The Divine Nine Dragon Cauldron 442

Now you are reading The Divine Nine Dragon Cauldron Chapter 442 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

สิ่งที่ได้ยินมีเพียงแต่เสียงอัสนีคำรามสะเทือนไปทั้งเกาะ ซือหยูจมลึกลงไปถึงน้ำทะเล ในพริบตาทั้งเกาะปะการังก็ถูกทำลายสิ้น

 

สายฟ้าที่แล่นลงวารีสังหารเหล่ามัจฉาในระยะร้อยลี้จนหมดสิ้น เหล่าซากศพสรรพสัตว์ปกคลุมผิวทะเล

 

ส่วนซือหยูที่จมน้ำนั้นถูกสายฟ้าซัดใส่อย่างต่อเนื่อง ร่างของเขาแทบจะระเบิดเป็นชิ้นๆ

 

ในยามวิกฤติ แก้วพลังในชุดเกราะทมิฬปล่อยคลื่นพลังชีวิตออกมา เกราะนั้นสร้างม่านทมิฬเพื่อป้องกันตัว แม้ว่าสายฟ้าจะแข็งแกร่ง มันก็ไม่ถึงตัวซือหยู มันหายไปกับม่านทมิฬ

 

แต่ก็ยังมีส่วนหัวใจที่ถูกเปิดออกเพราะชุดเกราะนี้เสียหายมาก่อน! สายฟ้าได้เข้าโอบล้อมบริเวณนั้นแต่ก็โชคดีที่มีเพียงหนึ่งในสิบส่วนที่เข้าซัดใส่ซือหยู

 

อั่ก—

 

ซือหยูกระอักเลือดออกมาจำนวนมาก ผิวของเขาบวมแดง เขาแทบจะหมดสติไป เหล่าแก้วพลังที่ก่อตัวในจุดกำเนิดพลังสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง มันเกือบจะแตกร้าว!

 

ซือหยูไม่พอใจเกินจะอธิบาย การทะลวงเป็นผู้คุมสวรรค์นั้นทำให้เกิดวิบัติสวรรค์! แต่เขาก็ชักสีหน้าเมื่อเห็นว่าเมฆาทมิฬบนนภามิได้กระจัดกระจายไปไหน มันกลับปล่อยสายฟ้าพุ่งลงมาอีกสองสาย! สีหน้าของเขาหม่นหมอง สายฟ้าสายแรกทำให้การทะลวงพลังของเขาล้มเหลว ส่วนสายฟ้าอีกสองสายนี้อาจจะทำให้เขาตายก็ได้ ไม่ต้องพูดถึงการทะลวงพลังเลย!

 

ซือหยูกัดฟันใช้ความคิด เขาใช้สมบัติที่คล้ายเส้นผมที่ได้มาจากฉีหมิง ข้างในนั้นมีสมบัติเทพระดับกลางอยู่ ซือหยูโยนออกไป

 

ครืน—

 

ตู้ม—

 

สมบัติเทพทั้งสองถูกทำลายในทันที! แต่เพราะอย่างนี้ สายฟ้าจึงหายไป

 

แต่ซือหยูก็ไม่มีเวลาให้คลายใจ เหล่าเมฆาเริ่มก่อตัวอีกครั้งและปล่อยสายฟ้าสามสายลงมาพร้อมกัน! สายฟ้าสามสาย! มันพยายามจะคร่าชีวิตซือหยู!

 

ตู้ม—

 

สมบัติเทพอีกสองชิ้นถูกทำลาย ทั้งหมดเหลือแต่เพียงสายฟ้าหนึ่งสายที่ไร้สิ่งกีดขวาง มันตรงเข้าหาซือหยู!

 

ในยามวิกฤติ ซือหยูอดทนต่อความเจ็บปวดและนำสมบัติเทพของชิงจู้เหิงออกมา สมบัติเทพชิ้นนี้คือท่อนไม้ที่นางไร้เรียกวิญญาณของเหล่าสัตว์ป่า! เมื่อปะทะกันก็ทำให้วิญญาณสัตว์ป่าออกมาปะทะกับสายฟ้า วิญญาณกับสายฟ้าเข้าปะทะกัน วิญญาณนั้นถูกทำลายไป ส่วนสมบัติเทพได้หักครึ่ง มันถูกทำลายไปแล้ว!

 

ซือหยูบังคับให้แก้ววิญญาณในจุดกำเนิดพลังรวมตัวกัน แต่เหล่าเมฆาทมิฬก็รวมตัวกันอีก! และครั้งนี้ยังมีสายฟ้าอำพันที่มีพลังเหนือกว่าเดิมมหาศาล มันมีพลังทำลายล้างอันน่าขนลุก!

 

จิตสังหารของซือหยูทะลวงผ่านเหล่าปะการัง เขาเห็นพลังที่คุ้นเคยในสายฟ้า…สวรรค์พิโรธ!

 

สวรรค์นั้นหยุดเขาจากการก้าวเข้าสู่ระดับผู้คุมสวรรค์! ดูเหมือนว่าเนตรสวรรค์ที่เป็นฎีกาสวรรค์พิสุทธิ์ที่ซือหยูบ่มเพาะในอดีตนั้นจะทำให้เหล่าผู้ปกครองจากอีกโลกโกรธแค้น และซือหยูกำลังต้องพบเจอกับสิ่งกีดขวางอันยิ่งใหญ่ในที่สุด

 

เจตจำนงแห่งกบฏพวยพุ่งในจิตใจ เขากัดฟัน ต้นกำเนิดเพลิงและน้ำแข็งในตัวกำลังเอ่อล้นออกมาพร้อมกัน

 

ตู้ม—

 

มังกรอัสนีคำรามพุ่งเข้าใส่ซือหยูที่อยู่ใต้วารี ต้นกำเนิดเพลิงและน้ำแข็งได้กลายเป็นเสาแสงพุ่งขึ้นฟ้าปะทะกับมังกรอัสนี

 

การปะทะกันนั้นเงียบกริบ มังกรสายฟ้าลดขนาดลงแต่พลังของต้นกำเนิดของทั้งสองก็ถูกมังกรอัสนีที่มีพลังสวรรค์พิโรธกลืนกิน! เจตจำนงสวรรค์นั้นตั้งมั่นจะหยุดซือหยูไม่ให้แข็งแกร่งไปมากกว่านี้

 

ราวกับสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง แก้วพลังชีวิตจากชุดเกราะปล่อยพลังชีวิตออกมาเป็นจำนวนมากอย่างรวดเร็ว! เกราะแสงหนาเตอะปกคลุมกายซือหยู

 

ตู้ม—

 

ซือหยูปะทะอย่างแรงกับมังกรอัสนี ร่างของเขาราวกับกระสุนปืนใหญ่ที่ถูกยิงไปยังส่วนลึกของก้นสมุทร รสชาติโลหะคละคลุ้งในลำคอ อวัยวะภายในของเขาราวกับจะหลุดออกไป

 

กระดูกหลายซี่เริ่มแสดงอาการร้าว และแก้ววิญญาณในจุดกำเนิดพลังก็เกือบจะแตกจากแรงสั่นสะเทือน ซือหยูรีบปกป้องจุดกำเนิดพลังและรวบรวมเหล่าแก้ววิญญาณที่กระจัดกระจายอีกครั้ง แต่ในตอนนั้นก็มีรูบนม่านพลังที่ป้องกันตัวเขา! สายฟ้าที่ยังอยู่ไหลเข้าสู่ทางที่เปิด

 

ตู้ม ตู้ม—-

 

แรงระเบิดปะทุออกจากชุดเกราะ ทั้งเนื้อทั้งตัวของซือหยูเต็มไปด้วยโลหิตที่ถูกเผาไหม้ แต่ร่างของเขาก็เริ่มเปื่อยหลังจากที่ถูกซัดอีกครั้ง บาดแผลลึกมากพอจนเห็นกระดูก

 

นี่เป็นเพียงแค่บาดแผลภายนอก แต่สายฟ้าจากวิบัติสวรรค์ไม่ได้หยุดเพียงเท่านั้น มันยังเข้าสู่ร่างกายของซือหยูและแล่นทำลายล้างทุกสิ่งที่ผ่านต่อไป! เสียงระเบิดดังจากภายในร่าง เลือดเนื้อฉีกออกมาในทุกเสียงระเบิด

 

ในพริบตา ซือหยูก็มาอยู่ที่หุบเหวแห่งความตาย! สติของเขาหลุดลอย ดวงวิญญาณสั่นคลอนอย่างบ้าคลั่ง

 

ในตอนนั้นเอง หม้อเก้ามังกรเริ่มสั่น มันปล่อยของเหลวสีแดงมาสิบหยด มังกรขาวที่ถูกชำระล้างไปหนึ่งในสามได้ถูกชำระล้างอีกหนึ่งในสาม!

 

ส่านหยดสีแดงที่เหลือนั้นได้เข้าสู่สายโลหิตของซือหยู สายฟ้านั้นเชื่องลงราวกับแมวที่ได้เจอหนู ไม่ว่าจะผ่านไปที่ใด สายฟ้าเกรี้ยวกราดก็สงบลง วิบัติสวรรค์เริ่มไร้ผลกับเขา ราวกับว่าหยดสีแดงจากหม้อเก้ามังกรนี้คือผู้ปกครองทรงอำนาจ

 

ในพริบตาของหยดสีแดงก็ได้ซึมผ่านทุกส่วนของร่างกายซือหยู ร่างกายที่ถูกทำลายเริ่มฟื้นฟูด้วยความเร็วที่เห็นได้ด้วยตา ผิวของเขาฟื้นฟูกลับมาในทันที ราวกับว่าเขาไม่ได้บาดเจ็บที่ใดเลย

 

สุดท้าย หยดสีแดงก็ดูเหมือนจะสัมผัสอะไรขึ้นมาได้ มันไหลเข้าสู่จุดกำเนิดพลังของซือหยู เหล่าแก้ววิญญาณที่แตกสลายเริ่มรวมตัวกันอีกครั้ง

 

ต่อมาเหล่าเศษแก้ววิญญาณก็ได้ก่อร่างเป็นแก้วขนาดเท่าหัวแม่มือในจุดกำเนิดพลัง แก้ววิญญาณนี้คือสัญลักษณ์แห่งผู้คุมสวรรค์!

 

ความรู้สึกเบาสบายโอบล้อมกาย พลังวิญญาณอันแข็งแกร่งเอ่อล้นออกมาจากจุดกำเนิดพลัง ร่างกายของซือหยูมีพลังอันเหนือจินตนาการ! เขารู้สึกว่าเขาเผชิญหน้ากับราชามนุษย์ได้…โดยไม่ต้องอาศัยพลังกายด้วยซ้ำ

 

เขามองความแหลกสลายของสิ่งรอบข้างด้วยความชิงชัง! ถ้าไม่ใช่เพราะเขามีสมบัติเทพหลายชิ้นและชุดเกราะที่ได้มา…และการช่วยเหลือจากหม้อเก้ามังกรในช่วงสุดท้าย…เขาก็คงจะตายไปแล้ว!

 

ความเกลียดแค้นเอ่อล้นออกมาจากอก ซือหยูบินแหวกผิววารีสู่นภา

 

เหล่าเมฆาทมิฬรวมตัวกันอีกครั้ง! อัสนีมรกตที่น่ากลัวยิ่งกว่าอัสนีอำพันกำลังรวมตัวกัน!

 

“หายไปซะ!”

 

ซือหยูตะโกน

 

เขามองท้องนภาอย่างเด็ดเดี่ยวส เขาอ้าปากหายใจเอาพลังวิญญาณเข้าไป อักษร “ปิง” ก่อตัวขึ้น!

 

คลื่นเสียงทำลายล้างพุ่งเข้าใส่เมฆาทมิฬ เมฆาที่รวมตัวกันสั่นสะเทือนด้วยคลื่นเสียงทรงพลังและถูกทำลายไปพร้อมกับอัสนีที่กำลังก่อตัว!

 

ที่ระยะห่างไกล ที่เกาะก้นบึ้งมังกรเก้านรก ชายหนุ่มสองคนจ้องมองสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างตกตะลึง

 

“วิบัติสวรรค์ระเบิดไปแล้ว!”

 

แต่ในตอนนั้น เหล่าเมฆาทมิฬได้รวมตัวอีกครั้ง

 

แววตาซือหยูเยือกเย็น เขาเรียกธนูออกมา เขาชำระมันไปแปดส่วนและเกือบจะใช้พลังสูงสุดได้! เขาง้างศรวิญญาณเล็งขึ้นไป

 

ซือหยูปล่อยมือ ศรมรกตที่สร้างจากสายฟ้าทะลวงผ่านเมฆาทมิฬและวิบัติสวรรค์ก็หายไปอีกครั้ง

 

แต่วิบัติสวรรค์ยังคงคิดจะทำลายซือหยู เหล่าเมฆารวมตัวกันอย่างรวดเร็วหลังจากที่สลายไป แต่ศรวิญญาณอีกดอกก็ทะลวงเหล่าเมฆาอีกครั้ง!

 

ดูเหมือนว่าจะมีเสียงคำรามอันโกรธแค้นมาจากโลกใบอื่น เหล่าเมฆารวมตัวกันอย่างรวดเร็วกว่าที่เคย! ซือหยูไม่ลังเล เขายิงธนูออกไปอีกครั้ง ใบหน้าฉาบด้วยจิตสังหาร

 

“ข้าจะทำลายเมฆาวิบัตินั่นให้หมด!”

 

เขาประกาศก้อง

 

“อยากจะรู้นักว่าเจ้าจะทำอะไรได้!”

 

เหล่าเมฆาก่อตัวกันอย่างต่อเนื่อง แต่ในแต่ละครั้งก็ถูกซือหยูทำลายไป มันเกิดขึ้นอีกเก้าครั้งก่อนที่สายฟ้าจะไม่รวมตัวกันอีก แต่ท้องนภาก็ส่งจิตสังหารทะลวงผ่านมาถึงซือหยู จิตสังหารนั่นดูเหมือนจะมาจากทั้งโลก มันมีพลังของสวรรค์

 

ซือหยูไม่เกรงกลัว เขามองต้นกำเนิดจิตสังหารและหัวเราะอย่างเยือกเย็น

 

“มองอะไรของเจ้า? ไม่ว่าเจ้าจะเป็นใคร ข้าจะทำลายเจ้าให้สิ้นซากในวันที่ข้าได้ก้าวย่างไปยังสวรรค์!”

 

ซือหยูมองทะลุผ่านสิ่งที่เรียกว่า “สวรรค์” หลังจากที่เขาได้พบกับวิบัติสวรรค์และเนตรสวรรค์เขาก็รู้แล้วว่าไม่มีสวรรค์อยู่จริง มีแค่เพียงตัวตนจากสวรรค์…เผ่าพันธุ์ที่ปกครองเผ่าพันธุ์มนุษย์ พวกนั้นเรียกตัวเองว่าสวรรค์และข่มการทะลวงพลังของเหล่าผู้คนเอาไว้ ปฏิบัติต่อคนในทวีปเฉินหลงราวกับสัตว์เลี้ยงที่เพาะพันธุ์ หากมนุษย์คนไหนไม่ยอมจำนน คนเหล่านั้นก็จะใช้พลังเข้าทำลาย

 

ซือหยูจะต้องกลัวสวรรค์เช่นนี้รึ?

 

จิตสังหารอันเข้มข้นถูกส่งลงมาราวกับเป็นคำตอบการท้าทายจากซือหยู

 

ซือหยูหัวเราะอย่างเยือกเย็น

 

“เจ้าจะทำอะไรได้นอกจากจ้องมองข้า? เจ้าพวกเศษขยะเอ้ย!”

 

หากคนเหล่านั้นฆ่าซือหยูได้ก็คงจะทำไปนานแล้ว ทำไมจะต้องรอมาจนถึงตอนนี้เล่า?

 

ซือหยูไม่สนใจจิตสังหารนั้นและมองไปอีกทาง เขาหาที่เงียบๆเพื่อปรับฐานพลัง เขาอยากจะให้ร่างกายฟื้นฟูเต็มที่ก่อนจะเดินทางไปยังเกาะก้นบึ้งมังกรเก้านรก

 

ฟึ่บ–

 

ซือหยูนั้นยังไม่าาไปถึงก้นบึ้งมังกรก็มีแสงหนึ่งพุ่งเข้ามา เขาคือกังต้าเหล่ย ชายคนนี้ค่อนข้างตรงไปตรงมาและช่วยเหลือซือหยูมาตลอด

 

กังต้าเหล่ยหัวเราะ เขาตบบ่าของซือหยู

 

“อย่างที่คิดเลย เจ้าได้เป็นผู้คุมสวรรค์แล้ว…”

 

ซือหยูหัวเราะเบาๆ

 

“ทั้งหมดก็เพราะความช่วยเหลือจากท่านที่ทำให้ข้าหาผลก้นบึ้งมังกรได้มากพอ”

 

กังต้าเหล่ยหัวเราะ

 

“ไม่ต้องถ่อมตัวไปหรอก พลังของการทะลวงพลังเมื่อไม่กี่วันก่อนของเจ้านั้นยอดเยี่ยมนัก ข้าตกใจจริงๆ”

 

ซือหยูตกใจ

 

“ไม่กี่วันก่อนรึ? ข้าทะลวงพลังเมื่อครึ่งเดือนที่แล้ว…มีคนอื่นอีกรึที่ทะลวงพลังเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา?”

 

ซือหยูเห็นถึงความเฉลียวฉลาดในแววตาที่ไม่เหมือนกับกังต้าเหล่ยคนก่อนที่เขารู้จัก บอกได้เลยว่ากังต้าเหล่ยไม่ใช่คนทื่อๆอย่างที่เขาเคยคิด

 

กังต้าเหล่ยรู้สึกประหลาด แต่สีหน้าก็แสดงความตกใจ

 

“ไม่ใช่เจ้าหรอกรึ?”

 

“บังเอิญนัก ข้าคิดว่าเป็นเจ้า!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด