พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า 1509 เปิดโปงชู้รัก

Now you are reading พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า Chapter 1509 เปิดโปงชู้รัก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“อยู่ใกล้แค่นี้ทำไมมาช้าขนาดนี้? ข้านึกว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเจ้าระหว่างทางแล้ว” เหมียวอี้ยกมือขึ้นลูบไล้ใบหน้ารูปไข่ของนาง

หวงฝู่จวินโหรวพ่นลมหายใจหอมอยู่ข้างหูเขา “อาบน้ำเสร็จแล้วถึงจะมา น้ำชาเดี๋ยวค่อยดื่มก็ได้ อุ้มข้าเข้าไปข้างในก่อนเถอะ” เสียงพูดค่อนข้างออเซาะ น้ำเสียงเกือบจะอู้อี้ ทำให้คนฟังแทบจะละลาย

ถึงอย่างไรก็ไม่ได้แตะต้องผู้หญิงมาเป็นพันปีแล้ว เหมียวอี้โดนยั่วยวนจนเร่าร้อนใจทันที เขาพบว่าผู้หญิงคนนี้ยามปกติดูสง่าภูมิฐาน แต่ลับหลังแล้วรุกเก่งมาก ยังคงเร่าร้อนดั่งไฟ ทำให้คนรับไม่ไหวจริงๆ พอนึกถึงบั้นท้ายที่เยี่ยมยอดกว่าใครของผู้หญิงคนนี้ เหมียวอี้ก็ยิ่งรู้สึกร้อนวูบวาบยิ่งกว่าเดิม พอดึงแขนลงมา ร่างงามหอมอ่อนนุ่มก็อยู่ในอ้อมกอดตัวเองแล้ว จากนั้นก็อุ้มขึ้นมาและรีบเดินเข้าไปในห้องนอน…

ในถ้ำภูเขานอกเขตเมืองตะวันตก หญิงชราคนหนึ่งที่ชื่อว่าหลิวซางถลันตัวเข้ามาข้างใน นางคือแม่นมเก่าแก่ข้างกายหวงฝู่ตวนหรง นางปรนนิบัติรับใช้มาตั้งแต่หวงฝู่ตวนหรงยังเป็นเด็กแล้ว

ในตอนนี้แม่นมหลิวเร่งฝีเท้าเดินไปข้างกายหวงฝู่ตวนหรงที่นั่งสมาธิฝึกตนอยู่บนเตียงหินในถ้ำ แล้วรายงานว่า “ผู้จัดการใหญ่ ทางฝั่งคุณหนูมีความเคลื่อนไหวแล้วค่ะ”

หวงฝู่ตวนหรงพลันลืมตา “มีความเคลื่อนไหวอะไร?”

แม่นมหลิวตอบว่า “คุณหนูปลอมตัวปีนกำแพงออกจากร้านค้าไปแล้ว ออกทางประตูเมืองตะวันออก เข้าไปในสวนแห่งหนึ่งที่อยูในภูเขา”

หวงฝู่ตวนหรงกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาทันที หย่อนเท้าของข้างลงจากเตียงแล้วยืนขึ้น “เห็นหรือเปล่าว่านางไปเจอใคร?”

แม่นมหลิวส่ายหน้า “คนที่สะกดรอยตามกลัวว่าจะโดนคนที่เฝ้าตรงสวนสังเกตเห็น เลยไม่กล้าเข้าใกล้เกินไปค่ะ ยืนยันได้เพียงว่าคุณหนูเข้าไปแล้ว แต่ยังไม่ทราบว่าไปเจอกับใคร”

หวงฝู่ตวนหรงรีบเดินไปถึงปากถ้ำ เงยหน้ามองท้องฟ้ายามราตรี แสงจันทร์ส่องสว่าง พลางพึมพำในใจว่า “นางหนูเอ๊ย หวังว่าแม่จะเดาผิดนะ ไม่อย่างนั้นลูกลับลอบนัดเจอผู้ชายกลางป่ากลางเขาดึกๆ แบบนี้ จะให้แม่ทนความรู้สึกได้ยังไง?” นางหันกลับไปถามว่า “ถามตำแหน่งที่ตั้งมาชัดเจนหรือยัง!”

แม่นมหลิวหยิบระฆังดาราออกมาติดต่อทันที หลังจากถามรายละเอียดแล้วก็รายงานตอบ

“สั่งให้คนล้อมบริเวณนั้นไว้ อย่าให้หนีไปได้สักคนเดียว!” หวงฝู่ตวนหรงกล่าว

“รับทราบ!” แม่นมหลิวเอ่ยรับ แล้วหยิบระฆังดาราอีกอันมาติดต่อกับภายนอกเพื่อวางกำลัง แต่ใครจะคิดว่าหวงฝู่ตวนหรงเหมือนจะนึกอะไรขึ้นได้ พูดเสริมอีกว่า “เดี๋ยวก่อน บอกทุกคนไว้ ว่าห้ามเข้าใกล้บริเวณนี้ ถ้าไม่ได้รับคำสั่งจากข้าก็ห้ามทำอะไรบุ่มบ่าม”

อย่างไรเสียก็ไม่สะดวกจะให้เรื่องเน่าเหม็นในบ้านโชยไปถึงข้างนอก ถ้าลูกสาวกำลังทำเรื่องน่าอับอายจริงๆ แล้วคนกลุ่มใหญ่จับได้ แบบนั้นชื่อเสียงของลูกสาวก็จะถูกทำลายแล้ว มารดาอย่างนางต้องคำนึงถึงจุดนี้

อีกด้านหนึ่งก็เพื่อป้องกันไม่ให้ ‘ชายชู้’ หนีไป นางพูดเสริมอีกว่า “ถ้าพบว่ามีใครหนีไป ก็ขัดขวางไว้ทันที ต้องรู้ให้ได้ว่าเป็นใครกันแน่! เอาเป็นว่าถ้าไม่มีคำสั่งจากข้า ก็ห้ามใครทำอะไรซี้ซั้ว!”

แม่นมหลิวรอไปสักประเดี๋ยว เมื่อเห็นว่านางไม่สั่งอะไรเพิ่มเติม ถึงได้เอ่ยรับแล้วไปจัดการ

หลังจากรอได้ไม่ถึงครึ่งชั่วยาม แม่นมหลิวที่ได้รับการตอบกลับแล้วก็บอกว่า “ผู้จัดการใหญ่ วางกำลังตามที่ท่านสั่งเรียบร้อยแล้วค่ะ!”

ทั้งสองกระโดดลงหน้าผาตามกันมาทันที เหาะตามแนวภูเขาด้วยท่าเดินไปยังป่าภูเขาทางทิศตะวันออกอย่างรวดเร็ว

ใช้เวลาไม่นาน แม่นมหลิวก็มาเหยียบลงริมทะเลสาบแล้ว ส่วนหวงฝู่ตวนหรงก็เหาะข้ามผิวทะเลสาบไปยังสวนที่อยู่ติดภูเขาคนเดียว

“ใครกัน?” บนยอดเขาหลังสวนมีเสียงร่ายอิทธิฤทธิ์ตะโกนถาม เป็นเสียงของเหยียนซิว

บนเตียงในห้องนอน สุนัขตัวผู้กับสุนัขตัวเมียที่กำลังนัวเนียกันอย่างดุเดือดพลันนิ่งชะงัก หวงฝู่จวินโหรวหันกลับมามองเหมียวอี้ คนข้างบนกับคนข้างล่างมองหน้ากันเลิกลั่ก เสียงของเหยียนซิวทำให้ทั้งสองขวัญผวาจริงๆ

เหยียนซิวเหาะลงมาจากยอดเขา ถลันตัวไปเหยียบบนต้นไม้ใหญ่ในสวน มาขวางตรงหน้าหวงฝู่ตวนหรงที่เหาะเข้ามา

หวงฝู่ตวนหรงใช้สายตาคมกริบกวาดมองเหยียนซิวโดยไม่ได้หยุดนิ่ง และสายตาก็มองตรงไปยังห้องนอนที่ปิดสนิท ประการแรกเป็นเพราะนางเห็นเหยียนซิวเพิ่งลงมาจากภูเขา ประการต่อมาเป็นเพราะนางไม่คิดว่าเหยียนซิวจะเป็น ‘ชายชู้’ นางเชื่อว่าลูกสาวของตัวเองไม่ได้ขาดรสนิยมถึงขั้นไปหาคนแก่มอมแมมหน้าตาเหมือนคนตาย

“โหรวโหรว แม่ส่งคนมาล้อมไว้บริเวณนี้หมดแล้ว ไม่ว่าใครก็หนีไปไม่พ้น!” หวงฝู่ตวนหรงร่ายอิทธิฤทธิ์รวมเสียงเข้าไปในห้องนอน

ท่านแม่เหรอ? เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เหยียนซิวก็มองไปยังประตูห้องที่ปิดสนิทอย่างพูดไม่ออก เขาอยู่บนภูเขาจึงมองเห็นทุกอย่างชัดเจน เห็นนายท่านอุ้มหวงฝู่จวินโหรวที่เป็นผู้จัดการร้านค้าสมาคมวีรชนเข้าไปในห้องนอน รู้ว่านายท่านกำลังแอบคบชู้ลับหลังฮูหยิน

ตอนนี้จู่ๆ ก็มีคนที่เรียกตัวเองมา ‘แม่’ โผล่มา อย่าบอกนะว่ามารดาของหวงฝู่จวินโหรวมาจับชู้แล้ว?

ปาดเหงื่อ! ขนาดเขายังอดไม่ได้ที่จะปาดเหงื่อแทนนายท่าน เขาย่อมรู้ว่าไปฟ้องฮูหยินไม่ได้ แต่ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นแล้วรู้ไปถึงหูฮูหยิน แบบนั้นก็จะเป็นปัญหาใหญ่แล้ว เพราะฮูหยินมีอำนาจตัดสินใจเรื่องในบ้าน

หวงฝู่จวินโหรวที่นอนเหงื่อแตกอยู่บนเตียงตกใจจนขวัญกระเจิง ตอนนี้ไม่มีอารมณ์อะไรแล้ว กล่าวเสียงสั่นว่า “แม่ข้าเอง!”

นางก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน ท่านแม่บอกว่าไปแล้วไม่ใช่เหรอ? นี่ก็ผ่านไปหลายวันแล้ว ทำไมถึงมาโผล่ที่นี่ได้ล่ะ?

“หา!” เหมียวอี้ข่มเสียงร้องอุทานอย่างตกใจ เขารู้สึกตกใจจนขวัญกระเจิงเช่นกัน

บนเตียงจึงเกิดภาพเหตุการณ์มหัศจรรย์ไร้ที่เปรียบทันที ทั้งสองแยกกันและรีบดึงเสื้อผ้าขึ้นมาสวมใส่อย่างลุกลี้ลุกลย เรียกได้ว่าร้อนรนมาก แทบจะใส่เสื้อผ้าชายหญิงปนกันมั่วหมดแล้ว เหมียวอี้ที่คว้าชุดชั้นในได้โยนออกไป เขางงนิดหน่อย พอจับมาเทียบกันแล้วก็พบว่าไม่รู้ว่าควรนำมาสวมใส่ไว้ตรงไหนบนร่างกาย เพราะไม่เคยใส่มาก่อน! ตอนหลังถึงได้สังเกตเห็นว่านี่ไม่ใช่เสื้อผ้าของตัวเอง แต่เป็นชุดชั้นในของหวงฝู่จวินโหรว ตอนนี้ค่อนข้างเลอะเลือน

แอบถุยเบาๆ เหมียวอี้หยิบชุดชั้นในโยนไปใส่บนศีรษะที่มีผมยุ่งกระเซิงของหวงฝู่จวินโหรว

หวงฝู่จวินโหรวจับมาดู นี่มันเวลาไหนกันแล้ว ขาดไปตัวหนึ่งก็ไม่เป็นไรหรอก ยังจะใส่ชุดชั้นในอะไรอีก นางใส่เสื้อชั้นนอกแทบจะเสร็จแล้ว จึงจับมันยัดเข้าในกำไลเก็บสมบัติโดยตรง

“ทำยังไงดี?”

“ทำยังไงดี?”

จู่ๆ ทั้งสองที่ฉุกละหุกใส่เสื้อผ้าก็ถามเป็นเสียงเดียวกัน มองหน้ากันอย่างเลิกลั่ก

ผ่านไปไม่นาน ทั้งสองก็ยังลุกลี้ลุกลยต่อไป เหมียวอี้อดไม่ได้ที่จะบ่นนาง “เจ้านี่ยังไงกัน? ทำไมปล่อยให้แม่สะกดรอยตามมาได้?”

หวงฝู่จวินโหรวอยากจะร้องไห้ให้ตายไปเลย “นางไปตั้งนานแล้ว ข้าจะไปรู้ได้ยังไงว่านางจะมาโผล่อยู่ที่นี่?” ผู้หญิงคนหนึ่งโดนคนในครอบครัวจับได้ตอนทำเรื่องแบบนี้ น่าอายยิ่งกว่าผู้ชายเสียอีก อยากจะเอาหัวโขกพื้นให้ตาย

“ยังจะถามอีกเหรอ? นางสะกดรอยตามเจ้ามาแน่นอน แม่เจ้าล้อมบริเวณนี้ไว้หมดแล้ว เจ้าว่าแม่เจ้าพูดจริงหรือขู่พวกเราเล่นล่ะ?” เหมียวอี้ถาม

“อาศัยอำนาจในการออกคำสั่งของแม่ข้า การระดมคนมาล้อมไว้ไม่ใช่ปัญหาเลย น่าจะ…ไม่ได้ล้อเล่น!” หวงฝู่จวินโหรวตอบ

“แล้วแม่เจ้ารู้จักเหยียนซิวหรือเปล่า?” เหมียวอี้หวาดระแวงกลัว

หวงฝู่จวินโหรวคับแค้นใจนิดหน่อย นี่มันเวลาไหนแล้ว ยังจะมาถามเรื่องนี้อีก “ข้าจะไปรู้ได้ยังไง? ถ้าสนใจรวบรวมข้อมูล ก็จำหน้าตาของเหยียนซิวได้ไม่ยากหรอก”

เหมียวอี้หยุดมือ เขางุนงงนิดหน่อย เขายังคิดอยู่เลยว่าถ้าหวงฝู่ตวนหรงไม่รู้ว่าคนข้างในคือใคร เขาก็ยังจะปลอมตัวและฝ่าวงล้อมออกไปได้ แต่ถ้ารู้จักเหยียนซิว คาดว่าถ้าไม่ใช่คนโง่ก็คงรู้ว่าเหยียนซิวเป็นลูกน้องของเขา คนที่สามารถทำให้เหยียนซิวมาเฝ้าประตูเพื่อทำเรื่องแบบนี้ได้ ไม่ต้องเดาก็รู้แล้วว่าคนในห้องคือใคร

แต่จะว่าไปแล้ว ถ้าเขาจับตัวหวงฝู่จวินโหรวไว้ แล้วฝ่าวงล้อมออกไปโดยทิ้งหวงฝู่จวินโหรว แบบนั้นมันใช่เรื่องเหรอ? หรือจะพาหวงฝู่จวินโหรวฝ่าวงล้อมไปด้วยกันล่ะ? มารดาของอีกฝ่ายรู้แล้วว่าลูกสาวตัวเองทำเรื่องน่าอับอายแบบนี้ ต่อให้หวงฝู่จวินโหรวจะรอดออกจากตรงนี้ไปได้ แต่จะรอดจากตระกูลหวงฝู่และไม่กลับมาอีกเลยได้เชียวเหรอ? สำหรับผู้หญิงคนหนึ่งที่ยังไม่ได้แต่งงาน การโดนมารดาซักถามเรื่องแบบนี้ หวงฝู่จวินโหรวที่โดนจับได้คาที่จะไม่แย่หรอกเหรอ?

หวงฝู่จวินโหรวที่รีบร้อนแต่งตัวหันหลังให้เขา “รีบจัดทรงผมให้ข้า”

เหมียวอี้กล่าวอย่างเศร้าโศกว่า “ถ้าแม่เจ้ารู้จักเหยียนซิวที่อยู่ข้างนอก ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าข้าอยู่ข้างใน ยังจะมาจัดแต่งทรงผมบ้าบออะไรอีก! เจ้าทำอะไรของเจ้า มีคนสะกดรอยตามมายังไม่รู้ตัวอีกเหรอ?”

เมื่อครู่นี้หวงฝู่จวินโหรวก็ร้อนรนจนไม่ได้คิดไปทางนั้น พอจัดระเบียบความคิดได้แล้ว นางก็เหม่อทันที รู้ว่าตัวเองจบเห่แล้ว มารดาตัวเองเตรียมตัวมาแล้ว ครั้งนี้…ใช้กระดาษดับไฟไม่ได้หรอก!

ที่จริงทั้งสองกินปูนร้อนท้อง หวงฝู่ตวนหรงยังไม่ทันมองออกเลยว่าเหยียนซิวคือใคร

“โหรวโหรว นี่เจ้าอยากจะให้แม่ออกคำสั่งล้อมโจมตีใช่มั้ย? แม่ไม่ให้ทุกคนเข้าใกล้ เจ้ายังไม่เข้าใจความหมายอีกเหรอ? หรือว่าการไว้หน้าครั้งสุดท้ายก็ไม่อยากได้แล้ว?” หวงฝู่ตวนหรงตะโกนอย่างเย็นเยียบ

ประตูเปิดออกเสียงดังแกร๊ก หวงฝู่จวินโหรวที่ยังไม่ทันใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อยปรากฏตัวตรงประตู นางมัดผมหลวมๆ ไว้ข้างหลัง หน้าแดงเหมือนก้นลิง ตอนนี้กำลังก้มหน้าก้มตา ไม่กล้ามองมารดาตัวเอง นางเดินออกมาช้าๆ

เหยียนซิวที่อยู่บนต้นไม้ถลันตัวออกไปแล้ว เหาะไปเหยียบนอกสวน เหมียวอี้ถ่ายทอดเสียงบอกให้เขาถอยออกไป

ท่ามกลางแสงจันทร์ หวงฝู่ตวนหรงใช้สายตาเย็นเยียบจ้องมองลูกสาวที่กำลังก้มหน้า นางค่อยๆ ยื่นมือข้างหนึ่งออกมาจากแขนเสื้อ ใช้นิ้วสองข้างเสยคางลูกสาวตัวเอง เสยใบหน้าแดงก่ำของลูกสาวตัวเองอย่างช้าๆ

สิ่งที่ยิ่งทำให้หวงฝู่จวินโหรวทนไม่ไหวก็คือ ร่างของหวงฝู่ตวนหรงเอนมาข้างหน้าเล็กน้อย ดมกลิ่นบนร่างกายลูกสาวตัวเอง

ในฐานะที่ผ่านประสบการณ์มาก่อน พอหวงฝู่ตวนหรงดมกลิ่น ก็เข้าใจทันทีว่าลูกสาวเพิ่งทำอะไรมาตอนอยู่ในห้อง นางปล่อยมือจากคางลูกสาว สายตามองไปยังบานประตูที่เปิดออก พร้อมถามเสียงเย็นว่า “คนข้างในยังใส่เสื้อผ้าไม่เสร็จอีกเหรอ?”

ประโยคนี้ถามจนเหมียวอี้เสียหลักล้ม เหมียวอี้ที่นั่งประคองเตียงเรียกได้ว่าสีหน้าเศร้าโศกแล้ว  จะให้เขาตอบอย่างไรล่ะ?

เขาพบว่า ทำไมทุกครั้งที่ลักลอบเจอกับหวงฝู่จวินโหรวมักจะอกสั่นขวัญแขวนแบบนี้ ครั้งก่อนก็เกือบจะโดนฮูหยินของตัวเองจับได้ ครั้งนี้โดนแม่ของหวงฝู่จวินโหรวจับได้คาที่แล้ว สงสัยตนจะทำเรื่องที่ต้องหลบๆ ซ่อนๆ ไม่สำเร็จจริงๆ

เขาถามฟ้าอย่างพูดไม่ออก ในปีนั้นจะดีจะร้ายเหมียวอี้ก็เป็นชายหนุ่มเลือดร้อน ตอนนี้ทำเรื่องสกปรกไร้ยางอายที่สุด ทำไมถึงตกต่ำถึงขั้นนี้ได้ล่ะ?

หวงฝู่ตวนหรงที่อยู่ข้างนอกกลับแสยะยิ้ม “ทำไมล่ะ? คนในห้องกล้าทำแต่ไม่กล้ารับเหรอ?”

“แค่กๆ!” เหมียวอี้ที่อยู่ในห้องไอแห้งๆ อย่างอึดอัด “เสร็จแล้ว!”

ตอนนี้หวงฝู่ตวนหรงที่อยู่ในสวนถึงได้หยิบระฆังดาราออกมา ส่งข่าวบอกแม่นมหลิว ว่าในนี้ไม่มีเรื่องอะไร เป็นความเข้าใจผิดเท่านั้น ให้คนอื่นถอนกำลังออกไป นางไม่อยากให้คนอื่นรู้เรื่องลูกสาวตัวเอง ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่เรื่องที่ยอดเยี่ยมอะไรนัก

เมื่อเก็บระฆังดาราแล้ว จู่ๆ ก็คว้าข้อมือลูกสาว เรียกได้ว่าลากเข้ามาในห้องเลย

พอเข้ามาในห้อง หวงฝู่ตวนหรงก็กวาดสายตาเย็นเยียบมอง ‘ชายชู้’ ที่กำลังอึดอัดเก้อเขินสุดๆ ทำให้นางตกใจจนดวงตางามเบิกกว่างทันที มองเหมียวอี้อย่างทำใจเชื่อได้ยาก

นางรู้จักเหมียวอี้ ในปีนั้นตอนที่ไปเจรจาการค้าที่ร้านขายของชำซื่อตรง ทั้งสองก็เคยเจอกันหลายครั้งเช่นกัน ไม่ว่าจะอย่างไรนางก็นึกไม่ถึงว่าคนที่ลักลอบคบกับลูกสาวจะเป็นหนิวโหย่วเต๋อ!

…………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด