พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า 1355 แว้งกัด

Now you are reading พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า Chapter 1355 แว้งกัด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ทว่าการที่เหมียวอี้เสี่ยงอันตรายใหญ่หลวงขนาดนี้ ก็เพื่อที่จะกุมสิ่งสำคัญเอาไว้ เมื่อจับมาไว้ในมือได้แล้ว มีหรือที่จะวางมือให้พวกเขาสมปรารถนาง่ายๆ จึงหันซ้ายหันขวาแล้วตะโกนว่า “คังจือลวี่กับเหยาหย่วนชู โจรกบฏสองคนที่ก่อความวุ่นวายน่ะ ประหารซะ!”

ที่ไว้ชีวิตสองคนนั้นไว้ ก็เพื่อถ่วงเวลาเอาไว้ประหารต่อหน้าฝูงชน

“เจ้ากล้าเหรอ!” เผย เหิง อู๋ ทั้งสามที่กำลังอกสั่นขวัญแขวนตะโกนเป็นเสียงเดียวกัน

คังจือลวี่กับเหยาหย่วนชูดิ้นรนเล็กน้อย แต่จนใจที่ไม่มีกำลังที่จะดิ้นรนให้หลุดได้เลย สีหน้าของพวกเขาหวั่นวิตก หวาดกลัวแล้ว

สวีถังหรานตกใจจนหวาดผวาแล้ว ถ้ากลุ่มคนข้างนอกโจมตีฝ่าเข้ามาได้จะทำอย่างไรดีล่ะ เขาไม่กล้าทำอะไรซี้ซั้ว อดไม่ได้ที่จะมองไปทางหยางชิ่ง

“นายท่าน!” หยางชิ่งก็ร้อนใจแล้วเช่นกัน รีบถ่ายทอดเสียงเกลี้ยกล่อม “ตอนนี้ยังฆ่าสองคนนี้ไม่ได้ คนที่ควบคุมธงอินทรีสิบกองทัพล้วนเป็นคนของพวกเขา ตอนนี้ต้องเก็บพวกเขาเอาไว้บีบผู้บัญชาการของธงอินทรีสิบกองทัพ ไม่อย่างนั้นถ้ายั่วให้ทหารก่อกบฏ ผลที่ตามมาก็จะร้ายแรงเกินจินตนาการ!”

“หยางชิ่ง!” เหมียวอี้ตะโกนเสียงดัง โบกทวนชี้ไปที่หยางชิ่ง คนที่สมองซับซ้อนวกวนแบบนี้ บางครั้งก็น่ารังเกียจมากจริงๆ เอาแต่คิดว่าทำอย่างนั้นไม่ได้ทำอย่างนี้ไม่ได้ เอาแต่จะคิดวางแผนแก้ปัญหา ถ้าต้องการจะควบคุมทหารที่เข้มแข็งเกรียงไกรกลุ่มนี้ จะไม่มีความกล้าหาญเด็ดเดี่ยวสักนิดเลยได้อย่างไร ตนแสดงพลังอำนาจถึงขั้นนี้แล้ว ถ้าเขากล้าชักช้าไม่ยอมปฏิบัติตามคำสั่งต่อหน้าฝูงชน ทำให้พลังอำนาจของตนรั่วไหล ทำให้คนสงสัยเรื่องภายในของตนก็ถือว่าเป็นปัญหาเหมือนกัน จะบอกว่าก่อกวนขวัญกำลังใจทหารก็ไม่ถือว่ากล่าวเกินไป เหมียวอี้อยากจะพุ่งเข้าไปประหารเขาจริงๆ จึงตะโกนอีกครั้งว่า “ประหาร!”

หยางชิ่งหัวใจกระตุกวูบ เมื่อเห็นเหมียวอี้โกรธจนตาแดงแล้ว ก็ตระหนักได้ทันทีว่านี่คือคำขาดสุดท้ายแล้ว

เหยียนซิวก็พลันมองหยางชิ่งตาขวางเช่นกัน หยางเจาชิงที่ขี่สัตว์เทพแฉลบเข้ามากวาดสายตาเย็นเยียบมองสวีถังหราน

ฉึก! สวีถังหรานเห็นท่าไม่ดี จึงพลิกมือถือดาบเอาไว้ พอยกดาบขึ้นแล้วฟันลง เลือดสดก็พุ่งกระจายขึ้นมา ศีรษะใบใหญ่ปลิวขึ้นมาแล้ว ศีรษะของเหยาหย่วนชูโดนเขาตัดทิ้งอย่างรวดเร็วฉับไวภายในดาบเดียว

เพียงแต่หลังจากประหารไปแล้ว พอสวีถังหรานมองกำลังพลทัพใหญ่ที่แน่นขนัดดำเป็นพืด ขาก็รู้สึกชาเล็กน้อย รู้ว่าตัวเองจบเห่แล้ว ถ้าคนพวกนี้โจมตีฝ่าเข้ามาได้ ตนก็ไม่มีหาทางรอดชีวิตอะไรแล้ว

“หนิวโหย่วเต๋อ…” เผย อู๋และเหิง ทั้งสามตะโกนเสียงดังอย่างตกใจ

พอโดนเหมียวอี้ทำสายตาเดือดดาลกระตุ้น หยางชิ่งที่ตระหนักได้ถึงปัญหาของตัวเองก็ไม่ชักช้าอีก พลิกมือคว้าดาบมาฟันลงไปหนึ่งครั้ง ศีรษะของคังจือลวี่กลิ้งลงบนพื้นพร้อมเลือดสดที่พุ่งกระจายขึ้นมา

ตอนนี้รองผู้บัญชาการใหญ่สองคนที่กุมอำนาจทางทหารของธงพยัคฆ์ดำถูกประหารต่อหน้าฝูงชนแล้ว ทำให้กลุ่มทหารสะเทือนขวัญมาก รองผู้บัญชาการใหญ่ที่ยามปกติสูงส่งอยู่เบื้องบนโดนประหารไปต่อหน้าต่อตาแบบนี้แล้วเหรอ?ทั้งกองทัพส่งเสียงดังอื้ออึง

เมื่อได้แห็นภาพนี้ ทุกคนของสำนักหกนิ้วก็ตะลึงค้างเช่นกัน

ขณะที่เผย อู๋และเหิงกำลังตกใจ จู่ๆ ก็พบว่าสายตาที่เย็นเยียบดุร้ายของเหมียวอี้จ้องมาที่พวกเขาสามคน พวกเขารู้สึกใจสั่น ตระหนักได้ทันทีว่าต่อไปเหมียวอี้จะลงดาบกับพวกเขาสามคนแล้ว ทั้งสามแน่ใจได้ได้ ว่าหนิวโหย่วเต๋อไม่เสียดายที่จะใช้วิธีรุนแรงแบบนี้ แม้แต่ทางถอยก็ไม่เหลือไว้ให้ตัวเอง มีหรือที่จะเหลือทางถอยไว้ให้พวกเขาสามคน ต่อให้พวกเขาจะนำกำลังทหารมายอมจำนนตอนนี้ แต่หนิวโหย่วเต๋อก็ไม่ปล่อยพวกเขาไปอยู่ดี

ในเมื่อเป็นแบบนี้ พวกเขาก็ไม่สนใจแล้วเช่นกันว่าตอนหลังจะเปลี่ยนให้ใครมาเป็นผู้บัญชาการใหญ่ มาถึงขั้นนี้แล้ว ผ่านด่านตรงหน้าให้ได้ก่อนแล้วค่อยว่ากัน

ทั้งสามส่งสายตาให้กัน ขณะกำลังจะเอ่ยปาก เหมียวอี้ก็โบกทวนชี้พร้อมตะโกนแล้วว่า “พวกเจ้าสามคนเป็นใคร ทำไมถึงมาเสี้ยมยุยงขวัญกำลังใจทหารที่นี่?”

ทั้งสามไม่ตอบอะไร เอาแต่ตะโกนพร้อมกันว่า “เตรียมธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์!”

ทว่ากำลังพลทัพกลางเหลียวซ้ายแลขวา ธนูที่อยู่ในมือเหมือนจะยกก็ไม่ยก ทุกคนดูค่อนข้างลังเล มีเพียงลูกน้องคนสนิทสามคนที่ยกธนูขึ้นมาแล้ว ภาพนี้ทำให้ทั้งสามทั้งตกใจทั้งโมโห จึงตะโกนอย่างเกรี้ยวกราดอีกครั้งว่า “เตรียมธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ ใครขัดคำสั่ง ประหาร!”

เหมียวอี้พลันพูดตัดบทว่า “ไม่มีใครรู้เหรอว่าพวกเขาสามคนเป็นใคร?”

หยางเจาชิงถามทั้งๆ ที่รู้อยู่แก่ใจ ไม่เชื่อหรอกว่าตอนนี้จะมองไม่ออกว่าพวกเขาสามคนเป็นใคร หยางชิ่งที่มองตาเหมียวอี้แล้วเข้าใจตะโกนเสียงดังว่า “สามคนนี้ก็คือผู้ช่วยผู้บัญชาการของทัพกลาง อู๋เฟิง เผยไหลหมิง เหิงก่วงหลิง!”

เหมียวอี้เดือดดาลทันที โบกทวนชี้ไปที่สามคนนั้น “ผู้ช่วยผู้บัญชาการใต้บังคับบัญชาของข้า ไม่น่าเชื่อว่าจะยุยงให้ทัพกลางของข้าก่อกบฏ ยังกล้ากล่าวอย่างน่าไม่อายว่า ‘ ใครขัดคำสั่ง ประหาร’ หน้าด้านหน้าทนนัก ใครกันแน่ที่ขัดคำสั่ง!”

พอคังจือลวี่กับเหยาหย่วนชูตาย พวกลูกน้องก็จิตใจปั่นป่วน เมื่อเห็นเผย อู๋และเหิงออกคำสั่งแล้วไม่ได้ผล ในใจก็ร้อนรน เดิมทีควรจะพุ่งไปกำจัดเหมียวอี้โดยตรงเลยถึงจะดี ทว่ามีค่ายกลป้องกันเป็นอุปสรรคจึงไม่สามารถทำสำเร็จได้ ตอนนี้ถึงได้พบว่าไม่น่าถอนทัพออกมาจากค่ายกลใหญ่เลย ตอนนี้จึงต้องพยายามทำให้ขวัญกำลังใจทหารสงบมั่นคง เผยไหลหมิงจึงโบกทวนชี้ไปทางเหมียวอี้แล้วเถียงว่า “หนิวโหย่วเต๋อ เจ้าไล่พี่น้องของทัพกลาง ใส่ร้ายรองผู้บัญชาการใหญ่สองคน ฆ่าพี่น้องตัวเอง ไม่ให้อภัยธงพยัคฆ์ดำแน่นอน!” จากนั้นก็ตะโกนบอกลูกน้องว่า “พี่น้องทั้งหลาย เขามองพวกเราเป็นเหมือนตะปูในดวงตาแล้ว ถ้าให้เจ้าเวรนี่เรืองอำนาจ รองผู้บัญชาการใหญ่ทั้งสองก็มีให้เห็นเป็นบทเรียนแล้ว เขาจะต้องไม่ปล่อยพวกเราไปแน่นอน ควรจะเด็ดหัวเขาไปขอความเมตตาจากเบื้องบน คืนความสงบสุขให้ธงพยัคฆ์ดำ!”

“กรร!” เฮยทั่นเงยหน้าคำรามขึ้นฟ้า สั่นหัวส่ายหางลอยอยู่กลางอากาศ

เหมียวอี้ที่ยืนอยู่เบื้องบนเผยแผ่นหยกสองแผ่น พร้อมตะโกนเสียงดังว่า “คังจือลวี่ เหยาหย่วนชูมีเจตนาจะชิงอำนาจของธงพยัคฆ์ดำ ยุยงให้ธงพยัคฆ์ดำก่อกบฏ คำลงนามยอมรับเป็นของจริง โจรกบฏสองคนนี้เขียนยอมรับความผิดด้วยตัวเอง ข้างในมีบอกว่าเผยไหลหมิง เหิงก่วงหลิง อู๋เฟิงเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด ข้อกล่าวหานี้ อีกไม่กี่วันก็จะถูกรายงานขึ้นไปที่กองมังกรดำแล้ว คำให้การพร้อมตราลงนามที่คังจือลวี่กับเหยาหย่วนชูเขียนด้วยมือตัวเองอยู่ตรงนี้แล้ว หรือว่าทัพกลางอยากจะลงหลุมศพไปพร้อมสามโจรกบฏเผย เหิงและอู๋?”

พวกหยางชิ่งมองเหมียวอี้แวบหนึ่ง ไม่รู้จริงๆ ว่าคังจือลวี่กับเหยาหย่วนชูเขียนหนังสือยอมรับผิดนี้ไปตั้งแต่เมื่อไร ย่อมรู้อยู่แล้วว่าเป็นของปลอม

แต่ประสิทธิภาพของการปล่อยข่าวลวงนั้นไม่เลวเลย หัวใจของทหารทัพกลางเดิมทีก็สั่นคลอนอยู่แล้ว เมื่อมีข่าวลวงทำลายเพิ่มอีก ก็ยิ่งต้องสั่นคลอนมากกว่าเดิมอยู่แล้ว มีคนไม่น้อยแอบสุมหัวกระซิบกระซาบกัน

ขวัญกำลังใจทหารปั่นป่วนมาก เผย อู๋และเหิงแอบร้องว่าแย่แล้ว อู๋เฟิงตะโกนอย่างเดือดดาลว่า “พี่น้องทั้งหลายอย่าไปเชื่อคำพูดเหลวไหล รองผู้บัญชาการใหญ่ทั้งสองจะเขียนคำสารภาพผิดอะไรนั่นได้ยังไง!”

เหมียวอี้ตะโกนตามมาติดๆ ว่า “ทัพกลางฟังคำสั่ง เผยไหลหมิง อู๋เฟิง เหิงก่วงหลิงก่อกวนให้ขวัญกำลังใจทหารปั่นป่วน เคลื่อนไหวก่อกบฏ เผยธาตุแท้ต่อหน้าฝูงชน คำลงนามยอมรับเป็นของจริง อย่ามาแก้ตัวน้ำขุ่นๆ กำจัดผู้ช่วยผู้บัญชาการทั้งสามเดี๋ยวนี้ ประหารตรงนี้เลย! ส่วนผู้สมรู้ร่วมคิดที่โดนโจรกบฏสามคนนี้ยุยงบีบบังคับ ผู้ที่ยินดีจะออกจากความมืดมิดไปสู่แสงสว่าง ข้าจะไม่ตำหนิเรื่องความผิดในอดีต คนที่ฆ่าโจรกบฏสามคนได้จะมีผลงาน จะพิจารณาผลงานนี้ในการเลื่อนขั้นเป็นรองผู้บัญชาการกับผู้ช่วยผู้บัญชาการของทัพกลาง! ข้าลั่นวาจาต่อหน้าทุกคน คำสั่งทหารหนักแน่นดุจขุนเขา ไม่กลืนคำพูดแน่นอน มีใครกล้าสร้างผลงานชั้นยอดนี้ให้ข้า เด็ดหัวโจรสุนัขสามคนนั้นมาบ้าง?”

เดิมทีขวัญกำลังใจทหารก็ปั่นป่วนอยู่แล้ว เมื่อมีคำพูดนี้บวกเพิ่มมาอีก บรรยากาศของทัพกลางก็เปลี่ยนไปทันที มีคนไม่น้อยที่เริ่มมองไปทางเผย อู๋และเหิงด้วยแววตาเป็นประกาย ทั้งสามรู้สึกได้ทันทีว่ากำลังจะเกิดเรื่องขึ้น แววตาเตรียมก่อเรื่องของทุกคนนั้นทำให้ทั้งสามอกสั่นขวัญแขวน

ตอนนี้ทั้งสามทั้งตกใจทั้งหวาดกลัว เรียกได้ว่าคับแค้นเศร้าโศก หนิวโหย่วเต๋อคนนี้หลังจากมาที่ธงพยัคฆ์ดำก็ไม่มีอิทธิพลอำนาจ สิ่งเดียวที่มีก็คือความชอบธรรม เป็นความชอบธรรมที่เบื้องบนแต่งตั้งให้บัญชาการธงพยัคฆ์ดำ แต่อาศัยเพียงแค่ความชอบธรรมนี้ หนิวโหย่วเต๋อมาถึงที่นี่แค่หนึ่งวันเท่านั้น ยังไม่ทันยืนมั่นคงก็กดดันพวกเขาถึงขั้นนี้แล้ว นี่เป็นเรื่องที่ทั้งสามคนคาดคิดไม่ถึง ต่างก็นึกไม่ถึงว่าเหมียวอี้จะเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วดุดันขนาดนี้ จู่ๆ ก็ลงมือโดยที่ยังไม่รู้สถานการณ์แน่ชัดด้วยซ้ำ ทำให้พวกเขารับมือไม่ทันโดยสิ้นเชิง

เหิงก่วงหลิงตะโกนเสียงดังว่า “หนิวโหย่วเต๋อฆ่ารองผู้บัญชาการใหญ่ทั้งสองไป กำลังพลธงอินทรีสิบกองทัพของรองผู้บัญชาการใหญ่ทั้งสองได้ยินแล้วจะต้องรีบตามมาแน่นอน จะต้องไม่เก็บเขาเอาไว้แน่!”

เหมียวอี้ตำหนิเสียงดังว่า “น่าขำ! ธงอินทรีสิบกองทัพเป็นกำลังพลใต้บังคับบัญชาของผู้บัญชาการใหญ่คนนี้ จะกลายเป็นกำลังพลของโจรกบฏสองคนนั้นได้ยังไง? โจรกบฏทั้งสองตายไปแล้ว อย่าบอกนะว่าผู้บัญชาการของธงอินทรีสิบกองทัพจะไม่ฟังคำสั่งของผู้บัญชาการใหญ่คนนี้ แต่กลับไปฟังคำสั่งผู้ช่วยผู้บัญชาการกระจอกๆ อย่างพวกเจ้าสามคน มิหนำซ้ำตอนนี้พวกเจ้าก็ไม่ได้สำคัญอะไรเลยด้วย โดนปลดออกจากตำแหน่งแล้ว!” จากนั้นก็โบกทวนชี้กำลังพลทัพกลางที่อยู่รอบๆ “พวกเจ้ายังลังเลอะไรอยู่อีก? หรืออยากจะรอให้พี่น้องของธงอินทรีสิบกองทัพมาก่อน แล้วให้ผู้บัญชาการใหญ่คนนี้ทำให้ตำแหน่งในทัพกลางว่าง เลือกสมาชิกของธงอินทรีสิบกองทัพใหม่? พวกเจ้าต้องคิดดูให้ดีนะ ถ้าไม่กลับตัวตอนนี้ ในภายหลังก็ไม่มีโอกาสกลับตัวแล้ว ต่อให้เปลี่ยนคนอื่นมาเป็นผู้บัญชาการใหญ่  ก็ไม่มีใครกล้าให้คนทรยศได้มีที่ยืนในทัพกลางหรอก!”

ประโยคสุดท้ายกลายเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่ทำลายสมดุลในใจทุกคนแล้ว

“โจรกบฏรับความตายซะ!” จู่ๆ ด้านหลังอู๋เฟิงก็มีเสียงตะโกน ลูกน้องคนสนิทของเขาแทงทวนเข้ามาอย่างกะทันหัน

มีเสียงสะเทือนดังติดกันหลายครั้ง โชคดีที่ลูกน้องคนสนิทที่เหลือออกอาวุธได้ทันเวลา รีบช่วยให้อู๋เฟิงถลันตัวหลบได้ทัน ภายใต้การล้อมโจมตีของลูกน้องหลายคน พวกเขาประหารคนที่ลอบโจมตีทันที

แต่การที่มีคนเริ่มลงมือก่อน ก็ไม่ต่างอะไรกับการจุดไฟให้กับทัพกลาง พวกผู้บังคับการกองร้อยกับผู้บังคับการกองห้าพลันทยอยกันตะโกนว่า “เตรียมธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์!” พร้อมโบกมือชี้ไปที่เผย อู๋และเหิง

สถานการณ์หลุดจากการควบคุมแทบจะในชั่วพริบตาเดียว ทั้งสามตกใจมาก กล่าวอย่างร้อนใจว่า “หนี!”

ทว่าถึงแม้กำลังพลใต้บังคับบัญชาของทั้งสามจะมีเยอะ แต่มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่รีบหนีตามพวกเขาไป พุ่งขึ้นท้องฟ้าไปอย่างรวดเร็ว

“ยิง! ยิง! ยิง…” ธนูนับร้อยดอกยิงออกมาแทบจะพร้อมกันภายใต้คำสั่ง

ซวบๆๆ…

ลูกธนูนับหมื่นยิงออกมาพร้อมกัน ลำแสงหลายสายพุ่งตรงขึ้นท้องฟ้า มีพลังอำนาจน่าตกตะลึง ไล่ตามหลังคนหลายสิบคนที่กำลังหลบหนี

ทุกคนที่หลบหนีอยู่บนท้องฟ้าตกใจจนแทบจะขวัญกระเจิง เผย อู๋และเหิงก็ยิ่งนึกไม่ถึงว่ากำลังพลนับหมื่นที่ก่อนหน้านี้ยังฟังคำสั่งพวกเขา แต่ในตอนนี้กลับไม่เหลือทางรอดให้พวกเขาสักนิดเลย เดิมทีนึกว่าไปแล้วจะจบเรื่องได้ แต่กลับยังแว้งกัดเหมือนเดิม

พวกเขารีบเลี้ยวหนีเปลี่ยนทิศทาง ลำแสงนับไม่ถ้วนก็ยิงเลี้ยวตามด้วยเช่นกัน ไม่นานก็ตามทันแล้ว

ฉึกๆๆ…

“อา…” เสียงร้องโอดครวญดังติดๆ กันบนท้องฟ้า

ขนาดเกราะม่วงยังต้านทานการโจมตีของธนูดาวตกที่ทำจากผลึกแดงไม่ไหว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเกราะทองเลย คนหนึ่งเพิ่งจะโดนลูกธนูยิงหนึ่งดอก ชั่วพริบตาเดียวก็โดนปลายธนูแทงทะลุจนเป็นรูเลือดทั่วร่างกาย ส่วนเกราะม่วงที่สวมบนร่างกายก็ถูกยิงจนยิงจนกลายเป็นตัวเม่นแล้ว

เผย อู๋และเหิง ทั้งสามไม่มีใครรอดไปได้สักคน มีคนไม่น้อยรีบหยิบโล่ผลึกแดงออกมาป้องกันธนูดาวตกได้ทันเวลา แต่ก็ยังไม่มีประโยชน์อยู่ดี เมื่อลูกธนูมากมายขนาดนี้ยิงเข้ามา ภายใต้แรงโจมตีมหาศาล โล่ในมือก็ยังสะเทือนจนหลุดมือไป ส่วนคนก็สะเทือนจนกระอักเลือดออกมา พอโล่ตกลง ทั้งตัวก็ดิ้นรนอยู่กลางอากาศพักหนึ่ง โดนยิงจนตัวกลายเป็นเม่น ตายแบบตาไม่หลับ

ถึงแม้ว่าจะเป็นนักพรตบงกชรุ้ง แต่เมื่อเผชิญกับการโจมตีหมู่จากทัพใหญ่ ก็ยากที่จะรอดพ้นภัยไปได้อยู่ดี โดนโจมตีจนแทบไม่เหลือกำลังตอบโต้ หลังจากฝนลูกธนูหนึ่งระลอกผ่านไป ศพหลายสิบร่างก็ร่วงลงจากท้องฟ้าแล้ว

…………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด