่าเขายังคงเก็บเรื่องนางเอาไว้ในจอยู่ตลอดมา นางคิดไปถึงขั้นที่ว่าซือหยูอาจจะตกหลุมรักนางเข้าจริงๆ

 

“เอาล่ะ เจ้าไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ข้าคิดว่าข้ารู้แล้วว่าเจ้าคิดอะไร”

 

ลู่จือยี่ที่มีความรู้สึกประหลาดอยู่ในใจพูดขัดซือหยู

 

ซือหยูอ้าปากแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ที่บอกว่ารู้…นางรู้อะไรกัน?

 

“เจ้าไม่ต้องคิดหาคำแสดงความรู้สึกต่อข้าหรอก”

 

ลู่จือยี่มองซือหยูอย่างลึกซึ้ง

 

“ข้าเข้าใจทุกอย่างแล้ว แต่เป็นไปไม่ได้ที่เราสองคนจะอยู่ร่วมกัน ข้ามีคนรักอยู่แล้ว เจ้าก็มีอนาคตของเจ้า เจ้าต้องลืมเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างเรา และข้าก็จะลืมด้วยเช่นกัน!”

 

ซือหยูราวกับถูกฟาดด้วยสายฟ้าเมื่อได้ยินสิ่งที่นางพูด กิเลนน้อยที่แปลงร่างเป็นนางทำให้นางคิดได้ว่าซือหยูหลงรักนาง!

 

“จือยี่ เดี๋ยวก่อน… ข้า…”

 

เมื่อซือหยูกำลังจะแก้ไขเรื่องเข้าใจผิด ลู่จือยี่ก็พูดแทรกเขาขึ้นมาอีกครั้ง แววตานางดูเด็ดเดี่ยว

 

“ไม่ต้องพูดแล้ว ข้าไม่อยากได้ยินอะไรทั้งนั้น เจ้าจำสิ่งที่ข้าพูดให้ดีแล้วลืมข้าซะ นี่เป็นคำสั่ง”

 

ซือหยูยิ่งอยากจะแก้ไขเรื่องให้ตรงไปตรงมายิ่งกว่าเดิม

 

“จือยี่ ความจริงแล้ว…”

 

“ไม่ต้องพูดแล้ว”

 

ลู่จือยี่เริ่มจะรำคาญเขา นางจึงตำหนิขึ้นมา

 

“เรื่องเป็นเช่นนี้ จะมีอะไรที่ต้องพูดอีก? ข้าทำใจได้แล้ว ข้ามีคนที่รักอยู่แล้ว เป็นไปไม่ได้ที่เราจะอยู่ด้วยกัน”

 

ซือหยูแทบจะคลั่งเมื่อได้เห็นการเข้าใจผิดของนาง

 

“ข้….”

 

ลู่จือยี่คิดว่าซือหยูดื้อด้านและไม่ยอมแพ้ เขายังไม่คิดจะเลิกล้มความคิดต่อนาง นางทำได้แค่เย็นชาต่อเขา

 

“ข้าจะพูดเป็นครั้งสุดท้าย เจ้าจะต้องหยุดรักข้าซะ ข้าไม่มีวันรักเจ้าตอบได้หรอก!”

 

นางหันหลังและเตรียมจะจากไป ซึ่งเป็นตอนที่ซือหยูได้โอกาสพูด เขาจึงเอ่ยออกไป

 

“จือยี่ เจ้าเข้าใจข้าผิดแล้ว ข้าไม่ได้รักเจ้าเลย”

 

ลู่จือยี่ที่เพิ่งจะหันกลับตัวแข็งทื่อ นางค่อยๆหันกลับมามองซือหยูด้วยอารมณ์อันหลากหลายที่ปรากฏบนใบหน้าขาวราวหิมะ

 

“เจ้าพูดอะไรนะ?”

 

ลู่จือยี่กัดฟันถาม นางเพิ่งจะรู้ว่านางอาจจะเข้าใจเรื่องทุกอย่างผิดไปตั้งแต่ต้น

 

ซือหยูยิ้มเบาๆ สายลมเย็นพัดผ่าน ผมสีเงินเริ่มปลิวไหว รอยยิ้มเบาๆบนใบหน้านั้นดูงดงามยิ่งนัก

 

ซือหยูตอบอย่างจริงใจ

 

“ข้าก็มีคนรักของข้าอยู่แล้ว เจ้าเข้าใจทุกอย่างผิด สัตว์วิญญาณของข้าแปลงร่างเป็นเจ้าด้วยตัวมันเอง”

 

กิเลนน้อยพยักหน้าตามเมื่อสนับสนุนคำพูดของซือหยู มันเริ่มมองลู่จือยี่ด้วยดวงตากลมโตเผยให้เห็นถึงความสับสนแบบมนุษย์ในแววตานั้น

 

ดูเหมือนว่ามันจะสับสนกับท่าทางแปลกๆของสตรีที่ดูเหมือนมัน ลู่จือยี่ราวกับถูกสายฟ้าฟาดใส่ นางเริ่มหน้าแดง

 

นางเข้าใจทุกอย่างผิดหมดเลย! ซือหยูไม่ได้ตกหลุมรักนาง! มันเป็นแค่เพียงความคิดที่นางปรารถนาให้มันเป็น

 

ในตอนนี้ นางอยากจะขุดหลุมฝังตัวเองเสียให้ได้ ความอับอายกำลังเข้ากัดกินจิตใจและแปรเปลี่ยนเป็นความโกรธแค้น

 

“เจ้าเพิ่งจะพูดว่าเจ้าไม่ได้รักข้า แต่เจ้าไปรักคนอื่นงั้นเรอะ?”

 

ลู่จือยี่ก้มหน้า เส้นผมอันสวยงามปกปิดใบหน้าเอาไว้ เขามิอาจเห็นสีหน้านางในตอนนี้ได้

 

ซือหยูยิ้มอย่างโล่งใจ

 

“เจ้าเข้าใจแล้วสินะ ใช่แล้ว เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงข้าเลย…”

 

ลู่จือยี่ยังคงเงียบขณะที่ไหล่ทั้งสองข้างเริ่มสั่น ซือหยูตกใจ… นางร้องไห้งั้นรึ?

 

“คนอื่นสินะ…ฮ่าๆๆ…คนอื่นรึ!”

 

ลู่จือยี่เงยหน้า แววตาเต็มไปด้วยเพลิงแห่งความโกรธแค้น ดูเหมือนนางจะควบคุมสติตัวเองไม่อยู่แล้ว!

 

ซือหยูตกใจอีกครั้ง ดูเหมือนว่าเขาจะเข้าใจผิด นางไม่ได้ร้องไห้ แต่นางตัวสั่นเพราะความโกรธ!

 

“ข้าจะฆ่าเจ้า!”

 

แม้ลู่จือยี่จะไม่รู้ว่าทำไมนางถึงโกรธ แต่นั่นก็ดูเหมือนจะเป็นเพราะความอับอายและความเศร้า

 

พรึ่บ!

 

ไผ่สวรรค์สีเงินปรากฏในมือของนาง พลังมิติแผ่ออกมาโอบล้อมนางเอาไว้ ดูเหมือนว่ามันจะฉีกทุกสิ่งให้เป็นชิ้นๆ!

 

ซือหยูนัยน์ตาสั่น ตั้งแต่อสูรเปิดทางออกจากกระโจมเทพสวรรค์ก็ดูเหมือนกฎเกณฑ์ของการจำกัดพลังจะหายไปด้วย ถ้าหากการโจมตีระดับนี้ได้ปะทะกับเขา เขาก็คงจะบาดเจ็บหนัก…หรือเขาอาจจะตายไปเลย!

 

ซือหยูไม่กล้าจะอยู่ที่เดิมต่อ เขาปิดบังกายด้วยหมวกไผ่และใช้เลี่ยงสายฟ้าขณะที่พูดอย่างโศกเศร้า

 

“เจ้าเป็นอะไรกัน? ถ้าข้ารักเจ้า เจ้าก็โกรธข้า แต่พอข้าบอกว่าข้าไม่รักเจ้า เจ้าก็ยังโกรธข้าอีก!”

 

คำพูดของเขาไม่ต่างกับน้ำมันที่ราดรดกองเพลิง

 

“อ๊าาา! เจ้าบ้า! ข้าจะฆ่าเจ้า”

 

ลู่จือยี่โมโหร้ายยิ่งกว่าเดิมเมื่อได้ยินคำพูดของซือหยู ืนางใช้พลังมิติไล่ล่าซือหยูอย่างไม่ลดละ

 

ทั้งคู่ทั้งหนีและไล่ล่า การโจมตีจากลู่จือยี่เองก็ค่อนข้างป่าเถื่อนรุนแรง

 

ซือหยูเกือบจะพบกับอันตรายร้ายแรง เขาโกรธตัวเองอยู่หน่อยๆกับเรื่องนี้ ความรู้สึกผิดต่อลู่จือยี่ลดหายไปมากเพราะเขากำลังถูกนางไล่ล่าอย่างไม่เป็นธรรม!

 

“หึ ข้าคงโกรธและบ้าไปเช่นนี้เพราะข้าปล่อยเจ้าไปในอดีต ข้าเสียใจจริงๆ!”

 

แสงสีท่องเปล่งประกาย ลู่จือยี่ตามซือหยูทัน

 

นี่มันบ้าอะไรกัน? เกิดอะไรขึ้นกับผู้หญิงบ้าคนนี้? ซือหยูทั้งสับสนและงงงวย

 

“ข้าไม่กลัวเจ้าหรอก!”

 

ซือหยูกัดฟันและหันไปเผชิญหน้ากับนางเพราะมิอาจหนีได้อีก

 

ลำดับเมฆาห้าธาตุลอยออกมาเมื่อเขาอัดพลังชีวิตลงไป มันสร้างแสงสีครามล้อมตัวเขา แสงสีครามนี้สั่นอย่างรุนแรงเมื่อไผ่เงินกล้วยไม้สวรรค์เข้าปะทะ

 

“ยังจะกล้าขัดขืนข้าอีกเรอะ?”

 

ลู่จือยี่โมโหยิ่งกว่าเดิม นางคิดย้อนไปถึงค่ำคืนที่มิอาจลืมเลือนที่ได้อยู่ร่วมกันในโลกหิมะของเวทความฝัน

 

ในครั้งนั้น ซือหยูค่อนข้างอ่อนโยนและทำตัวน่ารัก แต่ตอนนี้เขาต้องต่อสู้กับนาง! นางค่อนข้างโศกเศร้ากับเรื่องนี้และสงสัยว่าเขาอาจจะหยุดอ่อนโยนและน่ารักต่อนางก็เพราะว่าได้มอบร่างกายให้กับเขาไปแล้ว นางไม่พอใจอย่างมากเมื่อเอาแต่คิดถึงเรื่องนี้

 

“วันนี้ ข้าจะต้องฆ่าเจ้าให้ได้”

 

ลู่จือยี่จู่โจมอย่างไร้ปรานี

 

ไผ่เงินกล้วยไม้สวรรค์ส่องแสงสีทอง ม่านแสงสีครามที่สั่นไหวแตกกระจาย ซือหยูตกใจมากเพราะม่านแสงนี้ควรจะทนรับการโจมตีในขั้นต้นของขอบเขตภูติได้สบายๆ แต่มันก็แตกสลายไปเพราะลู่จือยี่ที่มีฐานพลังเหลือแค่ภูติขั้นต้น!

 

พลังของนางน่ากลัวมาก! และทั้งสองก็ไม่มีสิ่งกีดขวางใดอีกแล้ว ไผ่เงินในมือลู่จือยี่ลอยไปหาซือหยู แหวนมิติของซือหยูส่องแสงพร้อมกับแสงสีน้ำเงินที่เปล่งประกาย วายุหมุนปรากฏตรงหน้าซือหยู

 

ไผ่เงินกล้วยไม้สวรรค์ที่พุ่งเข้าใส่เขาถูกแสงสีน้ำเงินสะท้อนกลับไป แต่หลังจากการปะทะ แสงสีน้ำเงินก็อ่อนลงจนเผยให้เห็นสิ่งของด้านใน

 

มันคือไม้สีน้ำเงินที่มีอักษรลึกลับมากมายสลักเอาไว้ มันคือสมบัติศักดิ์สิทธิ์ของลูกหลานผู้เฝ้ากระโจมเทพสวรรค์ และมันยังเป็นสมบัติวิญญาณระดับกลาง!

 

“ตายซะ!”

 

ดูเหมือนว่าลู่จือยี่จะบ้าคลั่งไปแล้ว ไผ่เงินกล้วยไม้สวรรค์ในมือพลิกไปอีกทาง พลังมิติของมันถูกใช้ทำให้มันหายไปจากจุดเดิม

 

ต่อมามันก็ปรากฏที่ข้างหลังของซือหยู แสงสีทองจากไผ่เงินกล้วยไม้สวรรค์เปล่งออกมา แต่ไม้สีน้ำเงินนั้นราวกับรู้ทิศทางและลอยมาก่อนล่วงหน้า มันสะท้อนไผ่เงินกล้วยไม้สวรรค์กลับไปได้ จากนั้นไผ่เงินกล้วยไม้สวรรค์ก็ย้ายตัวไปเรื่อยๆขณะที่ไม้สีน้ำเงินเองก็ทำนายทิศทางได้อย่างถูกต้อง

 

แสงสีน้ำเงินและทองเปล่งประกายรอบตัวซือหยูไม่หยุด ไม่ว่ามุมของไผ่เงินกล้วยไม้สวรรค์จะแนบเนียนเจ้าเล่ห์เพียงใด ไม้สีน้ำเงินก็ทำนายทิศทางและปกป้องซือหยูได้ล่วงหน้าทุกครั้ง

 

เพราะสิ่งนี้มีฎีกาสวรรค์ของเทียนจี่จื้อ การทำนายทิศทางของมันไม่เคยพลาด

 

“ข้าแยกจากเจ้ามาไม่กี่วัน แต่เจ้ากลับได้สมบัติวิเศษมาใหม่อีกแล้ว! แต่ข้าไม่เชื่อหรอกว่าข้าจะทำอะไรเจ้าไม่ได้”

 

ลู่จือยี่โมโหยิ่งขึ้นเมื่อจู่โจมซือหยูหลายครั้งแต่ไม่เป็นผลสำเร็จ

 

แต่ก่อนที่นางจะมีโอกาสจู่โจมซือหยูอีกครั้ง ซือหยูได้พูดขึ้นมา

 

“พอได้แล้ว จบเรื่องนี้เถอะ”

 

เขาพูดและเรียกเหล่าลูกแก้วลำดับห้าธาตุออกมา มันกระจายไปทั่วและขังลู่จือยี่ไว้ภายใน

 

“ลำดับนี่อีกแล้วเรอะ! ข้าไม่ปล่อยให้เจ้าขังข้าหรอก”

 

ลู่จือยี่ถอนหายใจแรง นางสะบัดฝ่ามือพร้อมกับแสงสีทองที่ส่องออกมา ม่านแสงของลำดับห้าธาตุฉีกออก

 

ซือหยูไม่แปลกใจกับผลที่ได้ เพราะด้วยแก้วพลังชีวิตหนึ่งดวงของเขา เขามิอาจจะใช้พลังสูงสุดของลำดับห้าธาตุได้ แต่ถ้าต่อให้เขาใช้พลังมันได้เต็มที่ มันก็ยังยากอยู่ดีที่จะขังคนที่แข็งแกร่งอย่างลู่จือยี่

 

ด้ายสีดำที่บางและยาวพุ่งออกมาจากแขนเสื้อของซือหยู มันปล่อยแสงอันลึกลับบางๆออกมา เส้นไหมเหล่านั้นเข้าไปรัดตัวลู่จือยี่ที่ยังอยู่ในลำดับห้าธาตุ

 

“เปิดทางให้ข้า!”

 

ใบไม้ทองคำมากมายบินออกมาจากอกของนาง มันคือใบของไผ่เงินกล้วยไม้สวรรค์ที่มีพลังมิติ มันคมและแข็งแรงมากและตัดผ่านได้ทุกสิ่ง!

 

ฉั่วะ!

 

ใบไผ่ม้วนอยู่ในอากาศ มันสร้างมิติที่ฉีกขาดมากมายและหมุนไปมาอีกครั้งก่อนจะพุ่งเป็นสายแสงสีทองไปทางเส้นไหมสีดำ

 

ปั้ง!

 

แต่น่าตกใจยิ่งนัก แม้จะมีใบไผ่เงินกล้วยไม้สวรรค์มากมาย เส้นไหมสีดำก็ไม่ขาด มันยังสะท้อนใบไม้ทองคำกลับไปเพราะความเหนียวที่มีอีกด้วย

 

“เป็นไปไม่ได้”

 

ลู่จือยี่ค่อนข้างตกใจ

 

ใบไผ่เงินกล้วยไม้สวรรค์นั้นคมมาก มันสร้างรอยขีดข่วนได้แม้แต่กับสมบัติวิญญาณระดับสูง ไม่ต้องพูดถึงสมบัติวิญญาณระดับกลางตรงหน้านางเลย

 

แต่น่าตกใจที่เส้นไหมสีดำกลับสะท้อนใบไผ่กลับไปได้โดยไร้ความเสียหาย นางไม่รู้เลยว่าเส้นไหมสีดำนี้คือสมบัติที่เทียนจี่จื้อทิ้งเอาไว้ และมันคือสายใยของแก่นแท้วิญญาณมังกร!

 

ถ้านางกลับไปมีฐานพลังขอบเขตจ้าวเทวะ นางก็อาจจะรับมือกับมันได้ แต่ฐานพลังของนางในตอนนี้ยังอยู่ในขอบเขตภูติ ฐานพลังระดับนี้ยังแข็งแกร่งไม่พอ

 

สายใยมังกรเข้ารัดตัวขณะที่นางตกใจ สายใยนี้บางราวกับเส้นผม มันรัดนางอย่างแน่นหนา

 

เท้าและมือของนางถูกมัดแน่น มีแค่ลำคอที่ไม่ได้ถูกรัดอะไร

 

“ปล่อยข้าออกจากไอ้ของโง่ๆนี่นะ!”

 

ลู่จือยี่เริ่มขัดขืน นางพยายามจะขัดขืนสายใยมังกร

 

แต่ยิ่งดิ้นมากเท่าใดมันก็ยิ่งรัดแน่นมากเท่านั้น นางดิ้นจนล้มหน้าคว่ำ

 

ปั้ง!

 

ลู่จือยี่เงยหน้า มีแสงสะท้อนจากน้ำตาของนาง นางจ้องมองซือหยูอย่างโศกเศร้า หัวใจของเขาสั่นเมื่อต้องเจอกับสายตาที่เต็มไปด้วยความชิงชังเช่นนั้น

 

ซือหยูเริ่มที่จะเศร้าใจ เขาติดหนี้นางมาก เขาอยากจะทำดีกับนาง ดูเหมือนว่าตอนแรกลู่จือยี่จะให้อภัยเขาแล้ว แต่ตอนนี้ทุกอย่างได้กลับตาลปัตรไปหมด…

 

เขาเรียกลำดับห้าธาตุกลับมาและมองลู่จือยี่ที่ถูกมัด

 

“ก็ได้ ข้าเอาความบริสุทธิ์ไปจากเจ้า หลังจากที่ข้าจัดการเรื่องของข้าเสร็จแล้ว ข้าจะชดเชยให้กับเจ้า”

 

ซือหยูปลดสายใยมังกรเพื่อปล่อยนาง

 

ลู่จือยี่ตกใจ นางไม่คิดว่าซือหยูจะพูดเช่นนี้กับนาง นางเริ่มใจเย็นลงและได้สติแต่ก็ยังคงหงุดหงิด

 

นางมองหน้าซือหยูขณะที่รอให้ซือหยูแก้มัดให้นาง ใบหน้าอันสง่างามตอนนี้ดูไม่คุ้นเคยสำหรับนาง หลังจากที่ผ่านความขัดแย้งกันมา ทั้งคู่เริ่มที่จะหมางเมินต่อกัน

 

ความทรงจำที่ได้อยู่ในอ้อมกอดของกันและกันในกระท่อมหลังเล็กในโลกหิมะดูเหมือนจะจางหายไปจากนาง นางที่รู้ตัวรู้สึกเจ็บปวดจากส่วนลึกของหัวใจ

 

“เดี๋ยวก่อน!”

 

นางดูค่อนข้างกังวล นางลังเลอยู่นานก่อนจะพบว่าตัวเองมิอาจลืมเรื่องนั้น นางจึงรวบรวมความกล้าและเริ่มเอ่ยปาก

 

“ขะ..จริงๆแล้วข้า…”

 

ซือหยูหยุดมือ เขาเงยหน้ามองลู่จือยี่และรอให้นางพูดจบ เมื่อนางเห็นแววตาเวทนาจากซือหยูนางก็เงียบและเศร้าสร้อย

 

นางเลิกคิดที่จะอธิบายและลงท้ายด้วยการถอนหายใจ

 

“อย่าโกรธข้าเลย เจ้าเดินไปตามทางของเจ้าเถอะ ข้าก็จะเดินในทางของข้าเช่นกัน หลังจากนั้น…เรา…”

 

นางอยากจะบอกว่าเราจะเดินไปในโลกที่ต่างกันออกไป และจะไม่มีทางได้พบเจอกันอีก แต่นางก็รู้สึกว่าคำพูดเช่นนั้นหนักหนาเกินไป นางมิอาจพูดมาได้ในท้ายสุด

 

ฟึ่บ!

 

ในตอนนั้น วายุทมิฬพุ่งมายังใต้เท้าของทั้งสอง จากนั้นมันก็ผลักซือหยูออกไป วายุทมิฬนั้นมีพิษร้ายแรงจนน่ากลัว แม้แต่พื้นก็ละลายไปจนเป็นควันดำ ถ้ามันได้เจอกับร่างมนุษย์ คนผู้นั้นจะต้องตายโดยไม่เหลือกระทั่งวิญญาณ!

 

มันพุ่งเข้ามาเร็วเกินไป ทั้งซือหยูและลู่จือยี่มิอาจตั้งตัวทัน ไม่มีทางที่เขาจะหลบได้แน่! ซือหยูไม่มาเวลาที่จะเรียกสมบัติวิเศษออกมาด้วยซ้ำ!

 

เขาเริ่มใจเต้นแรงเมื่อความตายเข้าใกล้ตัว เขาประมาทจนลืมเรื่องฉีเทียนโจวไปจนสิ้น!

 

และตอนนี้เขากำลังพบกับสิ่งที่จะทำให้ตัวตาย เขาไม่ได้เตรียมตัวรับมือกับการลอบโจมตีมาก่อน เขาใจหาย มีความคิดเดียวที่แล่นเข้ามา…

 

ข้าจะตายที่นี่จริงๆรึ?

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด