พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า 1160 ตาทิพย์

Now you are reading พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า Chapter 1160 ตาทิพย์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

<p>เมื่ออวิ๋นจือชิวกล่าวมาแบบนี้ ฉินเวยเวยที่กำลังเงียบงันก็ตาเป็นประกายเล็กน้อย สงสัยว่าหยางชิ่งบิดาบุญธรรมได้ลงมือช่วยเหลือนางแล้ว</p>
<p>พวกอนุภรรยารุ่นคิดเล็กน้อย รู้สึกว่าที่อวิ๋นจือชิวพูดก็มีเหตุผลเหมือนกัน ตอนนี้หกปราชญ์ล้วนทำมาหากินที่พิภพใหญ่แล้ว พวกสำนักหลอมของวิเศษที่พิภพเล็กไม่ได้มีประโยชน์มากแล้วจริงๆ เรื่องนี้ไม่มีทางที่พวกเขาจะไม่ตอบรับ</p>
<p>แต่อวี้หนูเจียวก็ถามอีกว่า &#8220;ในเมื่อเป็นธุรกิจอย่างเดียว ไม่ทราบว่าฮูหยินจะจะแบ่งไปให้ร้านไหนขายคะ?&#8221;</p>
<p>&#8220;ถ้าแบ่งให้เจ้ากับเหม่ยลี่ขายก็จะไม่ยุติธรรม ส่วนหลางหลางหวนหวนก็มีงานทำแล้ว เวยเวยกับฝ่าอินอยู่ร้านเดียวกัน หลังจากจัดการเรื่องนี้เสร็จแล้วจะให้พวกนางขายก่อน&#8221; อวิ๋นจือชิวตอบ</p>
<p>เมื่อยกเหตุผลนี้มา อวี้หนูเจียวกับจีเหม่ยลี่ก็ไม่มีอะไรจะพูดแล้ว พวกนางครอบครองคนละร้าน แต่ฉินเวยเวยกับฝ่าอินอยู่ร้านเดียวกัน ยังไม่ต้องพูดถึงว่ามีเหตุผลที่จะได้รับสิทธิพิเศษ อย่างน้อยตอนที่รวมสำนักหลอมของวิเศษของพิภพเล็ก ร้านค้าของทั้งสองก็จะได้สิทธิ์ออกความคิดเห็นของสองแดน เมื่อมีอวิ๋นจือชิวโน้มน้าวตระกูลอวิ๋นอีก ทางมู่ฝานจวินก็คงไม่มีความเห็นแย้งอะไร แค่จีฮวนกับซือถูเซี่ยวแสดงความคิดเห็นอะไรไปก็ไม่มีประโยชน์</p>
<p>อวี้หนูเจียวกับจีเหม่ยลี่นับว่ายอมรับความจริงข้อนี้แล้ว ทว่าจีเหม่ยลี่ยังอดไม่ได้ที่จะถามว่า &#8220;งั้นร้านของข้ากับอวี้หนูเจียวจะทำยังไงล่ะ?&#8221;</p>
<p>อวิ๋นจือชิวถอนหายใจแล้วบอกว่า &#8220;จะทำยังไงได้อีกล่ะ? รออีกหน่อยแล้วกัน ที่บ้านจะช่วยเติมส่วนที่ขาดทุนให้ร้านของพวกเจ้าสองคน&#8221;</p>
<p>หลังจากให้พวกอนุภรรยาออกไปแล้ว จากนั้นอวิ๋นจือชิวก็ปลอมตัวอย่างง่ายๆ แล้วเหาะออกจากตลาดสวรรค์ไปพร้อมกับเหมียวอี้ที่ปลอมตัวแล้วเช่นเดียวกัน หลังจากออกจากเมือง พวกเขาก็เหาะฝ่าชั้นบรรยากาศออกโดยตรง หาเหยียบลงบนดาวเคราะห์ที่เงียบงันไม่เคลื่อนไหว</p>
<p>&#8220;ข้าดูหน่อย&#8221; อวิ๋นจือชิวปากแผลตรงหน้าผากของเขา</p>
<p>แต่ที่จริงก็ไม่นับว่าเป็นปากแผลแล้ว เพราะมันกลายเป็นรอยย่นคล้ายๆ เวลาขมวดคิ้ว เพียงแต่ปากแผลยังมีสีแดงเล็กน้อย เหมือนจะเป็นลายสีแดง</p>
<p>เหมียวอี้มองไปรอบๆ เมื่อแน่ใจแล้วว่าไม่มีคน ก็หลับตาสองข้าง ร่ายอิทธิฤทธิ์ตรงหว่างคิ้ว ทำให้ปากแผลที่นูนขึ้นมาเปิดออกอย่างช้าๆ ลูกตาที่เหมือนกระเบื้องเคลือบสีรุ้งเผยออกมา</p>
<p>ถึงแม้จะรู้อยู่แล้ว แต่อวิ๋นจือชิวที่เพิ่งได้เห็นเป็นครั้งแรกก็ยังเผยอปากเล็กน้อย นางเห็นในลูกตาสีรุ้งยิงเสาแสงสีรุ้งที่เหมือนมีเมฆลอยวนเวียนออกมา ยิงออกมาเป็นรูปใบพัด</p>
<p>ที่จริงเสาแสงก็ยิงไม่ได้ไม่ไกล ยิงห่างออกไปเพียงสิบกว่าจั้งเท่านั้น แต่ก็มากพอที่จะทำให้อวิ๋นจือชิวตกตะลึง</p>
<p>สิ่งนี้สิ้นเปลืองพลังอิทธิฤทธิ์มากเกินไป เหมียวอี้แค่ใช้มันนิดหน่อยเพื่อทำให้อวิ๋นจือชิวเข้าใจ จากนั้นก็เก็บดวงตานูนตรงหว่างคิ้วอีก ตอนที่หันกลับอีกครั้ง ก็เห็นอวิ๋นจือชิวกำลังมองตนด้วยสายตาแปลกๆ ทำให้เขาถามอย่างหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออกทันที &#8220;รู้ว่าข้าเป็นปีศาจใช่มั้ยล่ะ?&#8221;</p>
<p>อวิ๋นจือชิวกลั้นขำ &#8220;เจ้ายังรู้สึกอึดอัดอีกเหรอ? คนที่นอนร่วมหมอนกับปีศาจอย่างเจ้าต่างหากถึงจะเรียกว่าอึดอัด…&#8221; พอพูดจบ ก็เห็นเหมียวอี้หน้าดำคร่ำเครียด จากจึงรีบเข้าไปกอดและจูบหนึ่งที่ &#8220;ล้อเล่นน่า ล้อเล่น ลองดูก่อนแลวค่อยว่ากัน รีบไปๆ&#8221; นางผลักเหมียวอี้สองที ไม่ให้เขาทะเลาะกับตน</p>
<p>ทั้งสองมาที่นี่ก็เพื่อทดสอบยืนยัน เหมียวอี้อยากจะเห็นว่าความสามารถในการสอดแนมระยะไกลของดวงตาที่สามเป็นสิ่งที่ตนคิดไปเองหรือเปล่า</p>
<p>พอถลึงตาจ้องอวิ๋นจือชิวแวบหนึ่ง เหมียวอี้ก็รีบถลันตัวออกไป ดำลงไปที่จุดลึกของดาราจักร ส่วนอวิ๋นจือชิวก็รออยู่ที่เดิม</p>
<p>การรอครั้งนี้ใช้เวลาไปครึ่งค่อนวัน เหมียวอี้ที่ใช้เวลาเหาะเกินครึ่งวันลอยหมุนตัวอยู่ในดาราจักร แล้วเขย่าระฆังดาราบอกอวิ๋นจือชิว : เตรียมตัวได้แล้ว!</p>
<p>ดวงตาสองข้างปิดลงพร้อมกัน ดวงตาที่สามพลันเปิดลืม ดวงตากระเบื้องเคลือบสีรุ้งเปล่งลำแสงหลากสีในชั่วพริบตาเดียว ยิงเสาแสงออกมา ในสายตานั้น ดวงดาวในดาราจักรลอยหลังไปอย่างรวดเร็วราวกับฝนดาวตก ส่วนพลังอิทธิฤทธิ์ในร่างกายก็ไหลออกไปราวกับเขื่อนแตก โดนลูกตาดวงนั้นดูดซับอย่างบ้าคลั่ง</p>
<p>ชั่วพริบตาเดียวสายตาก็มองไปถึงกลุ่มดวงดาวที่เขาแยกกับอวิ๋นจือชิวก่อนหน้านี้ แต่ที่แปลกก็คือไม่เห็นอวิ๋นจือชิวตรงจุดที่แยกกันก่อนหน้านี้แล้ว สายตากวาดมองไปบริเวณใกล้ๆ พบว่าอวิ๋นจือชิวยืนอยู่บนหินผาก้อนหนึ่ง ในมือกำลังเขย่าระฆังดารา แม้แต่แววตายามอวิ๋นจือชิวเหลียวซ้ายแลขวาก็ยังเห็นได้ชัดเจน จอนผมสองสามช่อตรงขมับก็เห็นชัดเช่นกัน</p>
<p>เหมียวอี้ได้รับข้อความจากอวิ๋นจือชิวในทันทีเช่นกัน : หนิวเอ้อร์ มองเห็นมั้ย?</p>
<p>เหมียวอี้เขย่าระฆังดาราตอบ : เห็นแล้ว</p>
<p>อวิ๋นจือชิว : เจ้าเห็นข้าตรงที่เดิมที่เคยเห็นก่อนหน้านี้เหรอ?</p>
<p>เหมียวอี้ : เจ้าย้ายตำแหน่งแล้ว ไปยืนอยู่บนก้อนหินที่อยู่ห่างจากจุดเดิมไม่ไกล มือซ้ายกำลังถือระฆังดารา</p>
<p>อวิ๋นจือชิวมองดูระฆังดาราในมือตัวเอง รู้สึกตกใจนิดหน่อย ถามอีกว่า : เจ้าเห็นข้าจริงเหรอ? ตอนนี้ข้ากำลังทำอะไรอยู่?</p>
<p>ขณะเดียวกันนี้เอง นางก็ส่ายเอวราวกับเป็นงู เรียกได้ว่าเป็นท่าที่อรชรอ่อนช้อยยั่วยวนมาก</p>
<p>เหมียวอี้ : กำลังส่ายเอว</p>
<p>อวิ๋นจือชิวเบิกตากว้างพูดไม่ออก แล้วมองไปรอบๆ อีกครั้ง : เจ้าหลบแอบดูอยู่แถวนี้หรือเปล่า?</p>
<p>เหมียวอี้ที่รู้สึกใกล้ทนไม่ไหวมีบทเรียนมาแล้วครั้งหนึ่ง ไม่กล้าใช้เวลาต่อเนื่องกันนาน เขาปิดดวงตาที่สามก่อน แล้วค่อยตอบว่า : ดวงตาที่สามใช้พลังอิทธิฤทธิ์มากเกินไป ข้ารับไม่ไหว ข้าแน่ใจแล้วว่ามองเห็น ไม่ทดลองแล้ว!</p>
<p>อวิ๋นจือชิว : รีบกลับมา ข้ารอเจ้าอยู่!</p>
<p>เหมียวอี้โยนยาแก่นเซียนใส่ปากหลายเม็ด ตลอดทางที่เหาะกลับมา เขาก็ฟื้นฟูพลังอิทธิฤทธิ์ของตัวเองอย่างช้าๆ เช่นกัน</p>
<p>หลังจากนั้นอีกครึ่งวันกว่าๆ ตอนที่ทั้งสองเจอกันที่เดิม เหมียวอี้เหาะลงมาจากท้องฟ้า อวิ๋นจือชิวยังคงยืนถามอย่างทำใจเชื่อได้ยาก &#8220;เห็นแล้วจริงเหรอ?&#8221;</p>
<p>&#8220;เมื่อครู่นี้ทดสอบแล้วว่าไม่ผิดพลาด เจ้ายังไม่รู้อีกเหรอ?&#8221; เหมียวอี้ถาม</p>
<p>อวิ๋นจือชิวจ้องปากแผลของเขาอย่างตะลึงค้าง กล่าวชมด้วยความทึ่งไม่หยุด &#8220;โอ้สวรรค์! นี่เป็นดวงตาอะไรกันแน่ ไม่น่าเชื่อว่าจะอัศจรรย์ขนาดนี้!&#8221;</p>
<p>&#8220;ไม่รู้เหมือนกัน ข้าได้ยินปีศาจหอยนั่นเอ่ยถึงแว่วๆ เหมือนจะเรียกว่าตาทิพย์นะ ตอนนั้นข้ารวบรวมสมาธิต้านทานเขา เลยไม่ได้สนใจเท่าไรว่าเขาพูดอะไรบ้าง เหมือนจะเกี่ยวข้องกับประมุขไป๋!&#8221; เหมียวอี้เองก็รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย</p>
<p>ต้องทราบไว้ว่าการเหาะเหินในดาราจักรกับการเหาะเหินในกลุ่มดวงดาวที่มีการควบคุมจากชั้นบรรยากาศนั้นไม่เหมือนกัน ระยะทางที่ใช้เวลาเหาะครึ่งค่อนวันไม่ใช่ระยะทาง ตัวเองใช้ดวงตาอิทธิฤทธิ์อีกร้อยเท่าก็มองไม่เห็นไกลขนาดนี้ มิหนำซ้ำยังมองเห็นอย่างชัดเจนด้วย</p>
<p>เขารู้สึกมีลางสังหรณ์ เป็นเพราะตัวเองมีวรยุทธ์ต่ำเกินไปจริงๆ การควบคุมตาดวงนี้ค่อนข้างเปลืองแรง ถ้าวรยุทธ์สู.มากพอ จะต้องมองได้ไกลกว่านี้แน่นอน</p>
<p>&#8220;ตาทิพย์?&#8221; อวิ๋นจือชิวอึ้งเล็กน้อย จากนั้นก็พยักหน้าซ้ำๆ &#8220;ชื่อนี้ไม่เลวเลย ต่อไปเรียกมันว่าตาทิพย์นี่แหละ!&#8221;</p>
<p>&#8220;ต่อไป?&#8221; เหมียวอี้ถามอย่างสงสัย &#8220;เจ้าหมายความว่าจะไม่คว้านออกมาเหรอ?&#8221;</p>
<p>&#8220;ข้าถามเจ้าหน่อย เจ้ารู้สึกหรือเปล่าว่ามันอยู่ในร่างกายเจ้าแล้วส่งผลกระทบอะไรกับเจ้า?&#8221;</p>
<p>&#8220;ช่วงนี้สังเกตตลอดเวลา ถ้าไม่ใช้งานมัน ก็เหมือนจะไม่มีผลกระทบอะไรนะ มันก็เหมือนดวงตาเดิมสองข้างของข้า ดูดเลือดเนื้อในร่างกายไปหล่อเลี้ยงเหมือนกัน ดูดซับตามปกติเหมือนอวัยวะอื่นๆ ในร่างกาย ไม่รู้สึกว่ามีผลกระทบอะไร&#8221;</p>
<p>&#8220;นั่นก็ดีน่ะสิ ไม่ได้มีข้อเสียอะไรสักหน่อย มีแต่ข้อดี เจ้าจะคว้านออกทำไม?&#8221;</p>
<p>&#8220;มีประโยชน์แบบนี้ ข้าเองก็ไม่อยากจะคว้านออกเหมือนกัน แค่กลัวว่าพวกเจ้าจะรู้สึกแปลก&#8221;</p>
<p>&#8220;ไม่แปลกๆ ต่อให้หน้าตาขี้เหร่กว่านี้ข้าก็ไม่รังเกียจหรอก!&#8221; อวิ๋นจือชิวกลั้นขำ แล้วก็รีบกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง &#8220;เจ้าบอกว่าตอนที่ปีศาจหอยนั่นใช้ &#8216;ตาทิพย์&#8217; มองเจ้า ทำให้มีอาการจิตวิญญาณสับสนไม่ใช่เหรอ? เจ้าใช้พลังอภินิหารนี้ได้มั้ย?&#8221;</p>
<p>&#8220;ไม่รู้สิ! ตอนที่ข้ามองเจ้าเมื่อครู่นี้ เจ้ารู้สึกอะไรรึเปล่าล่ะ?&#8221; เหมียวอี้ส่ายหน้า</p>
<p>&#8220;ไม่รู้สึกอะไร ไม่รู้เลยว่าเจ้ากำลังมองข้าอยู่ เป็นเพราะระยะทางหรือเปล่า?&#8221; อวิ๋นจือชิวชี้ตัวเอง &#8220;พวกเรามาลองทดสอบในระยะใกล้กันเถอะ?&#8221;</p>
<p>เหมียวอี้เงียบไปครู่เดียว แล้วเตือนว่า &#8220;งั้นเจ้าต้องระวังหน่อยนะ ถ้าพบความผิดปกติก็แสดงอาการตอบสนองทันทีเลย&#8221;</p>
<p>อวิ๋นจือชิวพยักหน้า มีความสงสัยใครรู้อยู่หลายส่วน ลอยออกไปรออยู่ห่างๆ หลายจั้ง</p>
<p>เหมียวอี้หลับตาลง พอร่ายอิทธิฤทธิ์เล็กน้อย ตาทิพย์ตรงหว่างคิ้วก็ลืมขึ้นอีกครั้ง เสาแสงที่มีแสงสีรุ้งลอยวนเวียนยิงออกมาอีกครั้ง จ้องมองไปบนร่างกายของอวิ๋นจือชิว</p>
<p>ส่วนอวิ๋นจือชิวที่ยืนอยู่ในเสาแสงก็กำลังจ้องดวงตาข้างนั้นของเขา ลองสังเกตความรู้สึกของตัวเอง แต่เหมือนจะไม่เจอปฏิกิริยาอะไร</p>
<p>&#8220;รู้สึกอะไรมั้ย?&#8221; เหมียวอี้ถาม</p>
<p>&#8220;ไม่มีความรู้สึกอะไรเลยสักนิด หรือว่าข้ายืนไกลเกินไป?&#8221; อวิ๋นจือชิวส่ายหน้า</p>
<p>เหมียวอี้บอกว่า &#8220;คงจะไม่ใช่สาเหตุนี้ ครั้งก่อนข้ายืนไกลกว่าเจ้าตั้งเยอะ ข้าจะทดลองเพิ่มพลังอิทธิฤทธิ์ดูสักหน่อย! บางที…&#8221; เสียงพูดพลันหยุดกะทันหัน สายตาเริ่มกลอกกลิ้งตั้งแต่ใต้ใบหน้าของอวิ๋นจือชิวลงมา</p>
<p>อวิ๋นจือชิวเห็นเขาทำสายตาแปลกไป จึงถามว่า &#8220;เป็นอะไรไป?&#8221;</p>
<p>เหมียวอี้พลันเก็บตาทิพย์ คราวถึงถึงคราวที่เขาจะกลั้นขำไม่หยุดแล้ว ไม่รู้ว่านึกถึงเรื่องอะไรดีๆ</p>
<p>&#8220;ขำอะไร? มีอะไรน่าขำ?&#8221; อวิ๋นจือชิวไม่เข้าใจ</p>
<p>&#8220;ข้าว่าข้าไม่พูดดีกว่า ข้ากลัวว่าพูดไปแล้วเจ้าจะบังคับให้ข้าคว้านตาทิพย์ดวงนี้ทิ้ง&#8221; เหมียวอี้กล่าวกลั้วหัวเราะ</p>
<p>&#8220;เจ้าเห็นอะไรกันแน่?&#8221; อวิ๋นจือชิวถามอย่างสงสัย</p>
<p>เหมียวอี้เอามือกุมท้อง ร่าเริงจนหุบยิ้มไม่ลง &#8220;ถ้าข้าบอกแล้วเจ้าห้ามเดือดดาลนะ&#8221;</p>
<p>อวิ๋นจือชิวถลึงตา &#8220;มีอะไรก็รีบๆ พูดมา อย่ายั่วให้ข้าอยากรู้ อยู่ดีๆ ข้าจะเดือดดาลทำไม&#8221;</p>
<p>เหมียวอี้ไอแห้งๆ ทันที แล้วตอบด้วยท่าทางจริงจังว่า &#8220;ตาทิพย์นี้มีความสามารถอีกอย่าง เมื่อครู่ข้าพบว่ามันสามารถมองทะลุเสื้อผ้าได้ มองเห็นเรือนร่างใต้เสื้อผ้าของเจ้าได้อย่างชัดเจน&#8221;</p>
<p>&#8220;&#8230;&#8221; อวิ๋นจือชิวนิ่งอึ้งไปประเดี๋ยวเดียว แล้วถามอีกว่า &#8220;จริงหรือล้อเล่น? ไม่ได้แกล้งข้าเอาสนุกหรอกใช่มั้ย?&#8221;</p>
<p>เหมียวอี้ตีสีหน้าจริงจังต่อไป &#8220;วันนี้เจ้าสวมเสื้อชั้นในสีขาว กางเกงท่อนล่างก็สีขาว เป็นแบบใหม่ใช่มั้ย เหมือนก่อนหน้านี้ข้าจะไม่เคยเห็นมาก่อน&#8221;</p>
<p>ครั้งนี้อวิ๋นจือชิวพูดไม่ออกแล้วจริงๆ ช่วงไม่กี่วันมานี้เหมียวอี้อยู่กับหงเฉินตลอด ทั้งสองยังไม่ได้ร่วมห้องกันเลย และเสื้อชั้นในของนางก็ซื้อมาใหม่จริงๆ หลังจากตกตะลึงไปครู่หนึ่ง ก็บอกว่า &#8220;เดี๋ยวก่อน!&#8221;</p>
<p>นางรีบหันตัวไป ปลดผ้าตรงคอเสื้อ เอามือข้างหนึ่งล้วงเข้าไป ไม่รู้ว่ากำลังเล่นบ้าอะไร มือหดกลับมาอย่างรวดเร็ว นางติดกระดุมตรงคอเสื้อใหม่อีกครั้ง แล้วหันตัวกลับมาถามว่า &#8220;ดูซิว่าข้างในมีความเปลี่ยนแปลงอะไร&#8221;</p>
<p>เรื่องนี้น่าสนุก เหมียวอี้โค้งปากยิ้มอย่างร่าเริง ครั้งนี้ไม่ได้หลับตา เปิดใช้ตาทิพย์โดยตรง เขายิงลำแสงไปบนตัวของอวิ๋นจือชิวอย่างรวดเร็ว สายตาทะลุเสื้อผ้าชั้นแล้วชั้นเล่า เห็นเรือนร่างอรชรที่อยู่ใต้เสื้อผ้าของอวิ๋นจือชิวจนหมด ขณะเดียวกันก็เห็นผ้าเช็ดหน้าสีขาวหนีบอยู่ระหว่างยอดเขาหิมะสองลูกของอวิ๋นจือชิวด้วย</p>
<p>&#8220;ฮ่าๆ…&#8221; เหมียวอี้เก็บดวงตาทิพย์แล้วหัวเราะออกมาโดยตรง ชี้ตรงหน้าอกนางพร้อมหอบหายใจบอกว่า &#8220;ผ้าเช็ดหน้า! เจ้าวางผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่งใส่ไว้ในหน้าอก เป็นผ้าเช็ดหน้าสีขาว!&#8221;</p>
<p>อวิ๋นจือชิวทำสีหน้าราวกับโดนตะคริวกิน นางร่ายอิทธิฤทธิ์นิดหน่อย ดึงผ้าเช็ดหน้าขาวผืนนั้นออกมาจากทางคอเสื้อ แล้วแสยะยิ้มไม่หยุด &#8220;หนิวเอ้อร์ เจ้านี่ใช้ได้เลยนะ! มองทะลุได้แล้ว ต่อไปอยากจะเห็นของใครก็เห็นได้ พลังอภินิหารนี้ช่างสมปรารถนากับคนเจ้าชู้หลายใจอย่างเจ้าจริงๆ!&#8221;</p>
<p>เหมียวอี้ที่หัวเราะจนตัวโยนรีบโบกมือ &#8220;ไม่มองทะลุ ไม่มองทะลุ ข้านึกออกแล้ว ตอนแรกที่เผาปีศาจหอยที่ก้นทะเลสาบ ในห้องถ้ำมีหมอกควันลอยออกมาเยอะมาก ข้าบังเอิญเปิดใช้ตาทิพย์ พบว่าสามารถมองรอบข้างที่อยู่ท่ามกลางหมอกควันได้อย่างชัดเจน พอมาคิดดูตอนนี้ ข้าก็พอจะเข้าใจแล้ว ขอแค่มีความโปร่งแสงในระดับหนึ่ง ตาทิพย์นี้ก็จะสามารถมองทะลุได้ ถึงแม้ความโปร่งแสงของเสื้อผ้าจะสู้หมอกควันไม่ได้ แต่ก็ค่อนข้างโปร่งแสงได้ระดับหนึ่ง ยกตัวอย่างเช่นถ้ามีพื้นดิน ภูเขา หรือหินก้อนใหญ่บังอยู่ ข้าก็จะไม่มีทางมองทะลุได้&#8221;</p>
<p>…………………………</p>

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด