พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า 1735 จอมพลผู้นี้ไม่ยอม!

Now you are reading พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า Chapter 1735 จอมพลผู้นี้ไม่ยอม! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

พลังอิทธิฤทธิ์ของอีกฝ่ายจู่โจมฉับพลัน โจวจ้าวตกใจมาก รีบร่ายอิทธิฤทธิ์ป้องกัน ทว่าเมื่อคนที่ไม่ได้เตรียมพร้อมมาเจอกับคนที่จงใจทำ มีหรือที่จะป้องกันไหว

เปรี้ยง! ราวกับเสียงฟ้าร้อง พลังอิทธิฤทธิ์ที่โจวจ้าวเพิ่งจะรวบรวมได้ถูกตีพัง เลือดกระอักออกปากราวกับลูกธนู ทั้งตัวราวกับมีดาวหมุนรอบ

บึ้ม! ภูเขาลูกใหญ่ที่อยู่ไกลออกไปหลายพันจั้งพลังทลายเนื่องจากเงาคนคนหนึ่งพุ่งชน

โกวเยว่ขยับแขนสองข้างคว้าอากาศ กำแพงลมล่องหนที่เป็นคลื่นกันด้านนอกจวนท่านอ๋องเอาไว้ ธนูเลือดที่พุ่งมาตรงหน้าเขากลายเป็นเถ้าปลิวหายไป คลื่นพลังอิทธิฤทธิ์ที่เกิดจากการโจมตีเมื่อครู่ถูกเขาควบคุมเอาไว้แล้ว จากนั้นสะบัดแขนเสื้อไปบนฟ้า พลังอิทธิฤทธิ์ที่พุ่งโจมตีกลุ่มนั้นถูกโน้มนำขึ้นไปบนฟ้า ก่อนจะสลายไปทีละนิดท่ามกลางความลี้ลับ ทำแบบนี้เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อจวนท่านอ๋อง

ชั่วพริบตาที่เงาคนลอยไปชนกับภูเขาลูกใหญ่ เงาคนสี่สายจากสี่ทิศก็ก็พุ่งขึ้นมาท่ามกลางฝุ่นควันระเบิด ฝุ่นควันระเบิดอีกครั้ง เสียงต่อสู้อันดุเดือดดังขึ้นชั่วแวบเดียว

นอกจวนท่านอ๋อง กำลังพลที่ติดตามคุ้มกันโจวจ้าวเห็นสถานการณ์แล้วพากันตะลึงค้าง พวกเขานึกไม่ถึงว่าจู่ๆ พ่อบ้านโกวเยว่ของจวนท่านอ๋องจะลอบโจมตีท่านจอมพล

ท่ามกลางฝุ่นควันที่ตลบอบอวลไกลๆ เงาคนหลายคนพุ่งขึ้นฟ้า แม่ทัพใหญ่เกราะแดงหกแถบถึงเป็นยศสูงสุกจำนวนสี่คนคุมตัวโจวจ้าวออกมา เจ้าตัวเลือดออกปากออกจมูก ตาเหลือกเป็นระยะ ผมเผ้ายุ่งเหยิง แขนหายไปข้างหนึ่งแล้ว โจวจ้าวที่สภาพสะบักสะบอมถูกเชือกมัดเซียนมัดไว้อย่างแน่นหนา

ตี๋เหยียน พ่อบ้านที่ติดตามโจวจ้าวมาตระหนักอะไรบางอย่างได้ทันที พลันตะโกนบอกกำลังพลที่ติดตาม “ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับจอมพล พวกเราก็ไม่ได้ตายดี ปกป้องจอมพลก็เท่ากับปกป้องพวกเราเอง โจมตี!”

กำลังพลนับร้อยพุ่งขึ้นฟ้าไปยังกลุ่มคนที่กำลังควบคุมตัวโจวจ้าวทันที เร่งให้ความช่วยเหลือ

เปรี้ยง! บนฟ้าเกิดเสียงดังราวกับฟ้าผ่า ลำแสงสีเลือดสายหนึ่งโดดเด่นสะดุดตา ในระยะที่ใกล้ขนาดนี้ ลำแสงนี้ราวกับเป็นเสาแสงต้นหนึ่ง ชั่วพริบตาเดียวก็เสียบโดนตี๋เหยียนที่กำลังนำกลุ่มคนพุ่งสังหารเข้ามา ตี๋เหยียนกรีดร้องคาที่ สิ้นชีพภายใต้การโจมตีเพียงครั้งเดียวของธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ขั้นเจ็ด!

กลุ่มเมฆหมอกบนฟ้าสลายไปเพราะแรงสะเทือน เผยร่างชายคนหนึ่งที่กำลังถือธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ขั้นเจ็ด

พอสี่คนที่กำลังคุมตัวโจวจ้าวโบกมือ บนพื้นก็มีคนเรียงแถวหน้ากระดานขวางตรงหน้า แต่ละคนง้างธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ ระหว่างแนวภูเขาโดยรอบก็กลุ่มมีทหารสวรรค์ที่ถือธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์พุ่งขึ้นมาอย่างกะทันหันเช่นกัน ชั่วพริบตาเดียวลำแสงหลายสายก็ถูกยิงออกมาพร้อมกัน

พอคนนับร้อยที่พุ่งขึ้นไปโบกมือ ชั่วพริบตาเดียวทัพใหญ่หนึ่งแสนก็ปรากฏตัว โล่ป้องกันอย่างหนาแน่น ลูกธนูดาวตกยิงโจมตีกลับผ่านซอกโล่กำบัง

ท่ามกลางเสียงดังตูมตาม จู่ๆ รอบข้างก็มีเสียงตะโกนว่าฆ่าดังสนั่น กำลังพลสี่กลุ่มพุ่งออกมาสั่งหารจากสี่ทิศทาง ลูกธนูดาวตกยิงสังหารตามมาติดๆ

ลำแสงสีต่างๆ จากอาวุธเคลือบเจ็ดอารมณ์หกปรารถนาวับวาบสั่นไหว คลื่นพลังอิทธิฤทธิ์แข็งแกร่งราวกับจะเผาทำลายทำลายฟ้าดิน ฟ้าดินเปลี่ยนสีเพราะสิ่งนี้ ภูเขาและแม่น้ำลำคลองพังทลายเป็นวงกว้าง

โกวเยว่ยืนอยู่หน้าประตูใหญ่จวนท่านอ๋อง พอโบกธงคำสั่งในมือ ลำแสงอ่อนจางสายหนึ่งก็ครอบทั้งยอดเขาซึ่งเป็นที่ตั้งของจวนท่านอ๋องเอาไว้ คลื่นพลังอิทธิฤทธิ์ที่พุ่งโจมตีเข้ามาราวกับแผ่นดินแยกทะเลคลั่งถูกพลังป้องกันอันเข้มแข็งของลำแสงนั้นกันไว้ทันที บนลำแสงครอบกระเพื่อมเป็นชั้นราวกับคลื่น โกวเยว่เอามือไขว้หลังยืนดูทั้งสองฝ่ายรบกันอย่างไม่สะทกสะท้าน

ทุกสิ่งรอบด้านราวกับถูกทำลายพังภายในชั่วพริบตาเดียว มีเพียงยอดเขาใต้เท้าของโกวเยว่ที่มั่นคงไม่เคลื่อนไหว

คนชุดดำสวมหน้ากากสิบกว่าคนพลันออกจากจวนท่านอ๋อง มายืนเรียงแถวหน้ากระดานข้างหลังโกวเยว่

เสียงความเคลื่อนไหวใหญ่โตขนาดนี้ เกรงว่าต่อให้เป็นคนหูหนวกก็ได้ยิน ทุกคนในจวนท่านอ๋องตกใจจนโผล่ออกมา แต่ในกลับจวนท่านอ๋องมีทหารสวมเกราะกลุ่มใหญ่โผล่มาจากไหนก็ไม่รู้ กำลังจ้องทุกความเคลื่อนไหวในจวนท่านอ๋องด้วยท่าทางดุร้าย ป้องกันไม่ให้ในจวนท่านอ๋องเกิดความผิดปกติใดๆ ทำให้คนไม่น้อยตกใจจนไม่กล้าสูดหายใจแรง

บรรดาสมาชิกครอบครัวในจวนท่านอ๋องต่างพากันยืนบนหลังคาดด้วยสีหน้าอกสั่นขวัญแขวน ก่วงเม่ยเอ๋อร์กอดแขนมารดา ตกใจจนหน้าซีดนิดหน่อย ฉากที่ฟ้าดินเหมือนจะถล่มน่าตกใจเกินไป ก่วงเม่ยเอ๋อร์ยังไม่เคยเห็นฉากอันน่าตกใจขนาดนี้มาก่อน ถึงแม้จะมีการคุ้มกันอย่างแข็งแกร่งทนทาน แต่ก็ยังรู้สึกได้ว่าขาสั่นแล้ว ทำให้รู้สึกว่าจวนท่านอ๋องกำลังจะถูกดินพลิกถล่มได้ตลอดเวลา

สำหรับสมาชิกครอบครัวจวนท่านอ๋องส่วนใหญ่ ยังไม่เคยเห็นนอกจวนท่านอ๋องเกิดเรื่องน่ากลัวขนาดนี้มาก่อนเลย

เม่ยเหนียงก็ตกใจจนหน้ามืดเช่นกัน นางมองไปรอบๆ พบว่าทหารสวมเกราะที่โผล่ออกมากะทันหันส่วนใหญ่ไม่คุ้นหน้าเลย เหมือนตัวเองไม่เคยเจอด้วยซ้ำ จึงถามอย่างหวาดกลัวว่า “ท่านอ๋อง ท่านอ๋องล่ะ?”

ในขณะนี้เอง แม่ทัพใหญ่เกราะแดงคนหนึ่งแฉลบเข้ามาเหยียบบนหลังคา แล้วกุมหมัดคารวะ “หวังเฟย ท่านอ๋องเชิญหวังเฟยกับคุณหนูไปสักรอบ”

สองแม่ลูกย่อมเดินตามไปอย่างไม่รีบร้อนและไม่ชักช้า สำหรับพวกนางในตอนนี้ มีแค่ต้องอยู่ข้างกายท่านอ๋องเท่านั้นถึงจะรู้สึกปลอดภัย

บนตึกศาลาที่ทิวทัศน์งดงามที่สุดในสวน บนโต๊ะยาวมีสุราอาหารครบครัน ก่วงลิ่งกงนั่งจิบสุราเงียบๆ มองฟ้าพลิกแผ่นดินแยกด้านนอกด้วยสายตาสงบเยือกเย็น

เม่ยเหนียงที่เดินขึ้นตึกศาลาไม่สนใจพิธีรีตองแล้ว นางวิ่งมาตรงหน้าก่วงลิ่งกง แล้วถามเสียงตระหนก “ท่านอ๋อง นี่มันเรื่องอะไรกัน?”

ก่วงลิ่งกงเอียงหน้ายิ้มบางๆ “เม่ยเหนียง เหมือนข้าจะไม่ได้ฟังเจ้าดีดฉินนานแล้วนะ”

“…” เม่ยเหนียงที่ตกใจจนหน้าซีดได้ยินแล้วพูดไม่ออก ภายใต้สายตาอันทรงพลังของเขา สุดท้ายนางก็เดินไปที่โต๊ะเล็กด้านข้างด้วยย่างก้าวที่ปั่นป่วนเล็กน้อย ยกกระโปรงนั่งลง หยิบกู่ฉินขึ้นมาวาง แล้วใช้นิ้วเรียวสวยบรรเลงฉินแข่งกับเสียงด้านนอก เพียงแต่เสียงฉินปั่นป่วนอย่างเห็นได้ชัด เหมือนกับอารมณ์ของเม่ยเหนียงในตอนนี้

ก่วงลิ่งกงกวักมือเรียกก่วงเม่ยเอ๋อร์อีก นางรีบไปยืนข้างๆ แล้วรินสุราให้เขา

ด้านนอกฟ้าพลิกแผ่นดินแยก ทว่าก่วงลิ่งกงกลับนั่งยกจอกสุราจิบอย่างเอื่อยเฉื่อยอยู่บนตึกศาลาราวกับเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับตัวเอง ดูอยู่ข้างๆ อย่างเหยียดหยาม

ความไม่สะทกสะท้านของเขาปลอบใจสองแม่ลูกได้เยอะมาก เริ่มทำให้สองแม่ลูกสงบลงแล้ว

กำลังพลที่ติดตามโจวจ้าวมีกำลังรบที่แข็งแกร่งมาก ภายใต้การล้อมโจมตีจากกำลังพลจวนท่านอ๋อง ใช้เวลาสังหารเกือบหนึ่งชั่วยาม ความเคลื่อนไหวที่เหมือนฟ้าพลิกแผ่นดินแยกถึงได้ค่อยๆ สงบลง ตามที่เสียงระเบิดครั้งสุดท้ายหายไป ฟ้าดินก็เหมือนจะสงบลงแล้ว เพียงแต่ด้านนอกมีฝุ่นดินตลบอบอวล มองเห็นอะไรไม่ชัดเลย

ใช้เวลาไม่นาน เสียงลมคลั่งที่เกิดจากพลังอิทธิฤทธิ์ก็ดังขึ้นอีก ปัดเป่าฝุ่นควันด้านนอกจนหายไปหมด มองเห็นรอบด้านของจวนท่านอ๋องที่งดงามดุจแดนเซียนอีกครั้ง ภูเขาและแหล่งน้ำบ้างก็กลายเป็นพื้นราบ บ้างก็เกิดเหวลึกหมื่นจั้งจำนวนนับไม่ถ้วน ทั้งแผ่นดินใหญ่เกิดหลุ่มบ่อนับพัน มีเพียงยอดเขาที่ตั้งจวนท่านอ๋องเท่านั้นที่ยังงดงามโดดเด่น

กำลังพลกลุ่มใหญ่รอบด้านถืออาวุธค้นหาบางอย่างทั่วบริเวณ เมื่อพบคนที่ยังไม่ตายก็เก็บไปทันที ไม่รู้ว่าจะเอาไปใช้ประโยชน์อะไร

ลำแสงครอบที่เหมือนชามคว่ำพลันหายไป แม่ทัพใหญ่เกราะแดงสี่คนคุมตัวโจวจ้าวเหาะเข้ามา แล้วกดให้คุกเข่าลงบนพื้นตรงหน้าโกวเยว่

โจวจ้าวที่เลือดสดไหลออกจมูกเงยหน้ามองเขา แล้วคำรามเสียงแตก “โกวเยว่บังอาจนัก กล้าลงมือกับจอมพล! ข้าต้องการพบท่านอ๋อง ข้าจะพบท่านอ๋อง! ท่านอ๋อง ข้าน้อยถูกใส่ร้าย! ข้าน้อยถูกใส่ร้ายนะ!”

“ไม่ต้องตะโกนอีกแล้ว ตะโกนจนคอแตกก็ไร้ประโยชน์ ท่านอ๋องจะไม่พบเจ้าอีก” โกวเยว่มองต่ำพร้อมกล่าวอย่างเย็นชา

ใบหน้าโจวจ้าวฉายแววเศร้าโศกทันที เข้าใจโดยไม่ต้องคิดเลย ว่านี่คือประสงค์ของก่วงลิ่งกง ไม่อย่างนั้นสี่ทัพจะมีใครกล้าแตะต้องเขา เขาพลันกล่าวด้วยสีหน้าดุร้าย “ถ้าข้าตาย ลูกน้องจะจะต้องปกป้องตัวเอง จะต้องต่อต้านจนตัวตาย ถึงตอนนั้นทัพตะวันตกก็จะวุ่นวายแล้ว ก่วงลิ่งกงก็อย่าได้คิดจะนั่งตำแหน่งอ๋องอย่างมั่นคงเลย!”

โกวเยว่แสยะยิ้ม “เจ้าประเมินตัวเองสูงไปแล้ว ถ้าท่านอ๋องไม่มีแม้แต่กำลังจะควบคุม แล้วจะยังบัญชาการทัพตะวันตกได้ยังไง? ท่านอ๋องดึงเจ้าขึ้นมาได้ ก็เตะเจ้าออกไปได้เหมือนกัน ไม่ได้ขาดแคลนอะไรทั้งนั้น ไม่ขาดคนมารับตำแหน่งขุนนาง เจ้ายังกลัวว่าจะไม่มีคนมาดันตำแหน่งเจ้าอีกเหรอ? มีท่านอ๋องคอยหนุนหลังคุมสถานการณ์โดยรวมเพื่อกำจัดความกังวล ในบรรดากำลังพลสายมะแมของเจ้ามีคนอยากแทนที่เจ้าอยู่แล้ว ถ้าข้าเดาไม่ผิด ตอนที่เจ้ากำลังถูกจับอยู่นี้ สายมะแมคงเริ่มใช้กำลังทหารควบคุมทั่วทุกพื้นที่แล้ว เกรงว่าจุดจบของบรรดาลูกน้องคนสนิทของเจ้าคงไม่ได้ดีกว่าเจ้าสักเท่าไรหรอก”

โจวจ้าวสีหน้าบิดเบี้ยวอย่างรุนแรง ตอนนี้เพิ่งจะเข้าใจว่าเรื่องในวันนี้ไม่ได้เกิดขึ้นกะทันหัน แต่มีการวางแผนตั้งนานแล้ว เขาพลันดิ้นรนพร้อมคำรามเสียงแตก “เพราะอะไร? ทำไม? หรือว่าเพื่อหลงซิ่นคนเดียว? ยอมกำจัดจอมพลผู้นี้ทิ้งเพื่อหลงซิ่นคนเดียวเหรอ? อย่าบอกนะว่าก่วงลิ่งกงยอมเชื่อคำพูดหลงซิ่นมากกว่าคำพูดข้า? ข้ายอมก้มหัวให้มาหลายปีขนาดนี้ ต่อให้ไร้ผลงานแต่ก็ลำบากทุ่มเท มีสิทธิ์อะไรล่ะ? มีสิทธิ์อะไรมาทำกับข้าอย่างนี้? สัจธรรมอยู่ที่ไหน ความยุติธรรมอยู่ที่ไหน?”

โกวเยว่พ่นเสียงทางจมูก “หลงซิ่นเหรอ? จนป่านนี้แล้ว อย่าบอกนะว่าเจ้ายังคิดว่าเป็นเพราะหลงซิ่น? หลงซิ่นไม่สำคัญอะไรในสายตาท่านอ๋องเลย ขาดหลงซิ่นไปสักคนแล้วจะทำไม?”

โจวจ้าวคำราม “งั้นเป็นเพราะอะไรกันแน่? ข้ายอมรับว่าเชื่อฟังก่วงลิ่งกงทุกอย่าง ไม่เคยคิดต่อต้านใดๆ!”

“เพราะอะไรน่ะเหรอ?” โกวเยว่พลันชี้ไปที่ขอบฟ้า “เจ้าตาบอดหรือไง? ไม่เห็นจวนแม่ทัพภาคตลาดผีรับสมัครคนเหรอ? เจ้ามองเห็นแค่หลงซิ่นคนเดียวไปพึ่งพา เจ้าไม่เห็นเหรอว่าคนในทัพตะวันตกที่ไปขอพึ่งพามีมากเหมือนปลาในแม่น้ำ? หลังจากท่านอ๋องทราบเรื่องก็ไม่เป็นอันกินอันนอน ในทัพตะวันตกมีปัญหา แต่นึกไม่ถึงว่าปัญหาจะรุนแรงขนาดนี้ เจ้าเป็นจอมพลสายมะแม แต่มองไม่เห็นความรุนแรงของปัญหาเชียวเหรอ? ถ้าปล่อยให้เวลานานไป ทัพตะวันตกก็จะเปราะบาง ทำลายรากฐานของตัวเอง! สถานการณ์ที่จวนแม่ทัพภาคตลาดผีทำให้ท่านอ๋องเข้าใจถ่องแท้แล้ว ว่าทัพตะวันตกไปถึงขั้นที่ต้องปรับปรุงใหม่ การเยียวยาแขนที่ขาดแม้จะเจ็บ แต่จะไม่ทำก็ไม่ได้ ถ้าท่านอ๋องไม่ทำ เก็บไว้ให้คนรุ่นหลังจัดการก็จะยิ่งยากลำบาก เกรงว่าคนรุ่นหลังคงจะไม่มีอิทธิพลต่อทัพตะวันตกเหมือนท่านอ๋องแล้ว! ถ้าอยากจะเคาะภูเขาให้เสือสะเทือน ก็ย่อมต้องเลือกลูกน้องที่มีน้ำหนักมากพอ ที่แตะต้องเจ้าก็เพราะต้องการให้ทุกคนของทัพตะวันตกเห็นการตัดสินใจของท่านอ๋อง ใครจะทำลวกๆ ก็ลองดู เจ้าโจวจ้าวก็เป็นตัวอย่างให้เห็นแล้ว!” ร่ายยาวไม่หยุดก็นับว่าทำให้โจวจ้าวได้ตายอย่างไม่คาใจ ถึงอย่างไรก็เป็นจอมพล จงรักภักดีต่อก่วงลิ่งกงมาหลายปี

“อา!” โจวจ้าวพลันเงยหน้าร่ำร้องระบายความเศร้า นึกไม่ถึงว่าตัวเองจะตายเพราะเหตุผลนี้ เหตุใดตัวเองต้องมารับความอยุติธรรมนี้ เขาคำรามอย่างโกรธแค้น “ทำไมต้องเป็นข้า? ทำไมต้องเป็นข้า? จอมพลผู้นี้ไม่ยอม! จอมพลผู้นี้ไม่ยอม!”

“หลงซิ่นไปขอพึ่งพาจวนแม่ทัพภาคตลาดผี เลยทำให้เจ้าตกเป็นประเด็นสนทนาอีก กาจัดการลงโทษเจ้าก็จะเป็นการตักเตือนและปลอบใจทัพตะวันตกได้มากว่า ดังนั้นหลงซิ่นนับว่าเป็นบทนำ บอกได้เพียงว่าถึงคราวซวยของเจ้าพอดี!” โกวเยว่แสยะยิ้ม แล้วโบกแขนเสื้อพร้อมสั่งว่า “เอาตัวลงไป รอคำสั่ง ประหารต่อหน้าฝูงชน!”

โจวจ้าวที่ถูกลากออกไปพลันตะโกนเสียงดัง “ข้ายอมรับผิด ปล่อยครอบครัวข้าไป ปล่อยครอบครัวข้าไป!”

โกวเยว่หลุบตาลง “สายไปแล้ว! ตอนที่ลงมือกับเจ้า…ก็ลงมือกับทางนั้นด้วยเหมือนกัน!”

“อา…ฆ่าข้าแล้วมีประโยชน์อะไร? ต่อให้ปรับปรุงได้ชั่วขณะหนึ่ง แต่ก็ปรับปรุงไปทั้งชาติไม่ได้ ผลประโยชน์หมุนเวียนเป็นวัฎจักร…” โจวจ้าวส่ายหน้าร่ำร้อง ถูกลากออกไปอย่างนั้น เขาจินตนาการได้ถึงภาพที่ทัพใหญ่ล้อมโจมตีจวนตระกูลโจว จะต้องฆ่าทิ้งหมดแล้วแน่นอน ไม่เหลือแม้แต่ไก่หรือสุนัข คนตระกูลโจวที่มีหน้ามีตาและโอ้อวดความรวยจะต้องสิ้นหวังกันขนาดไหน

เขาเองก็เข้าใจดี ว่าตัวเองจะต้องตายแน่นอน ถ้าบัญชาการสวรรค์อนุญาตให้ลงโทษ เขาก็จะต้องถูกประหารประจาน แต่ถ้าบัญชาสวรรค์ไม่อนุญาตให้ฆ่าเขา ก็มีความเป็นไปได้สูงว่าเขาจะต้อง ‘ปลิดชีพตัวเองหนีการตัดสินคดี’ สรุปก็คือตอนนี้ไม่มีใครช่วยเขาได้ ต่อให้เป็นประมุขชิงกับประมุขพุทธะก็ช่วยเขาไม่ได้อยู่ดี

…………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า 1735 จอมพลผู้นี้ไม่ยอม!

Now you are reading พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า Chapter 1735 จอมพลผู้นี้ไม่ยอม! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

พลังอิทธิฤทธิ์ของอีกฝ่ายจู่โจมฉับพลัน โจวจ้าวตกใจมาก รีบร่ายอิทธิฤทธิ์ป้องกัน ทว่าเมื่อคนที่ไม่ได้เตรียมพร้อมมาเจอกับคนที่จงใจทำ มีหรือที่จะป้องกันไหว

เปรี้ยง! ราวกับเสียงฟ้าร้อง พลังอิทธิฤทธิ์ที่โจวจ้าวเพิ่งจะรวบรวมได้ถูกตีพัง เลือดกระอักออกปากราวกับลูกธนู ทั้งตัวราวกับมีดาวหมุนรอบ

บึ้ม! ภูเขาลูกใหญ่ที่อยู่ไกลออกไปหลายพันจั้งพลังทลายเนื่องจากเงาคนคนหนึ่งพุ่งชน

โกวเยว่ขยับแขนสองข้างคว้าอากาศ กำแพงลมล่องหนที่เป็นคลื่นกันด้านนอกจวนท่านอ๋องเอาไว้ ธนูเลือดที่พุ่งมาตรงหน้าเขากลายเป็นเถ้าปลิวหายไป คลื่นพลังอิทธิฤทธิ์ที่เกิดจากการโจมตีเมื่อครู่ถูกเขาควบคุมเอาไว้แล้ว จากนั้นสะบัดแขนเสื้อไปบนฟ้า พลังอิทธิฤทธิ์ที่พุ่งโจมตีกลุ่มนั้นถูกโน้มนำขึ้นไปบนฟ้า ก่อนจะสลายไปทีละนิดท่ามกลางความลี้ลับ ทำแบบนี้เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อจวนท่านอ๋อง

ชั่วพริบตาที่เงาคนลอยไปชนกับภูเขาลูกใหญ่ เงาคนสี่สายจากสี่ทิศก็ก็พุ่งขึ้นมาท่ามกลางฝุ่นควันระเบิด ฝุ่นควันระเบิดอีกครั้ง เสียงต่อสู้อันดุเดือดดังขึ้นชั่วแวบเดียว

นอกจวนท่านอ๋อง กำลังพลที่ติดตามคุ้มกันโจวจ้าวเห็นสถานการณ์แล้วพากันตะลึงค้าง พวกเขานึกไม่ถึงว่าจู่ๆ พ่อบ้านโกวเยว่ของจวนท่านอ๋องจะลอบโจมตีท่านจอมพล

ท่ามกลางฝุ่นควันที่ตลบอบอวลไกลๆ เงาคนหลายคนพุ่งขึ้นฟ้า แม่ทัพใหญ่เกราะแดงหกแถบถึงเป็นยศสูงสุกจำนวนสี่คนคุมตัวโจวจ้าวออกมา เจ้าตัวเลือดออกปากออกจมูก ตาเหลือกเป็นระยะ ผมเผ้ายุ่งเหยิง แขนหายไปข้างหนึ่งแล้ว โจวจ้าวที่สภาพสะบักสะบอมถูกเชือกมัดเซียนมัดไว้อย่างแน่นหนา

ตี๋เหยียน พ่อบ้านที่ติดตามโจวจ้าวมาตระหนักอะไรบางอย่างได้ทันที พลันตะโกนบอกกำลังพลที่ติดตาม “ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับจอมพล พวกเราก็ไม่ได้ตายดี ปกป้องจอมพลก็เท่ากับปกป้องพวกเราเอง โจมตี!”

กำลังพลนับร้อยพุ่งขึ้นฟ้าไปยังกลุ่มคนที่กำลังควบคุมตัวโจวจ้าวทันที เร่งให้ความช่วยเหลือ

เปรี้ยง! บนฟ้าเกิดเสียงดังราวกับฟ้าผ่า ลำแสงสีเลือดสายหนึ่งโดดเด่นสะดุดตา ในระยะที่ใกล้ขนาดนี้ ลำแสงนี้ราวกับเป็นเสาแสงต้นหนึ่ง ชั่วพริบตาเดียวก็เสียบโดนตี๋เหยียนที่กำลังนำกลุ่มคนพุ่งสังหารเข้ามา ตี๋เหยียนกรีดร้องคาที่ สิ้นชีพภายใต้การโจมตีเพียงครั้งเดียวของธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ขั้นเจ็ด!

กลุ่มเมฆหมอกบนฟ้าสลายไปเพราะแรงสะเทือน เผยร่างชายคนหนึ่งที่กำลังถือธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ขั้นเจ็ด

พอสี่คนที่กำลังคุมตัวโจวจ้าวโบกมือ บนพื้นก็มีคนเรียงแถวหน้ากระดานขวางตรงหน้า แต่ละคนง้างธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ ระหว่างแนวภูเขาโดยรอบก็กลุ่มมีทหารสวรรค์ที่ถือธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์พุ่งขึ้นมาอย่างกะทันหันเช่นกัน ชั่วพริบตาเดียวลำแสงหลายสายก็ถูกยิงออกมาพร้อมกัน

พอคนนับร้อยที่พุ่งขึ้นไปโบกมือ ชั่วพริบตาเดียวทัพใหญ่หนึ่งแสนก็ปรากฏตัว โล่ป้องกันอย่างหนาแน่น ลูกธนูดาวตกยิงโจมตีกลับผ่านซอกโล่กำบัง

ท่ามกลางเสียงดังตูมตาม จู่ๆ รอบข้างก็มีเสียงตะโกนว่าฆ่าดังสนั่น กำลังพลสี่กลุ่มพุ่งออกมาสั่งหารจากสี่ทิศทาง ลูกธนูดาวตกยิงสังหารตามมาติดๆ

ลำแสงสีต่างๆ จากอาวุธเคลือบเจ็ดอารมณ์หกปรารถนาวับวาบสั่นไหว คลื่นพลังอิทธิฤทธิ์แข็งแกร่งราวกับจะเผาทำลายทำลายฟ้าดิน ฟ้าดินเปลี่ยนสีเพราะสิ่งนี้ ภูเขาและแม่น้ำลำคลองพังทลายเป็นวงกว้าง

โกวเยว่ยืนอยู่หน้าประตูใหญ่จวนท่านอ๋อง พอโบกธงคำสั่งในมือ ลำแสงอ่อนจางสายหนึ่งก็ครอบทั้งยอดเขาซึ่งเป็นที่ตั้งของจวนท่านอ๋องเอาไว้ คลื่นพลังอิทธิฤทธิ์ที่พุ่งโจมตีเข้ามาราวกับแผ่นดินแยกทะเลคลั่งถูกพลังป้องกันอันเข้มแข็งของลำแสงนั้นกันไว้ทันที บนลำแสงครอบกระเพื่อมเป็นชั้นราวกับคลื่น โกวเยว่เอามือไขว้หลังยืนดูทั้งสองฝ่ายรบกันอย่างไม่สะทกสะท้าน

ทุกสิ่งรอบด้านราวกับถูกทำลายพังภายในชั่วพริบตาเดียว มีเพียงยอดเขาใต้เท้าของโกวเยว่ที่มั่นคงไม่เคลื่อนไหว

คนชุดดำสวมหน้ากากสิบกว่าคนพลันออกจากจวนท่านอ๋อง มายืนเรียงแถวหน้ากระดานข้างหลังโกวเยว่

เสียงความเคลื่อนไหวใหญ่โตขนาดนี้ เกรงว่าต่อให้เป็นคนหูหนวกก็ได้ยิน ทุกคนในจวนท่านอ๋องตกใจจนโผล่ออกมา แต่ในกลับจวนท่านอ๋องมีทหารสวมเกราะกลุ่มใหญ่โผล่มาจากไหนก็ไม่รู้ กำลังจ้องทุกความเคลื่อนไหวในจวนท่านอ๋องด้วยท่าทางดุร้าย ป้องกันไม่ให้ในจวนท่านอ๋องเกิดความผิดปกติใดๆ ทำให้คนไม่น้อยตกใจจนไม่กล้าสูดหายใจแรง

บรรดาสมาชิกครอบครัวในจวนท่านอ๋องต่างพากันยืนบนหลังคาดด้วยสีหน้าอกสั่นขวัญแขวน ก่วงเม่ยเอ๋อร์กอดแขนมารดา ตกใจจนหน้าซีดนิดหน่อย ฉากที่ฟ้าดินเหมือนจะถล่มน่าตกใจเกินไป ก่วงเม่ยเอ๋อร์ยังไม่เคยเห็นฉากอันน่าตกใจขนาดนี้มาก่อน ถึงแม้จะมีการคุ้มกันอย่างแข็งแกร่งทนทาน แต่ก็ยังรู้สึกได้ว่าขาสั่นแล้ว ทำให้รู้สึกว่าจวนท่านอ๋องกำลังจะถูกดินพลิกถล่มได้ตลอดเวลา

สำหรับสมาชิกครอบครัวจวนท่านอ๋องส่วนใหญ่ ยังไม่เคยเห็นนอกจวนท่านอ๋องเกิดเรื่องน่ากลัวขนาดนี้มาก่อนเลย

เม่ยเหนียงก็ตกใจจนหน้ามืดเช่นกัน นางมองไปรอบๆ พบว่าทหารสวมเกราะที่โผล่ออกมากะทันหันส่วนใหญ่ไม่คุ้นหน้าเลย เหมือนตัวเองไม่เคยเจอด้วยซ้ำ จึงถามอย่างหวาดกลัวว่า “ท่านอ๋อง ท่านอ๋องล่ะ?”

ในขณะนี้เอง แม่ทัพใหญ่เกราะแดงคนหนึ่งแฉลบเข้ามาเหยียบบนหลังคา แล้วกุมหมัดคารวะ “หวังเฟย ท่านอ๋องเชิญหวังเฟยกับคุณหนูไปสักรอบ”

สองแม่ลูกย่อมเดินตามไปอย่างไม่รีบร้อนและไม่ชักช้า สำหรับพวกนางในตอนนี้ มีแค่ต้องอยู่ข้างกายท่านอ๋องเท่านั้นถึงจะรู้สึกปลอดภัย

บนตึกศาลาที่ทิวทัศน์งดงามที่สุดในสวน บนโต๊ะยาวมีสุราอาหารครบครัน ก่วงลิ่งกงนั่งจิบสุราเงียบๆ มองฟ้าพลิกแผ่นดินแยกด้านนอกด้วยสายตาสงบเยือกเย็น

เม่ยเหนียงที่เดินขึ้นตึกศาลาไม่สนใจพิธีรีตองแล้ว นางวิ่งมาตรงหน้าก่วงลิ่งกง แล้วถามเสียงตระหนก “ท่านอ๋อง นี่มันเรื่องอะไรกัน?”

ก่วงลิ่งกงเอียงหน้ายิ้มบางๆ “เม่ยเหนียง เหมือนข้าจะไม่ได้ฟังเจ้าดีดฉินนานแล้วนะ”

“…” เม่ยเหนียงที่ตกใจจนหน้าซีดได้ยินแล้วพูดไม่ออก ภายใต้สายตาอันทรงพลังของเขา สุดท้ายนางก็เดินไปที่โต๊ะเล็กด้านข้างด้วยย่างก้าวที่ปั่นป่วนเล็กน้อย ยกกระโปรงนั่งลง หยิบกู่ฉินขึ้นมาวาง แล้วใช้นิ้วเรียวสวยบรรเลงฉินแข่งกับเสียงด้านนอก เพียงแต่เสียงฉินปั่นป่วนอย่างเห็นได้ชัด เหมือนกับอารมณ์ของเม่ยเหนียงในตอนนี้

ก่วงลิ่งกงกวักมือเรียกก่วงเม่ยเอ๋อร์อีก นางรีบไปยืนข้างๆ แล้วรินสุราให้เขา

ด้านนอกฟ้าพลิกแผ่นดินแยก ทว่าก่วงลิ่งกงกลับนั่งยกจอกสุราจิบอย่างเอื่อยเฉื่อยอยู่บนตึกศาลาราวกับเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับตัวเอง ดูอยู่ข้างๆ อย่างเหยียดหยาม

ความไม่สะทกสะท้านของเขาปลอบใจสองแม่ลูกได้เยอะมาก เริ่มทำให้สองแม่ลูกสงบลงแล้ว

กำลังพลที่ติดตามโจวจ้าวมีกำลังรบที่แข็งแกร่งมาก ภายใต้การล้อมโจมตีจากกำลังพลจวนท่านอ๋อง ใช้เวลาสังหารเกือบหนึ่งชั่วยาม ความเคลื่อนไหวที่เหมือนฟ้าพลิกแผ่นดินแยกถึงได้ค่อยๆ สงบลง ตามที่เสียงระเบิดครั้งสุดท้ายหายไป ฟ้าดินก็เหมือนจะสงบลงแล้ว เพียงแต่ด้านนอกมีฝุ่นดินตลบอบอวล มองเห็นอะไรไม่ชัดเลย

ใช้เวลาไม่นาน เสียงลมคลั่งที่เกิดจากพลังอิทธิฤทธิ์ก็ดังขึ้นอีก ปัดเป่าฝุ่นควันด้านนอกจนหายไปหมด มองเห็นรอบด้านของจวนท่านอ๋องที่งดงามดุจแดนเซียนอีกครั้ง ภูเขาและแหล่งน้ำบ้างก็กลายเป็นพื้นราบ บ้างก็เกิดเหวลึกหมื่นจั้งจำนวนนับไม่ถ้วน ทั้งแผ่นดินใหญ่เกิดหลุ่มบ่อนับพัน มีเพียงยอดเขาที่ตั้งจวนท่านอ๋องเท่านั้นที่ยังงดงามโดดเด่น

กำลังพลกลุ่มใหญ่รอบด้านถืออาวุธค้นหาบางอย่างทั่วบริเวณ เมื่อพบคนที่ยังไม่ตายก็เก็บไปทันที ไม่รู้ว่าจะเอาไปใช้ประโยชน์อะไร

ลำแสงครอบที่เหมือนชามคว่ำพลันหายไป แม่ทัพใหญ่เกราะแดงสี่คนคุมตัวโจวจ้าวเหาะเข้ามา แล้วกดให้คุกเข่าลงบนพื้นตรงหน้าโกวเยว่

โจวจ้าวที่เลือดสดไหลออกจมูกเงยหน้ามองเขา แล้วคำรามเสียงแตก “โกวเยว่บังอาจนัก กล้าลงมือกับจอมพล! ข้าต้องการพบท่านอ๋อง ข้าจะพบท่านอ๋อง! ท่านอ๋อง ข้าน้อยถูกใส่ร้าย! ข้าน้อยถูกใส่ร้ายนะ!”

“ไม่ต้องตะโกนอีกแล้ว ตะโกนจนคอแตกก็ไร้ประโยชน์ ท่านอ๋องจะไม่พบเจ้าอีก” โกวเยว่มองต่ำพร้อมกล่าวอย่างเย็นชา

ใบหน้าโจวจ้าวฉายแววเศร้าโศกทันที เข้าใจโดยไม่ต้องคิดเลย ว่านี่คือประสงค์ของก่วงลิ่งกง ไม่อย่างนั้นสี่ทัพจะมีใครกล้าแตะต้องเขา เขาพลันกล่าวด้วยสีหน้าดุร้าย “ถ้าข้าตาย ลูกน้องจะจะต้องปกป้องตัวเอง จะต้องต่อต้านจนตัวตาย ถึงตอนนั้นทัพตะวันตกก็จะวุ่นวายแล้ว ก่วงลิ่งกงก็อย่าได้คิดจะนั่งตำแหน่งอ๋องอย่างมั่นคงเลย!”

โกวเยว่แสยะยิ้ม “เจ้าประเมินตัวเองสูงไปแล้ว ถ้าท่านอ๋องไม่มีแม้แต่กำลังจะควบคุม แล้วจะยังบัญชาการทัพตะวันตกได้ยังไง? ท่านอ๋องดึงเจ้าขึ้นมาได้ ก็เตะเจ้าออกไปได้เหมือนกัน ไม่ได้ขาดแคลนอะไรทั้งนั้น ไม่ขาดคนมารับตำแหน่งขุนนาง เจ้ายังกลัวว่าจะไม่มีคนมาดันตำแหน่งเจ้าอีกเหรอ? มีท่านอ๋องคอยหนุนหลังคุมสถานการณ์โดยรวมเพื่อกำจัดความกังวล ในบรรดากำลังพลสายมะแมของเจ้ามีคนอยากแทนที่เจ้าอยู่แล้ว ถ้าข้าเดาไม่ผิด ตอนที่เจ้ากำลังถูกจับอยู่นี้ สายมะแมคงเริ่มใช้กำลังทหารควบคุมทั่วทุกพื้นที่แล้ว เกรงว่าจุดจบของบรรดาลูกน้องคนสนิทของเจ้าคงไม่ได้ดีกว่าเจ้าสักเท่าไรหรอก”

โจวจ้าวสีหน้าบิดเบี้ยวอย่างรุนแรง ตอนนี้เพิ่งจะเข้าใจว่าเรื่องในวันนี้ไม่ได้เกิดขึ้นกะทันหัน แต่มีการวางแผนตั้งนานแล้ว เขาพลันดิ้นรนพร้อมคำรามเสียงแตก “เพราะอะไร? ทำไม? หรือว่าเพื่อหลงซิ่นคนเดียว? ยอมกำจัดจอมพลผู้นี้ทิ้งเพื่อหลงซิ่นคนเดียวเหรอ? อย่าบอกนะว่าก่วงลิ่งกงยอมเชื่อคำพูดหลงซิ่นมากกว่าคำพูดข้า? ข้ายอมก้มหัวให้มาหลายปีขนาดนี้ ต่อให้ไร้ผลงานแต่ก็ลำบากทุ่มเท มีสิทธิ์อะไรล่ะ? มีสิทธิ์อะไรมาทำกับข้าอย่างนี้? สัจธรรมอยู่ที่ไหน ความยุติธรรมอยู่ที่ไหน?”

โกวเยว่พ่นเสียงทางจมูก “หลงซิ่นเหรอ? จนป่านนี้แล้ว อย่าบอกนะว่าเจ้ายังคิดว่าเป็นเพราะหลงซิ่น? หลงซิ่นไม่สำคัญอะไรในสายตาท่านอ๋องเลย ขาดหลงซิ่นไปสักคนแล้วจะทำไม?”

โจวจ้าวคำราม “งั้นเป็นเพราะอะไรกันแน่? ข้ายอมรับว่าเชื่อฟังก่วงลิ่งกงทุกอย่าง ไม่เคยคิดต่อต้านใดๆ!”

“เพราะอะไรน่ะเหรอ?” โกวเยว่พลันชี้ไปที่ขอบฟ้า “เจ้าตาบอดหรือไง? ไม่เห็นจวนแม่ทัพภาคตลาดผีรับสมัครคนเหรอ? เจ้ามองเห็นแค่หลงซิ่นคนเดียวไปพึ่งพา เจ้าไม่เห็นเหรอว่าคนในทัพตะวันตกที่ไปขอพึ่งพามีมากเหมือนปลาในแม่น้ำ? หลังจากท่านอ๋องทราบเรื่องก็ไม่เป็นอันกินอันนอน ในทัพตะวันตกมีปัญหา แต่นึกไม่ถึงว่าปัญหาจะรุนแรงขนาดนี้ เจ้าเป็นจอมพลสายมะแม แต่มองไม่เห็นความรุนแรงของปัญหาเชียวเหรอ? ถ้าปล่อยให้เวลานานไป ทัพตะวันตกก็จะเปราะบาง ทำลายรากฐานของตัวเอง! สถานการณ์ที่จวนแม่ทัพภาคตลาดผีทำให้ท่านอ๋องเข้าใจถ่องแท้แล้ว ว่าทัพตะวันตกไปถึงขั้นที่ต้องปรับปรุงใหม่ การเยียวยาแขนที่ขาดแม้จะเจ็บ แต่จะไม่ทำก็ไม่ได้ ถ้าท่านอ๋องไม่ทำ เก็บไว้ให้คนรุ่นหลังจัดการก็จะยิ่งยากลำบาก เกรงว่าคนรุ่นหลังคงจะไม่มีอิทธิพลต่อทัพตะวันตกเหมือนท่านอ๋องแล้ว! ถ้าอยากจะเคาะภูเขาให้เสือสะเทือน ก็ย่อมต้องเลือกลูกน้องที่มีน้ำหนักมากพอ ที่แตะต้องเจ้าก็เพราะต้องการให้ทุกคนของทัพตะวันตกเห็นการตัดสินใจของท่านอ๋อง ใครจะทำลวกๆ ก็ลองดู เจ้าโจวจ้าวก็เป็นตัวอย่างให้เห็นแล้ว!” ร่ายยาวไม่หยุดก็นับว่าทำให้โจวจ้าวได้ตายอย่างไม่คาใจ ถึงอย่างไรก็เป็นจอมพล จงรักภักดีต่อก่วงลิ่งกงมาหลายปี

“อา!” โจวจ้าวพลันเงยหน้าร่ำร้องระบายความเศร้า นึกไม่ถึงว่าตัวเองจะตายเพราะเหตุผลนี้ เหตุใดตัวเองต้องมารับความอยุติธรรมนี้ เขาคำรามอย่างโกรธแค้น “ทำไมต้องเป็นข้า? ทำไมต้องเป็นข้า? จอมพลผู้นี้ไม่ยอม! จอมพลผู้นี้ไม่ยอม!”

“หลงซิ่นไปขอพึ่งพาจวนแม่ทัพภาคตลาดผี เลยทำให้เจ้าตกเป็นประเด็นสนทนาอีก กาจัดการลงโทษเจ้าก็จะเป็นการตักเตือนและปลอบใจทัพตะวันตกได้มากว่า ดังนั้นหลงซิ่นนับว่าเป็นบทนำ บอกได้เพียงว่าถึงคราวซวยของเจ้าพอดี!” โกวเยว่แสยะยิ้ม แล้วโบกแขนเสื้อพร้อมสั่งว่า “เอาตัวลงไป รอคำสั่ง ประหารต่อหน้าฝูงชน!”

โจวจ้าวที่ถูกลากออกไปพลันตะโกนเสียงดัง “ข้ายอมรับผิด ปล่อยครอบครัวข้าไป ปล่อยครอบครัวข้าไป!”

โกวเยว่หลุบตาลง “สายไปแล้ว! ตอนที่ลงมือกับเจ้า…ก็ลงมือกับทางนั้นด้วยเหมือนกัน!”

“อา…ฆ่าข้าแล้วมีประโยชน์อะไร? ต่อให้ปรับปรุงได้ชั่วขณะหนึ่ง แต่ก็ปรับปรุงไปทั้งชาติไม่ได้ ผลประโยชน์หมุนเวียนเป็นวัฎจักร…” โจวจ้าวส่ายหน้าร่ำร้อง ถูกลากออกไปอย่างนั้น เขาจินตนาการได้ถึงภาพที่ทัพใหญ่ล้อมโจมตีจวนตระกูลโจว จะต้องฆ่าทิ้งหมดแล้วแน่นอน ไม่เหลือแม้แต่ไก่หรือสุนัข คนตระกูลโจวที่มีหน้ามีตาและโอ้อวดความรวยจะต้องสิ้นหวังกันขนาดไหน

เขาเองก็เข้าใจดี ว่าตัวเองจะต้องตายแน่นอน ถ้าบัญชาการสวรรค์อนุญาตให้ลงโทษ เขาก็จะต้องถูกประหารประจาน แต่ถ้าบัญชาสวรรค์ไม่อนุญาตให้ฆ่าเขา ก็มีความเป็นไปได้สูงว่าเขาจะต้อง ‘ปลิดชีพตัวเองหนีการตัดสินคดี’ สรุปก็คือตอนนี้ไม่มีใครช่วยเขาได้ ต่อให้เป็นประมุขชิงกับประมุขพุทธะก็ช่วยเขาไม่ได้อยู่ดี

…………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+