พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า 1337 สอบสวนลงโทษให้พ้นจากตำแหน่ง

Now you are reading พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า Chapter 1337 สอบสวนลงโทษให้พ้นจากตำแหน่ง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เข้าไปอยู่กับองครักษ์ฝ่ายซ้าย?

พวกเหมียวอี้งุนงงพร้อมกัน ต่างก็นึกว่าตัวเองฟังผิดไปแล้ว

เหมียวอี้ปฏิเสธทันที “ข้าซาบซึ้งในเจตนาดีของหัวหน้าภาคอวี่แล้ว ข้าไม่ได้สนใจองครักษ์ฝ่ายซ้ายสักเท่าไร อยู่ที่ตลาดสวรรค์ต่อไปดีกว่า”

ล้อเล่นอะไรกัน องครักษ์ฝ่ายซ้ายฟังดูมีบารมีน่าเกรงขามจะตายไป สวัสดิการก็ดีกว่าอำนาจท้องถิ่นไม่รู้ตั้งเท่าไร แต่ถึงอย่างไรถ้าอยู่ในอำนาจท้องถิ่นก็ยังมีอาณาเขตของตัวเอง ยังหาทางตักตวงทรัพยากรได้อยู่ ส่วนองครักษ์ฝ่ายซ้ายนั้นเป็นรายได้ที่ตายตัวอย่างเดียว เทียบกับทรัพยากรที่ตลาดสวรรค์ไม่ติด เขาเลี้ยงผู้หญิงกับลูกน้องไว้ทำงานมากมายขนาดนั้น จะอาศัยรายได้ตายตัวขององครักษ์ฝ่ายซ้ายเหรอ ล้อเล่นรึเปล่า? จะต้องไม่อยากย้ายรังแน่นอน จะต้องให้ปี้เยว่คุ้มครองให้และไม่ปล่อยไป

“เหอะๆ!” อวี่จ้งเจินเงยหน้าหัวเราะลั่น ราวกับได้ฟังเรื่องราวที่ตลกที่สุดในโลก เขาเอาสองมือไขว้หลัง และไม่ไปเถียงกับเหมียวอี้เช่นกัน เพียงพยักหน้าบอกว่า “เห็นแก่ที่เจ้ากับแม่เฒ่าลวี่เป็นครอบครัวเดียวกัน ข้าไม่ปฏิบัติต่อเจ้าอย่างไม่ยุติธรรมหรอก ถ้าไปอยู่กับข้าเจ้าก็จะได้อยู่ในตำแหน่งผู้บัญชาการใหญ่ต่อไป น้องชาย เจ้าต้องคิดเรื่องนี้ให้ดีนะ ผู้บัญชาการใหญ่ของหน่วยองครักษ์ซ้ายขวาไม่ใช่ตำแหน่งที่ผู้บัญชาการใหญ่ทั่วไปจะเทียบติด ปกติต้องมีวรยุทธ์บงกชรุ้งก่อนถึงจะเป็นได้ เหมือนเจ้าจะยังอยู่ระดับบงกชทองอยู่เลยนะ ข้ามีน้ำใจมากพอรึยังล่ะ?”

ตึ้ง! แม่เฒ่าลวี่กระทุ้งไม้เท้า แล้วเดินไปพร้อมบอกว่า “พวกเรากลับ!”

อวี่จ้งเจินเดินตามไปอย่างร่าเริง ส่วนเฟยหงก็วิ่งไปคว้าแขนแม่เฒ่าลวี่ “ท่านแม่บุญธรรม เพิ่งมาเอง ทำไมจะกลับแล้วล่ะคะ? อยู่สักหลายๆ วันเถอะค่ะ”

แม่เฒ่าลวี่แสยะยิ้ม “จะให้อยู่ต่อเพื่อดูเขาชักสีหน้าใส่รึไง? ข้าออกไปหาโรงเตี๊ยมพักดีกว่า พวกเราสองแม่ลูกไม่ได้เจอหน้ากันมานานแล้ว ไปเถอะ ไปอยู่เป็นเพื่อนข้าสักหน่อย” นางคว้าข้อมือเฟยหงเดินไปทันที เฟยหงหันกลับมามองเหมียวอี้ตลอดทาง เหมือนทำตามใจตัวเองไม่ได้เหมือนกัน

เหมียวอี้ยืนหน้าตึงอยู่ที่เดิม ไม่มีท่าทีว่าจะรั้งไว้ หยางชิ่งรีบตามไป ‘ส่งแขก’ ถือโอกาสไปสืบข่าวสักหน่อยว่าที่อวี่จ้งเจินบอกว่าจะให้เหมียวอี้ไปอยู่หน่วยองครักษ์ฝ่ายซ้ายนั้นพูดจริงหรือล้อเล่น

หลังจากผ่านไปเกือบครึ่งวัน หยางชิ่งถึงได้กลับมา พอเจอหน้ากัน เหมียวอี้ที่เอามือไขว้หลังเดินไปเดินมาอยู่ในสวนดอกไม้ก็ถามทันทีว่า “เรื่องเป็นยังไงกันแน่?”

“แม่เฒ่าลวี่ต้องการจะอยู่ที่ตลาดสวรรค์สองวัน หรูฮูหยินบอกว่าจะอยู่เป็นเพื่อนนางสักหน่อย ให้ข้ามาบอกนายท่าน รอให้ท่านแม่บุญธรรมนางไปก่อน แล้วนางจะกลับมา” หยางชิ่งตอบ

“ข้าไม่ได้ถามถึงนาง ถ้านางไม่กลับมาข้าก็ยิ่งดีใจ ข้าถามถึงอวี่จ้งเจินนั่น” เหมียวอี้กล่าว

หยางชิ่งส่ายหน้าเบาๆ “ไม่เหมือนพูดล้อเล่น เกรงว่าจะเอาจริง อ้อมไปอ้อมมาตั้งไกล เกรงว่านี่คงจะเป็นจุดประสงค์ของพวกเขา”

เหมียวอี้หรี่ตา “หรือพูดได้อีกอย่างว่า ไม่ว่าครั้งนี้ข้าจะเกรงใจแม่เฒ่าลวี่หรือไม่ พวกเขาก็จะดึงตัวข้าไปอยู่หน่วยองครักษ์ฝ่ายซ้ายเหมือนเดิม มีจุดประสงค์อะไรกันแน่?”

หยางชิ่งอธิบายว่า “ตอนแรกที่ได้ฟังคำพูดของอวี่จ้งเจิน ข้าน้อยก็ยังคิดอยู่เลย ว่าการที่นายท่านก่อเรื่องหลายครั้งได้ดึงดูดความสนใจบุคคลระดับสูงของหน่วยองครักษ์ฝ่ายซ้ายเข้าแล้วรึเปล่า จงใจจะดึงตัวนายท่านไปชุบเลี้ยง แต่ช่วยไม่ได้ที่หน่วยองครักษ์ฝ่ายซ้ายคือกองทัพองครักษ์ของตำหนักสวรรค์ ไม่สะดวกจะให้คนที่มีประวัติกำพืดไม่ชัดเจนเข้าไปแทรกซึม ถึงได้จับตาดูนายท่านไว้ แต่พอลองนึกย้อนไป ต่อให้บุคคลระดับสูงของหน่วยองครักษ์ฝ่ายซ้ายจะถูกใจนายท่าน แต่คาดว่าคงเป็นไปไม่ได้ที่จะสั่งให้หน่วยตรวจการฝ่ายซ้ายใช้เวลาหลายพันปีและความพยายามมากมายเพื่อจัดการเรื่องเล็กๆ แบบนี้ องครักษ์ฝ่ายซ้ายกับหน่วยตรวจการฝ่ายซ้ายอยู่ในระดับเดียวกัน เกรงว่าจะยังขาดความเชี่ยวชาญ ข้าลองไปคิดไปคิดมา พบว่ามีอยู่หนึ่งคนที่สามารถทำให้หน่วยตรวจการฝ่ายซ้ายวิ่งวุ่นเล่นใหญ่กับเรื่องเล็กน้อยแบบนี้ได้ ราชันสวรรค์! หรือว่าราชันสวรรค์จะถูกใจนายท่าน? ถ้าเป็นแบบนี้จริงๆ ก็สามารถอธิบายเรื่องนี้ได้แล้ว คนที่ราชันสวรรค์ต้องการจะใช้งาน ย่อมปล่อยให้เกิดเรื่องผิดพลาดไม่ได้อยู่แล้ว เพียงแต่นายท่านรู้สึกว่าเป็นไปได้รึเปล่า?”

“ราชันสวรรค์ถูกใจข้าเหรอ?” เหมียวอี้ชี้ที่จมูกตัวเอง แล้วถามกลับว่า “เจ้าคิดว่าเป็นไปได้เหรอ?”

ราชันสวรรค์อาจจะอยู่ไกลไปหน่อย หยางชิ่งจึงยิ้มเจื่อนในขณะที่ตอบ “เหมือนจะเป็นไปไม่ได้กระมัง! ข้าคิดไปคิดมา เพียงอยากจะถามนายท่านสักคำ บนตัวนายท่านมีเรื่องอะไรที่ควรค่าจะให้หน่วยตรวจการฝ่ายซ้ายสิ้นเปลืองความพยายามไปมากกว่านี้เหรอ? ในจุดนี้ มีเพียงนายท่านที่รู้ชัดอยู่แก่ใจ”

พูดจากใจจริง เขารู้สึกได้ตั้งนานแล้วว่าเบื้องหลังเหมียวอี้เหมือนจะมีอะไรแปลกๆ เจ้าทดสอบที่แดนอเวจีคนเดียวก็พอแล้ว ทั้งยังควบคุมคะแนนทดสอบของปี้เยว่ได้อีก สงเวย ฝูชิง อิงอู๋ตี๋กับหงเทียน แต่ละคนล้วนผ่านการทดสอบ แบบนี้เกินไปหน่อยรึเปล่า?

เมื่อเชื่อมโยงกับเรื่องที่หน่วยตรวจการฝ่ายซ้ายทำ เขามีเหตุผลที่จะสงสัยได้เลยว่าระหว่างเหมียวอี้กับโจรกบฏในนรกมีความสัมพันธ์อะไรไม่ชัดเจนจนถูกตำหนักสวรรค์สังเกตได้แล้วหรือเปล่า

เหมียวอี้แอบกระตุกวูบในใจ แต่ภายนอกกลับถอนหายใจ “เจ้าคิดมากไปแล้ว ขนาดเจ้ายังไม่รู้ชัดเลยว่าเรื่องอะไรกันแน่ บางทีอาจจะเผยพิรุธเรื่องพิภพเล็กแล้วก็ได้”

หยางชิ่งเงียบไป ในเมื่อเหมียวอี้ไม่อยากบอก เขาก็ไม่ถามแล้วเช่นกัน เขาไม่เชื่อหรอกว่าแค่พิภพเล็กจะมีค่าพอให้ตำหนักสวรรค์ใช้ความพยายามมากขนาดนี้ แค่พิภพเล็กกระจอกๆ ไม่นับว่าสำคัญอะไรกับตำหนักสวรรค์เลย อย่างมากก็แค่บุกเบิกดาวดวงใหม่แล้วยัดตำแหน่งขุนนางที่ต่ำต้อยเล็กน้อยเหมือนเม็ดถั่วเขียวได้มากขึ้นเท่านั้นเอง

สำหรับเรื่องบางอย่าง ถ้าไม่ได้อยู่ภายใต้สถานการณ์ที่รู้ข่าวสารครบถ้วนว่องไว ก็มักจะทำให้คนตัดสินพลาดได้ง่ายๆ

ไม่ว่าจะอย่างไร เหมียวอี้ก็ไม่อยากเป็นองครักษ์ฝ่ายซ้าย ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่น แค่กลุ่มอนุภรรยาในบ้านก็จัดหาที่พักให้ลำบากแล้ว อีกประเดี๋ยวเขาจึงหยิบระฆังดาราออกมาติดต่อปี้เยว่ หวังว่าปี้เยว่จะสามารถช่วยต้านทานเรื่องนี้ให้เขาได้

ส่วนปี้เยว่ก็บ่นเขา เจ้าดูไม่เหมือนคนที่บ้าผู้หญิงนะ เพื่อคนเต้นกินรำกินคนเดียว เจ้ายั่วโมโหแม่เฒ่าลวี่จนเกิดเรื่องยุ่งยากแบบนี้มันคุ้มแล้วเหรอ?

ความจริงของเรื่องนี้ เหมียวอี้ก็ไม่สะดวกจะบอกนางเช่นกัน บนตัวมีความลับซ่อนไว้เป็นกอง คอยปิดบังทางซ้ายทีทางขวาทีก็ลำบากมาก บางสิ่งบางอย่างเมื่อไปพูดกับใครก็ไม่เหมาะสมทั้งนั้น ต่อให้เป็นเหยียนซิวก็ตาม คนเดียวที่เขาบอกได้ก็คืออวิ๋นจือชิว แต่จนใจที่ช่วงนี้เขาไม่กล้าไปพบหน้าอวิ๋นจือชิว

เขาติดต่อกับทางเทพประจำดาวฟ้าเถาะ หวังว่าอีกฝ่ายจะช่วยเขาได้ แต่ความเห็นของเทพประจำดาวฟ้าเถาะกับปี้เยว่ก็ไม่ต่างกันเท่าไร ตำหนิว่าเขาไปยั่วโมโหแม่เฒ่าลวี่ทำไม? สิ่งนี้เทพประจำดาวฟ้าเถาะช่วยเหลือไม่ได้ เพียงแต่ถ้าจะห้ามคนขององครักษ์ฝ่ายซ้ายไม่ให้รับคน จะต้องให้หมากข้างบนที่ตัวใหญ่กว่านี้ออกหน้าให้ เขาถามเหมียวอี้กลับว่าเหมาะสมเหรอ?

เหมียวอี้ทำได้เพียงคิดเสียว่าไม่ได้พูดอะไรทั้งนั้น เป็นไปไม่ได้ที่เทพประจำดาวฟ้าเถาะจะเคลื่อนไหวใหญ่โตเพื่อคนตำแหน่งผู้บัญชาการเล็กๆ อย่างเขาคน ทำได้เพียงแอบแก้ปัญหาด้วยตัวเอง ไม่มีทางเปิดเผยความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองคน

ตอนนี้สิ่งเดียวที่เขาจะหวังได้ก็คือปี้เยว่จะสามารถต้านทานไหว

หลังจากนั้นสองวัน แม่เฒ่าลวี่ก็ไปแล้ว เฟยหงก็กลับบ้านแล้วเช่นกัน พูดสิ่งดีๆ เพื่อปะเหลาะเหมียวอี้ หวังว่าเหมียวอี้จะไม่เก็บมาใส่ใจ

ตรงหน้าคือยอดหญิงงามดุจหยกแท้ๆ แต่กลับซ่อนอันตรายเอาไว้ราวกับปราณกระบี่ มีทั้งศึกภายนอกและศึกภายใน เหมียวอี้รู้สึกปวดหัว ที่สำคัญคือไม่รู้ว่าหน่วยตรวจการฝ่ายซ้ายกำลังจับตาดูเขาเพราะเรื่องอะไรกันแน่ เขาอยากจะบีบบังคับให้เฟยหงบอกความจริงออกมาอย่างซื่อสัตย์ แต่คาดว่าหมากตัวหนึ่งอย่างเฟยหงก็อาจจะไม่รู้ความจริงอะไรเช่นกัน

ทะเลมรกตท้องฟ้าสีคราม ตึกที่งดงามฝังอยู่บนหน้าผาริมทะเล สีเดียวกับภูเขาหินที่อยู่รอบๆ  ถ้าไม่เข้าไปมองใกล้ๆ ก็ไม่มีใครสังเกตเห็น เป็นหนึ่งในฐานที่มั่นของหน่วยตรวจการฝ่ายซ้ายตำหนักสวรรค์

ซือหม่าเหวิ่นเทียนนั่งลิ้มสุราดูทิวทัศน์ทะเลอยู่ในศาลาริมหน้าผา ข้างกายไม่มีคนอื่น ลักษณะพิเศษของหน่วยตรวจการฝ่ายซ้ายก็เป็นแบบนี้ ต่อให้เป็นคนในหน่วยงานเหมือนกัน แต่เรื่องบางเรื่องก็บอกให้คนภายในรู้ไม่ได้ ไม่อย่างนั้นก็มีความเป็นไปได้สูงมากว่าข่าวจะเล็ดรอด

ผ่านไปครู่เดียว เงาคนสองคนก็เหาะลงมาจากฟ้า ถลันวูบเข้ามาในศาลาริมหน้าผา เป็นแม่เฒ่าลวี่กับอวี่จ้งเจินนั่นเอง

ซือหม่าเหวิ่นเทียนหรี่ตายิ้มพร้อมยื่นมือเชิญ แม่เฒ่าลวี่ไม่นั่ง แต่กลับใช้ไม้เท้าในมือกระทุ้งพื้น พร้อมกระฟัดกระเฟียดบ่น “ยายแก่อายุป่านนี้แล้วยังมีลูกสาวบุญธรรมคนหนึ่ง เจ้าว่าไร้คุณธรรมมั้ยล่ะ? โจรสุนัขซือหม่า ข้าจะบอกเจ้าให้นะ ต่อไปอย่าเรียกข้ามาเพราะเรื่องแบบนี้อีก ข้าทำเรื่องละครโกหกลอกหลวงผู้คนแบบนี้ไม่ได้!”

“นี่เป็นอะไรไปแล้ว? ทำไมโมโหขนาดนี้” ซือหม่าเหวิ่นเทียนแปลกใจ

พอหย่อนก้นนั่งลง อวี่จ้งเจินก็กล่าวพร้อมหัวเราะลั่นทันที “โดนเจ้าหนิวโหย่วเต๋อนั่นชี้หน้าด่าว่ายายปีศาจเฒ่าน่ะสิ ตลอดทางที่กลับมาด่าพึมพำไม่หยุด”

ซือหม่าเหวิ่นเทียนขานรับ “อ๋อ” แล้วก็กลั้นขำไม่ไหวเช่นกัน เขาได้รับรายงานรายละเอียดของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาแล้ว จึงไอแห้งๆ แล้วบอกว่า “เจ้าเด็กนั่นมีนิสัยชอบกินแต่ของอ่อนไม่กินของแข็ง ไม่อย่างนั้นคงไม่กล้าเป็นศัตรูกับขุนนางทั้งราชสำนักหรอก โมโหก็ส่วนโมโห ทุกคนเป็นคนในตำหนักสวรรค์เหมือนกัน ในภายหลังถ้าจะยุติเรื่องนี้ได้ดีก็หวังว่าเก็บความลับไว้ น้ำใจนี้ข้าจะจดจำไว้”

แม่เฒ่าลวี่หันหน้าหนีอย่างกระฟัดกระเฟียด

อวี่จ้งเจินดื่มสุราไปหนึ่งจอกแล้วเลิกยิ้ม เอามือเคาะโต๊ะพร้อมถามว่า “ข้าว่านะทูตซ้าย ยัดเจ้าเด็กนั่นมาอยู่ในสังกัดข้าจะไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้นใช่มั้ย?”

“จะเกิดเรื่องอะไรขึ้นได้ ความสามารถของเจ้าเด็กนั่นก็พอมีอยู่บ้าง” ซือหม่าเหวิ่นเทียนกล่าว

อวี่จ้งเจินกล่าวอย่างปวดประสาทว่า “มีความสามารถนั้นเป็นเรื่องดี แต่กลัวว่าจะไม่เอาความสามารถไปใช้ให้ถูกที่น่ะสิ! เมื่อก่อนได้ยินถึงความหยาบคายของเจ้าเด็กนั่นมาก่อน ครั้งนี้นับว่าข้าได้เห็นกับตาตัวเองแล้ว พอไม่สบอารมณ์ขึ้นมาก็สั่งให้คนเฝ้าบ้านปล่อยหมาทันที ทั้งๆ ที่รู้ฐานะของข้ากับแม่เฒ่าลวี่ แต่ยังกล้ากัดพวกเราอีก ต่อไปถ้ามาก่อเรื่องตอนเป็นลูกน้องข้า แล้วจะไปคิดบัญชีกับใครดีล่ะ?”

ซือหม่าเหวิ่นเทียนบอกว่า “เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องกังวล ถึงตอนนั้นข้าย่อมบอกนายท่านผู้บงการของพวกเจ้าให้อยู่แล้ว”

ตอนนี้อวี่จ้งเจินถึงได้โล่งอก แต่ก็ยังเตือนอีกว่า ท่านเองก็รู้จักกำลังพลขององครักษ์ซ้ายขวา พวกเขาเป็นทหารห้าวที่เที่ยวใช้อำนาจบาตรใหญ่ทั้งนั้น วรยุทธ์เขาต่ำไปหน่อย ถ้าไปรับตำแหน่งผู้บัญชาการใหญ่ที่นั่น เกรงว่าลูกน้องจะไม่ยอมนะ!ถ้าคุมคนไม่ได้ ข้าก็ไม่สะดวกจะพูดอะไรเหมือนกัน ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นอย่ามาโทษข้านะ”

ซือหม่าเหวิ่นเทียนตอบว่า “เรื่องนี้ก็ขึ้นอยู่กับเขาแล้ว ลับมีดไงล่ะ ถ้าไม่ลับแล้วจะคมได้ยังไง ถ้าไม่ลับตัวเองให้คม ก็จะไปโทษใครไม่ได้ทั้งนั้น เบื้องบนก็จะไม่ว่าอะไรด้วย แต่จะว่าไปแล้ว เขาคือคนที่ฝ่าบาทเลือกเอง ฝ่าบาทเอ่ยปากแล้วว่าจะให้โอกาสเขา ถ้าเจ้าไม่ดูแลเขาสักหน่อยก็จะฟังไม่ขึ้นเหมือนกัน ใช่มั้ยล่ะ?”

อวี่จ้งเจินถอนหายใจแล้วถามว่า “ท่านเปลี่ยนที่ให้เขาหน่อยไม่ได้เหรอ?”

“ข้าเองก็ไม่มีอำนาจตัดสินใจเรื่องนี้ ข้าไม่มีอำนาจย้ายกำลังพลขององครักษ์ฝ่ายซ้ายอย่างพวกเจ้า เจ้าคือคนที่ผู้ตรวจการใหญ่ของพวกเจ้าส่งมา ไม่งั้นเจ้าก็กับไปเจรจากับผู้ตรวจการใหญ่ของพวกเจ้าสิ บอกว่าเจ้าไม่อยากเป็นแล้ว ให้เขาเปลี่ยนคนดีมั้ย?” ซือหม่าเหวิ่นเทียนถาม

อวี่จ้งเจินพูดไม่ออก คว้ากาสุรามารินดื่มเอง คิดเสียว่าไม่ได้พูดอะไรก็แล้วกัน…

หลังจากนั้นครึ่งเดือน ทางตลาดสวรรค์ก็มีคำสั่งโยกย้ายคนลงมาแล้ว แต่ปี้เยว่ไม่ยอมปล่อยคน ต่อต้านแล้ว!

ผ่านไปไม่นาน ราชินีสวรรค์เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ก็ออกคำสั่งด้วยตัวเอง บอกว่าได้รับรายงานมาจากเบื้องล่าง รายงานว่าเหมียวอี้ใช้อำนาจเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว ชิงตัวยอดพธูของตลาดสวรรค์มาเป็นอนุภรรยา ตำหนิว่าเหมียวอี้ก่อกรรมทำชั่วที่ดาวเทียนหยวน ถ้าไม่ลงโทษก็ไม่อาจคุมคนได้ ให้ถอดเหมียวอี้ออกจากตำแหน่งผู้บัญชาการใหญ่ตลาดสวรรค์ของดาวเทียนหยวนทันที!

ใช้ไม้อ่อนไม่ได้ก็ต้องใช้ไม้แข็ง ตอนนี้ปี้เยว่ก็ทำอะไรไม่ได้แล้วเช่นกัน ใครใช้ให้เหมียวอี้ก้นไม่สะอาดเองล่ะ นี่ไม่ใช่คำสั่งโยกย้าย แต่เป็นการปลดจากตำแหน่งเพราะทำผิด ไม่ว่าใครก็ว่าอะไรไม่ได้!

เหมียวอี้นึกไม่ถึงว่าตัวเองจะเดินตามรอยเซี่ยโห้วหลงเฉิงเหมือนกัน เพียงแต่ตอนที่ไปรับการสอบสวนที่จวนแม่ทัพภาคตงหัว ปี้เยว่ก็ได้รับคำแนะนำจากเขาอย่างลับๆแล้ว ว่าให้ฝูชิงผู้บัญชาการเขตเมืองตะวันออกมารับตำแหน่งผู้บัญชาการใหญ่แทน เหตุผลก็ไม่ซับซ้อนเลย เหมียวอี้ไม่อาจะให้ดาวเทียนหยวนสูญเสียการควบคุมหลังจากที่ตัวเองไปแล้ว

…………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด