พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า 1808 โอรสสวรรค์ขอความช่วยเหลือ

Now you are reading พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า Chapter 1808 โอรสสวรรค์ขอความช่วยเหลือ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หยินซวงโน้มตัวลงเล็กน้อย หน้าแทบจะชนกับใบหน้านางแล้ว จ้องตานางพร้อมบอกว่า “ทั้งเจ้าและข้าล้วนไม่ต้องรู้ว่าเพราะอะไร ให้ทำแบบนี้ก็แสดงว่ามีเหตุผลให้ต้องทำแบบนี้แน่นอน”

สนมฉินส่ายหน้าด้วยความคับแค้น “ในวังมีคนตั้งมากมาย ทำไมต้องเลือกข้าด้วย?”

อย่าไปมองว่านางเป็นสนมของราชันสวรรค์ เพราะหยินซวงกับไป๋เสวี่ยต่างหากที่เป็นตัวแทนตระกูลอิ๋งเพื่อกำกับดูแลที่วังสวรรค์

เดิมทีคนที่กำกับดูแลควรจะเป็นจ้านหรูอี้ แต่จนใจที่จ้านหรูอี้ไม่ตอบรับ

“เพราะฝ่าบาทมาอยู่กับเจ้าหลายครั้งแล้ว ตอนนี้ยังสนใจเจ้าอยู่ ยิ่งทำให้ฝ่าบาทเดือดดาลได้” หยินซวงกล่าวเสียงเรียบ

สนมฉินฝืนยิ้ม “สงสัยครั้งนี้ข้าจะต้องตายแน่นอนแล้ว”

หยินซวงส่ายหน้า “เจ้าวางใจเถอะ ไม่ได้อันตรายอย่างที่เจ้าคิด ต่อให้ทำให้พี่น้องในวังดู หลังจากจบเรื่องแล้วตระกูลตงจะพยายามปกป้องเจ้าเต็มที่ ที่สำคัญที่สุดก็คือ ทัพตะวันออกจะเลื่อนตำแหน่งให้พ่อเจ้าเป็นหัวหน้าภาคด้วย แต่ในทางตรงกันข้าม เจ้าก็น่าจะรู้ผลที่ตามมานะ”

สนมฉินย่อมเข้าใจว่าผลที่ตามมาจะเป็นอย่างไรหากตัวเองไม่รับปาก นั่นก็คือสักวันหนึ่งตนจะต้องตายอยู่ในวังอย่างไม่ทราบสาเหตุ และจุดจบของคนในครอบครัวนางก็เกรงว่าจะยิ่งอนาถ นางไม่มีทางเลือกเลย ครอบครัวนางอยู่ในมือทัพตะวันออก ต่อให้เป็นประมุขชิงก็อาจจะช่วยออกมาไม่ได้เช่นกัน

เคยมีอุทธาหรณ์แบบนี้มาก่อน หากสนมคนหนึ่งต้องการจะหลุดพ้นจากการควบคุม ก็จะต้องไปสารภาพต่อฝ่าบาท แต่เป็นคำพูดปากเปล่าที่หาพยานไม่ได้สักคนด้วยซ้ำ ไม่สะเทือนถึงคนใหญ่คนโตในตำหนักสวรรค์เลย ฝ่าบาทจะเอ่ยปากขอตัวคนในครอบครัวของสนมคนนั้น แต่ขุนนางใหญ่ท่านนั้นกลับชิงพูดจาเหลวไหล บอกว่าคนในครอบครัวของสนมคนนั้นเกิดอุบัติเหตุตายไปแล้ว ผลปรากฏว่าเป็นอย่างที่พูดไว้จริงๆ คนในครอบครัวสนมคนนั้นบทจะตายก็ตายแล้วจริงๆ ถูกล้างตระกูลตั้งแต่ก่อนคนของฝ่าบาทจะไปถึง โหดร้ายราวกับไม่มีอยู่จริงในโลกนี้

ตอนหลังสนมคนนั้นกลับไปสมคบกับทหารที่เฝ้าอุทยานหลวงอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ถูกคนจับได้ว่านอนด้วยกัน หลังจากทหารคนนั้นยอมรับผิดก็ปลิดชีพตัวเอง ส่วนสนมคนนั้นก็ร่ำร้องว่าถูกใส่ร้าย แม้จะมีร้อยปากแต่ก็ยากที่จะแก้ตัวได้ สุดท้ายจึงถูกลงโทษแล่เนื้อเถือหนังจนถึงแก่ความตาย จุดจบอนาถมาก

สำหรับคนทรยศอย่างนี้ อย่าว่าแต่สี่อ๋องสวรรค์เลย แม้แต่ตระกูลเซี่ยโห้วก็เหมือนจะยืนอยู่บนแนวรบเดียวกัน เวลาจะลงโทษขึ้นมาก็ไม่ปรานี!

หลังจากหยินซวงออกไปแล้ว สนมฉินก็นั่งน้ำตาไหลเงียบๆ อยู่อย่างนั้น เป้าหมายที่นางเข้าวังก็คือแย่งชิงความโปรดปรานจากฝ่าบาท ไม่เคยคิดเลยว่าเพิ่งจะได้ชุ่มหมอกชุ่มฝนแต่กลับเกิดภัยที่ไม่คาดคิดเพราะสิ่งนี้ ถ้ารู้เช่นนี้ตั้งแต่แรกนางคงไม่ไปหว่านเสน่ห์เรียกร้องความสนใจ

หนิงชุนกับเนี่ยนเซี่ยสาวใช้ของนางเข้ามาแล้วสบตากันแวบหนึ่ง ไม่รู้ว่านางเป็นอะไรไป เพียงแต่มีอยู่จุดหนึ่งที่แน่ใจได้ ว่าท่านนั้นที่เข้ามาจะต้องพูดอะไรแน่อน

ชั่วพริบตาเดียวก็ผ่านไปหลายเดือน อุทยานหลวงมีดอกไม้ผลิบาน เป็นช่วงเวลาที่ดีสำหรับทำการเพาะปลูก

เป็นเหมือนเช่นเคย ประมุขชิงที่แต่งตัวเหมือนชาวนากำลังใช้แรงงานอยู่ในนา กลุ่มนางสนมในวังก็เปลี่ยนมาแต่งชุดชาวนาเช่นกัน พวกนางกำลังเลียนแบบเบื้องบน

ผู้หญิงกลุ่มนี้แสร้งทำพอเป็นพิธีเท่านั้น บางคนก็ยิ่งมาเพื่อประกอบฉากเฉยๆ อย่างไรเสียฝ่าบาทก็ไม่สนใจพวกนาง อาศัยโอกาสมาเที่ยวเล่นผ่อนคลายที่อุทยานหลวง

ชิงหยวนจุนก็มีนาดีอยู่หลายผืนเช่นกัน เพียงแต่ไม่ได้อยู่ในบริเวณที่นาหลวง เพราะที่นาหลวงมีผู้หญิงอยู่เยอะเกินไป เขาไปสะดวกจะเข้าไป ชิงหยวนจุนที่ยามนี้สวมเสื้อลำลองทั้งตัวกำลังเพาะปลูกอยู่บนผืนนา เซี่ยโห้วเฉิงอวี่เป็นคนกำชับให้เขาทำนาที่นี่ ให้เขาเลียนแบบประมุขชิง ทั้งยังไม่อนุญาตให้ใครช่วยเหลือ และไม่ให้อาศัยพลังอิทธิฤทธิ์ด้วย ต้องเป็นชิงหยวนจุนออกแรงเอง

ภายใต้การกดดันของมารดา เขาทำงานแบบนี้ได้รวดเร็ว ในเวลาไม่ถึงครึ่งวันก็ทำเสร็จแล้ว

ตามความเคยชิน ชิงหยวนจุนที่เสื้อผ้าเหม็นเก็บของแล้ว เดินตามลำธารสายเล็กระว่างทุ่งนาเข้าไปในหุบเขา ต้องการจะไปอาบน้ำที่สระน้ำมรกตในหุบเขาสักหน่อย

ตอนมาถึงริมสระน้ำมรกต จู่ๆ ก็พบว่าริมสระมีเสื้อผ้าของผู้หญิงกลุ่มหนึ่งกองไว้ ชิงหยวนจุนอึ้งทันที จากนั้นมองไปรอบๆ

ใครจะคิดว่าในสระน้ำจะมีเสียงดังจ๋อม เงาร่างที่อรชรอ้อนแอ้นโผล่ขึ้นจากน้ำ ผมยาวที่เปียกน้ำสะบัดไปข้างหลัง ใบหน้างามสบตากับชิงหยวนจุนพอดี ร่างเปลือยอ้อนแอ้นที่แช่อยู่ในน้ำนั่น ก้อนเนื้อกลมกลึงขาวละมุนที่จมอยู่ในน้ำครึ่งหนึ่งนั่น ชิงหยวนจุนมองไม่ชัดเช่นกันว่าเป็นใคร แต่เหมือนจะเคยเห็นหน้าผู้หญิงคนนี้ที่ไหนมาก่อน

ผู้หญิงคนนั้นพลันเบิกตากว้าง รีบใช้มือปิดหน้าอก “อ๊า…” นางส่งเสียงกรี๊ดออกมา

ท่ามกลางเสียงกรี๊ด ชิงหยวนจุนนึกออกทันทีว่าเคยเห็นผู้หญิงคนนั้นที่ไหน เคยเห็นที่วังหลัง จำชื่อไม่ได้ แต่กลับแน่ใจว่าเป็นหนึ่งในสนมของเสด็จพ่อแน่นอน เหมือนจะเคยมาคำนับเสด็จแม่ที่ตำหนักนารีสวรรค์

“ใครกัน!” ในหุบเขามีเสียงแหลมเล็กสองเสียง เงาคนสองคนกระโจนเข้ามา เป็นหนิงชุนกับเนี่ยนเซี่ยที่รับหน้าที่ดูต้นทาง ส่วนผู้หญิงในสระน้ำก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นสนมฉินนั่นเอง

ชั่วพริบตานี้ ชิงหยวนจุนที่นึกออกถึงฐานะของผู้หญิงคนนี้ก็ตกใจจนขวัญกระเจิง รีบยกแขนเสื้อบังหน้า แล้วถลันตัวเลี้ยวหนีไป

“ทหาร จับโจร!” หนิงชุนตะโกนตามอย่างโมโห เนี่ยนเซี่ยสะบัดผ้าคลุมตัวใหญ่กระโดดลงน้ำไปห่อตัวสนมฉิน

เสียงตะโกนนั้นของหนิงชุน ทำให้กำลังพลที่เฝ้าประจำการแถวนั้นเหาะเข้ามาทันที มาขวางจับชิงหยวนจุนได้คาหนังคาเขา แต่หลังจากเห็นว่าเป็นชิงหยวนจุนก็ไม่มีใครกล้าขวาง รีบปล่อยให้เขาหนีออกไป เพียงแต่สงสัยนิดหน่อยว่าทำไมโอรสสวรรค์กลายสภาพเป็นจนตรอกเหมือนสุนัขไร้ญาติเสียแล้ว

“จับเขาไว้ จับเขาไว้!” หนิงชุนที่ไล่ตามมาอย่างร้อนใจกลับถูกขวางไว้

เมื่อทหารยามเห็นนางแต่งตัวเหมือนสาวใช้ ก็ตะคอกถาม “นี่มันเรื่องอะไรกัน?”

“มีคนแอบดูเหนียงเหนียงอาบน้ำ เร็วเข้า…” พอพูดถึงตรงนี้ หนิงชุนก็ราวกับได้สติ นางหุบปากแล้ว เอาแต่ส่ายหน้าบอกว่า “ไม่มีอะไร กำลังเล่นกันเฉยๆ” พูดจบก็รีบเหาะกลับไป

แต่กลุ่มทหารยามกลับตกใจไม่เบา เรียกได้ว่าตกตะลึงพรึงเพริด ทยอยกันหันไปมองยังทิศทางที่ชิงหยวนจุนหนีไป ในใจแต่ละคนสงสัยไม่หาย อย่าบอกนะว่าโอรสสวรรค์…

ผ่านไปไม่นาน ทหารยามที่เฝ้าอยู่ก็เห็นผู้หญิงสามคนเหาะหนีไปจากหุบเขาอย่างกลัวเกรง เห็นได้ชัดว่าหนึ่งในนั้นแต่งกายหรูหราเหมือนนางสนมในวัง แต่ผมยังเปียกและยังไม่ทันได้จัดทรง

โอรสสวรรค์หลบหนีราวกับสุนัขไร้ญาติ ผู้หญิงสามคนของวังก็หนีไปอย่างหวาดกลัวอีก บวกกับคำพูดของหนิงชุนก่อนหน้านี้ ทหารยามแต่ละคนที่ลอยอยู่บนฟ้าก็ชาวาบหนังศีรษะ ถ้าเดาไม่ผิด เรื่องนี้จะลุกลามใหญ่โตแล้วจริงๆ

ปิดบังไม่รายงานเหรอ? ความผิดที่หลอกลวงเบื้องสูง ไม่ว่าใครก็รับผิดชอบไม่ไหว! แต่ถ้ารายงานไปล่ะ? นี่คือเรื่องฉาวโฉ่ในครอบครัวของฝ่าบาทนะ ดีไม่ดีพวกเขาอาจจะถูกฆ่าปิดปากก็ได้!

ไม่ว่าใครก็คิดไม่ถึงทั้งนั้นว่าอยู่ดีๆ จะเจอกับเผือกร้อนลวกมืออย่างนี้

พวกเขาปรึกษากันเล็กน้อย ความรับผิดชอบนี้วพวกเขารับไม่ไหวจริงๆ ส่งต่อให้คนที่อยู่สูงกว่านี้แบกไว้ก็แล้วกัน รีบรายงานขึ้นไปที่ผู้บังคับบัญชาสูงสุด ให้เบื้องบนตัดสินใจ หลังจากเบื้องบนได้ข่าวก็แทบอยากจะบีบคอพวกเขาให้ตาย

“องค์ชาย เป็นอะไรไป?”

เย่เสี้ยวพ่อบ้านวังเหนือสวรรค์เห็นชิงหยวนจุนกลับมาด้วยสภาพจนตรอก จึงถามอย่างฉงนใจ เขานึกไม่ออกเลยว่าชิงหยวนจุนจะประสบความยุ่งยากอะไรที่อุทยานหลวงได้

ใครจะคิดว่าชิงหยวนจุนกลับถึงแขนเสื้อเขา รีบดึงเขาไปหลบในห้อง หลังจากแน่ใจแล้วว่าไม่มีคนนอก ถึงได้มือสั่นหน้าซีดบอกว่า “เย่เสี้ยว ช่วยข้าด้วย!”

เย่เสี้ยวตกใจไม่เบา ยังไม่เห็นชิงหยวนจุนมีท่าทางหวาดกลัวขนาดนี้มาก่อน นี่มาขอให้เขาช่วยอย่างนั้นหรือ?

หารู้ไม่ว่าครั้งนี้ชิงหยวนจุนกลัวแล้วจริงๆ

“องค์ชาย เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?” เย่เสี้ยวระแรงสงสัยไม่หยุด

“ข้า…ข้า…” ชิงหยวนจุนเองก็ไม่รู้ว่าจะเอ่ยปากบอกอย่างไร กลับมองไปนอกหน้าต่างเป็นระยะ ทำท่าเหมือนกังวลว่าจะมีคนมาจับเขา ตื่นตระหนกสุดขีด

เย่เสี้ยวคว้าสองแขนของเขาเอาไว้ทันที “องค์ชายมีเรื่องอะไรให้ตระหนกขนาดนี้?” สองมือออกแรงบีบจนชิงหยวนจุนเจ็บ ถึงได้เรียกสติกลับมาได้

“ข้าไม่ได้ตั้งใจจริงๆ…” สุดท้ายชิงหยวนจุนก็ยังเล่าเรื่องให้ฟังอย่างตะกุกตะกัก

หลังจากฟังจบ เย่เสี้ยวก็เหม่อไปเลย เรื่องอื่นยังพอคุยได้ แต่นี่มันเรื่องอะไรกัน? คนที่ตำแหน่งสูงสุดสองคนมีอยู่สองสิ่งที่ใช้ร่วมกันไม่ได้ หนึ่งคืออำนาจ สองคือผู้หญิง ตั้งแต่สมัยโบราณ สองสิ่งนี้ทำให้คนในครอบครัวเข่นฆ่ากันเองมานับไม่ถ้วนแล้ว

เย่เสี้ยวที่รีบสงบจิตใจจับสองบ่าของเขาพร้อมเร่งถาม “ท่านแน่ใจนะว่าเป็นสนมของวังหลัง? ไม่ใช่พวกนางในใช่มั้ย?”

ชิงหยวนจุนส่ายหน้าอย่างหวาดกลัว “ข้าจำชื่อนางไม่ได้ แต่เคยเห็นนางมาคำนับเสด็จแม่ที่ตำหนักนารีสวรรค์ น่าจะเป็นเสด็จพ่อของเสด็จพ่อ”

“มีคนอื่นเห็นอีกหรือเปล่า?” เย่เสี้ยวถามอีก

“สะเทือนไปถึงองครักษ์ ข้ามักจะไปอยู่ที่อุทยานหลวง พวกเขาคงจะจำข้าได้” ชิงหยวนจุนตอบ

“เฮ้อ!” เย่เสี้ยวเอามือผลักเขาออก กระทืบเท้าอย่างแรง ถอนหายใจด้วยความโมโห “องค์ชายนะองค์ชาย เจอสถานการณ์อย่างนั้นท่านจะหนีทำไม อาศัยศักยภาพของท่านยังจัดการพวกนางไม่ได้อีกเหรอ? ควรตัดสินใจเด็ดขาดในยามวิกฤติ ฆ่าปิดปากพวกนางยังดีกว่าปล่อยให้สถานการณ์เป็นเหมือนตอนนี้เสียอีก! ต่อให้มีคนมา ท่านก็สามารถโยนความผิดกลับไปได้ว่ามีคนต้องการจะลอบสังหารท่าน เรื่องที่พยานตายไปแล้ว ใครจะมาทำอะไรท่านได้?”

ชิงหยวนจุนไม่เคยประสบกับเรื่องราวอย่างนี้มาก่อน ตอนนั้นจะนึกออกได้อย่างไรว่าควรฆ่าปิดปากเพื่อรับมือ เขาได้แต่กล่าวอย่างกระสับกระส่ายว่า “ช่วยข้าด้วย!”

“ข้า…ท่าน…” เย่เสี้ยวไม่รู้จริงๆ ว่าควรด่าเขาอย่างไร ส่ายหน้าบอกว่า  “ข้าเองก็ช่วยท่านไม่ไหว หวังว่าพยานจะรู้ว่าเรื่องนี้ร้ายแรงจนไม่กล้าแพร่งพราย บางทีอาจจะผ่านด่านนี้ไปได้ นอกจากนี้ แจ้งให้ราชินีสวรรค์ทราบทันที ตอนนี้ผู้ที่ช่วยท่านได้มีเพียงราชินีสวรรค์ ดูว่าสามารถขอให้ตระกูลเซี่ยโห้วช่วยได้หรือไม่ ตอนนี้ข้าน้อยจะไปสืบข่าวจากองครักษ์เหล่านั้นสักหน่อย ดูว่าพวกเขารู้สถานการณ์มากน้อยเพียงใด!”

…………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า 1808 โอรสสวรรค์ขอความช่วยเหลือ

Now you are reading พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า Chapter 1808 โอรสสวรรค์ขอความช่วยเหลือ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หยินซวงโน้มตัวลงเล็กน้อย หน้าแทบจะชนกับใบหน้านางแล้ว จ้องตานางพร้อมบอกว่า “ทั้งเจ้าและข้าล้วนไม่ต้องรู้ว่าเพราะอะไร ให้ทำแบบนี้ก็แสดงว่ามีเหตุผลให้ต้องทำแบบนี้แน่นอน”

สนมฉินส่ายหน้าด้วยความคับแค้น “ในวังมีคนตั้งมากมาย ทำไมต้องเลือกข้าด้วย?”

อย่าไปมองว่านางเป็นสนมของราชันสวรรค์ เพราะหยินซวงกับไป๋เสวี่ยต่างหากที่เป็นตัวแทนตระกูลอิ๋งเพื่อกำกับดูแลที่วังสวรรค์

เดิมทีคนที่กำกับดูแลควรจะเป็นจ้านหรูอี้ แต่จนใจที่จ้านหรูอี้ไม่ตอบรับ

“เพราะฝ่าบาทมาอยู่กับเจ้าหลายครั้งแล้ว ตอนนี้ยังสนใจเจ้าอยู่ ยิ่งทำให้ฝ่าบาทเดือดดาลได้” หยินซวงกล่าวเสียงเรียบ

สนมฉินฝืนยิ้ม “สงสัยครั้งนี้ข้าจะต้องตายแน่นอนแล้ว”

หยินซวงส่ายหน้า “เจ้าวางใจเถอะ ไม่ได้อันตรายอย่างที่เจ้าคิด ต่อให้ทำให้พี่น้องในวังดู หลังจากจบเรื่องแล้วตระกูลตงจะพยายามปกป้องเจ้าเต็มที่ ที่สำคัญที่สุดก็คือ ทัพตะวันออกจะเลื่อนตำแหน่งให้พ่อเจ้าเป็นหัวหน้าภาคด้วย แต่ในทางตรงกันข้าม เจ้าก็น่าจะรู้ผลที่ตามมานะ”

สนมฉินย่อมเข้าใจว่าผลที่ตามมาจะเป็นอย่างไรหากตัวเองไม่รับปาก นั่นก็คือสักวันหนึ่งตนจะต้องตายอยู่ในวังอย่างไม่ทราบสาเหตุ และจุดจบของคนในครอบครัวนางก็เกรงว่าจะยิ่งอนาถ นางไม่มีทางเลือกเลย ครอบครัวนางอยู่ในมือทัพตะวันออก ต่อให้เป็นประมุขชิงก็อาจจะช่วยออกมาไม่ได้เช่นกัน

เคยมีอุทธาหรณ์แบบนี้มาก่อน หากสนมคนหนึ่งต้องการจะหลุดพ้นจากการควบคุม ก็จะต้องไปสารภาพต่อฝ่าบาท แต่เป็นคำพูดปากเปล่าที่หาพยานไม่ได้สักคนด้วยซ้ำ ไม่สะเทือนถึงคนใหญ่คนโตในตำหนักสวรรค์เลย ฝ่าบาทจะเอ่ยปากขอตัวคนในครอบครัวของสนมคนนั้น แต่ขุนนางใหญ่ท่านนั้นกลับชิงพูดจาเหลวไหล บอกว่าคนในครอบครัวของสนมคนนั้นเกิดอุบัติเหตุตายไปแล้ว ผลปรากฏว่าเป็นอย่างที่พูดไว้จริงๆ คนในครอบครัวสนมคนนั้นบทจะตายก็ตายแล้วจริงๆ ถูกล้างตระกูลตั้งแต่ก่อนคนของฝ่าบาทจะไปถึง โหดร้ายราวกับไม่มีอยู่จริงในโลกนี้

ตอนหลังสนมคนนั้นกลับไปสมคบกับทหารที่เฝ้าอุทยานหลวงอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ถูกคนจับได้ว่านอนด้วยกัน หลังจากทหารคนนั้นยอมรับผิดก็ปลิดชีพตัวเอง ส่วนสนมคนนั้นก็ร่ำร้องว่าถูกใส่ร้าย แม้จะมีร้อยปากแต่ก็ยากที่จะแก้ตัวได้ สุดท้ายจึงถูกลงโทษแล่เนื้อเถือหนังจนถึงแก่ความตาย จุดจบอนาถมาก

สำหรับคนทรยศอย่างนี้ อย่าว่าแต่สี่อ๋องสวรรค์เลย แม้แต่ตระกูลเซี่ยโห้วก็เหมือนจะยืนอยู่บนแนวรบเดียวกัน เวลาจะลงโทษขึ้นมาก็ไม่ปรานี!

หลังจากหยินซวงออกไปแล้ว สนมฉินก็นั่งน้ำตาไหลเงียบๆ อยู่อย่างนั้น เป้าหมายที่นางเข้าวังก็คือแย่งชิงความโปรดปรานจากฝ่าบาท ไม่เคยคิดเลยว่าเพิ่งจะได้ชุ่มหมอกชุ่มฝนแต่กลับเกิดภัยที่ไม่คาดคิดเพราะสิ่งนี้ ถ้ารู้เช่นนี้ตั้งแต่แรกนางคงไม่ไปหว่านเสน่ห์เรียกร้องความสนใจ

หนิงชุนกับเนี่ยนเซี่ยสาวใช้ของนางเข้ามาแล้วสบตากันแวบหนึ่ง ไม่รู้ว่านางเป็นอะไรไป เพียงแต่มีอยู่จุดหนึ่งที่แน่ใจได้ ว่าท่านนั้นที่เข้ามาจะต้องพูดอะไรแน่อน

ชั่วพริบตาเดียวก็ผ่านไปหลายเดือน อุทยานหลวงมีดอกไม้ผลิบาน เป็นช่วงเวลาที่ดีสำหรับทำการเพาะปลูก

เป็นเหมือนเช่นเคย ประมุขชิงที่แต่งตัวเหมือนชาวนากำลังใช้แรงงานอยู่ในนา กลุ่มนางสนมในวังก็เปลี่ยนมาแต่งชุดชาวนาเช่นกัน พวกนางกำลังเลียนแบบเบื้องบน

ผู้หญิงกลุ่มนี้แสร้งทำพอเป็นพิธีเท่านั้น บางคนก็ยิ่งมาเพื่อประกอบฉากเฉยๆ อย่างไรเสียฝ่าบาทก็ไม่สนใจพวกนาง อาศัยโอกาสมาเที่ยวเล่นผ่อนคลายที่อุทยานหลวง

ชิงหยวนจุนก็มีนาดีอยู่หลายผืนเช่นกัน เพียงแต่ไม่ได้อยู่ในบริเวณที่นาหลวง เพราะที่นาหลวงมีผู้หญิงอยู่เยอะเกินไป เขาไปสะดวกจะเข้าไป ชิงหยวนจุนที่ยามนี้สวมเสื้อลำลองทั้งตัวกำลังเพาะปลูกอยู่บนผืนนา เซี่ยโห้วเฉิงอวี่เป็นคนกำชับให้เขาทำนาที่นี่ ให้เขาเลียนแบบประมุขชิง ทั้งยังไม่อนุญาตให้ใครช่วยเหลือ และไม่ให้อาศัยพลังอิทธิฤทธิ์ด้วย ต้องเป็นชิงหยวนจุนออกแรงเอง

ภายใต้การกดดันของมารดา เขาทำงานแบบนี้ได้รวดเร็ว ในเวลาไม่ถึงครึ่งวันก็ทำเสร็จแล้ว

ตามความเคยชิน ชิงหยวนจุนที่เสื้อผ้าเหม็นเก็บของแล้ว เดินตามลำธารสายเล็กระว่างทุ่งนาเข้าไปในหุบเขา ต้องการจะไปอาบน้ำที่สระน้ำมรกตในหุบเขาสักหน่อย

ตอนมาถึงริมสระน้ำมรกต จู่ๆ ก็พบว่าริมสระมีเสื้อผ้าของผู้หญิงกลุ่มหนึ่งกองไว้ ชิงหยวนจุนอึ้งทันที จากนั้นมองไปรอบๆ

ใครจะคิดว่าในสระน้ำจะมีเสียงดังจ๋อม เงาร่างที่อรชรอ้อนแอ้นโผล่ขึ้นจากน้ำ ผมยาวที่เปียกน้ำสะบัดไปข้างหลัง ใบหน้างามสบตากับชิงหยวนจุนพอดี ร่างเปลือยอ้อนแอ้นที่แช่อยู่ในน้ำนั่น ก้อนเนื้อกลมกลึงขาวละมุนที่จมอยู่ในน้ำครึ่งหนึ่งนั่น ชิงหยวนจุนมองไม่ชัดเช่นกันว่าเป็นใคร แต่เหมือนจะเคยเห็นหน้าผู้หญิงคนนี้ที่ไหนมาก่อน

ผู้หญิงคนนั้นพลันเบิกตากว้าง รีบใช้มือปิดหน้าอก “อ๊า…” นางส่งเสียงกรี๊ดออกมา

ท่ามกลางเสียงกรี๊ด ชิงหยวนจุนนึกออกทันทีว่าเคยเห็นผู้หญิงคนนั้นที่ไหน เคยเห็นที่วังหลัง จำชื่อไม่ได้ แต่กลับแน่ใจว่าเป็นหนึ่งในสนมของเสด็จพ่อแน่นอน เหมือนจะเคยมาคำนับเสด็จแม่ที่ตำหนักนารีสวรรค์

“ใครกัน!” ในหุบเขามีเสียงแหลมเล็กสองเสียง เงาคนสองคนกระโจนเข้ามา เป็นหนิงชุนกับเนี่ยนเซี่ยที่รับหน้าที่ดูต้นทาง ส่วนผู้หญิงในสระน้ำก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นสนมฉินนั่นเอง

ชั่วพริบตานี้ ชิงหยวนจุนที่นึกออกถึงฐานะของผู้หญิงคนนี้ก็ตกใจจนขวัญกระเจิง รีบยกแขนเสื้อบังหน้า แล้วถลันตัวเลี้ยวหนีไป

“ทหาร จับโจร!” หนิงชุนตะโกนตามอย่างโมโห เนี่ยนเซี่ยสะบัดผ้าคลุมตัวใหญ่กระโดดลงน้ำไปห่อตัวสนมฉิน

เสียงตะโกนนั้นของหนิงชุน ทำให้กำลังพลที่เฝ้าประจำการแถวนั้นเหาะเข้ามาทันที มาขวางจับชิงหยวนจุนได้คาหนังคาเขา แต่หลังจากเห็นว่าเป็นชิงหยวนจุนก็ไม่มีใครกล้าขวาง รีบปล่อยให้เขาหนีออกไป เพียงแต่สงสัยนิดหน่อยว่าทำไมโอรสสวรรค์กลายสภาพเป็นจนตรอกเหมือนสุนัขไร้ญาติเสียแล้ว

“จับเขาไว้ จับเขาไว้!” หนิงชุนที่ไล่ตามมาอย่างร้อนใจกลับถูกขวางไว้

เมื่อทหารยามเห็นนางแต่งตัวเหมือนสาวใช้ ก็ตะคอกถาม “นี่มันเรื่องอะไรกัน?”

“มีคนแอบดูเหนียงเหนียงอาบน้ำ เร็วเข้า…” พอพูดถึงตรงนี้ หนิงชุนก็ราวกับได้สติ นางหุบปากแล้ว เอาแต่ส่ายหน้าบอกว่า “ไม่มีอะไร กำลังเล่นกันเฉยๆ” พูดจบก็รีบเหาะกลับไป

แต่กลุ่มทหารยามกลับตกใจไม่เบา เรียกได้ว่าตกตะลึงพรึงเพริด ทยอยกันหันไปมองยังทิศทางที่ชิงหยวนจุนหนีไป ในใจแต่ละคนสงสัยไม่หาย อย่าบอกนะว่าโอรสสวรรค์…

ผ่านไปไม่นาน ทหารยามที่เฝ้าอยู่ก็เห็นผู้หญิงสามคนเหาะหนีไปจากหุบเขาอย่างกลัวเกรง เห็นได้ชัดว่าหนึ่งในนั้นแต่งกายหรูหราเหมือนนางสนมในวัง แต่ผมยังเปียกและยังไม่ทันได้จัดทรง

โอรสสวรรค์หลบหนีราวกับสุนัขไร้ญาติ ผู้หญิงสามคนของวังก็หนีไปอย่างหวาดกลัวอีก บวกกับคำพูดของหนิงชุนก่อนหน้านี้ ทหารยามแต่ละคนที่ลอยอยู่บนฟ้าก็ชาวาบหนังศีรษะ ถ้าเดาไม่ผิด เรื่องนี้จะลุกลามใหญ่โตแล้วจริงๆ

ปิดบังไม่รายงานเหรอ? ความผิดที่หลอกลวงเบื้องสูง ไม่ว่าใครก็รับผิดชอบไม่ไหว! แต่ถ้ารายงานไปล่ะ? นี่คือเรื่องฉาวโฉ่ในครอบครัวของฝ่าบาทนะ ดีไม่ดีพวกเขาอาจจะถูกฆ่าปิดปากก็ได้!

ไม่ว่าใครก็คิดไม่ถึงทั้งนั้นว่าอยู่ดีๆ จะเจอกับเผือกร้อนลวกมืออย่างนี้

พวกเขาปรึกษากันเล็กน้อย ความรับผิดชอบนี้วพวกเขารับไม่ไหวจริงๆ ส่งต่อให้คนที่อยู่สูงกว่านี้แบกไว้ก็แล้วกัน รีบรายงานขึ้นไปที่ผู้บังคับบัญชาสูงสุด ให้เบื้องบนตัดสินใจ หลังจากเบื้องบนได้ข่าวก็แทบอยากจะบีบคอพวกเขาให้ตาย

“องค์ชาย เป็นอะไรไป?”

เย่เสี้ยวพ่อบ้านวังเหนือสวรรค์เห็นชิงหยวนจุนกลับมาด้วยสภาพจนตรอก จึงถามอย่างฉงนใจ เขานึกไม่ออกเลยว่าชิงหยวนจุนจะประสบความยุ่งยากอะไรที่อุทยานหลวงได้

ใครจะคิดว่าชิงหยวนจุนกลับถึงแขนเสื้อเขา รีบดึงเขาไปหลบในห้อง หลังจากแน่ใจแล้วว่าไม่มีคนนอก ถึงได้มือสั่นหน้าซีดบอกว่า “เย่เสี้ยว ช่วยข้าด้วย!”

เย่เสี้ยวตกใจไม่เบา ยังไม่เห็นชิงหยวนจุนมีท่าทางหวาดกลัวขนาดนี้มาก่อน นี่มาขอให้เขาช่วยอย่างนั้นหรือ?

หารู้ไม่ว่าครั้งนี้ชิงหยวนจุนกลัวแล้วจริงๆ

“องค์ชาย เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?” เย่เสี้ยวระแรงสงสัยไม่หยุด

“ข้า…ข้า…” ชิงหยวนจุนเองก็ไม่รู้ว่าจะเอ่ยปากบอกอย่างไร กลับมองไปนอกหน้าต่างเป็นระยะ ทำท่าเหมือนกังวลว่าจะมีคนมาจับเขา ตื่นตระหนกสุดขีด

เย่เสี้ยวคว้าสองแขนของเขาเอาไว้ทันที “องค์ชายมีเรื่องอะไรให้ตระหนกขนาดนี้?” สองมือออกแรงบีบจนชิงหยวนจุนเจ็บ ถึงได้เรียกสติกลับมาได้

“ข้าไม่ได้ตั้งใจจริงๆ…” สุดท้ายชิงหยวนจุนก็ยังเล่าเรื่องให้ฟังอย่างตะกุกตะกัก

หลังจากฟังจบ เย่เสี้ยวก็เหม่อไปเลย เรื่องอื่นยังพอคุยได้ แต่นี่มันเรื่องอะไรกัน? คนที่ตำแหน่งสูงสุดสองคนมีอยู่สองสิ่งที่ใช้ร่วมกันไม่ได้ หนึ่งคืออำนาจ สองคือผู้หญิง ตั้งแต่สมัยโบราณ สองสิ่งนี้ทำให้คนในครอบครัวเข่นฆ่ากันเองมานับไม่ถ้วนแล้ว

เย่เสี้ยวที่รีบสงบจิตใจจับสองบ่าของเขาพร้อมเร่งถาม “ท่านแน่ใจนะว่าเป็นสนมของวังหลัง? ไม่ใช่พวกนางในใช่มั้ย?”

ชิงหยวนจุนส่ายหน้าอย่างหวาดกลัว “ข้าจำชื่อนางไม่ได้ แต่เคยเห็นนางมาคำนับเสด็จแม่ที่ตำหนักนารีสวรรค์ น่าจะเป็นเสด็จพ่อของเสด็จพ่อ”

“มีคนอื่นเห็นอีกหรือเปล่า?” เย่เสี้ยวถามอีก

“สะเทือนไปถึงองครักษ์ ข้ามักจะไปอยู่ที่อุทยานหลวง พวกเขาคงจะจำข้าได้” ชิงหยวนจุนตอบ

“เฮ้อ!” เย่เสี้ยวเอามือผลักเขาออก กระทืบเท้าอย่างแรง ถอนหายใจด้วยความโมโห “องค์ชายนะองค์ชาย เจอสถานการณ์อย่างนั้นท่านจะหนีทำไม อาศัยศักยภาพของท่านยังจัดการพวกนางไม่ได้อีกเหรอ? ควรตัดสินใจเด็ดขาดในยามวิกฤติ ฆ่าปิดปากพวกนางยังดีกว่าปล่อยให้สถานการณ์เป็นเหมือนตอนนี้เสียอีก! ต่อให้มีคนมา ท่านก็สามารถโยนความผิดกลับไปได้ว่ามีคนต้องการจะลอบสังหารท่าน เรื่องที่พยานตายไปแล้ว ใครจะมาทำอะไรท่านได้?”

ชิงหยวนจุนไม่เคยประสบกับเรื่องราวอย่างนี้มาก่อน ตอนนั้นจะนึกออกได้อย่างไรว่าควรฆ่าปิดปากเพื่อรับมือ เขาได้แต่กล่าวอย่างกระสับกระส่ายว่า “ช่วยข้าด้วย!”

“ข้า…ท่าน…” เย่เสี้ยวไม่รู้จริงๆ ว่าควรด่าเขาอย่างไร ส่ายหน้าบอกว่า  “ข้าเองก็ช่วยท่านไม่ไหว หวังว่าพยานจะรู้ว่าเรื่องนี้ร้ายแรงจนไม่กล้าแพร่งพราย บางทีอาจจะผ่านด่านนี้ไปได้ นอกจากนี้ แจ้งให้ราชินีสวรรค์ทราบทันที ตอนนี้ผู้ที่ช่วยท่านได้มีเพียงราชินีสวรรค์ ดูว่าสามารถขอให้ตระกูลเซี่ยโห้วช่วยได้หรือไม่ ตอนนี้ข้าน้อยจะไปสืบข่าวจากองครักษ์เหล่านั้นสักหน่อย ดูว่าพวกเขารู้สถานการณ์มากน้อยเพียงใด!”

…………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+