พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า 1192 สมคบคิด

Now you are reading พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า Chapter 1192 สมคบคิด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

<p>ท่ามกลางเสียงคำรามที่สะเทือนหู เหมียวอี้หัวเราะเบาๆ ก่อนจะโบกมือเก็บเฮยทั่นเข้ากระเป๋าสัตว์ แล้วหันไปมองเป่าเหลียนที่โผล่หน้าออกมาจากประตูพระจันทร์เพราะได้ยินเสียงคำรามของเฮยทั่น เขาเอามือไขว้หลังเดินเข้าไปพร้อมถามว่า &#8220;พวกฝูชิงมาแล้วหรือยัง?&#8221;</p>
<p>เป่าเหลียนรีบเดินเข้าไป ขณะที่เดินตามหลังเขาก็ตอบว่า &#8220;กำลังรออยู่ในโถงหลักค่ะ&#8221;</p>
<p>เหมียวอี้ตอบ &#8220;อืม&#8221; คำเดียว แล้วเดินไปข้างหน้าต่อ แต่เป่าเหลียนกลับอดไม่ได้ที่จะถามว่า &#8220;นายท่านกำลังจะไปเข้าร่วมการทดสอบหรือคะ?&#8221;</p>
<p>&#8220;เจ้าคิดว่าไงล่ะ?&#8221;</p>
<p>&#8220;นายท่านได้โปรดไตร่ตรองให้ดี&#8221;</p>
<p>&#8220;ไม่มีอะไรน่าไตร่ตรอง ไปประเดี๋ยวเดียวเดี๋ยวก็กลับ ตอนที่ข้าไม่อยู่ เจ้าก็พยายามเพิ่มวรยุทธ์ของตัวเอง รอข้ากลับมาเลื่อนขั้นขุนนางให้เจ้า!&#8221;</p>
<p>เป่าเหลียนอึกอักเหมือนอยากพูดอะไร แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไรอีก ติดตามอยู่ข้างกายเหมียวอี้มานานขนาดนี้ นางคุ้นชินกับคำพูดที่มีน้ำหนักและน่าเชื่อถือของเหมียวอี้แล้ว</p>
<p>&#8220;คำนับผู้บัญชาการใหญ่!&#8221;</p>
<p>พอเหมียวอี้โผล่หน้าเข้ามาในโถงหลัก ฝูชิง อิงอู๋ตี๋ สวีถังหราน มู่หรงซิงหัวก็คำนับพร้อมกัน นอกจากนี้ยังมีอีกคนหนึ่ง นั่นก็คือซูลี่ ลูกน้องของสวีถังหราน!</p>
<p>ซูลี่ค่อนข้างประหม่าอย่างเห็นได้ชัด</p>
<p>เหมียวอี้ยกมือบอกใบ้ว่าไม่ต้องมากพิธี สายตาไปหยุดอยู่บนตัวซูลี่พร้อมถามว่า  &#8220;เจ้าคือซูลี่เหรอ?&#8221;</p>
<p>สายตาของคนอื่นๆ หันมองตาม โดยเฉพาะมู่หรงซิงหัว</p>
<p>&#8220;ข้าน้อยคือซูลี่ขอรับ!&#8221; ซูลี่ตอบอย่างประหม่ากังวล</p>
<p>เหมียวอี้ยิ้มบางๆ พลางพยักหน้า จากนั้นก็บอกอีกสี่คนว่า &#8220;ระหว่างที่ข้าไม่อยู่เพราะไปเข้าร่วมการทดสอบ ทุกคนก็ดูแลอาณาเขตของตัวเองให้ดี เรื่องทุกอย่างของตลาดสวรรค์ให้พวกเจ้าสี่คนปรึกษากันและตัดสินใจ ถ้าตัดสินใจไม่ได้ ก็รายงานขึ้นไปที่จวนแม่ทัพภาคตงหัว&#8221;</p>
<p>&#8220;รับทราบ!&#8221; ฝูชิง อิงอู๋ตี๋และสวีถังหรานเอ่ยรับ</p>
<p>ส่วนมู่หรงซิงหัวก็พลันเหลือบตามองเหมียวอี้ ไม่นับว่าตกตะลึงอะไร มีลางสังหรณ์ตั้งแต่แรกแล้ว แล้วก็เอียงหน้าช้าๆ มองเพื่อนร่วมตำแหน่งอีกสามคนที่เอ่ยรับเป็นเสียงเดียวกันอย่างไม่ประหลาดใจเลยแม้แต่น้อย เห็นได้ชัดว่าสามคนนี้รู้อะไรบางอย่างตั้งแต่แรกแล้ว</p>
<p>ที่จริงนางก็ตระหนักถึงปัญหาอะไรบางอย่างแล้วเช่นกัน หลังจากการกระทำของเฉาว่านเสียงที่จวนแม่ทัพภาคตงหัวครั้งก่อน นางก็รู้สึกได้ว่าเหมียวอี้รักษาระยะห่างกับนาง มักจะเรียกผู้บัญชาการอีกสามคนโดยไม่มีนาง</p>
<p>&#8220;ไม่มีอะไรจะพูดแล้วเหมือนกัน เอาอย่างนี้เถอะ ซูลี่ เราต้องร่วมทางกันพอดี ไปด้วยกันเถอะ!&#8221; เหมียวอี้พูดทิ้งท้าย แล้วเดินก้าวยาวผ่านพวกเขาออกไป ส่วนซูลี่ก็เอ่ยรับแล้วตามหลังเขาไป</p>
<p>คนอื่นๆ ก็รีบตามไปเช่นกัน สวีถังหรานกำชับซูลี่ว่า &#8220;ซูลี่ ครั้งนี้ดูแลนายท่านให้ดี ถ้าประมาทเลินเล่อข้าจะเอาเรื่องเจ้า&#8221;</p>
<p>&#8220;ขอรับ!&#8221; ซูลี่เอ่ยรับ</p>
<p>พวกเขาเดินตามมาส่งเหมียวอี้ตลอดทางจนออกนอกตำหนักคุ้มเมือง แล้วกุมหมัดคารวะน้อมส่ง มองตามเหมียวอี้นำซูลี่เหาะไปทางประตูเมือง</p>
<p>จนกระทั่งเงาคนหายไป พวกเขาถึงได้สบตากันแล้วต่างคนต่างถอนหายใจ จู่ๆ ก็ได้ยินมู่หรงซิงหัวแสยะยิ้มถามว่า &#8220;พวกเจ้าสามคนรู้ตั้งแต่แรกแล้วใช่มั้ยว่าผู้บัญชาการใหญ่จะไปเข้าร่วมการทดสอบ?&#8221;</p>
<p>ฝูชิงกับอิงอู๋ตี๋ไม่ตอบอะไร สวีถังหรานหัวเราะแห้งๆ แล้วตอบว่า &#8220;ที่จริงก็เพิ่งรู้ได้ไม่นานเหมือนกัน&#8221;</p>
<p>&#8220;งั้นเหรอ?&#8221; มู่หรงซิงหัวพ่นเสียงทางจมูก &#8220;ในเมืองมีคนตั้งเดิมพันกันแล้ว เดิมพันว่านายท่านจะไปเข้าร่วมการทดสอบหรือไม่ ข้าได้ยินว่าผู้บัญชาการสวีก็แอบสั่งให้คนเดิมพันไปแล้วไม่น้อย ครั้งนี้คงจะทำกำไรได้ไม่น้อยเลยสิท่า?&#8221;</p>
<p>พอได้ยินแบบนั้น ฝูชิงกับอิงอู๋ตี๋ก็มองไปที่สวีถังหรานด้วยสายตาเย็นเยียบพร้อมกัน</p>
<p>&#8220;&#8230;&#8221; สวีถังหรานพูดไม่ออกไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็แก้ตัวอย่างลนลานทันที &#8220;เจ้าไปฟังใครพูดมา ข้าไม่เคยเลย&#8221;</p>
<p>ไม่ให้ร้อนรนคงไม่ได้ ผู้บัญชาการใหญ่ยังไปได้ไม่ไกล สามารถใช้ระฆังดาราเรียกกลับมาได้ทุกเมื่อ แถมผู้บัญชาการใหญ่ยังสามารถปลิดชีพเขาได้ตลอดเวลาด้วย ถ้าให้ผู้บัญชาการใหญ่รู้จะไม่แย่หรอกเหรอ? ที่จริงเขาก็ไม่ได้มีเจตนาอื่น เพียงแต่คิดว่าในเมื่อรู้เหตุการณ์ภายในแล้ว แล้วทำไมจะต้องพลาดโอกาสทำเงินนี้ไปด้วย ถ้าอนาคตน่าเป็นห่วง จะได้มีทุนเก่าเอาไว้ยามนั่งรองานก็เท่านั้นเอง</p>
<p>เรื่องนี้เขาไม่ได้ลงมือเองโดยตรง แต่วางแผนให้หวงเสี้ยวเทียนไปทำ ขนาดทำแบบนี้ยังมีข่าวหลุดได้ แสดงว่าทางหวงเสี้ยวเทียนต้องทำอะไรผิดพลาด</p>
<p>ที่จริงการเดิมพันนี้ไม่ได้จัดที่เขตเมืองเหนือของมู่หรงซิงหัว นางได้ยินมาว่าหวงเสี้ยวเทียนวางเดิมพันแล้วได้เงินก้อนใหญ่ แล้วบังเอิญรู้พอดีว่าหวงเสี้ยวเทียนกับสวีถังหรานรู้จักกัน ถ้าหวงเสี้ยวเทียนไม่ได้ข่าวอะไรที่แน่นอน มีหรือที่จะลงเดิมพันหนักๆ ได้ ดังนั้นนางถึงพูดลองเชิงสักหน่อย เพื่อดูท่าทีของสวีถังหรานและอีกสองคน ปรากฏว่ามีความเป็นไปได้สูงจริงๆ ด้วย</p>
<p>มู่หรงซิงหัวเองก็ไม่ได้มีเจตนาจะทำให้สวีถังหรานลำบาก แค่จะยืนยันให้แน่ใจสักหน่อยเท่านั้นเอง ตอนนี้พิสูจน์ได้แล้วว่าทั้งสามรู้สถานการณ์ตั้งแต่แรก และพิสูจน์แล้วว่าผู้บัญชาการใหญ่ไม่วางใจนางจริงๆ นางก็เข้าใจในฉับพลัน แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรมากอีก เดินลงบันไดไปแล้ว&#8230;</p>
<p>จวนแม่ทัพภาคตงหัว。</p>
<p>จุดรวมตัวอยู่ในศาลานอกจวนแม่ทัพภาค คนที่จัดการเรื่องนี้คือลูกน้องเก่าข้างกายปี้เยว่ฮูหยิน และเป็นอดีตผู้ช่วยของเหมียวอี้เช่นกัน เล่าหนานซงอดีตผู้ช่วยผู้บัญชาการใหญ่ของตลาดสวรรค์ดาวเทียนหยวน</p>
<p>เมื่อเห็นเหมียวอี้นำซูลี่มารายงานตัว เล่าหนานซงก็ไม่ถือว่าดีใจหรือเสียใจอะไร ในปีนั้นเหมียวอี้ไม่ได้ปฏิบัติต่อเขาอย่างดีหรือว่าร้าย ผลประโยชน์ที่ควรจะได้ก็ได้ครบ เพียงแต่กันเขาออกจากอำนาจ ตั้งเขากับกงอวี่เฟยเอาไว้ในตำแหน่งเฉยๆ ด้วยเหตุนี้จึไม่เห็นว่าเขามีใบหน้ายิ้มอะไรให้</p>
<p>เหมียวอี้อ่านสถานการณ์ออก พอเห็นเขา ก็หยิบแหวนเก็บสมบัติวงหนึ่งดีดมาตรงหน้า แล้วกล่าวพร้อมรอยยิ้ม &#8220;ผู้การเล่า ไม่เจอกันนานมากแล้ว สบายดีนะ&#8221;</p>
<p>เล่าหนานซงถือโอกาสแอบตรวจดูของในแหวนเก็บสมบัติ จากนั้นก็ยิ้มแล้ว กุมหมัดทักทายว่า &#8220;ผู้บัญชาการใหญ่มาแล้ว&#8221;</p>
<p>เหมียวอี้พยักหน้า &#8220;มาลงสมัคร นี่คือผู้บังคับการกองร้อยซูลี่ อยู่ใต้สังกัดเขตเมืองตะวันตก&#8221; เหมียวอี้ถือโอกาสแนะนำซูลี่</p>
<p>เล่าหนานซงยิ้มแย้ม แล้วหยิบสมุดรายชื่อออกมา &#8220;ผู้บัญชาการใหญ่อย่าถือสานะ ยังต้องแยกงานออกจากเรื่องส่วนตัว ตรวจสอบสถานะ&#8221;</p>
<p>&#8220;ย่อมต้องทำแบบนี้อยู่แล้ว&#8221; เหมียวอี้ยิ้มตอบ</p>
<p>หลังจากเขากับซูลี่หยิบหนังสือรายงานตัวทดสอบส่งให้ แล้วลงตราอิทธิฤทธิ์เทียบกัน พิสูจน์แล้วว่าไม่ใช่การสวมรอย เล่าหนานซงถึงได้เก็บหนังสือรายงานที่ตรวจสอบรายชื่อแล้ว จากนั้นชี้ไปยังคฤหาสน์ใหญ่ที่เพิ่งสร้างใหม่ตรงตีนเขา &#8220;ผู้บัญชาการใหญ่ หลังจากสมาชิกที่เข้าร่วมการทดสอบมารายงานตัวแล้ว ทั้งหมดก็จะเข้าไปพักอยู่ด้วยกัน จะได้ดูแลได้สะดวก ป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด แล้วจะอธิบายลำบาก แต่ผู้บัญชาการใหญ่ทั้งสิบล้วนมีเรือนพักเดี่ยว นี่คือสิ่งที่ท่านแม่ทัพภาคสั่งให้ดูแลพิเศษ กงอวี่เฟยเป็นคนดูแลจัดการคฤหาสน์ชั่วคราว หลังจากผู้บัญชาการใหญ่เข้าพักแล้ว หากมีปัญหาอะไรก็ไปหากงอวี่เฟยได้&#8221;</p>
<p>เหมียวอี้หันกลับไปมองคฤหาสน์หลังนั้นพร้อมถามว่า &#8220;ผู้บัญชาการใหญ่ที่เก้าคนลงชื่อสมัครเข้าร่วมหมดเลยเหรอ?&#8221;</p>
<p>&#8220;ผลลัพธ์จากการไม่ลงสมัครเข้าร่วม ผู้บัญชาการใหญ่เองก็รู้นี่นา นี่เป็นการโดนกดดันจนไม่มีทางเลือกไม่ใช่เหรอ&#8221; เล่าหนานซงตอบ</p>
<p>เหมียวอี้ถามอีกว่า &#8220;ทางจวนแม่ทัพภาคตงหัวมีคนเข้าร่วมการทดสอบเท่าไร?&#8221;</p>
<p>&#8220;เกือบสองพันคน มากันเกือบหมด&#8221; เล่าหนานซงตอบ</p>
<p>นึกไม่ถึงว่าจะมีคนมากมายขนาดนี้ที่ไม่กลัวตาย! เหมียวอี้เงียบไปครู่หนึ่ง แล้วหันกลับมาบอกซูลี่ &#8220;เจ้าไปที่เรือนพักของข้าในคฤหาสน์ก่อน ไม่ต้องไปเบียดกับคนอื่น อยู่กับข้าแล้วกัน ข้าจะไปเยี่ยมคารวะแม่ทัพภาค เดี๋ยวค่อยกลับไปหาเจ้า&#8221;</p>
<p>&#8220;ขอรับ!&#8221; ซูลี่เอ่ยรับ</p>
<p>เล่าหนานซงสั่งให้คนคนหนึ่งคุ้มครองซูลี่ไปส่งต่อทันที ขณะเดียวกันก็สั่งให้คนไปรายงานในจวนแม่ทัพภาค</p>
<p>เหมียวอี้รออยู่ครู่เดียว ก็มีคนมาบอกว่าแม่ทัพภาคเชิญให้เข้าพบ ตอนนี้ถึงได้กุมหมัดคารวะเล่าหนานซงแล้วเร่งฝีเท้าเดินออกไป</p>
<p>ในจวน เมื่อเจอปี้เยว่ฮูหยินอีกครั้ง ระหว่างทั้งสองก็มีระยะห่างกันอย่างเห็นได้ชัด ทั้งสองฝ่ายทักทายกันโดยรักษาสถานะเจ้านายกับลูกน้องเอาไว้ ไม่เห็นปี้เยว่ฮูหยินที่เคยเด็ดดอกไม้ส่งให้ท่านขุนนางเหมียวเหมือนในปีนั้นแล้ว ดูเกรงใจขึ้นเยอะ</p>
<p>หลังจากคุยกันได้สักครู่เดียว เหมียวอี้ก็กล่าวขอตัวลา ปี้เยว่ฮูหยินสั่งให้คนออกไปส่งเขาด้วยตัวเอง</p>
<p>พอมาถึงคฤหาสน์ตรงตีนเขา คนที่เดินมาส่งก็ส่งตัวเหมียวอี้ต่อให้หทารยามที่เฝ้าคฤหาสน์ จากนั้นตัวเองก็เดินออกไป</p>
<p>คฤหาสน์ที่สร้างใหม่นี้ ทุกที่ดูใหม่ไปหมด ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือทำได้ค่อนข้างหยาบ แม้แต่ต้นไม้พื้นฐานที่ควรจะมีก็ไม่ได้ปลูก ถึงอย่างไรก็เป็นที่พักชั่วคราวแค่สองเดือนเท่านั้น หลังจากแน่ใจจำนวนคนที่เข้าร่วมการทดสอบแล้ว ก็รีบเร่งสร้างออกมาให้เสร็จ ตอนจุดหัวเลี้ยวหัวต่อสุดท้ายมีคนมาลงชื่อสมัครไม่น้อยเลย</p>
<p>คนที่รับตัวเหมียวอี้คือผู้ช่วยผู้บัญชาการคนหนึ่ง ชื่อว่าหลี่หวนถัง หรือพูดได้อีกอย่างว่าเป็นลูกน้องเก่าของเหมียวอี้ เพียงแต่ตอนแรกอีกฝ่ายประจำอยู่ที่ตำหนักคุ้มเมือง ไม่ได้ถูกควบคุมโดยเหมียวอี้ก็เท่านั้นเอง ตอนนี้ไม่ได้เคารพอะไรเหมียวอี้ ชี้มือส่งๆ ไปยังเรือนพักที่อยู่ในสุดจากเรือนพักสิบหลังที่เรียงแถวกัน &#8220;หนิวโหย่วเต๋อ นั่นคือเรือนพักของเจ้า&#8221;</p>
<p>ชักสีหน้าใส่ก็ว่าแย่แล้ว ทั้งยังบังอาจเรียกชื่อเขาตรงๆ อีก เหมียวอี้มองหลี่หวนถังหัวจดเท้า แล้วถามว่า &#8220;กงอวี่เฟยอยู่ที่ไหน?&#8221;</p>
<p>หลี่หวนถังชี้ไปยังพื้นดิน ทำท่าเหมือนไปกินยาผิดมา ไม่มีความแค้นอะไรต่อกัน แต่กลับตะคอกอย่างไม่เกรงใจมากว่า &#8220;หนิวโหย่วเต๋อ เจ้าทำความเข้าใจให้ชัดเจนนะว่าที่นี่ที่ไหน ก่อนที่มาที่นี่ ไม่ว่าเมื่อก่อนจะมีฐานะอะไร แต่ตอนนี้อยู่ในฐานะรอการทดสอบ ผู้การกงเป็นคนที่เจ้าอยากจะเจอก็เจอได้งั้นเหรอ?&#8221;</p>
<p>เหมียวอี้หยิบระฆังดาราออกมาติดต่อกับกงอวี่เฟยทันที ปรากฏว่ากงอวี่เฟยไม่ตอบอะไรเขาเลย จึงเก็บระฆังดาราแล้วมองไปยังกำลังพลเดิมของตำหนักคุ้มเมืองดาวเทียนหยวนที่กำลังทำสีหน้าเยาะเย้ย ยังมีคนอีกมากมายที่เขาไม่รู้จัก คาดว่าสมาชิกที่เข้าร่วมการทดสอบคงโผล่หัวมามองทางนี้กันหมด เหมียวอี้อารมณ์อึมครึมเล็กน้อย</p>
<p>เห็นได้ชัดเจนมาก มีคนอยากจะให้บทเรียนเขา เขาไม่รู้ว่านี่เป็นความคิดของปี้เยว่ฮูหยินหรือเปล่า</p>
<p>&#8220;มองอะไรของเจ้า?&#8221; หลี่หวนถังตะคอกอีก &#8220;หรือว่าคิดจะหนี?&#8221;</p>
<p>เหมียวอี้เหลือบมองเขาอย่างเย็นเยียบ ไม่ได้พูดอะไรมากอีก หันตัวเดินไปยังเรือนพักที่อีกฝ่ายชี้บอก ระหว่างนั้นก็เหลียวซ้ายแลขวาตลอดทาง ทำให้แปลกใจว่าซูลี่หายไปไหนแล้ว ทำไมไม่โผล่หน้ามา หรือว่ามีคนรู้ว่าซูลี่เป็นคนของเขา แล้วมีคนทำอะไรซูลี่?</p>
<p>พอนึกถึงตรงนี้ เขาก็กลัวว่าจะเกิดเรื่องขึ้นกับซูลี่ จึงรีบเร่งฝีเท้าเดินไป พอมาถึงเรือนพักหลังนั้น ก็เห็นประตูลานบ้านปิดสนิท จึงผลักเข้าไปโดยตรง ภาพที่ปรากฏสู่สายตาทำให้เหมียวอี้ยืนชะงักอยู่ที่เดิม</p>
<p>ที่จริงเรือนพักก็ไม่ได้ใหญ่โต มีห้องแค่ห้องเดียว เป็นลานบ้านเล็กๆ สำหรับสภาพแวดล้อมแบบนี้ สำหรับการพักชั่วคราวแบบนี้ เป็นไปไม่ได้ที่อีกฝ่ายจะให้ลานบ้านที่หรูหรากับเจ้า คนสองพันกว่าคนมาเบียดอยู่ด้วยกัน แค่มีเรือนเดี่ยวหลังเล็กแยกให้ก็นับว่าไม่แย่แล้ว</p>
<p>แบบนี้ไม่เป็นอะไรเลย ประเด็นสำคัญก็คือในลานบ้านมีคนยืนอยู่สามสิบกว่าคน ในนั้นมีคนรู้จักอยู่ไม่กี่คน ผู้บัญชาการใหญ่ตลาดสวรรค์อีกเก้าคนของจวนแม่ทัพภาคตงหัวก็อยู่ด้วยเช่นกัน ส่วนซูลี่ก็ยืนอยู่ระหว่างคนพวกนั้น</p>
<p>จางฮั่นฟางเดินเข้ามาพูดกลั้วหัวเราะแล้วว่า &#8220;หนิวโหย่วเต๋อ เจ้าเดินมาผิดที่รึเปล่า นี่คือเรือนพักของข้านะ&#8221;</p>
<p>คนที่เหลือได้ยินแล้วหัวเราะลั่น เห็นได้ชัดว่ากำลังเล่นอุบายเดียวกับตอนที่อยู่งานเลี้ยง</p>
<p>เหมียวอี้เลิกคิ้วเล็กน้อย ตอนนี้เข้าใจแล้ว เข้าใจว่ากงอวี่เฟยสมคบคิดกับคนกลุ่มนี้ สมคบคิดกันกลั่นแกล้งเขา</p>
<p>ยังไม่ต้องเอ่ยถึงเรื่องนี้ เขาเดินเข้าไปหากลุ่มคน แล้วบอกซูลี่ว่า &#8220;ซูลี่ เจ้าไม่เป็นอะไรใช่มั้ย?&#8221;</p>
<p>เห็นได้ชัดว่าซูลี่ค่อนข้างอึดอัด แววตาล่อกแล่ก ไม่กล้าสบตากับเขาตรงๆ ท่าทางเหมือนกินปูนร้อนท้อง</p>
<p>หลิ่วกุ้ยผิงหัวเราะร่า &#8220;พี่ซู หรือว่าเจ้ารู้จักผู้บัญชาการใหญ่หนิวคนนี้?&#8221; ขณะที่ถามก็ยกมือตบบ่าซูลี่ เหมือนกำลังบอกใบ้อะไรบางอย่าง</p>
<p>ซูลี่กัดฟัน เงยหน้าจ้องเหมียวอี้ตรง พร้อมพูดเสียงดังว่า &#8220;จะไม่รู้จักได้ยังไง เป็นหัวหน้าของข้าที่ตลาดสวรรค์ดาวเทียนหยวน เป็นคนเลวทรามต่ำช้า!&#8221;</p>
<p>เหมียวอี้หรี่ตาเล็กน้อย สายตาไปตกอยู่ที่มือของหลิ่วกุ้ยผิงบนบ่าของซูลี่ พร้อมบอกว่า &#8220;ซูลี่ มานี่ ไม่ต้องกลัวพวกเขาขู่!&#8221; เขาคิดว่าซูลี่โดนกดดันและควบคุม จึงพูดแบบบี้ออกมา</p>
<p>ใครจะคิดว่าหลิ่วกุ้ยผิงจะผลักหลังซูลี่ทีหนึ่ง ดันซูลี่ไปข้างหน้า ให้ซูลี่รักษาระยะห่างกับพวกเขา แล้วถามอีกว่า &#8220;พี่ซู พวกเราไม่ค่อยรู้จักผู้บัญชาการใหญ่หนิวคนนี้เท่าไรหรอก ทำไมเจ้าบอกว่าเขาเป็นคนเลวทรามต่ำช้าล่ะ?&#8221;</p>
<p>…………………………</p>

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด