พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า 1239 คาดไม่ถึงว่าจะเป็นสายลับ

Now you are reading พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า Chapter 1239 คาดไม่ถึงว่าจะเป็นสายลับ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เล่นบ้าอะไรกัน? เหมียวอี้แอบพึมพำในใจ แต่ก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวไปฟังว่าเรื่องอะไรก็ดีเหมือนกัน ถ้ากลับไปไม่ได้ก่อนการทดสอบจะจบ ตอนก็อาจจะต้องเตรียมตัวเพื่ออยู่ที่นี่นานแล้วจริงๆ

แต่เขาก็ไม่ต้องเตรียมตัวอะไรไม่ใช่เหรอ เรื่องรับรองแขกย่อมมีลูกน้องเตรียมการให้อยู่แล้ว

ประมาณหนึ่งชั่วยามหลังจากนั้น ห้าปราชญ์ก็ทยอยกันมาถึง เหมียวอี้นำจินม่านและพวกขุนพลใหญ่มารับแขกด้วยตัวเอง ขบวนของแขกที่มาก็ไม่เล็กเหมือนกัน ประมุขขุนพลของห้าปราชญ์และขุนพลใหญ่ที่สามารถพามาได้ก็พาหมาหมดแล้ว

ตอนที่นำแขกเข้ามาถึงด้านในและนั่งลงด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส เหมียวอี้ก็แอบถ่ายทอดเสียงถามพวกอวิ๋นอ้าวเทียนว่า “เรื่องอะไรกัน?”

ปรากฏว่าพวกเขาไม่มองแม้แต่หางตา ไม่มีใครตอบ ทำให้เหมียวอี้กลุ้มใจอยู่พักหนึ่ง

หลังจากรอให้ลูกน้องรินน้ำชาเสร็จแล้ว เหมียวอี้ก็เห็นพวกอวิ๋นอ้าวเทียนแต่ละคนทำสีหน้าเรียบเฉย จึงหันกลับไปมองจินม่านที่ยืนอยู่ข้างๆ เพื่อขอความเห็น

จินม่านพยักหน้าเบาๆ เหมียวอี้ถึงได้ยิ้มพร้อมถามทุกคนว่า “ไม่ทราบว่าทั้งห้าท่านให้เกียรติมาเยือนด้วยธุระอะไร”

อย่าว่าแต่ฝ่ายนี้เลย แม่ทัพคนอื่นๆ ของห้าปราชญ์ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าห้าคนนี้มาที่นี่เพราะเรื่องอะไรกันแน่ แต่ละคนพากันมองปฏิกิริยาของเจ้านายตัวเอง

อวิ๋นอ้าวเทียน ฉางเหลย ซือถูเซี่ยวกับจีฮวนเคลื่อนสายตาเล็กน้อยเหลือบมองมู่ฝานจวิน ทั้งสี่ไม่ได้พูดอะไร ในเมื่อเป็นมู่ฝานจวินที่ต้องการจะจุดคบเพลิงนี้ พวกเขาก็จะไม่โผล่หัวไปคนแรก เพื่อป้องกันไม่ให้ถูกมู่ฝานจวินใช้ประโยชน์

โถงใหญ่ตกอยู่ในสภาพเงียบเงียบไร้เสียงในชั่วพริบตาเดียว สถานการณ์ค่อนข้างแปลก

จินม่านเหลือบมองเหมียวอี้แวบหนึ่ง กำลังครุ่นคิดว่าหรือว่าทุกคนรู้กันหมดแล้วว่าที่ลัทธิอู๋เลี่ยงเหมียวอี้พูดจาไม่มีน้ำหนักอะไร? จึงไอเบาๆ ทำคอให้โล่งแล้วถามพร้อมรอยยิ้มว่า “ไม่ทราบว่ามาด้วยธุระอะไรกันแน่?”

พวกอวิ๋นอ้าวเทียนยังคงไม่มีปฏิกิริยาอะไร เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว เป็นไปไม่ได้ที่จะเสียเวลาต่อไป มู่ฝานจวินที่หรี่ดวงตาหงส์เล็กน้อยในที่สุดก็กล่าวอย่างช้าๆ ว่า “มีบางอย่างที่ไม่รู้ว่าควรพูดหรือเปล่า ถ้าพูดออกมาเกรงว่าจะส่งผลกระทบต่อความสามัคคีของหกลัทธิ แต่ถ้าไม่พูดออกมา เรื่องนี้กี่ยวข้องกับส่วนร่วม แล้วพวกเราก็กลัวจะเกิดเรื่องด้วย ในเมื่อพี่น้องหกลัทธิผลักดันพวกเราให้ขึ้นสู่ตำแหน่งนี้แล้ว พวกเราก็ต้องรับผิดชอบต่อความเป็นความตายของพี่น้องหกลัทธิ และเพื่อรับผิดชอบต่อพวกเราเองด้วยเช่นกัน”

มีเรื่องอะไรกันแน่? เหมียวอี้กวาดสายตามองพวกเขาอย่างสงสัย

จินม่านยิ้มตอบว่า “ในเมื่อเรื่องนี้สำคัญกับส่วนรวม ปราชญ์เซียนก็พูดมาตรงๆ ได้เลย ดูว่าเป็นเรื่องอะไร ดูว่าทุกคนจะปรึกษาหาทางแก้ไขได้มั้ย”

มู่ฝานจวินเคลื่อนสายตาไปมองบนหน้าพวกอวิ๋นอ้าวเทียนทีละคน แล้วถามว่า “ถ้าอีกสี่ท่านไม่มีความเห็นอะไร เช่นนั้นข้าก็จะพูดแล้วนะ?”

ทั้งสี่แอบด่าในใจ ผู้หญิงคนนี้ดึงดันจะลากพวกเขาลงน้ำไปด้วยให้ได้ ถ้าเกิดเหตุไม่คาดคิดอะไรขึ้นมาก็ไม่อยากจะรับผิดชอบคนเดียว จะได้พิสูจน์ได้ง่ายว่าเป็นการตัดสินใจร่วมของทั้งห้าคน

ทั้งสี่คนไม่พูดอะไร นั่นก็แสดงว่าเห็นด้วยแล้ว สายตามู่ฝานจวินพลันจ้องไปที่เหมียวอี้ แล้วโบกมือชี้ไปหาเหมียวอี้ พร้อมกล่าวอย่างไม่ปรานีเลยสักนิดว่า “พวกเราสงสัยว่าเขาคือสายลับที่โจรกบฏส่งตัวมา!”

เมื่อกล่าวคำนี้ออกมา ก็สั่นสะเทือนราวกับฟ้าผ่า ทำให้ทุกคนตกใจไม่เบา แทบจะตะลึงค้างกันหมดแล้ว

อย่าว่าแต่สืออวิ๋นเปียน กงซุนลี่เต้าและอ๋าวเถี่ยที่อยู่ข้างกันเลย เหลียงหรงกับหมี่หลิงที่อยู่ข้างหลังก็ยิ่งทำสีหน้าเหลือเชื่อ ถึงอย่างไรทั้งสองก็ติดตามรับใช้เหมียวอี้มาหลายสิบปีแล้ว พอจะมีความผูกพันอยู่บ้าง และไม่หวังให้เกิดเรื่องขึ้นกับเหมียวอี้ด้วย

ส่วนเหมียวอี้ก็พลันเบิกตากว้าง สิบนิ้วจับที่วางมือของเก้าอี้ไว้แน่นทั้งสองข้าง จับจนข้อนิ้วขาว จากนั้นก็รีบพยายามผ่อนคลาย

ในปีแรกๆ เขากังวลเรื่องนี้มาตลอด ตอนหลังเห็นห้าปราชญ์ไม่มีปฏิกิริยาอะไร ก็ยังนึกว่าเรื่องนี้จะผ่านไปแล้ว นึกไม่ถึงว่าสิ่งที่กังวลยังคงเกิดขึ้น

เหมียวอี้หัวใจกระตุกวูบในชั่วพริบตาเดียว แววตาเปลี่ยนเป็นเย็นเยียบ กวาดสายตามองบนหน้าอวิ๋นอ้าวเทียน ฉางเหลย ซือถูเซี่ยวและจีฮวน สายตาหยุดอยู่บนหน้าอวิ๋นอ้าวเทียนนานที่สุด เห็นได้ชัดว่าทั้งห้าปรึกษาเรื่องนี้กันมาอย่างดีแล้ว คนอื่นๆ เขาพอจะเข้าใจได้ แต่นึกไม่ถึงว่าอวิ๋นอ้าวเทียนจะเล่นงานเขาให้ถึงตายเหมือนกัน ท่านนี้คือปู่ของฮูหยินของตนนะ! เขาไม่ขอให้อวิ๋นอ้าวเทียนช่วยเหลือตน แต่ไม่ต้องมาร่วมวงวางแผนทำร้ายตนไม่ได้เหรอ?

สุดท้ายสายตาของเหมียวอี้ก็กลับมาหยุดอยู่บนหน้ามู่ฝานจวิน แล้วถามด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นว่า “ยายแก่นแก้ว เจ้ากำลังล้อเล่นใช่มั้ย?”

พออ้าปากก็เรียกฉายาเลย แม้แต่ความเคารพสักนิดก็ไม่เหลือแล้ว

แต่สิ่งที่เขาไม่ได้สังเกตก็คือ ลูกประคำสีเขียวเข้มที่อยู่ใต้คอเสื้อของเขากำลังกะพริบแสงอ่อนๆ

จินม่านที่ทำสีหน้าตกตะลึงถามเช่นกันว่า “ปราชญ์เซียน คนเรากินมั่วได้ แต่จะพูดมั่วไม่ได้นะ!”

มู่ฝานจวินกล่าวเสียงเรียบว่า “ไม่ได้พูดมั่วแน่นอน เมื่ออยู่กับพวกโจรกบฏเขามีอีกสถานะหนึ่ง คือหนิวโหย่วเต๋อ ผู้บัญชาการใหญ่ตลาดสวรรค์ดาวเทียนหยวน เรื่องนี้คนอื่นๆ สามารถเป็นพยานได้!”

พวกอวิ๋นอ้าวเทียนไม่มีใครพูดอะไร เห็นได้ชัดว่ายอมรับแล้ว

“หนิวโหย่วเต๋อ?” สืออวิ๋นเปียนอุทาน

“ดาวเทียนหยวน ผู้บัญชาการใหญ่ตลาดสวรรค์ หนิวโหย่วเต๋อ!” จินม่านอุทานเช่นกัน นางหันขวับไปมองเหมียวอี้ที่นั่งไม่สะทกสะท้านอยู่ด้านข้าง พลางถอยหลังโดยจิตใต้สำนึก

“อันดับหนึ่งจากการทดสอบที่สถานที่ไร้ชีวิตครั้งก่อน หนิวโหย่วเต๋อที่ตัดหัวข้าทาสของโจรกบฏไปสามพันกว่าหัวเหรอ?”

“หนิวโหย่วเต๋อที่บุกโจมตีฝ่าเข้าฝ่าออกในทัพใหญ่หนึ่งล้าน?”

“หนิวโหย่วเต๋อ…” ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นประหลาดใจสงสัย

เห็นได้ชัดว่าทุกคน ‘เลื่อมใส’ ชื่อเสียงอันโด่งดังของหนิวโหย่วเต๋อมานานแล้ว อย่าไปมองว่าประมุขปราชญ์เหมียววรยุทธ์ไม่สูงเชียวนะ เพราะชื่อเสียงโด่งดังอยู่ข้างนอกตั้งนานแล้ว ในใต้หล้านี้เกรงว่าคงจะมีนักพรตอยู่ไม่กี่คนที่ไม่เคยได้ยินนามอันยิ่งใหญ่นี้ ถึงแม้คนทางนี้จะถูกขังอยู่ในนรก แต่ข้างนอกยังมีลูกน้องเก่าที่รอดตายและหนีมาไม่ทันเหลืออยู่ ไม่แปลกหูกับชื่อของหนิวโหย่วเต๋อที่เคยที่ก่อเรื่องไว้ครึกโครม

“เจ้าเองเหรอหนิวโหย่วเต๋อ?” จ่างซุนจูถามอย่างตกใจ แล้วก็หันกลับมามองมู่ฝานจวินที่อยู่ข้างๆ อีก “ประมุขปราชญ์! เรื่องนี้จะล้อเล่นไม่ได้เชียวนะ”

“เฮอะ!” มู่ฝานจวินพ่นเสียงทางจมูก “ถ้าพวกเจ้าไม่เชื่อ ก็ส่งลูกน้องเก่าที่อยู่ข้างนอกไปสืบที่ตลาดสวรรค์ดาวเทียนหยวนดูสิว่าหนิวโหย่วเต๋อหน้าตาเป็นยังไง ดูซิว่าหน้าตาจะเหมือนเขารึเปล่า!”

เย่สิงคง ประมุขขุนพลลัทธิมารตะคอกถามเหมียวอี้ตรงนั้นทันที “เหมียวอี้ เจ้ายังมีอะไรจะอธิบายอีกมั้ย?”

เหมียวอี้นั่งสงบไม่ขยับไปไหน หลับตาลงอย่างช้าๆ เขารู้ว่าเวลาแบบนี้เขายิ่งต้องเยือกเย็น ถ้าลุกลี้ลุกลนจะรับมือไม่ไหว เหตุการณ์ที่เลวร้ายจะต้องมาถึงแน่ ไม่ว่าใครก็ช่วยเหลือเขาไม่ได้ ปากจึงพูดถ่วงเวลาอย่างใจเย็นว่า “มีคนวางแผนทำร้ายข้า ข้าจำเป็นต้องอธิบายด้วยเหรอ?”

ในหัวกำลังรีบคิดหาทางฝ่าวิกฤต คิดไปคิดมา ก็พบว่าสถานะที่แท้จริงของตัวเองคือแผลที่ทำให้ถึงตาย ในปีนั้นก็นึกไม่ถึงจริงๆ ว่าตัวเองจะมาเจอเหตุการณ์แบบนี้ในนรก ดังนั้นจึงไม่ได้เตรียมตัวอะไร คนที่เคยเห็นเขาที่ตลาดสวรรค์มีเยอะเกินไปแล้ว หลังจากที่เขารู้ว่าในหกลัทธิมีลูกน้องเก่าที่รอดตายอยู่ข้างนอก เขาก็กังวลว่าฐานะของตัวเองจะเปิดเผยในสักวัน นี่ก็เป็นเหตุผลข้อใหญ่ที่สุดที่เขาอยากจะปลีกตัวออกจากสถานการณ์อันตรายนี้

ไม่ว่าเรื่องนี้จะเป็นอย่างไร ฝั่งโจรกบฏจะต้องพิสูจน์แน่นอน เขาพอจะมีลางสังหรณ์ว่าจะผ่านเคราะห์นี้ไปได้ยาก

อวิ๋นอ้าวเทียนก็หลับตาสองข้างแล้วเชนกัน ในใจแอบถอนหายใจ รู้ว่าครั้งนี้เหมียวอี้จะต้องตายแน่นอน เขาคิดไม่ออกว่าเหมียวอี้จะหาทางเอาตัวรอดจากที่นี่ไปได้อย่างไร

ในหัวของเขาตอนนี้ปรากฏเงาร่างของอวิ๋นจือชิว เขาหลับตาลงเพราะไม่อยากสบตากับเหมียวอี้ตรงๆ เขาจินตนาการไม่ออกว่าในภายหลังจะไปเผชิญหน้ากับอวิ๋นจือผู้ซึ่งพยายามช่วยเหลือตระกูลอวิ๋นอย่างสุดความสามารถหลังจากมาพิภพใหญ่อย่างไร

สาวน้อยชุดชมพู ประมุขขุนพลลวี่เกอแห่งลัทธิปีศาจ เดิมทีก็ไม่ได้รู้สึกดีกับเหมียวอี้อยู่แล้ว นางเองก็โดนเหมียวอี้ลูบคลำไปทั้งตัวทั้งข้างล่างข้างบนเช่นกัน ตอนนี้ตะคอกเสียงดังว่า “รู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าเจ้าหมอนี่ไม่ใช่คนดี จินม่าน เรื่องนี้ลัทธิอู๋เลี่ยงของพวกเจ้าจะว่ายังไง?”

หลัวซิง ประมุขขุนพลลัทธิพุทธประนมมือถามเสียงต่ำว่า “จินม่าน เจ้าน่าจะรู้ถึงผลลัพธ์ที่โจรกบฏส่งคนเข้ามาอยู่ในแกนกลางของพวกเรานะ?”

หลายลัทธิเอย่ถาม แสดงเจตนาชัดเจนว่าต้องการคำอธิบายจากลัทธิอู๋เลี่ยง!

หน้าอกที่อิ่มเอิบของจินม่านกระเพื่อมขึ้นลงสองที นางถอนหายใจยาง แล้วจ้องเหมียวอี้พร้อมถามเน้นย้ำทีละคำว่า “เจ้าไม่คิดจะให้คำอธิบายเรื่องนี้สักหน่อยเหรอ?”

ใครจะคิดว่าเหมียวอี้ที่หลับตาอยู่กลับบ่ายเบี่ยงไปถามอย่างอื่น “มู่ฝานจวิน เรื่องนี้เป็นแผนการของเจ้าใช่มั้ย? เป็นเพราะข้าไม่ได้ให้ของที่เจ้าต้องการใช่มั้ย เจ้าถึงได้ใส่ร้ายข้า?”

“ช่างน่าขำ!” มู่ฝานจวินถามกลับว่า “เจ้าจะให้ของดีอะไรข้าได้?” นางอยากจะฉวยโอกาสนี้ยืนยันให้แน่ใจว่าของอยู่ในมือเหมียวอี้หรือไม่

เหมียวอี้ไม่มีทางยอมรับว่าในมือตัวเองมีเบาะแสของหกเคล็ดวิชาพิเศษ ขอเพียงเขาไม่พูด ต่อให้มีคนได้แผนที่บนตัวเขาไป ก็อย่าได้คิดเลยว่าจะหาที่ซ่อนสมบัติเจอได้ง่ายๆ

ถ้าเป็นเมื่อก่อน เขายังพอจะมอบหกเคล็ดวิชาพิเศษให้พวกมู่ฝานจวินฝึกได้ง่ายๆ แต่พอมาดูตอนนี้ ไม่ว่าใครก็อย่าได้คิดเลยว่าจะได้ไป ต่อให้มู่ฝานจวินเอาเรื่องเยว่เหยามาขู่ก็ไม่มีประโยชน์ คนที่ไม่เคยตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกับเขาไม่มีทางเข้าใจความรู้สึกของเขาในตอนนี้ได้ โดนทรยศหักหลังอยู่ภายใต้สถานการณ์แบบนี้ เพียงพอที่จะทำให้เขาทำเรื่องที่โหดเหี้ยมไร้ความปรานีได้ ตอนนี้หัวใจของเขาเย็นชาเหมือนน้ำแข็งแล้ว!

จินม่านที่สีหน้าเย็นเยียบถามอีกครั้งว่า “เหมียวอี้ ถ้าเจ้าไม่อธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ เกรงว่า…”

สายตาพลันเหล่มอง เห็นสืออวิ๋นเปียนที่อยู่ข้างๆ พลันหยิบระฆังดาราอันหนึ่งออกมา กำลังฟังข่าวอะไรสักอย่าง ขัดจังหวะคำถามของจินม่านแล้ว

จินม่านเองก็รู้เช่นกัน ว่าในโอกาสและสถานที่แบบนี้ การที่สืออวิ๋นเปียนหยิบระฆังดาราออกมาอย่างไม่กล้าชักช้า แสดงว่ามีเรื่องสำคัญอะไรบางอย่างแน่นอน หรือไม่ก็มีตัวละครสำคัญติดต่อมาจึงไม่สามารถชักช้าได้

สืออวิ๋นเปียนที่ฟังข่าวจบเก็บระฆังดารา มองเหมียวอี้ด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป ดูค่อนข้างสับสนปนซับซ้อน

“มีเรื่องอะไร?” จินม่านถามด้วยเสียงจริงจัง

สืออวิ๋นเปียนก้าวเข้ามาใกล้ๆ แล้วถ่ายทอดเสียงบอกว่า “สายลับฝั่งโจรกบฏส่งข่าวมา ว่าชื่อปลอมของประมุขปราชญ์คือหนิวโหย่วเต๋อจริงๆ เป็นสายลับที่เข้าไปแฝงตัวอยู่ในหน่วยงานภายในของโจรกบฏ ต้องผ่านผ่านอุปสรรคและใช้ความพยายามหลายครั้งกว่าจะยืนอย่างมั่นคงได้ ทางนั้นบอกว่าฉากใหญ่แห่งการโต้ตอบได้เปิดขึ้นแล้ว แค่รอโอกาสเหมาะ ฐานะของประมุขปราชญ์ทางฝั่งโจรกบฏเกี่ยวข้องกับเรื่องสำคัญ ห้ามผิดพลาดเด็ดขาด!”

“ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นสายลับ…” จินม่านอึ้งไปชั่วขณะ จากนั้นก็เหมือนจะนึกอะไรบางอย่างได้ นางตัวสั่นหวาดกลัวทันที รีบมองไปรอบๆ อย่างรวดเร็ว กวาดมองทุกคนที่อยู่ตรงนั้น

แต่ไหนแต่ไรมา สายลับที่แทรกไว้ฝั่งโจรกบฏก็ไม่เคยติดต่อมาทางนี้ง่ายๆ ก็เพราะด้วยเหตุนี้ นางจึงรู้สึกตกตะลึงอย่างอธิบายออกมาได้ยาก เห็นอยู่ตำตาว่าทุกคนที่อยู่ตตรงนี้ไม่มีทางติดต่อกับภายนอกได้ แต่ทำไมสายลับที่อยู่ทางนั้นจึงรีบส่งข่าวมาในเวลานี้ล่ะ เห็นได้ชัดว่ารู้แล้วว่าทางนี้เกิดเรื่องอะไรขึ้น จึงส่งข่าวมาห้ามพวกเขาได้ทันเวลา

หรือว่าจะมีคนได้ข่าวล่วงหน้าแล้วหรือเปล่า?

นางหวังให้เป็นแบบนี้ ไม่อย่างนั้นแค่คิดนางก็กลัวแล้ว เพราะไม่มีทางจินตนาการถึงผลลัพธ์ที่ตามมาได้เลย ไม่น่าเชื่อว่าจะมีคนรับรู้เหตุการณ์ของฝั่งนี้แบบตามติดใกล้ชิดขนาดนี้ สามารถรู้เหตุการณ์ฝั่งนี้ได้ตลอดเวลา ถ้าทุกอย่างที่เกิดขึ้นทางนี้ล้วนอยู่ในการควบคุมของคนอื่น ขนาดแค่คิดเฉยๆ ยังขนลุกเลย

พอสงบสติอารมณ์ได้แล้ว แววตาที่สับสนของจินม่านก็ไปหยุดอยู่บนใบหน้าที่สุขุมเยือกเย็นของเหมียวอี้พักหนึ่ง เสร็จแล้วถึงได้หันมาบอกทุกคนว่า “ทุกคน เรื่องนี้อาจจะมีการเข้าใจผิดกัน ประมุขปราชญ์ของพวกเราไม่มีทางเป็นสายลับที่โจรกบฏส่งมาแน่นอน ให้มันจบลงตรงนี้แล้วกัน!”

…………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด