The Divine Nine Dragon Cauldron 471

Now you are reading The Divine Nine Dragon Cauldron Chapter 471 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

มุกทั้งห้าห่างกันสามสิบศอก มันวางกันเป็นลำดับวงกลม ด้วยคำสั่งของหยางยี่เต๋า ทั้งห้าใส่พลังวิญญาณเข้าไปพร้อมกัน

 

มุกทั้งห้าปล่อยแสงอันตระการตาและปกคลุมลำดับวงกลม ซือหยูกับคนอื่นถูกปกป้องจากลำแสงนี้

 

ฟึ่บ–

 

มุกทั้งห้าสีรักษาลำดับวงกลมเอาไว้และพุ่งไปยังเขาสายฟ้าด้วยการควบคุมจากหยางยี่เต๋า

 

ณ สถานที่อีกแห่ง

 

หลงหวูชิงกับฉินเซี่ยนเอ๋อที่ไม่พบใครมาสิบวันนั้นกำลังหนีตายอย่างโกรธแค้น ทั้งร่างตกอยู่ในสภาพย่ำแย่ แสงพลังวิญญาณบนผิวกายเริ่มหม่นหมองลงไป พลังของทั้งคู่ดูอ่อนแอลงมาก

 

“พี่หวูชิง เจ้าพวกนั้นไม่บ้าไปแล้วรึ? ทำไมจะต้องตามเราไม่หยุดไม่ปล่อยเราไปไหนอย่างนี้? เราหนีจากซากราชาภูติมาได้ แล้วก็ได้สมบัติกับทรัพยากรมา แล้วเราก็กำลังจะหาที่พักฟื้นพลัง แต่พวกคนไม่ดีนั่นก็มาไล่ล่าเรา”

 

ฉินเซี่ยนเอ๋อจิตใจเศร้าหมอง

 

หลงหวูชิงสีหน้าเคร่งเครียด

 

“ไล่ตามพวกเราหนึ่งครั้งก็เป็นเรื่องธรรมดา แต่มันไล่ตามเรากระชั้นชิดเช่นนี้และไม่คิดจะปล่อยพวกเราได้สองครั้งสองครา บางทีเราอาจจะต้องตาพวกมัน ข้าไม่รู้ว่าพวกมันสนใจเราที่ส่วนไหน”

 

ฉินเซี่ยนเอ๋อย่นจมูก นางกำหมัดอย่างโกรธเกรี้ยว

 

“ฮื่ม หลังจากที่ข้าชำระสมบัติของราชาภูติเสร็จแล้ว ข้าจะสั่งสอนมันเอง!”

 

หลงหวูชิงถอนหายใจ

 

“ค่อยพูดตอนที่หนีพ้นเถอะ”

 

ณ สถานที่อีกแห่ง

 

คนจากสี่ตระกูลปรากฏตัวในป่าศิลา ในพื้นที่ของป่าศิลา เส้นทางทั้งหมดเต็มไปด้วยโลหิตและร่างไร้วิญญาณทั้งหมดสิบร่าง

 

พื้นที่กลางป่าศิลามีคนเกินร้อยคนที่ล้อมรอบเวทย์สีขาวดำ พวกเขากำลังเผชิญหน้ากับมันอย่างสับสนวุ่นวาย

 

ในสี่ตระกูล สาวสวยนั้นแสดงความเหยียดหยามและครุ่นคิด

 

“พวกเจ้าทุกคนอยากจะไปชั้นแปดงั้นเรอะ? หึหึ คงไม่เป็นไรถ้ามีกึ่งเทพชั้นแนวหน้า ส่วนกึ่งเทพธรรมดาๆกับกลุ่มราชามนุษย์อย่างพวกเจ้ามันก็แค่คนโลภไม่รู้จักพอ พวกเจ้ามาที่นี่ก็เพื่อขุดหลุมฝังตัวเองเท่านั้น!”

 

“ท่าน เราจะทำอย่างไรกันดี?”

 

ฉีเจี้ยแสดงความนับถืออย่างมาก

 

จางตี๋เก้อยิ้มเยาะ

 

“ให้พวกมันฆ๋ากันเองก่อน พอคนตายมากพอ เราจะเข้าไป! ถึงพวกมันจะเป็นขยะน่ารังเกียจแต่ก็มมีกันหลายคน ข้ายังอยู่ในสภาพอ่อนแอ ไม่ดีแน่ถ้าจะไปเผชิญหน้าตรงๆ”

 

“แล้วใจเวลาเดียวกันเราก็จะได้สมบัติภูติจากเขาภูติร่ำไห้ มันจะช่วยรักษาบาดแผลของข้า ข้าจะกลับไปมีพลังขอบเขตภูติอีกครั้ง!”

 

จางตี๋เก้อเต็มไปด้วยความชิงชัง

 

“ฮื่ม! ข้าจะจำความเอื้อเฟื้อของไอ้แก่บัดซบนั่นเอาไว้ แล้วก็ยังมีราชาปีศาจหิมะทมิฬ มันจะต้องแหลกเป็นชิ้นๆ ถ้าเจอข้าเมื่อไหร่ ข้าจะมอบบทเรียนครั้งใหญ่กับมันเอง!”

 

ที่ยอดเขาห่างออกไปแสนศอก ชายชุดม่วงยืนอยู่ท่ามกลางสายลม เขาคือไป่ฉี ราชาปีศาจที่รีบมาที่นี่!

 

“นายท่าน ไปที่นั่นก่อนที่พวกนั้นจะฆ่ากันเองจนเสร็จเถอะ มีคนอยู่เยอะเกินไป ถ้าพวกนั้นรับรู้ตัวตนข้า พวกนั้นอาจจะตั้งหน้าตั้งตาจัดการข้าแล้วนายท่านก็จะถูกเผยตัว”

 

ชายในภาพเขียนเข้าใจตาามที่ไป่ฉีบอก ความเจ้าเล่ห์ฉาบใบหน้าไป่ฉี เขาพูดเบาๆ

 

“แล้วข้าก็ไม่รู้ว่าไอ้เด็กนั่นจะไปถึงชั้นแปดของกระโจมเทพได้หรือไม่”

 

ที่เขาจักรพรรดิสายฟ้า

 

ลำแสงห้าสีค่อยๆไปยังเขาจักรพรรดิสายฟ้า เมื่ออยู่ภายในระยะห้าร้อยศอก สายฟ้าก็พุ่งซัดมาจากเขาจักรพรรดิสายฟ้าทันที! พลังของมันไม่อ่อนด้อยไปกว่าผู้คุมสวรรค์ มันซัดเข้าใส่ลำแสงทั้งห้าแต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย

 

เมื่อเข้าใกล้สามร้อยศอก วิหคสายฟ้าที่เทียบได้กับราชามนุษย์บินเข้ามาด้วยร่างที่ปกคลุมไปด้วยเพลิงอัสนีและกระแทกเข้ากับลำแสงทั้งห้าอย่างรุนแรง แต่วิหคอัสนีก็ร่วงหล่นลงไป ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดในลำแสงห้าสี

 

ที่ระยะใกล้ร้อยศอก!

 

มีเสียงคำรามทุ้มต่ำดังมาจากเขาจักรพรรดิสายฟ้า พยัคฆ์สายฟ้าสูงสามสิบศอกปรากฏกาย ปีกสายฟ้าทมิฬของมันพัดโบกไปมา

 

กึ่งเทพ และยังเป็นกึ่งเทพชั้นแนวหน้า!

 

พลังจากพยัคฆ์ตัวใหญ่นี้คล้ายกับหลงหวูชิงและยู่จาง

 

โฮก—

 

มันคำรามอย่างโกรธเกรี้ยวและกระแทกกับลำแสงห้าสี ทุกคนตกใจมากเมื่อลำแสงไม่ได้สะทกสะท้านอย่างเดิม!

 

พวกเขามองไปยังพยัคฆ์ตัวใหญ่ ร่างกายกว่าครึ่งของมันถูกทำลายและกลายเป็นสายฟ้าตามเดิม มันกลับไปสู่เขาจักรพรรดิสายฟ้า!

 

สุดท้ายทั้งห้าคนก็เข้าไปยังเขาจักรพรรดิสายฟ้าโดยไม่มีการโจมตีใดอีก เมื่อพวกเขายอดหายใจอย่างโล่งอก หยางยี่เต๋านั้นยังคงระวังตัว

 

“เราโชคดี วิญญาณสายฟ้าของเขาจักรพรรดิสายฟ้าดูเหมือนจะยังหลับลึกอยู่”

 

วิญญาณสายฟ้ารึ? ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ามันต้องเป็นสิ่งที่อันตรายมากอย่างแน่นอน

 

จากน้ำเสียงของหยางยี่เต๋าบอกได้เลยว่าเขาหวาดกลัววิญญาณสายฟ้า

 

“เอาล่ะ ลำดับห้าธาตุจะอยู่ได้ชั่วคราว ก่อนที่จะถึงตำหนักสายฟ้านั้นไม่มีอันตรายอะไร ข้าต้องเตรียมบางสิ่งก่อนจะเข้าตำหนักสายฟ้า พวกเจ้าไม่ต้องใส่พลังวิญญาณในลำดับห้าธาตุแล้ว ในตอนนี้ นอกจากตำหนักสายฟ้า เจ้าจะไปที่ใดก็ได้”

 

ทั้งสี่แยกกัน ซือหยูมองตำหนักหลวงที่ใกล้ที่สุดที่ขณะนี้เป็นซากปรักหักพัง เขาเข้าไปและพบว่าของทุกสิ่งถูกหยิบไปจนหมดแล้วตั้งแต่ครั้งโบราณ

 

บอกได้เลยว่าไม่ใช่ครั้งแรกที่คนเข้ามาที่เขาจักรพรรดิสายฟ้า ในร้อยปีที่ผ่านมานั้นบอกไม่ได้เลยว่ามีคนเข้ามาที่นี่แล้วกี่ครั้ง

 

เมื่อมองกำแพงก็พบว่าถูกลอกออกไป มองพื้นก็พบว่าถูกขุดเอาไปสามสิบนิ้ว ซือหยูหน้าแดงด้วยความอับอาย มันโดนขุดไปจนหมดสิ้น!

 

จากนั้นซือหยูก็ใช้เวลาครึ่งวันเข้าไปยังตำหนักอื่นๆ แต่ผลที่ได้ก็ค่อนข้างน่าเศร้า นอกจากสมุนไพรวิญญาณสองต้นที่มีพลังวิญญาณอยู่บ้าง เขาก็ไม่มีอะไรอีก

 

ซือหยูมองคนที่เหลือจากระยะไกล เขาพบว่าทุกคนใบหน้าซีดเช่นกัน พวกเขาอาจจะโกรธเพราะเห็นพื้นดินที่ถูกขุดไป

 

ทั่วทุกตำหนักถูกค้นหาและไม่ได้สิ่งใดเลย สุดท้าย ซือหยูมายืนอยู่ที่หน้าตำหนักที่ค่อนข้างใหญ่ หลังจากที่ไม่ได้สิ่งใด เขายอมแพ้ในการค้นหาและเตรียมจะกลับ

 

ในตอนนั้นเอง เขาพบว่าที่มุมหนึ่งของตำหนักมีสิ่งมีชีวิตประหลาดที่มองเขาอย่างเยือกเย็น ลำตัวของมันดูเหนียวนุ่ม และหัวของมันยังมีหงอนไก่สีแดงอยู่ด้วย!

 

ไม่ต้องพูดถึงความประหลาดของรูปลักษณ์เพียงอย่างเดียว ปลาตัวนี้ยังอยู่บนพื้นดิน มันไม่ต้องอยู่ในน้ำหรืออย่างไร?

 

ซือหยูอยากจะยื่นมือไปจับมัน แต่มันก็มุดดินหนีไปเสียดื้อๆ!

 

ซือหยูใช้เนตรวิญญาณมองดูและพบว่าที่พันศอกข้างล่างนั้นมีห้องลับใต้ดินอันกว้างใหญ่ มันยังอยู่ในสถานะที่ถูกปิดผนึกเอาไว้ ไม่มีใครเคยเปิดมันมาก่อน!

 

ซือหยูสีหน้าเปลี่ยนไป เขาเริ่มยินดีขึ้น! ถ้าหากมีห้องลับใต้ดิน มันก็ต้องมีของที่สำคัญมากกับเขาจักรพรรดิสายฟ้า!

 

แต่ในตอนนี้มีคนกำลังมองเขาอยู่ ซือหยูจึงไม่ตรวจสอบมันในทันที

 

ทั้งสี่รวมตัวกันอีกครั้งและมองตากัน แม้จะไม่พูดอะไรก็บอกได้เลยว่าทั้งสี่ไม่ได้อะไรติดมือมาเลย

 

“ชิ เราทำได้แค่ตั้งความหวังกับตำหนักสายฟ้า ตำหนักนั้นเป็นตำหนักของจ้าวแห่งเขาจักรพรรดิสายฟ้า มันมีการขป้องกันที่พิเศษอย่างมากและไม่เคยถูกเปิดมาก่อน ถ้าพวกเราทำสำเร็จในครั้งนี้ สิ่งที่ได้ก็จะไม่ใช่น้อยๆแน่!”

 

ใบหน้ายู่จางมีความคาดหวังเล็กน้อย

 

ในตอนนั้นเอง หยางยี่เต๋าลืมตาจากการทำสมาธิ แหวนที่นิ้วชี้ส่องแสงอ่อนๆ บุพผาม่วงปรากฏในมือของเขาราวกับมายากล

 

บุพผานั้นมีพลังชีวิตมากมายอย่างไม่น่าเชื่อ!! แม้ว่ามันจะเป็นบุพผานิรนาม มันก็ทำให้พื้นที่ในรัศมีร้อยศอกเต็มไปด้วยพลังชีวิตอย่างหนาแน่นในทันที!!

 

พลังชีวิตนั้นหนาแน่นจนเกือบจะกลั่นเป็นวารี เพียงแค่หายใจเข้าไปก็ได้รับพลังชีวิตอย่างมาก!

 

พลังชีวิตนั้นทรงพลังและไม่ใช่สิ่งที่ยอกฝีมือในขอบเขตอำมฤตธรรมดาๆจะทนได้ ซือหยูนั้นรู้สึกเจ็บปวดอย่างมากราวกับส่วนต่างๆของร่างกายจะระเบิด

 

ซือหยูตกใจ เขากลั้นหายใจและตั้งใจอย่างมากที่จะขับพลังชีวิตออกไป กังต้าเหล่ยกับฉินจิวหยางนั้นตอบสนองแบบเดียวกับซือหยู พวกเขาแสดงสีหน้าตกตะลึง

 

นั่นมันบุพผาอะไรกัน? แก้วพลังชีวิตบรเกราะราชาศิลานิรันดร์ยังไม่มีพลังชีวิตที่น่ากลัวเท่านี้

 

“กล้วยไม้กดวิญญาณ!!”

 

ยู่จางอุทานด้วยความตกใจ

 

“ศิษย์พี่ยี่เต๋า นี่เป็ฯสมบัติสำคัญที่ท่านต้องใช้ในตอนที่จะบรรลุขอบเขตภูติ จะใช้มันที่นี่จริงๆรึ?”

 

หยางยี่เต๋าแววตาเคร่งเครียด เขาพูดอย่างหนักแน่น

 

“ร้อยปีมาแล้ว ไม่มีใครเปิดตำหนักสายฟ้าได้ เหตุก็เพราะสายฟ้าเทวะห้าธาตุ ต้องใช้พลังชีวิตเท่านั้น ลำดับห้าธาตุจึงจะมีพลังสูงสุด นั่นจะทำให้เรามีหวังผ่านสายฟ้าเทวะห้าธาตุไปได้!”

 

เพราะอย่างไร ลำดับห้าธาตุก็เป็นสมบัติของลุงหยางยี่เต๋าที่ถูกชำระไปแล้ว ถ้าไม่ใส่พลังวิญญาณจำนวนมากเข้าไปก็เป็นไปไม่ได้ที่จะปลดปล่อยพลังที่แท้จริงของมันออกมา

 

ยู่จางรู้สึกเสียใจมาก นางไม่ละสายตาไปจากกล้วยไม้กดวิญญาณ

 

“กล้วยไม้กดวิญญาณเป็นของที่ศิษย์พี่ได้มาจากสำนักโดยใช้ข้อมูลเรื่องวิชาระดับภูติเข้าแลก เพื่อสิ่งนี้ ท่านยังทำให้ลุงจ้าวเทวะไม่พอใจ! ศิษย์พี่ ใช้มันเพื่อตำหนักสายฟ้ามันไม่คุ้มกันเลย!”

 

หยางยี่เต๋านั้นเสียใจเช่นกัน เขาพูดอย่างจริงจัง

 

“ถ้าเป็นไปได้ข้าก็อยากจะใช้มันเอง แต่ข้าล้มเหลวในการทะลวงพลังไปแล้วหนึ่งครั้ง ถ้าข้าจะทะลวงพลังเป็นครั้งที่สอง อาจารย์บอกว่ามีโอกาสสูงมากที่จะเกิดวิบัติสวรรค์กับข้า ข้าต้องหาสมุนไพรสายฟ้าและสร้างชุดเกราะเพื่อเลี่ยงสายฟ้าจากมัน มิเช่นนั้นข้าก็จะใช้กล้วยไม้กดวิญญาณอย่างสูญเปล่ามิใช่รึ?”

 

ซือหยูกับอีกสองคนมองหน้ากัน สถานการณ์ที่แย่ที่สุดมาถึงแล้ว หยางยี่เต๋าก็มาที่นี่เพื่อสมุนไพรสายฟ้าเช่นกัน ต่อไปจะต้องเกิดการต่อสู้ที่เลวร้ายแน่!

 

“ในโลกภายนอก สมุนไพรสายฟ้าต้นเดียวมีค่าพอๆกับกล้วยไม้กดวิญญาณ ถ้าข้าได้มันมามากกว่าสองต้น มันก็นับว่าข้าไม่เสียอะไรเลย…”

 

หยางยี่เต๋าอธิบาย

 

ยู่จางครุ่นคิดกับตัวเอง นางถอนหายใจ

 

“ข้าก็หวังอย่างนั้น”

 

หยางยี่เต๋ายืนตัวยืนขึ้น เขาเรียกลำดับห้าธาตุเมฆาแห้งเหือดออกมาอีกครั้ง

 

“พวกเจ้า ขึ้นมา”

 

ทุกคนไปยืนอยู่บนลำดับของตัวเองอีกครั้ง ลำดับห้าธาตึบินไปถึงหน้าตำหนักที่ตระการตาที่สุด ตำหนักสายฟ้า

 

ตำหนักสายฟ้านั้นแตกต่างกับตำหนักอื่นที่เป็นซากปรักหักพังโดยสิ้นเชิง! มันยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์และล้อมรอบด้วยสายฟ้าอันงดงามห้าเฉดสี!

 

ซือหยูรู้สึกราวกับยืนอยู่หน้าสัตว์ป่าตัวใหญ่ยักษ์จากยุคโบราณ ราวกับว่าตำหนักใหญ่แห่งนี้มีสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวมากอยู่ภายใน แต่เขาก็ไม่มีเวลาจะลังเลอีกแล้ว หยางยี่เต๋าถือกล้วยไม้กดวิญญาณในมือและกำลังเข้าไปหาตำหนักสายฟ้า

 

ครืน–

 

สายฟ้าดังลั่นสั่นคลอนสวรรค์ สายฟ้าอันงดงามทั้งห้าสีร้องคำราม มันกลายเป็นสัตว์ประหลาดที่ดุร้ายสิบตัวที่มีรูปลักษณ์ต่างกัน!

 

ทุกคนหวาดกลัวมากที่พลังจากสัตว์ประหลาดทุกตัวอยู่ในระดับกึ่งเทพชั้นสูง! มันร้องคำรามอย่างโกรธเกรี้ยวและพุ่งเข้ามาหาพวกเขาพร้อมกับกู่ร้อง ลำแสงนั้นห้ายังนิ่งไม่ไหวติงตามเดิม

 

ซือหยูถอนหายใจด้วยความโล่งอก สัตว์ประหลาดดุร้ายสิบตัวนี้ถูกป้องกันอย่างง่ายดายเช่นนี้เชียว?

 

แต่ต่อมา สัตว์ประหลาดทั้งสิบก็กลายเป็นสายฟ้าและรวมตัวกัน แรงกดดันวิญญาณอันน่าตกใจแผ่ออกมา!

 

พลังอันน่ากลัวที่ใกล้เคียงกับขอบเขตภูติเอ่อล้นออกมาช้าๆ! และสายฟ้านั้นยังเปลี่ยนเป็นยักษ์สูงสามสิบศอก มันมองกลุ่มซือหยูอย่างไม่แยแส จากนั้นจึงพูดภาษามนุษย์ออกมา

 

“ผู้บุกรุกพื้นที่ต้องห้ามต้องตาย”

 

มันพูดจบและขยับร่างยักษ์อย่างรวดเร็ว! พลังมหาศาลนี้จะมีอยู่ในครอบครองของคนอย่างซื่อหลิงกับหยางยี่เต๋าเท่านั้น!

 

แต่หยางยี่เต๋ายังคงใจเย็น เขาไม่ได้มองยักษ์แม้แต่น้อย เขาจ้องมองสายฟ้าห้าสีและสายฟ้ารอบๆตำหนักสายฟ้าอย่างตั้งใจ

 

ปั้ง–

 

ยักษ์เข้ากระแทกพวกเขา แสงจากแหวนเริ่มสั่น ลำดับห้าธาตุนั่นเริ่มสั่นไหวตามมา มันส่งสัญญาณว่ากำลังจะถูกทำลาย! และในตอนนั้นเอง สายฟ้าห้าสีรอบๆตำหนักสายฟ้าก็ร่ายรำอย่างไม่เป็นระเบียบ มันรวมตัวกันราวกับถูกอัญเชิญกลายเป็นยักษ์สูงสามร้อยศอก!

 

ยักษ์นั้นสวมผ้าคลุมและมงกุฏบนหัว มันมีรถม้าและนั่งอยู่หลังตำหนักใหญ่อย่างมั่นคง ดวงตาของมันมีห้าสี มันปล่อยพลังของราชาออกมา มันก้มลงมองพวกเขาอย่างเยือกเย็น

 

ปั้ง–

 

ด้วยดวงตานั้น ลำแดงห้าสีหายไป ซือหยูกับกลุ่มของเขาได้รับผลจากพลังที่ตามมา พวกเขาตื่นตระหนก

 

“จ้าวเทวะ!”

 

กังต้าเหล่ยอ้าปากค้าง เขาหน้าซีดเผือด

 

ยักษ์ที่ราวกับจักรพรรดิพูดอย่างเยือกเย็น

 

“พวกเจ้าบุกรุกมาในพื้นที่ต้องห้ามของข้า เจ้าคิดว่าจะไม่โดนลงทัณฑ์หรอกรึ?”

 

เสียงสายฟ้าคำรามดังก้องสะท้อนในจิตใจของทุกคนราวกับเป็นเสียงจากสวรรค์!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด