พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า 1152 กล้าวางแผนร้ายกับข้า

Now you are reading พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า Chapter 1152 กล้าวางแผนร้ายกับข้า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

<p>เขากำลังมองกระบี่วิเศษในมือ ไม่รู้ว่ากำลังมีความคิดบ้าๆ อะไร แต่ดูจากมุมปากที่โค้งแสยะยิ้มก็รู้แล้วว่าไม่ใช่เรื่องดี</p>
<p>เสาแสงที่มีแสงสีรุ้งวนเวียนกวาดมองทั้งบนล่างซ้ายขวาไปทั่วทุกที่ กำลังค้นหาเงาร่างของเหมียวอี้ พอไม่เห็นว่าเหมียวอี้อยู่ที่ไหน ก็เหมือนจะลุกลี้ลุกลนนิดหน่อย</p>
<p>ดวงตาประหลาดนั่นหายไปอย่างรวดเร็ว ตามด้วยเสียงที่กังวลสุดขีดของเสิ้นหมี &#8220;เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้ เจ้าเป็นใครกันแน่? เจ้ามีวรยุทธ์เท่าไรกันแน่?&#8221;</p>
<p>ใช้เวลาเพียงชั่วพริบตาเดียว เสียงที่แยกไม่ออกว่าเป็นชายหรือหญิงก็กลายเป็นเสียงแหบพร่าของชายชราแล้ว เหมือนจะแก่ลงไม่รู้ตั้งกี่ปีในชั่วพริบตาเดียว</p>
<p>แกร๊ง! เหมียวอี้ใช้นิ้วดีดกระบี่วิเศษ ดีดจนมีเสียงแกร๊งๆ พลางเดินมาตรงหน้าเสิ้นหมีช้าๆ อย่างผ่อนคลายไร้กังวล เขาเหลือบมองเสิ้นหมีนิดหน่อย เพราะรู้สึกแปลกใจอยู่บ้าง เขาพบว่าเสิ้นหมีไม่ใช่แค่เสียงเปลี่ยนเป็นแก่ลง แม้แต่กายเนื้อที่อยู่ในเปลือกหอยก็เปลี่ยนเป็นอับแสงลงด้วยเหมือนกัน โดยเฉพาะลูกตาสีฟ้านั่น มันเปลี่ยนเป็นสีฟ้าอ่อนแล้ว ไม่มีประกายราศีเหมือนก่อนหน้านี้ อาการเหมือนเลือดลมเสียหายอย่างหนัก</p>
<p>เหมียวอี้กลอกลูกตา นับว่ามองออกแล้ว พลังอิทธิฤทธิ์ของปีศาจเฒ่าถูกผนึกอยู่ เมื่อครู่นี้เหมือนจะพยายามดันทุรังสำแดงพลังจนสิ้นเปลืองเลือดลมของตัวเอง มิน่าล่ะเมื่อครู่ถึงไม่รู้สึกถึงคลื่นพลังอิทธิฤทธิ์เลยสักนิด ขโมยไก่ไม่ได้ เสียข้าวสารอีกกำมือชัดๆ!</p>
<p>&#8220;ปีศาจเฒ่า นักโทษที่โดนขังอย่างเจ้าน่ะ ยังกล้าวางแผนร้ายกับข้าอีกแหรอ ข้าว่าเจ้าคงเบื่อหน่ายที่จะมีชีวิตอยู่แล้วล่ะ!&#8221; เหมียวอี้โบกกระบี่วิเศษในมือพลางแสยะยิ้มไม่หยุด เดินเข้ามาพร้อมกับสีหน้าแฝงเจตนาร้าย ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเหมียวอี้อยากจะแทงอีกฝ่ายหลายๆ กระบี่</p>
<p>&#8220;เจ้าอย่าทำซี้ซั้วนะ!&#8221; เสิ้นหมีกล่าวด้วยน้ำเสียงหวาดกลัว</p>
<p>&#8220;ทำซี้ซั้วไม่ได้หรอก!&#8221; เหมียวอี้พลันพยักหน้าพลางหยุดฝีเท้า เพราะถูกเตือนด้วยกระแสไฟฟ้าที่ไหลเวียนไม่หยุดอยู่บนตัวอีกฝ่าย ถ้าวิ่งเข้าไปแทงสักสองกระบี่จริงๆ เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าไฟฟ้าบนตัวอีกฝ่ายแรงหรือเบา ถ้าโดนกระแสไฟฟ้าโจมตีขึ้นมาจริงๆ ดีไม่ดีเขาอาจจะโดนอีกฝ่ายควบคุมเสียเอง เกือบจะตกหลุมพรางปีศาจเฒ่าตนนี้แล้ว เขาจึงหยิบหินผลึกไขมันเพลิงออกมาก้อนหนึ่ง แล้วกล่าวพลางแสยะยิ้ม &#8220;ข้าไม่มีบุญคุณความแค้นอะไรกับเจ้า เป็นเจ้าที่วางกับดักข้าก่อน อย่ามาหาว่าข้าไร้คุณธรรมทีหลังแล้วกัน!&#8221;</p>
<p>ตอนนี้เสิ้นหมีหวาดกลัวแล้วจริงๆ ร้องบอกว่า &#8220;น้องชาย มีอะไรก็คุยกันดีๆ เถอะ เมื่อครู่เข้าใจผิดไป เข้าใจผิดจริงๆ เรามาคุยกันดีๆ อีกทีเถอะ อย่าทำอะไรวู่วาม&#8221;</p>
<p>&#8220;เจ้าคิดจะเล่นงานข้าให้ถึงตาย ยังมาบอกไม่ให้ข้าวู่วามอีกเหรอ? ใครกันแน่ที่วู่วาม? วันนี้ข้าจะให้เจ้าชดใช้ในความวู่วามของตัวเอง&#8221; เหมียวอี้แสยะยิ้ม พอพลิกหินผลึกไขมันที่คีบอยู่ตรงปลายนิ้ว พรึ่บ! เปลวเพลิงเดือดก็ลุกโชนทันที เขาสะบัดมือโยนเพลิงเดือดกลุ่มหนึ่งเข้าไปในเปลือกหอย เปลวเพลิงเดือดลุกโชนอยู่ในเนื้อหอยที่อ้วนฉ่ำแล้ว</p>
<p>&#8220;อา…&#8221; เสิ้นหมีที่ขัดขืนไม่ได้ส่งเสียงกรีดร้องโหยหวนทันที อ้อนวอนด้วยเสียงแหลมสั่นว่า &#8220;น้องชาย ข้าผิดไปแล้ว ไว้ชีวิตข้าสักครั้ง ไว้ชีวิตข้าสักครั้งเถอะ ช่วยด้วย!&#8221;</p>
<p>ถ้าหากทั้งสองอยู่ร่วมกันอย่างสงบปรองดอง เหมียวอี้ก็ไม่สนใจเขาเหมือนกัน แต่แย่ตรงที่ทั้งสองฝ่ายสู้กันแล้ว ถ้าปล่อยยอดฝีมือที่น่ากลัวขนาดนี้ออกไป ก็แสดงว่าตนคงเบื่อหน่ายที่จะมีชีวิตอยู่ ถ้าผูกความแค้นแล้วไม่ฉวยโอกาสนี้เอาชีวิตปีศาจเฒ่า นั่นก็ไม่ใช่เหมียวอี้แล้ว</p>
<p>ดังนั้น เหมียวอี้จึงดีดหินผลึกไขมันเพลิงที่ติดไฟออกมาอีกหลายสิบก้อน ดีดยิงเข้าไปในเปลือกหอยก้อนแล้วก้อนเล่า</p>
<p>กลิ่นเนื้อหอยย่างที่สุกเกรียมอบอวลอยู่ในพื้นที่ว่างใต้ดิน เสียงกรีดร้องโหยหวนน่าเวทนาของเสิ้นหมีดังไม่ขาดสาย</p>
<p>เหมียวอี้ไม่ได้ชื่นชอบการดูคนอื่นทรมาน ปล่อยให้เสิ้นหมีค่อยๆ ร้องห่มร้องไห้เหมือนผีสาง ส่วนตัวเองก็หันตัวถือกระบี่เดินสำรวจไปทั่ว ตามหาสมบัติที่ซ่อนเอาไว้</p>
<p>หลังจากวนหาอยู่ในพื้นที่ว่างใต้ดินรอบหนึ่ง เหมียวอี้ก็งุนงงนิดหน่อย หาห้องซ่อนสมบัติที่ใช้เก็บสมบัติไม่พบ ร่ายอิทธิฤทธิ์กวาดหาตามผนังหินทั่วทุกทิศ แต่พบว่าไม่มีผนังตรงไหนกลวง ที่นี่ไม่มีห้องว่างซ่อนสมบัติที่ทำแยกไว้ นี่มันเรื่องอะไรกัน?</p>
<p>เหมียวอี้เดินวนอยู่ในพื้นที่ว่างใต้ดินพลางกวาดสายตาค้นหาไปทั่ว สุดท้ายก็มาหยุดอยู่บนหลังของเสิ้นหมี ก่อนหน้านี้ไม่ได้สังเกต แต่ตอนนี้เพิ่งจะพบว่าภาพสตรีทะยานฟ้าสลักอยู่บนหลังของเปลือกหอย สายตาของเหมียวอี้มองไปยังจุดที่แขนอันอ่อนช้อยของสตรีทะยานฟ้าชูขึ้น เพราะทุกครั้งเวลาหาสมบัติ สมบัติล้วนซ่อนอยู่ตรงนั้น</p>
<p>เพียงแต่ตรงจุดที่เอามือรองในครั้งนี้ เหมียวอี้มองไม่เห็นสมบัติที่ซ่อนอยู่ เห็นเพียงตำแหน่งนั้นบนเปลือกหอยมีรูอยู่หนึ่งรู</p>
<p>&#8220;ปีศาจเฒ่า ประมุขไป๋ซ่อนอะไรไว้บนตัวเจ้ารึเปล่า?&#8221; เหมียวอี้ตะคอกถามทันที</p>
<p>ในเปลือกหอยที่มีควันดำพัดม้วน เสิ้นหมีที่ร้องโหยหวนพลันตอบเสียงดังว่า &#8220;ไม่มี ไม่ได้ซ่อนอะไรไว้!&#8221;</p>
<p>ไม่ได้ซ่อนเหรอ? ไม่ได้ซ่อนก็แปลกแล้ว! เหมียวอี้จ้องมองที่รูบนเปลือกหอย พอจะเข้าใจแล้วว่าทำไมอีกฝ่ายจึงไม่ยอมรับ การซ่อนสมบัติในครั้งนี้ซ่อนอยู่ในร่างกายปีศาจเฒ่า ผู้ซ่อนสมบัติมีเจตนาชัดเจนว่าต้องการให้คนหาสมบัติฆ่าปีศาจเฒ่าตนนี้ก่อน ถึงจะหาสมบัติพบ ขอถามหน่อยว่าปีศาจเฒ่าจะกล้ายอมรับได้อย่างไร ถ้ายอมรับไม่เท่ากับรนหาที่ตายหรอกเหรอ!</p>
<p>ปกติเวลาที่ค้นหาสมบัติ เดิมทีเหมียวอี้กังวลว่าจะเกิดปัญหาถ้าไปแตะต้องปีศาจเฒ่าที่โดนจองจำไว้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อได้รู้ว่าสมบัติที่ซ่อนไว้เกี่ยวข้องกับประมุขไป๋ ไม่รู้ว่าการที่ประมุขไป๋สิ้นเปลืองพลังความคิดแบบนี้เพราะมีเจตนาที่ล้ำลึกอะไรกันแน่ เขาจึงไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม ที่ไปแตะต้องปีศาจหอยก็เพราะได้ผูกความแค้นกันจึงจำใจต้องทำอย่างนั้น ตอนนี้พอได้รู้ว่าประมุขไป๋ต้องการจะเล่นงานปีศาจหอยให้ถึงตาย เรียกได้ว่าทำให้เขาหมดความพะว้าพะวงในทันที</p>
<p>&#8220;ไม่ได้ซ่อนจริงเหรอ?&#8221; เหมียวอี้ถลันตัวมาตรงหน้าหอยยักษ์แล้วตะคอกถาม</p>
<p>หน้าคนที่นูนออกมาจากเนื้อหอยในทะเลเพลิงส่ายหน้าอย่างเจ็บปวดทรมาน &#8220;ไม่มี! ปล่อยข้าไปเถอะ เจ้าปล่อยข้าไปสักครั้ง ข้าสำนึกผิดแล้ว!&#8221;</p>
<p>&#8220;ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาจริงๆ!&#8221; เหมียวอี้แสยะยิ้ม พอพลิกฝ่ามือ กระบี่วิเศษผลึกแดงในมือก็ลอยขึ้นมา</p>
<p>&#8220;ไว้ชีวิตข้า!&#8221; เสิ้นหมีร้องตกใจเมื่อเห็นท่าทีของเขา</p>
<p>เสียงร้องขอชีวิตเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา พอเหมียวอี้โบกมือชี้เข้าไป ซวบ! กระบี่วิเศษก็พลันยิงออกมา ถล่มสังหารไปที่ดวงตาขนาดยักษ์ของปีศาจหอย ทำให้ลูกตาระเบิดออกมาเป็นของเหลวกองหนึ่ง แล้วก็มีเสียงบึ้มดังอีกครั้ง กระบี่บินโจมตีทะลุเปลือกหอยยักษ์ออกมา กระบี่บินกลับมาเป็นเส้นโค้ง แล้วยิงกลับไปอีกครั้ง</p>
<p>&#8220;อา! อา! อา…&#8221;</p>
<p>ภายใต้การร่ายอิทธิฤทธิ์ควบคุมของเหมียวอี้ ทุกครั้งที่กระบี่บินทะลุร่างกายขนาดใหญ่ของหอยยักษ์ เสิ้นหมีก็จะร้องออกมาอย่างเจ็บปวด แต่เห็นได้ชัดว่าเหมียวอี้ไม่มีท่าทีว่าจะหยุดมือ ถึงแม้จะเห็นว่าเป็นแบบนี้ แต่ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะสังหารให้มันตายไม่ได้เสียที ขนาดกายเนื้อที่ไม่มีพลังอิทธิฤทธิ์ปกป้องยังห้าวหาญได้ถึงเพียงนี้ ถ้ามีพลังอิทธิฤทธิ์ช่วยเสริมจะไม่แย่หรอกหรือ?</p>
<p>กระบี่บินแทงทะลุกลับไปกลับมาอย่างรวดเร็วขึ้นเรื่อยๆ เป็นจังหวะที่ต้องการจะสังหารให้ปีศาจหอยตนนี้ร่างพรุนยับเยิน</p>
<p>เมื่อเห็นว่าไม่มีทางรอดชีวิตแล้ว! เสิ้นหมีที่อยู่ในความเจ็บปวดทรมานก็พลันตวาดเสียงแหลมดุดัน &#8220;ข้าจะสู้ตายกับเจ้า!&#8221;</p>
<p>ลูกตาที่แบนลีบอยู่ในทะเลเพลิงพลันพองขึ้น ทั้งยังขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ด้วย เหมียวอี้ตกใจทันที เพราะรู้สึกได้ว่าในลูกตาที่พองขึ้นมีคลื่นพลังอิทธิฤทธิ์ ไม่รู้ด้วยว่าอีกฝ่ายจะใช้กี่ท่าเพื่อสู้ตายกับตน เรียกได้ว่าด่าประมุขไป๋ในใจอย่างบ้าคลั่ง พวกปีศาจที่พบก่อนหน้านี้ถูกสยบไว้อย่างดี แต่ทำไมปีศาจตนนี้กลับเหลือหนทางรอดชีวิตอยู่ แล้วยังจะให้คนหาสมบัติฆ่าปีศาจตนนี้ทิ้งอีก แบบนี้ไม่ใช่การจงใจวางกับดักคนหาสมบัติหรอกหรือ?</p>
<p>แต่พอเปลี่ยนความคิดก็รู้สึกว่าตัวเองคิดมากไป ถ้าปีศาจตัวนี้ใช้ท่าโจมตีอะไรได้จริงๆ พวกอาวุธที่ควบคุมไว้คงถูกปีศาจตนนี้กำจัดทิ้งเองไปตั้งนานแล้ว คงไม่รอมาจนถึงวันนี้หรอก</p>
<p>ไม่ว่าจะอย่างไร เหมียวอี้ก็ไม่มีทางปล่อยให้อีกฝ่ายมีโอกาสแว้งกัดอีก พอโบกมือชี้ไป กระบี่บินก็เร่งยิงไปยังลูกตาที่กำลังพองตัว</p>
<p>บึ้ม! ภายใต้การโจมตีของกระบี่บิน ครั้งนี้ลูกตาระเบิดแล้ว เกิดก้อนกลมสีรุ้งโปร่งแสงที่มีขนาดใหญ่เท่ากำปั้นลูกหนึ่งถูกครอบด้วยของเหลว จู่ๆ มันก็ลากยาวกลายเป็นกระบี่คมยิงเข้ามา โผเข้ามาทางเหมียวอี้ รวดเร็วอย่างน่าอัศจรรย์ เร็วจนคนวรยุทธ์อย่างเหมียวอี้ต้านทานไม่ทัน</p>
<p>ภายใต้ความร้อนรน เหมียวอี้ตบฝ่ามือออกไปหนึ่งครั้ง แต่สุดท้ายก็ช้าไปหน่อย กระบี่คมสีรุ้งนั่นเฉียดผ่านฝ่ามือมาแล้ว เพียงแต่ของเหลวที่ครอบมันอยู่สลายหายไปอย่างฉับพลันเมื่อสัมผัสกับเพลิงจิตที่ผิวของเหมียวอี้ ทำให้กระบี่คมสีรุ้งนั่นสั่นไหวอยู่ครู่หนึ่ง แต่กลับเสียบโดนแท่นจิตตรงหว่างคิ้วของเหมียวอี้เข้าอย่างจัง</p>
<p>ปั้ง! ศีรษะของเหมียวอี้เอนไปข้างหลังอย่างรุนแรง เขากระอักเลือดออกมาคำหนึ่งขณะร่างสะเทือนปลิวถอยหลัง ตอนที่ขาเหยียบลงพื้นและเดินโซเซถอยหลัง ตรงหว่างคิ้วก็ปรากฏแผลที่มีรอยเลือด เลือดสดรินไหล ผิวตรงหว่างคิ้วพองใหญ่เท่ากำปั้น ทำให้ใบหน้าของเหมียวอี้เปลี่ยนรูปร่างแล้ว เหมียวอี้รู้สึกได้ว่ามีบางสิ่งต้องการจะเจาะทะลวงเข้าไปในสมองของตนผ่านตรงหว่างคิ้ว รสชาติแบบนั้นเจ็บปวดเจียนตาย เขารีบโคจรเคล็ดวิชาต้านทาน</p>
<p>ลูกกลมที่ต้องการจะทะลวงเข้าศีรษะของเหมียวอี้ พอสัมผัสกับเคล็ดวิชาอัคนีดารา มันก็ส่งเสียงกรีดร้องโหยหวนทันที เสียงนี้ไม่ได้อยู่โลกแห่งความเป็นจริง แต่กลับร่ำร้องอยู่ในสมองและจิตใจของเหมียวอี้ &#8220;เจ้าเป็นใครกันแน่? เจ้าเป็นอะไรกับประมุขไป๋?&#8221;</p>
<p>เหมียวอี้พลันหลับตารวบรวมสมาธิสู้กับมัน ไม่กล้าเสียสมาธิเลยแม้แต่น้อย ต้องการจะใช้พลังอิทธิฤทธิ์มหาศาลเผาหลอมวัตถุประหลาดนี้ เขารู้สึกได้ว่าปีศาจตนนี้อยากจะควบคุมจิตวิญญาณของเขา หรือว่านี่จะเป็นการยึดร่างอย่างที่ร่ำลือกัน? ต้องการจะยืมร่างคืนวิญญาณ?</p>
<p>เขาดาไม่ผิด เสิ้นหมีต้องการจะยึดร่างจริงๆ ต้องการจะอาศัยร่างกายของเหมียวอี้เพื่อให้มีชีวิตอยู่ต่อไป แต่เหมียวอี้ยากที่จะจินตนาการถึงราคาที่ต้องจ่ายกับสิ่งนี้ เสิ้นหมีมีวรยุทธ์เท่าไรล่ะ? วรยุทธ์สำแดงฤทธิ์ขั้นหนึ่งเชียวนะ! การจะให้นักพรตปีศาจที่ลำบากฝึกตนมาหลายปีละทิ้งวรยุทธ์สำแดงฤทธิ์ขั้นหนึ่งไปยึดกายเนื้อของนักพรตบงกชทองแบบนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะจนตรอกหมดหนทาง ใครจะทำอย่างนี้ได้? แบบนี้เท่ากับทำลายการฝึกตนที่ยากลำบากมาทั้งชีวิตภายในครั้งเดียว !</p>
<p>มิหนำซ้ำการยึดร่างของเขาก็ไม่เหมือนการยึดร่างแบบปกติด้วย ประมุขไป๋ไม่เพียงแค่ระงับวรยุทธ์ของเขา ทั้งยังร่ายอิทธิฤทธิ์ตอกสามวิญญาณเจ็ดดวงจิต[1]ของเขาไว้ด้วย เขาไม่มีทางรวบรวมสามวิญญาณเจ็ดดวงจิตเพื่อมายึดร่างพร้อมกันได้ ทำได้เพียงดันทุรังคัดลอกความทรงจำที่อยู่บนไข่มุกอิทธิฤทธิ์ต้นกำเนิดในร่างกายตัวเองเพื่อไปยึดร่างกายอีกฝ่าย หรือพูดได้อีกอย่างว่าจิตวิญญาณของเขาไม่สามารถออกจากร่างกายได้นานเกินไป พอออกจากร่างกายแล้วจะต้องหาร่างใหม่ทันที ไม่อย่างนั้นความทรงจำจะหายไปอย่างรวดเร็ว ไม่เหมือนการรวบรวมสามวิญญาณเจ็ดดวงจิตก่อนแล้วค่อยๆ หาร่างทีหลัง เขาทำแบบนี้ไม่ได้ ทำได้เพียงฉกฉวย ถ้าไม่จนตรอกถึงด่านสุดท้ายก็ไม่มีทางใช้วิธีการนี้</p>
<p>แต่สิ่งที่ทำให้เสิ้นหมีหวาดกลัวก็คือ เขาพบว่าตัวเองเจอกับเคล็ดวิชาอัคนีดาราเข้าแล้ว! เจอกับเคล็ดวิชาอัคนีดาราที่สามารถเอาชนะเจ็ดอารมณ์หกปรารถนาได้ ความทรงจำเล็กน้อยที่ตนคัดลอกไว้บนไข่มุกอิทธิฤทธิ์จะทนการตอบโต้ของเคล็ดวิชาอัคนีดาราได้อย่างไร!</p>
<p>ในขณะที่หวาดกลัว เพื่อที่จะร้องขอชีวิต ความรู้สึกตัวอันน้อยนิดของเสิ้นหมีรีบควบคุมพลังอิทธิฤทธิ์ที่แฝงอยู่บนไข่มุกอิทธิฤทธิ์ให้สร้างพื้นที่ว่างบนหว่างคิ้วของเหมียวอี้เสียเลย หมายจะหลบซ่อนอยู่ในนั้น ทว่าเหมียวอี้ระดมเพลิงจิตมาล้อมปราบแล้ว เสิ้นหมีที่ร้อนรนรีบควบคุมไข่มุกอิทธิฤทธิ์เพื่อปลูกถ่ายอีกครั้ง บนไข่มุกอิทธิฤทธิ์มีเส้นเลือดงอกออกมาอย่างรวดเร็ว เชื่อมต่อกับเส้นเลือดบนศีรษะเหมียวอี้ ต้องการจะเชื่อมต่อไข่มุกอิทธิฤทธิ์ของตัวเองให้เป็นหนึ่งเดียวเหมียวอี้ ทำให้เวลาเหมียวอี้ทำร้ายเขา ก็เท่ากับทำร้ายตัวเองด้วย</p>
<p>ทว่าจนตรอกเป็นสุนัขกระโดดกำแพงไปก็ไม่มีประโยชน์ เมื่อเผชิญกับทำลายล้างของเคล็ดวิชาอัคนีดารา ความรู้สึกตัวอันน้อยนิดของเสิ้นหมีก็ดับวูบอย่างรวดเร็ว</p>
<p>ก่อนที่ความรู้สึกตัวจะพังทลายลง ในที่สุดเสิ้นหมีก็เหมือนจะตระหนักอะไรบางอย่างได้แล้ว ในหัวของเหมียวอี้มีเสียงร่ำร้องที่น่าสังเวชใจของเสิ้นหมีดังขึ้น &#8220;ประมุขไป๋ เจ้าช่างโหดจริงๆ! ต่อให้ข้าจะมีความผิด แต่ข้าเป็นลูกน้องของประมุขปีศาจ ต่อให้ไม่มีผลงานแต่ก็ลำบากทำงานหนัก แต่เจ้าไม่ให้แม้แต่โอกาสเกิดใหม่กับข้าด้วยซ้ำ ขังข้าไว้หลายปีขนาดนี้ นอกจากจะทำให้ข้าจิตวิญญาณแตกซ่านแล้ว ยังจะวางแผนยึดตาทิพย์ของข้าอีก เจ้าช่างวางแผนการได้ล้ำลึก!&#8221;</p>
<p>…………………………</p>
<p> </p>
<p>[1] ตามความเชื่อเต๋า จิตวิญญาณของคนเรา ประกอบด้วยสามวิญญาณเจ็ดดวงจิต(三魂七魄 ) สามวิญญาณ (魂)คือ 1. วิญญาณฟ้า 2. วิญญาณดิน 3. วิญญาณชีวิต  เจ็ดดวงจิต(魄) (ความรู้สึกหรืออารมณ์ทั้ง 7 คือ ชอบ เกลียด เศร้า สุข กลัว รัก ความปรารถนา)</p>

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด