พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า 1699 ตรวจสอบพบความจริง

Now you are reading พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า Chapter 1699 ตรวจสอบพบความจริง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ลูกหลานตระกูลโค่วที่ดูเหตุการณ์อยู่ข้างๆ กำลังมองเงาร่างสวมผ้าคลุมบ่าสีดำเดินก้าวยาวผ่านลานกว้างไป เรียกได้ว่าเกิดความรู้สึกใหม่ พบว่าไปมีเรื่องกับผู้พิพากษาหน้านิ่งท่านนี้ไม่ไหวจริงๆ ไม่น่าเชื่อว่าจะสังหารเข้ามาถึงประตูบ้านของตระกูลโค่วแล้ว แม้แต่นายท่านก็ยังต้องยอมถอยให้สามฉื่อ

แน่นอน ทุกคนก็เข้าใจได้เช่นกัน ว่าหากจะลงมือสู้กันในรังของตระกูลโค่ว นายท่านก็ไม่เหตุผลให้กลัวเกาก้วน เห็นได้ชัดว่ามีเหตุผลอย่างอื่นอีก

อวิ๋นจือชิวที่อยู่ท่ามกลางสมาชิกครอบครัวผู้หญิงก็มองตามเงาร่างเกาก้วนเช่นกัน วันนี้นับว่าได้รับรู้ถึงความอันธพาลของผู้พิพากษาหน้านิ่งท่านนี้แล้ว!

ไม่ว่าจะอย่างไร สภาพตึงเครียดที่เพิ่งตั้งลูกธนูไว้บนสายเมื่อครู่นี้ก็หายไปแล้ว ทุกคนแอบโล่งอก

โค่วเชี่ยนที่รู้สึกบีบหัวใจอยู่ตั้งนานรียเดินมาหาชูเจี้ยนสามีของตัวเอง

ชูเจี้ยนที่อยู่ในชุดเกราะเห็นสายตาลูกน้อง จึงหันกลับไปมอง อ่านสายตาของโค่วเชี่ยนออกว่าซ่อนความจนใจเอาไว้ แต่ในใจกลับรู้สึกอบอุ่น…

วังสรรค์ อุทยานสายัณห์ บนตึกศาลา ประมุขชิงยืนอยู่บนที่สูง กำลังพิงรั้วทอดสายตามองไปไกล แววตาดูเปล่าเปลี่ยวเงียบเหงา

ซ่างกวนชิงที่อยู่ข้างกายเขารู้ว่าช่วงนี้เขาอารมณ์ไม่ดี เดิมทีบางสิ่งนั้นยังสามารถปิดบังได้แต่ภายนอก ตอนนี้แม้แต่ชุดชั้นในปิดบังความอับอายจุดสุดท้ายก็ฉีกขาดแล้ว ที่จริงสี่อ๋องสวรรค์กำลังใช้กำลังทางทหารสร้างความมั่นคงให้ตัวเองมาตลอด ทว่าในที่สุดครั้งนี้ก็เปิดเผยสู่ภายนอกแล้ว ทำให้ฝ่าบาทสีหน้าไม่ค่อยดีเท่าไร

ที่จริงตามหลักแล้วก็จะโทษสี่อ๋องสวรรค์ไม่ได้ ในปีนั้นตอนที่ล้มหกปราชญ์ กำลังพลของฝ่าบาทก็มีไม่เยอะ ถ้าจะพูดให้ชัดก็คือยังมีอำนาจไม่มาก และไม่มีทางขยายอำนาจมากเกินไปยามอยู่ใต้หนังตาหกปราชญ์ได้ ดังนั้นตอนก่อปฏิวัติจึงต้องพันธมิตรเร่งด่วน ในปีนั้นพวกฝ่าบาทสัญญากับสี่อ๋องสวรรค์ว่าจะเสพสุขใต้หล้าร่วมกัน รับปากแล้วว่าจะแบ่งอาณาเขตให้พวกเขาปกครอง สร้างตำหนักสวรรค์ขึ้นมาโดยใช้รูปแบบอ๋องครองแคว้น ส่งเสริมให้พวกเขาดึงกำลังพลไปทั่วทุกที่ ทว่าหลังจากเสร็จเรื่องแล้วพวกฝ่าบาทกลับพูดอย่างทำอย่าง

ตอนแรกก็อ้างว่าใต้หล้ายังไม่สงบ จึงรวมศูนย์บัญชาการเพื่อกวาดล้างโจรกบฏ จนกระทั่งดึงประมุขพุทธะเข้ามากำหนดแนวโน้มสถานการณ์และรวบรวมอำนาจได้มหาศาล กำลังพลกองทัพองครักษ์ในมือใช้การได้ ประมุขไป๋เดินทางไปทั่วแล้วดึงกำลังพลของประมุขปีศาจเข้ามาอีก ก็ทำให้เขาแปรพักตร์เบี้ยวสัญญาทันที แบ่งอาณาเขตให้ปกครองอะไรกัน เป็นเรื่องล้อเล่นสินะ?

ภายใต้การใช้อำนาจกดข่ม จึงเกิดเป็นแบบจำลองอย่างทุกวันนี้ หลังจากทำให้ผลประโยชน์ของสี่อ๋องสวรรค์มีเสถียรภาพแล้ว ก็ร่วมมือกับสี่อ๋องสวรรค์ข่มตระกูลเซี่ยโห้วที่เคยสนับสนุนตนอีก กดดันให้ตระกูลเซี่ยโห้วส่งมอบสมาคมวีรชนให้ ตัดขาดอำนาจทางทหารทั้งหมดในฉากหน้าของตระกูลเซี่ยโห้ว กวาดล้างอำนาจในที่แจ้งของตระกูลเซี่ยโห้วจนหมดเกลี้ยง

จากนั้นก็อ้างอีกว่าประมุขไป๋และประมุขปีศาจไม่มีขอบเขตอำนาจอะไร บอกว่าทั้งสองมีเจตนาจะแบ่งขอบเขตอำนาจกันใหม่ ความคิดคร่าวๆ ก็คือต้องการจะตัดแบ่งขอบเขตอำนาจของสี่อ๋องสวรรค์ให้ออกมาเป็นหนึ่งขอบเขตอำนาจ สี่อ๋องสวรรค์ย่อมไม่หวังให้เรื่องอย่างนี้เกิดขึ้นอยู่แล้ว และฝ่าบาทก็รับปากตระกูลเซี่ยโห้วอีกว่าจะแต่งตั้งเซี่ยโห้วเฉิงอวี้เป็นราชินีสวรรค์ อำนาจหลายฝ่ายจึงแอบร่วมมือกัน จู่ๆ ก็มีการกลั่นแกล้ง สุดท้ายก็ทำให้อำนาจของประมุขไป๋กับประมุขปีศาจสลายไปหมดแล้ว

ทว่าการปรับอำนาจในใต้หล้าของฝ่าบาทกลับยังไม่หยุด หลังจากกลั่นแกล้งครั้งแล้วครั้งเล่า สี่อ๋องสวรรค์ก็เรียนรู้ที่จะว่านอนสอนง่ายแล้วเช่นกัน เริ่มเกาะกลุ่มปรองดองกันเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของตัวเอง รู้ว่าไม่ว่าตระกูลไหนล้มลง ก็จะถึงคราวที่อีกตระกูลจะซวยตามกันไป สุดท้ายจึงเกิดเป็นรูปแบบของใต้หล้าอย่างที่เห็น

และครั้งนี้ที่จริงก็ไม่นับว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลง เพียงแต่ตอนนี้รูปแบบของใต้หล้าชัดเจนขึ้นก็เท่านั้นเอง

การมาของซือหม่าเวิ่นเทียนทำลายความเงียบสงบบนตึกศาลาสูง ซ่างกวนชิงเอียงหน้ามองซือหม่าเวิ่นเทียนที่เร่งฝีเท้าเดินเข้ามา พบว่าซือหม่าเวิ่นเทียนดูมีชีวิตชีวาพอสมควร

ซือหม่าเวิ่นเทียนดูมีชีวิตชีวาจริงๆ ต้องยอมรับสิ่งที่ซ่างกวนชิงบอก ว่าเกาก้วนมีกึ๋นจริงๆ หน่วยตรวจการซ้ายยังไม่ทันสืบเจอว่าเกิดปัญหาตรงไหนกันแน่ แต่เกาก้วนสืบเจอเรื่องที่เกิดขึ้นที่น้ำพุวังเวงแล้ว ขณะเดียวกันก็เจอผลลัพธ์คร่าวๆ แล้ว

ครั้งนี้ติดหนี้น้ำใจเกาก้วนใหญ่หลวง เกาก้วนทำตามสัญญาโดยมอบผลลัพธ์ที่สืบได้ให้เขา บอกว่าผลลัพธ์ที่สืบได้อาจหยาบไปบ้าง ให้เขาไปหารายละเอียดอีกที จะได้ไม่ผิดพลาด เขาย่อมให้สายลับของแต่ละบ้านตรวจสอบความจริงทันที พบว่ากำลังพลออกล่าที่น้ำพุวังเวงของแต่ละบ้านหายไปแล้ว ไม่ได้ปรากฏตัวอีก และเขาก็จับพยานที่น้ำพุวังเวงชั้นห้ามาพิสูจน์ข่าวของเกาก้วนได้แล้ว

“ฝ่าบาท สืบทราบสาเหตุของเรื่องนี้ได้แล้วขอรับ” หลังจากซือหม่าเวิ่นเทียนทำความเคารพ ก็ใช้สองมือมอบแผ่นหยกสองแผ่นให้ “เรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะออกล่าที่น้ำพุวังเวง กำลังพลออกล่าถูกกำลังพลตำหนักสวรรค์กลุ่มใหญ่โจมตี ถ้าข่าวไม่ผิดพลาด ลูกหลานของขุนนางใหญ่ตำหนักสวรรค์ไล่ตั้งแต่อ๋องสวรรค์มาจนถึงเทพประจำดาวแทบจะตายที่น้ำพุวังเวงกันหมด กำลังพลหลายหมื่นที่ออกล่าที่น้ำพุวังเวงก็ตายหมดเช่นกัน และตามที่พยานเห็น กำลังพลที่โจมตีสวมชุดเกราะของตำหนักสวรรค์ ในมือถือธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ เหมือนจะเป็นกองทัพองครักษ์ คนที่หน่วยตรวจการซ้ายส่งไปตรวจสอบที่เกิดเหตุก็พบร่องรอยธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์จำนวนมากเช่นกัน หลังจากจบเรื่องสี่อ๋องสวรรค์คงจะเข้าใจผิดว่าฝ่าบาทบงการ ถึงได้เคลื่อนไหวระดมพลครั้งใหญ่”

“กองทัพองครักษ์?” ประมุขชิงที่รับแผ่นหยกมาไว้ในมือโมโหแล้ว ถามเสียงดังว่า “เป็นกองทัพองครักษ์ทำเหรอ?”

ซือหม่าเวิ่นเทียนตอบว่า “กำลังพลที่โจมตีน่าสงสัย ถึงแม้จะเลียนแบบกองทัพองครักษ์ แต่กลับปิดบังใบหน้า ข้าน้อยตรวจสอบกับกองทัพองครักษ์แล้ว ช่วงนี้กองทัพองครักษ์ไม่ได้มีกำลังพลกลุ่มไหนไปที่น้ำพุวังเวงเลย และในบรรดากำลังพลออกล่าทั้งหมด ก็มีเพียงกำลังพลของตระกูลเซี่ยโห้วที่ไม่เป็นอะไร เมื่อนำเบาะแสต่างๆ มารวมกันเพื่อตัดสิน เกรงว่าเรื่องนี้คงไม่พ้นเกี่ยวข้องกับตระกูลเซี่ยโห้ว”

ประมุขชิงรีบตรวจอ่านแผ่นหยกในมือ พร้อมถามว่า “ตระกูลเซี่ยโห้วจะเอาธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์มาจากไหนมากมายขนาดนั้น?”

ซือหม่าเวิ่นเทียนตอบว่า “ฝ่าบาทลืมเครื่องแบบชุดนั้นที่ทะเลดาวสับสนแล้วหรือ? จนกระทั่งตอนนี้ยังไม่มีเบาะแส ในใต้หล้านี้ ผู้ที่สามารถเอาอาวุธชุดนั้นไปได้อย่างเงียบเชียบ เกรงว่าจะมีอยู่ไม่มาก ตระกูลเซี่ยโห้วมีความสามารถนี้แน่นอน เมื่อนำเบาะแสแต่ละอย่างมารวมกัน เกรงว่าอาวุธชุดนั้นจะตกอยู่ในมือตระกูลเซี่ยโห้วแล้ว!”

หลังจากประมุขชิงอ่านรายงานอย่างละเอียดแล้ว สีหน้าก็ดำมืดลง เรียกได้ว่าขบเขี้ยวเคี้ยวฟันพูดว่า “ขุนนางชั่วมักใหญ่ใฝ่สูง! ข้าดูแลตระกูลเซี่ยโห้วไม่ขาดตกบกพร่อง บังอาจมารังแกข้าอย่างนี้!” เสียงดังแกร๊ก แผ่นหยกในมือแตกเป็นผุยผง

ซือหม่าเวิ่นเทียนเงียบแล้ว ถึงอย่างไรครั้งนี้เขาก็รอดตัวไปอย่างราบรื่น

ซ่างกวนชิงแอบตกตะลึง พบว่าตระกูลเซี่ยโห้วโหดมากทีเดียว ก่อนหน้านี้ฝ่าบาทยังเรียกเซี่ยโห้วท่าเข้าวังอยู่เลย ตระกูลเซี่ยโห้วแสดงท่าทีชัดเจนว่าจะยืนข้างฝ่าบาท แต่เบื้องหลังกลับไปรวมหัวกับสี่อ๋องสวรรค์ข่มฝ่าบาท หลังจากฉีกผ้าที่ปิดบังความน่าอายของตำหนักสวรรค์ออกแล้ว ยังจะทวงธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์แปดล้านจากตำหนักสวรรค์อีก ช่างดีนัก พอกลับมาสืบหาความจริง ก็พบว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะอุบายเจ้าเล่ห์ของตระกูลเซี่ยโห้ว สงสัยตระกูลเซี่ยโห้วจะได้ธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์แปดล้านนั่นไปไว้ในมือตั้งนานแล้ว

แต่จะว่าไปแล้ว ตอนแรกฝ่าบาทก็พูดจาไม่เป็นคำพูดต่อตระกูลเซี่ยโห้วเหมือนกันไม่ใช่เหรอ เกรงว่าตระกูลเซี่ยโห้วอาจจะไม่คิดว่าตัวเองเป็นขุนนางชั่วมักใหญ่ใฝ่สูงก็ได้

เรื่องนี้เจ้ายังมีวิธีไหนไปหาหลักฐานจากตระกูลเซี่ยโห้วอีกเหรอ คำตอบที่ได้มีเพียง เปล่า! ใส่ร้าย! ตระกูลเซี่ยโห้วไม่ยอมรับแน่นอน

หลักการก็เหมือนที่สี่อ๋องสวรรค์สงสัยว่าตัวเองถูกกองทัพองครักษ์โจมตีแล้วหาหลักฐานจากฝ่าบาทไม่ได้ ไม่ว่าฝ่าบาทจะทำหรือไม่ก็พิสูจน์ไม่ได้ ต่อให้เป็นฝ่าบาททำ แล้วจะยอมรับเหรอ? ผลที่ตามมาจากการยอมรับนั้นต้องจ่ายสูงมากเพื่อจะชดเชย นั่นไม่ใช่เรื่องที่ธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์แปดล้านคันจะแก้ไขได้แล้ว

ตอนนี้ไม่ว่าความจริงจะเป็นอย่างไร แต่ก็ไม่มีทางเปลี่ยนแปลงความจริงที่ว่าเรื่องราวได้เกิดขึ้นแล้ว ต่อให้สี่อ๋องสวรรค์รู้ว่าตระกูลเซี่ยโห้วทำ แต่ก็ไม่มีทางยอมคายธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์แปดล้านที่ตัวเองได้ไปแล้วออกมาหรอก และไม่มีทางที่จะเข้าประชุมราชสำนักให้ตัวเองเข้ามาอยู่ในพื้นที่เสี่ยงอีก จะต้องอาศัยโอกาสนี้แน่นอน พวกเขาจะต้องอาศัยโอกาสที่ฝ่าบาทตอบตกลงทำเรื่องราวบางอย่างให้เป็นจริง ไม่อย่างนั้นครั้งหน้าจะไม่มีข้ออ้างดีๆ อย่างนี้อีก ที่สำคัญคือต่อให้สี่อ๋องสวรรค์รู้ว่าตระกูลเซี่ยโห้วทำ แต่ก็ทำอะไรตระกูลเซี่ยโห้วไม่ได้อยู่ดี โดยเฉพาะยามที่ต้องการความช่วยเหลือจากตระกูลเซี่ยโห้วตอนนี้

ในขณะนี้เอง โพ่จวินกับอู๋ฉวี่ที่สวมเกราะรบก็มาพร้อมกัน หลังจากทำความเคารพแล้ว ทั้งคู่ก็สังเกตได้ว่าประมุขชิงเพิ่งบีบแผ่นหยกทิ้ง ทั้งคู่อดไม่ได้ที่จะสบตากัน ไม่รู้ว่าประมุขชิงได้รับรายงานแบบไหนมา แต่แน่ใจได้ว่าไม่ใช่ข่าวดีอะไรแน่นอน

“ฝ่าบาท!” สุดท้ายโพ่จวินก็กุมหมัดคารวะพร้อมรายงาน “เหนือใต้ออกตก สี่ทัพเริ่มถอนกำลังตามบัญชาของฝ่าบาทแล้ว กองทัพองครักษ์กำลังจับตาดูทิศทางการเคลื่อนไหวของสี่ทัพอย่างเข้มงวด”

เรียกได้ว่าเป็นข่าวดี สีหน้าพยับเมฆของประมุขชิงผ่อนคลายลงแล้ว หลังจากเดินออกจากอารมณ์ที่ย่ำแย่แล้ว เขาก็กลับมาสุขุมเยือกเย็น จากนั้นหันตัวไปด้านนอกแล้วถอนหายใจเบาๆ “บุกยึดใต้หล้านั้นง่าย แต่ปกครองใต้หล้านั้นยาก คำกล่าวของคนโบราณไม่ได้หลอกข้า!” ในเสียงถอนหายใจนั้นไม่รู้ว่าแสดงอาการจนใจออกมามากแค่ไหน

เขาไม่มีโอกาสกำจัดสี่อ๋องสวรรค์งั้นเหรอ? ไม่ใช่เลย ก่อนหน้านี้มีโอกาสเยอะมาก แต่เขาไม่อาจทำแบบนี้ได้ง่ายๆ ไม่อย่างนั้นเขาก็สามารถพูดอวดดีได้เลยว่า ต่อให้สี่อ๋องสวรรค์ร่วมมือกันก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของประมุขชิง เขาคนเดียวสามารถฆ่าตาแก่สี่คนนั่นทิ้งได้ ทว่าหากยังเกลี้ยกล่อมซื้อใจกำลังพลของสี่อ๋องสวรรค์ไม่ได้ ถ้าเขาทำแบบนี้แล้ว ลูกน้องเก่าของสี่อ๋องสวรรค์ก็จะพิจารณาก่อนเลยว่าจะถูกสะสางบัญชีเก่าหรือไม่

สำหรับเรื่องนี้ ไม่ว่าเจ้าจะปลอบใจอย่างไรก็ไร้ประโยชน์ ถามหน่อยว่ามีราชันที่ไหนบ้างอยากจะเห็นกำลังพลเครือข่ายอื่นกุมทัพที่แข็งแกร่งต่อไป แบบนั้นถือเป็นเรื่องล้อเล่นแล้ว หลังจากจบเรื่องก็จะต้องกวาดล้างหรือไม่ก็เปิดกรงเปลี่ยนนกถึงจะสงบใจได้ คนของสิบปราสาทดำเนินถูกทิ้งก็ไม่ใช่เพราะสาเหตุด้านนี้หรอกหรือ พอสี่อ๋องสวรรค์ตายไป ภายใต้สถานการณ์ที่กำลังพลเบื้องล่างกังวลเรื่องอนาคต ก็มีความเป็นไปได้สูงว่าจะรวมตัวกันเป็นกลุ่มอำนาจอีกกลุ่มแล้วตั้งตัวเป็นอิสระจากตำหนักสวรรค์ หรือไม่ก็ไปหาตระกูลเซี่ยโห้วกับแดนสุขาวดี แบบนั้นประมุขชิงก็จะกลายเป็นคนหัวเดียวกระเทียมลีบทันที แต่ถ้ายังเก็บสี่อ๋องสวรรค์ไว้ อย่างน้อยก็ยังคงสถานภาพปัจจุบันไว้ได้ ยังรักษาโครงสร้างผลประโยชน์ที่ใต้หล้าส่งให้ประมุขชิงได้ต่อไป นี่ไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการหรอกเหรอ? แต่นี่ก็ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่เขายอมอดทนให้มีสี่อ๋องสวรรค์อยู่

หลังจากครุ่นคิดพักหนึ่ง ก็นึกได้ว่าในมือยังมีแผ่นหยกอีกแผ่น เขาหยิบขึ้นมาอ่าน แล้วมุมปากก็เริ่มโค้งยิ้มทีละนิด จากนั้นโยนให้ซ่างกวนชิง “พวกเจ้าตั้งใจดูให้ดีนะ นี่ต่างหากขุนนางที่ภักดีเหมือนต้นขาต้นแขนของข้า!”

ซ่างกวนชิงมองซือหม่าเวิ่นเทียนแวบหนึ่ง รู้ว่านี่คือรายงานที่อีกฝ่ายเพิ่งมอบให้ฝ่าบาท ยังนึกว่าซือหม่าเวิ่นเทียนทำเรื่องดีอะไรเอาใจฝ่าบาทเสียอีก ผลก็คือพบว่าไม่เกี่ยวกับซือหม่าเวิ่นเทียน แต่เป็นรายงานลับเกี่ยวกับเรื่องที่เกาก้วนไปก่อเรื่องที่จวนอ๋องสวรรค์ ซึ่งหน่วยตรวจการซ้ายแอบส่งมา

ตั้งแต่บุกเข้าไปในเขตค่ายทัพเหนือ บุกเข้าไปฆ่าทหารยามที่เฝ้าจวนอ๋องสวรรค์โค่ว แล้วสุดท้ายก็ใช้ดาบชี้หน้าโค่วหลิงซวี แล้วก็ง้างปากเสือแย่งตัวสายลับหน่วยตรวจการขวากลับมาจากโค่วหลิงซวีทั้งเป็นๆ ทำให้โค่วหลิงซวีเสียหน้าแรงมาก ขนาดซ่างกวนชิงอ่านแล้วยังแอบตกใจ ตอนนี้สถานการณ์ละเอียดอ่อน เจ้าเกาหมวกสูงนี่ช่างใจกล้ามากทีเดียว!

แผ่นหยกส่งต่อกลับมาถึงมือโพ่จวิน หลังจากโพ่จวินอ่านแล้ว ก็กล่าวเหยียดหยามถึงที่สุด “ภายนอกดูจงรักภักดี แต่ภายในปลิ้นปล้อนที่สุด ขุนนางโฉด!” เท่ากับโต้เถียงประโยคที่ประมุขชิงบอกว่า ‘ขุนนางที่ภักดีเหมือนต้นขาต้นแขน’

…………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า 1699 ตรวจสอบพบความจริง

Now you are reading พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า Chapter 1699 ตรวจสอบพบความจริง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ลูกหลานตระกูลโค่วที่ดูเหตุการณ์อยู่ข้างๆ กำลังมองเงาร่างสวมผ้าคลุมบ่าสีดำเดินก้าวยาวผ่านลานกว้างไป เรียกได้ว่าเกิดความรู้สึกใหม่ พบว่าไปมีเรื่องกับผู้พิพากษาหน้านิ่งท่านนี้ไม่ไหวจริงๆ ไม่น่าเชื่อว่าจะสังหารเข้ามาถึงประตูบ้านของตระกูลโค่วแล้ว แม้แต่นายท่านก็ยังต้องยอมถอยให้สามฉื่อ

แน่นอน ทุกคนก็เข้าใจได้เช่นกัน ว่าหากจะลงมือสู้กันในรังของตระกูลโค่ว นายท่านก็ไม่เหตุผลให้กลัวเกาก้วน เห็นได้ชัดว่ามีเหตุผลอย่างอื่นอีก

อวิ๋นจือชิวที่อยู่ท่ามกลางสมาชิกครอบครัวผู้หญิงก็มองตามเงาร่างเกาก้วนเช่นกัน วันนี้นับว่าได้รับรู้ถึงความอันธพาลของผู้พิพากษาหน้านิ่งท่านนี้แล้ว!

ไม่ว่าจะอย่างไร สภาพตึงเครียดที่เพิ่งตั้งลูกธนูไว้บนสายเมื่อครู่นี้ก็หายไปแล้ว ทุกคนแอบโล่งอก

โค่วเชี่ยนที่รู้สึกบีบหัวใจอยู่ตั้งนานรียเดินมาหาชูเจี้ยนสามีของตัวเอง

ชูเจี้ยนที่อยู่ในชุดเกราะเห็นสายตาลูกน้อง จึงหันกลับไปมอง อ่านสายตาของโค่วเชี่ยนออกว่าซ่อนความจนใจเอาไว้ แต่ในใจกลับรู้สึกอบอุ่น…

วังสรรค์ อุทยานสายัณห์ บนตึกศาลา ประมุขชิงยืนอยู่บนที่สูง กำลังพิงรั้วทอดสายตามองไปไกล แววตาดูเปล่าเปลี่ยวเงียบเหงา

ซ่างกวนชิงที่อยู่ข้างกายเขารู้ว่าช่วงนี้เขาอารมณ์ไม่ดี เดิมทีบางสิ่งนั้นยังสามารถปิดบังได้แต่ภายนอก ตอนนี้แม้แต่ชุดชั้นในปิดบังความอับอายจุดสุดท้ายก็ฉีกขาดแล้ว ที่จริงสี่อ๋องสวรรค์กำลังใช้กำลังทางทหารสร้างความมั่นคงให้ตัวเองมาตลอด ทว่าในที่สุดครั้งนี้ก็เปิดเผยสู่ภายนอกแล้ว ทำให้ฝ่าบาทสีหน้าไม่ค่อยดีเท่าไร

ที่จริงตามหลักแล้วก็จะโทษสี่อ๋องสวรรค์ไม่ได้ ในปีนั้นตอนที่ล้มหกปราชญ์ กำลังพลของฝ่าบาทก็มีไม่เยอะ ถ้าจะพูดให้ชัดก็คือยังมีอำนาจไม่มาก และไม่มีทางขยายอำนาจมากเกินไปยามอยู่ใต้หนังตาหกปราชญ์ได้ ดังนั้นตอนก่อปฏิวัติจึงต้องพันธมิตรเร่งด่วน ในปีนั้นพวกฝ่าบาทสัญญากับสี่อ๋องสวรรค์ว่าจะเสพสุขใต้หล้าร่วมกัน รับปากแล้วว่าจะแบ่งอาณาเขตให้พวกเขาปกครอง สร้างตำหนักสวรรค์ขึ้นมาโดยใช้รูปแบบอ๋องครองแคว้น ส่งเสริมให้พวกเขาดึงกำลังพลไปทั่วทุกที่ ทว่าหลังจากเสร็จเรื่องแล้วพวกฝ่าบาทกลับพูดอย่างทำอย่าง

ตอนแรกก็อ้างว่าใต้หล้ายังไม่สงบ จึงรวมศูนย์บัญชาการเพื่อกวาดล้างโจรกบฏ จนกระทั่งดึงประมุขพุทธะเข้ามากำหนดแนวโน้มสถานการณ์และรวบรวมอำนาจได้มหาศาล กำลังพลกองทัพองครักษ์ในมือใช้การได้ ประมุขไป๋เดินทางไปทั่วแล้วดึงกำลังพลของประมุขปีศาจเข้ามาอีก ก็ทำให้เขาแปรพักตร์เบี้ยวสัญญาทันที แบ่งอาณาเขตให้ปกครองอะไรกัน เป็นเรื่องล้อเล่นสินะ?

ภายใต้การใช้อำนาจกดข่ม จึงเกิดเป็นแบบจำลองอย่างทุกวันนี้ หลังจากทำให้ผลประโยชน์ของสี่อ๋องสวรรค์มีเสถียรภาพแล้ว ก็ร่วมมือกับสี่อ๋องสวรรค์ข่มตระกูลเซี่ยโห้วที่เคยสนับสนุนตนอีก กดดันให้ตระกูลเซี่ยโห้วส่งมอบสมาคมวีรชนให้ ตัดขาดอำนาจทางทหารทั้งหมดในฉากหน้าของตระกูลเซี่ยโห้ว กวาดล้างอำนาจในที่แจ้งของตระกูลเซี่ยโห้วจนหมดเกลี้ยง

จากนั้นก็อ้างอีกว่าประมุขไป๋และประมุขปีศาจไม่มีขอบเขตอำนาจอะไร บอกว่าทั้งสองมีเจตนาจะแบ่งขอบเขตอำนาจกันใหม่ ความคิดคร่าวๆ ก็คือต้องการจะตัดแบ่งขอบเขตอำนาจของสี่อ๋องสวรรค์ให้ออกมาเป็นหนึ่งขอบเขตอำนาจ สี่อ๋องสวรรค์ย่อมไม่หวังให้เรื่องอย่างนี้เกิดขึ้นอยู่แล้ว และฝ่าบาทก็รับปากตระกูลเซี่ยโห้วอีกว่าจะแต่งตั้งเซี่ยโห้วเฉิงอวี้เป็นราชินีสวรรค์ อำนาจหลายฝ่ายจึงแอบร่วมมือกัน จู่ๆ ก็มีการกลั่นแกล้ง สุดท้ายก็ทำให้อำนาจของประมุขไป๋กับประมุขปีศาจสลายไปหมดแล้ว

ทว่าการปรับอำนาจในใต้หล้าของฝ่าบาทกลับยังไม่หยุด หลังจากกลั่นแกล้งครั้งแล้วครั้งเล่า สี่อ๋องสวรรค์ก็เรียนรู้ที่จะว่านอนสอนง่ายแล้วเช่นกัน เริ่มเกาะกลุ่มปรองดองกันเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของตัวเอง รู้ว่าไม่ว่าตระกูลไหนล้มลง ก็จะถึงคราวที่อีกตระกูลจะซวยตามกันไป สุดท้ายจึงเกิดเป็นรูปแบบของใต้หล้าอย่างที่เห็น

และครั้งนี้ที่จริงก็ไม่นับว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลง เพียงแต่ตอนนี้รูปแบบของใต้หล้าชัดเจนขึ้นก็เท่านั้นเอง

การมาของซือหม่าเวิ่นเทียนทำลายความเงียบสงบบนตึกศาลาสูง ซ่างกวนชิงเอียงหน้ามองซือหม่าเวิ่นเทียนที่เร่งฝีเท้าเดินเข้ามา พบว่าซือหม่าเวิ่นเทียนดูมีชีวิตชีวาพอสมควร

ซือหม่าเวิ่นเทียนดูมีชีวิตชีวาจริงๆ ต้องยอมรับสิ่งที่ซ่างกวนชิงบอก ว่าเกาก้วนมีกึ๋นจริงๆ หน่วยตรวจการซ้ายยังไม่ทันสืบเจอว่าเกิดปัญหาตรงไหนกันแน่ แต่เกาก้วนสืบเจอเรื่องที่เกิดขึ้นที่น้ำพุวังเวงแล้ว ขณะเดียวกันก็เจอผลลัพธ์คร่าวๆ แล้ว

ครั้งนี้ติดหนี้น้ำใจเกาก้วนใหญ่หลวง เกาก้วนทำตามสัญญาโดยมอบผลลัพธ์ที่สืบได้ให้เขา บอกว่าผลลัพธ์ที่สืบได้อาจหยาบไปบ้าง ให้เขาไปหารายละเอียดอีกที จะได้ไม่ผิดพลาด เขาย่อมให้สายลับของแต่ละบ้านตรวจสอบความจริงทันที พบว่ากำลังพลออกล่าที่น้ำพุวังเวงของแต่ละบ้านหายไปแล้ว ไม่ได้ปรากฏตัวอีก และเขาก็จับพยานที่น้ำพุวังเวงชั้นห้ามาพิสูจน์ข่าวของเกาก้วนได้แล้ว

“ฝ่าบาท สืบทราบสาเหตุของเรื่องนี้ได้แล้วขอรับ” หลังจากซือหม่าเวิ่นเทียนทำความเคารพ ก็ใช้สองมือมอบแผ่นหยกสองแผ่นให้ “เรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะออกล่าที่น้ำพุวังเวง กำลังพลออกล่าถูกกำลังพลตำหนักสวรรค์กลุ่มใหญ่โจมตี ถ้าข่าวไม่ผิดพลาด ลูกหลานของขุนนางใหญ่ตำหนักสวรรค์ไล่ตั้งแต่อ๋องสวรรค์มาจนถึงเทพประจำดาวแทบจะตายที่น้ำพุวังเวงกันหมด กำลังพลหลายหมื่นที่ออกล่าที่น้ำพุวังเวงก็ตายหมดเช่นกัน และตามที่พยานเห็น กำลังพลที่โจมตีสวมชุดเกราะของตำหนักสวรรค์ ในมือถือธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ เหมือนจะเป็นกองทัพองครักษ์ คนที่หน่วยตรวจการซ้ายส่งไปตรวจสอบที่เกิดเหตุก็พบร่องรอยธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์จำนวนมากเช่นกัน หลังจากจบเรื่องสี่อ๋องสวรรค์คงจะเข้าใจผิดว่าฝ่าบาทบงการ ถึงได้เคลื่อนไหวระดมพลครั้งใหญ่”

“กองทัพองครักษ์?” ประมุขชิงที่รับแผ่นหยกมาไว้ในมือโมโหแล้ว ถามเสียงดังว่า “เป็นกองทัพองครักษ์ทำเหรอ?”

ซือหม่าเวิ่นเทียนตอบว่า “กำลังพลที่โจมตีน่าสงสัย ถึงแม้จะเลียนแบบกองทัพองครักษ์ แต่กลับปิดบังใบหน้า ข้าน้อยตรวจสอบกับกองทัพองครักษ์แล้ว ช่วงนี้กองทัพองครักษ์ไม่ได้มีกำลังพลกลุ่มไหนไปที่น้ำพุวังเวงเลย และในบรรดากำลังพลออกล่าทั้งหมด ก็มีเพียงกำลังพลของตระกูลเซี่ยโห้วที่ไม่เป็นอะไร เมื่อนำเบาะแสต่างๆ มารวมกันเพื่อตัดสิน เกรงว่าเรื่องนี้คงไม่พ้นเกี่ยวข้องกับตระกูลเซี่ยโห้ว”

ประมุขชิงรีบตรวจอ่านแผ่นหยกในมือ พร้อมถามว่า “ตระกูลเซี่ยโห้วจะเอาธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์มาจากไหนมากมายขนาดนั้น?”

ซือหม่าเวิ่นเทียนตอบว่า “ฝ่าบาทลืมเครื่องแบบชุดนั้นที่ทะเลดาวสับสนแล้วหรือ? จนกระทั่งตอนนี้ยังไม่มีเบาะแส ในใต้หล้านี้ ผู้ที่สามารถเอาอาวุธชุดนั้นไปได้อย่างเงียบเชียบ เกรงว่าจะมีอยู่ไม่มาก ตระกูลเซี่ยโห้วมีความสามารถนี้แน่นอน เมื่อนำเบาะแสแต่ละอย่างมารวมกัน เกรงว่าอาวุธชุดนั้นจะตกอยู่ในมือตระกูลเซี่ยโห้วแล้ว!”

หลังจากประมุขชิงอ่านรายงานอย่างละเอียดแล้ว สีหน้าก็ดำมืดลง เรียกได้ว่าขบเขี้ยวเคี้ยวฟันพูดว่า “ขุนนางชั่วมักใหญ่ใฝ่สูง! ข้าดูแลตระกูลเซี่ยโห้วไม่ขาดตกบกพร่อง บังอาจมารังแกข้าอย่างนี้!” เสียงดังแกร๊ก แผ่นหยกในมือแตกเป็นผุยผง

ซือหม่าเวิ่นเทียนเงียบแล้ว ถึงอย่างไรครั้งนี้เขาก็รอดตัวไปอย่างราบรื่น

ซ่างกวนชิงแอบตกตะลึง พบว่าตระกูลเซี่ยโห้วโหดมากทีเดียว ก่อนหน้านี้ฝ่าบาทยังเรียกเซี่ยโห้วท่าเข้าวังอยู่เลย ตระกูลเซี่ยโห้วแสดงท่าทีชัดเจนว่าจะยืนข้างฝ่าบาท แต่เบื้องหลังกลับไปรวมหัวกับสี่อ๋องสวรรค์ข่มฝ่าบาท หลังจากฉีกผ้าที่ปิดบังความน่าอายของตำหนักสวรรค์ออกแล้ว ยังจะทวงธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์แปดล้านจากตำหนักสวรรค์อีก ช่างดีนัก พอกลับมาสืบหาความจริง ก็พบว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะอุบายเจ้าเล่ห์ของตระกูลเซี่ยโห้ว สงสัยตระกูลเซี่ยโห้วจะได้ธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์แปดล้านนั่นไปไว้ในมือตั้งนานแล้ว

แต่จะว่าไปแล้ว ตอนแรกฝ่าบาทก็พูดจาไม่เป็นคำพูดต่อตระกูลเซี่ยโห้วเหมือนกันไม่ใช่เหรอ เกรงว่าตระกูลเซี่ยโห้วอาจจะไม่คิดว่าตัวเองเป็นขุนนางชั่วมักใหญ่ใฝ่สูงก็ได้

เรื่องนี้เจ้ายังมีวิธีไหนไปหาหลักฐานจากตระกูลเซี่ยโห้วอีกเหรอ คำตอบที่ได้มีเพียง เปล่า! ใส่ร้าย! ตระกูลเซี่ยโห้วไม่ยอมรับแน่นอน

หลักการก็เหมือนที่สี่อ๋องสวรรค์สงสัยว่าตัวเองถูกกองทัพองครักษ์โจมตีแล้วหาหลักฐานจากฝ่าบาทไม่ได้ ไม่ว่าฝ่าบาทจะทำหรือไม่ก็พิสูจน์ไม่ได้ ต่อให้เป็นฝ่าบาททำ แล้วจะยอมรับเหรอ? ผลที่ตามมาจากการยอมรับนั้นต้องจ่ายสูงมากเพื่อจะชดเชย นั่นไม่ใช่เรื่องที่ธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์แปดล้านคันจะแก้ไขได้แล้ว

ตอนนี้ไม่ว่าความจริงจะเป็นอย่างไร แต่ก็ไม่มีทางเปลี่ยนแปลงความจริงที่ว่าเรื่องราวได้เกิดขึ้นแล้ว ต่อให้สี่อ๋องสวรรค์รู้ว่าตระกูลเซี่ยโห้วทำ แต่ก็ไม่มีทางยอมคายธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์แปดล้านที่ตัวเองได้ไปแล้วออกมาหรอก และไม่มีทางที่จะเข้าประชุมราชสำนักให้ตัวเองเข้ามาอยู่ในพื้นที่เสี่ยงอีก จะต้องอาศัยโอกาสนี้แน่นอน พวกเขาจะต้องอาศัยโอกาสที่ฝ่าบาทตอบตกลงทำเรื่องราวบางอย่างให้เป็นจริง ไม่อย่างนั้นครั้งหน้าจะไม่มีข้ออ้างดีๆ อย่างนี้อีก ที่สำคัญคือต่อให้สี่อ๋องสวรรค์รู้ว่าตระกูลเซี่ยโห้วทำ แต่ก็ทำอะไรตระกูลเซี่ยโห้วไม่ได้อยู่ดี โดยเฉพาะยามที่ต้องการความช่วยเหลือจากตระกูลเซี่ยโห้วตอนนี้

ในขณะนี้เอง โพ่จวินกับอู๋ฉวี่ที่สวมเกราะรบก็มาพร้อมกัน หลังจากทำความเคารพแล้ว ทั้งคู่ก็สังเกตได้ว่าประมุขชิงเพิ่งบีบแผ่นหยกทิ้ง ทั้งคู่อดไม่ได้ที่จะสบตากัน ไม่รู้ว่าประมุขชิงได้รับรายงานแบบไหนมา แต่แน่ใจได้ว่าไม่ใช่ข่าวดีอะไรแน่นอน

“ฝ่าบาท!” สุดท้ายโพ่จวินก็กุมหมัดคารวะพร้อมรายงาน “เหนือใต้ออกตก สี่ทัพเริ่มถอนกำลังตามบัญชาของฝ่าบาทแล้ว กองทัพองครักษ์กำลังจับตาดูทิศทางการเคลื่อนไหวของสี่ทัพอย่างเข้มงวด”

เรียกได้ว่าเป็นข่าวดี สีหน้าพยับเมฆของประมุขชิงผ่อนคลายลงแล้ว หลังจากเดินออกจากอารมณ์ที่ย่ำแย่แล้ว เขาก็กลับมาสุขุมเยือกเย็น จากนั้นหันตัวไปด้านนอกแล้วถอนหายใจเบาๆ “บุกยึดใต้หล้านั้นง่าย แต่ปกครองใต้หล้านั้นยาก คำกล่าวของคนโบราณไม่ได้หลอกข้า!” ในเสียงถอนหายใจนั้นไม่รู้ว่าแสดงอาการจนใจออกมามากแค่ไหน

เขาไม่มีโอกาสกำจัดสี่อ๋องสวรรค์งั้นเหรอ? ไม่ใช่เลย ก่อนหน้านี้มีโอกาสเยอะมาก แต่เขาไม่อาจทำแบบนี้ได้ง่ายๆ ไม่อย่างนั้นเขาก็สามารถพูดอวดดีได้เลยว่า ต่อให้สี่อ๋องสวรรค์ร่วมมือกันก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของประมุขชิง เขาคนเดียวสามารถฆ่าตาแก่สี่คนนั่นทิ้งได้ ทว่าหากยังเกลี้ยกล่อมซื้อใจกำลังพลของสี่อ๋องสวรรค์ไม่ได้ ถ้าเขาทำแบบนี้แล้ว ลูกน้องเก่าของสี่อ๋องสวรรค์ก็จะพิจารณาก่อนเลยว่าจะถูกสะสางบัญชีเก่าหรือไม่

สำหรับเรื่องนี้ ไม่ว่าเจ้าจะปลอบใจอย่างไรก็ไร้ประโยชน์ ถามหน่อยว่ามีราชันที่ไหนบ้างอยากจะเห็นกำลังพลเครือข่ายอื่นกุมทัพที่แข็งแกร่งต่อไป แบบนั้นถือเป็นเรื่องล้อเล่นแล้ว หลังจากจบเรื่องก็จะต้องกวาดล้างหรือไม่ก็เปิดกรงเปลี่ยนนกถึงจะสงบใจได้ คนของสิบปราสาทดำเนินถูกทิ้งก็ไม่ใช่เพราะสาเหตุด้านนี้หรอกหรือ พอสี่อ๋องสวรรค์ตายไป ภายใต้สถานการณ์ที่กำลังพลเบื้องล่างกังวลเรื่องอนาคต ก็มีความเป็นไปได้สูงว่าจะรวมตัวกันเป็นกลุ่มอำนาจอีกกลุ่มแล้วตั้งตัวเป็นอิสระจากตำหนักสวรรค์ หรือไม่ก็ไปหาตระกูลเซี่ยโห้วกับแดนสุขาวดี แบบนั้นประมุขชิงก็จะกลายเป็นคนหัวเดียวกระเทียมลีบทันที แต่ถ้ายังเก็บสี่อ๋องสวรรค์ไว้ อย่างน้อยก็ยังคงสถานภาพปัจจุบันไว้ได้ ยังรักษาโครงสร้างผลประโยชน์ที่ใต้หล้าส่งให้ประมุขชิงได้ต่อไป นี่ไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการหรอกเหรอ? แต่นี่ก็ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่เขายอมอดทนให้มีสี่อ๋องสวรรค์อยู่

หลังจากครุ่นคิดพักหนึ่ง ก็นึกได้ว่าในมือยังมีแผ่นหยกอีกแผ่น เขาหยิบขึ้นมาอ่าน แล้วมุมปากก็เริ่มโค้งยิ้มทีละนิด จากนั้นโยนให้ซ่างกวนชิง “พวกเจ้าตั้งใจดูให้ดีนะ นี่ต่างหากขุนนางที่ภักดีเหมือนต้นขาต้นแขนของข้า!”

ซ่างกวนชิงมองซือหม่าเวิ่นเทียนแวบหนึ่ง รู้ว่านี่คือรายงานที่อีกฝ่ายเพิ่งมอบให้ฝ่าบาท ยังนึกว่าซือหม่าเวิ่นเทียนทำเรื่องดีอะไรเอาใจฝ่าบาทเสียอีก ผลก็คือพบว่าไม่เกี่ยวกับซือหม่าเวิ่นเทียน แต่เป็นรายงานลับเกี่ยวกับเรื่องที่เกาก้วนไปก่อเรื่องที่จวนอ๋องสวรรค์ ซึ่งหน่วยตรวจการซ้ายแอบส่งมา

ตั้งแต่บุกเข้าไปในเขตค่ายทัพเหนือ บุกเข้าไปฆ่าทหารยามที่เฝ้าจวนอ๋องสวรรค์โค่ว แล้วสุดท้ายก็ใช้ดาบชี้หน้าโค่วหลิงซวี แล้วก็ง้างปากเสือแย่งตัวสายลับหน่วยตรวจการขวากลับมาจากโค่วหลิงซวีทั้งเป็นๆ ทำให้โค่วหลิงซวีเสียหน้าแรงมาก ขนาดซ่างกวนชิงอ่านแล้วยังแอบตกใจ ตอนนี้สถานการณ์ละเอียดอ่อน เจ้าเกาหมวกสูงนี่ช่างใจกล้ามากทีเดียว!

แผ่นหยกส่งต่อกลับมาถึงมือโพ่จวิน หลังจากโพ่จวินอ่านแล้ว ก็กล่าวเหยียดหยามถึงที่สุด “ภายนอกดูจงรักภักดี แต่ภายในปลิ้นปล้อนที่สุด ขุนนางโฉด!” เท่ากับโต้เถียงประโยคที่ประมุขชิงบอกว่า ‘ขุนนางที่ภักดีเหมือนต้นขาต้นแขน’

…………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+