พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า 1134 ต่างก็มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว

Now you are reading พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า Chapter 1134 ต่างก็มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

<p>คนที่ขอยืมเงินไม่ได้มีแค่อวี้หนูเจียวคนเดียวอยู่แล้ว อวี้หนูเจียวเป็นแค่คนที่มีอุปสรรคยุ่งยากมากที่สุดเท่านั้นเอง ฝ่าอินและจีเหม่ยลี่ต่างก็ขอยืมหนึ่งหมื่นล้านผลึกแดงไปจากมือของอวิ๋นจือชิวเช่นกัน</p>
<p>หลายวันหลังจากนั้น เหมียวอี้ก็มาที่ร้านโฉมเมฆาอีกครั้ง อวิ๋นจือชิวเล่าสถานการณ์ให้ฟังทีละคน</p>
<p>&#8220;หงเฉินไม่ได้เอ่ยปากเหรอ?&#8221; เหมียวอี้ถาม</p>
<p>อวิ๋นจือชิวส่ายหน้า &#8220;มู่ฝานจวินได้ไปจากสองพี่น้องฝาแฝดแล้ว ยังต้องให้นางเอ่ยปากอีกเหรอ หลังจากหงเฉินมาที่นี่ก็หลบอยู่ในชัยภูมิถ้ำสวรรรค์ตลอด ไม่เคยก้าวออกไปไหนเลย เหมือนคนที่ออกบวชยิ่งกว่าฝ่าอินอีก อวี้หนูเจียวนับว่าถูกเจ้าเล่นงานจนห่อเหี่ยวแล้ว ไม่ออกจากห้องเหมือนกัน ตอนมาทีแรกยังบ่นว่าอยากออกไปดูข้างนอกอยู่เลย ตอนนี้ไม่พูดไม่จาอะไรทั้งนั้น เรื่องราวผ่านไปแล้วก็ช่างเถอะ ไหนๆ ก็แต่งงานกันแล้ว เจ้าต้องหาทางทำให้พวกนางกลายเป็นคนของตัวเอง ไม่ใช่กลายเป็นศัตรูที่อยู่ข้างกาย&#8221;</p>
<p>พูดจบก็นำแผ่นหยกแผ่นหนึ่งยัดใส่มือเหมียวอี้ &#8220;เอาอันนี้ไปให้นาง พูดอะไรเพราะๆ ปลอบใจนางสักหน่อย&#8221;</p>
<p>เหมียวอี้ร่ายอิทธิฤทธิ์ตรวจดูนิดหน่อย พบว่าเป็นเคล็ดวิชาวิญญาณหยินเชื่อมหยางฉบับสำเนา จากนั้นก็พยักหน้าให้</p>
<p>&#8220;ส่วนเคล็ดวิชาอื่น ข้าจะดูสถานการณ์ก่อนแล้วค่อยให้คนอื่น ข้ามีอีกเรื่องที่จะบอกเจ้า ของที่เจ้าบอกให้ข้ามอบให้น้องสาวเจ้าน่ะ นางไม่ยอมรับไว้ อยากได้แค่เคล็ดวิชาสวรรค์เก้าชั้นฟ้า ส่วนอย่างอื่นนางปฏิเสธทั้งหมด บอกว่ามีทางเดินของตัวเอง ข้าพูดดีด้วยเต็มที่แล้วก็ไม่ได้ผล ถึงอย่างไรข้าก็ทำอะไรนางไม่ได้ ให้พี่ชายอย่างเจ้าออกหน้าด้วยตัวเองแล้วกัน ข้าหน้าบาง&#8221; อวิ๋นจือชิวนำกำไลเก็บสมบัติอีกวงยื่นออกมา</p>
<p>หลังจากเงียบไปพักหนึ่ง เหมียวอี้ก็ผลักกลับคืนไปพลางถอนหายใจ &#8220;โตแล้ว ควบคุมไม่ได้แล้ว ไม่ต้องคุมแล้ว ข้าจะได้ประหยัดเงินสักหน่อย&#8221;</p>
<p>คำพูดนี้ฟังดูค่อนข้างจนใจ แต่การประหยัดเงินคือความจริง ในหลายปีมานี้ถึงแม้เขาจะหาเงินได้ไม่น้อย แต่ค่าใช้จ่ายก็เยอะมากจริงๆ แค่ยาเจี๋ยตันที่ใช้ไปกับเฮยทั่นและตั๊กแตนแปดสิบห้าตัวก็แทบแย่แล้ว ตอนนี้แต่งงานรับอนุภรรยามาอีกสี่ห้อง บวกกับสาวใช้ที่แต่งงานพ่วงเข้ามาด้วยกัน เพิ่มมาสิบสองคนในรวดเดียว เขาต้องเป็นคนเลี้ยงทั้งหมด</p>
<p>พอเข้ามาในชัยภูมิถ้ำสวรรรค์ที่พักของหงเฉิน ก็ไม่เห็นหงเฉินออกมาต้อนรับ พอรู้ว่าหงเฉินกำลังฝึกตนอยู่ในสวนดอกไม้ เหมียวอี้ก็ไม่ได้ให้จื่ออวิ๋นกับจื่อหัวตามไป เขาเข้าไปหาในสวนดอกไม้เพียงลำพัง</p>
<p>บนโต๊ะและเก้าอี้หินในศาลาเย็นของสวนดอกไม้ถูกย้ายออกไป เสื้อไม้ไผ่ชิ้นหนึ่งปูอยู่กลางศาลา หงเฉินนั่งกำลังขัดสมาธิอยู่ในนั้น คิดดูว่าภาพนี้น่าประทับใจขนาดไหน</p>
<p>เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้า หงเฉินก็ลืมตามอง แล้วยิ้มบางๆ พร้อมบอกว่า &#8220;เจ้าไม่ต้องสนใจข้าหรอก&#8221;</p>
<p>&#8220;จะดีจะร้ายข้าก็แต่งงานรับเจ้ามาเป็นอนุภรรยาแล้ว ข้ามาเยี่ยมสักหน่อยคงไม่ถือว่าทำเกินไปหรอกมั้ง&#8221; เหมียวอี้เดินเข้ามาเองโดยไม่ได้เชิญ นั่งขัดสมาธิตรงข้ามกับหงเฉิน จ้องเชยชมใบหน้าของหงเฉินอย่างไม่เกรงกลัวผู้ใด พบว่าการเลี้ยงดูผู้หญิงสวยขนาดนี้ไว้ในมือ ก็เป็นเรื่องที่ทำให้เบิกบานใจมากเหมือนกัน เสียเงินบ้างสักหน่อยก็ถือว่าคุ้มค่า</p>
<p>หงเฉินมองเหมียวอี้ที่เข่าของเขาแทบจะชนกับเข่าของตัวเอง แล้วกล่าวอย่างสงบนิ่งว่า &#8220;ไม่เกินไปหรอก ถ้าเจ้ามาหาข้าเพื่อใช้ชีวิตสามีภรรยา เช่นนั้นก็ไปที่ห้องแล้วกัน ถึงอย่างไรก็ไม่สะดวกตรงนี้&#8221;</p>
<p>&#8220;</p>
<p>ปาดเหงื่อ! ภายใต้ความงดงาม เหมียวอี้รู้สึกกระเหี้ยนกระหือรือจริงๆ ถึงอย่างไรนางก็ได้ชื่อว่าเป็นคนของเขาอยู่แล้ว เขาวู่วามอยากจะหาโอกาสลงมือ ถึงอย่างไรเขาก็มีความฝันนั้นตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อนตอนได้เจอผู้หญิงคนครั้งแรก ตอนนี้ความฝันมาอยู่ในมือ ย่อมต้องคอยคิดแต่จะหาโอกาสทำให้มันเป็นจริง&#8221;</p>
<p>แต่การโดนอีกฝ่ายพูดแทงใจดำตรงๆ แบบนี้ เขาก็ยังเก้อเขินนิดหน่อย พยายามข่มความคิดไม่ดีเอาไว้ แสร้งทำตัวเรียบร้อยจริงจัง แล้วเปลี่ยนประเด็นสนทนา &#8220;เจ้าคิดไปถึงไหนแล้ว อย่าบอกนะว่าข้าเป็นคนแบบนั้นในสายตาเจ้า? ข้าก็แค่มาเยี่ยมเจ้าเท่านั้น อยู่ที่นี่ชินแล้วหรือยัง?&#8221;</p>
<p>หงเฉินตอบว่า &#8220;ทีแรกก็ดีมาก เพียงแต่ไม่ค่อยสงบ มักมีคนหวังให้ข้าเป็นฝ่ายรุกหาเจ้าสักหน่อย&#8221; นางมองไปข้างนอกแวบหนึ่ง บอกใบ้เล็กน้อย</p>
<p>เหมียวอี้เข้าใจสิ่งที่นางจะสื่อ นางหมายถึงจื่ออวิ๋นกับจื่อหัวที่มู่ฝานจวินส่งมา จึงกล่าวเสียงต่ำว่า &#8220;จะให้ข้าช่วยกำจัดพวกนางสองคนมั้ยล่ะ&#8221;</p>
<p>หงเฉินส่ายหน้า &#8220;ช่างเถิด ในเมื่อข้าแต่งงานกับเจ้าแล้ว พวกนางก็ไม่มีทางกดดันอะไรข้าได้อีก ก็ได้แค่บ่นเท่านั้น ที่จริงพวกนางก็น่าสงสารมากเหมือนกัน รอให้หลุดพ้นจากอาจารย์ของข้านานๆ ก่อน เดี๋ยวพวกนางก็สงบลงเอง เจ้าไม่จำเป็นต้องทำเรื่องนี้ให้สุดโต่ง&#8221;</p>
<p>เหมียวอี้เงียบไปครู่หนึ่ง เดิมทีเตรียมจะให้หงเฉินย้ายไปอยู่กับสองพี่น้องฝาแฝด แต่พอเห็นสถานการณ์แบบนี้ ถ้าจื่ออวิ๋นกับจื่อหัวไปไปเพิ่มแรงกดดันของมู่ฝานจวินให้สองพี่น้องฝาแฝดอีก ก็กลัวว่าจะทำให้สองพี่น้องเป็นทุกข์ไปด้วย ที่นี่มีอวิ๋นจือชิวค่อยกดอยู่ จื่ออวิ๋นกับจื่อหัวจึงต้องทำตัวว่านอนสอนง่ายหน่อย ฮูหยินคนนั้นของตนก็ไม่ใช่เล่นๆ เหมือนกัน</p>
<p>ไม่สะดวกจะลงมือกินเนื้อ เหมียวอี้ทำได้เพียงขอตัวลา ลุกขึ้นแล้วบอกว่า &#8220;ถ้าต้องการทรัพยากรฝึกตนก็ไปหาอวิ๋นจือชิว ถ้ามีเรื่องอะไรก็ไปหาอวิ๋นจือชิวได้ นางจะจัดเตรียมให้อย่างดี&#8221;</p>
<p>&#8220;เช่นนั้นข้าไม่ไปส่งแล้วกัน!&#8221; หงเฉินที่นั่งอยู่ในศาลา นอกจากจะไม่มีท่าทีต้อนรับการไปมาหาสู่กันแล้ว ยังเอ่ยขึ้นมาอีกว่า &#8220;เรื่องบางเรื่องในเมื่อตัดสินใจเลือกแล้ว ข้าก็เตรียมใจยอมรับไว้แล้วเช่นกัน ไม่ขับไล่หรอก ถ้าเจ้าอยากครอบครองข้าก็พูดออกมาตรงๆ ได้ นี่คือราคาที่ข้าควรต้องจ่าย&#8221;</p>
<p>ก็บอกแล้วไงว่าข้าไม่ใช่คนอย่างนั้น วางมาดต่อไปแล้วกัน! ท่านขุนนางเหมียวแสร้งทำตัวเรียบร้อยพลางพูดเอาตัวรอดไปนิดหน่อย แล้วจากไปด้วยท่าทางสุขุมเยือกเย็น แต่ที่จริงในใจรู้สึกเหมือนหนีเตลิดเพราะหวาดกลัว</p>
<p>พอออกจากห้องของหงเฉิน เขาก็มายืนลังเลอยู่ตรงประตูห้องห้องฝ่าอิน แล้วสุดท้ายก็จากไป</p>
<p>ฝ่าอินทำให้เขารับไม่ไหวนิดหน่อย สวยจนอยากจะกลืนกิน เพียงการจะลงมือกับนางต้องใช้ความกล้าหาญพอสมควร เมื่อเจอคนที่เป็นฝ่ายเอ่ยถึงเรื่องร่วมหอทุกครั้งที่เจอกัน กลับทำให้เจ้ารู้สึกเหมือนนางมาโปรดสัตว์ เหมียวอี้เพิ่งเคยเจอแบบนี้เป็นครั้งแรก ทำให้เขาไม่กล้าดูหมิ่นจริงๆ หลังจากคุยกันสองสามคำเหมียวอี้ก็อยากจะหนีแล้ว ไม่มีอารมณ์จะทำอะไรแล้ว</p>
<p>พอเดินมาถึงห้องของจีเหม่ยลี่ก็หยุดชะงัก</p>
<p>เขาก็รับผู้หญิงคนนี้ไม่ไหวเหมือนกัน นางไม่ขัดขืนถ้าเจ้าจะทำเรื่องระหว่างชายหญิง แต่นางกลับเย็นชาเหมือนน้ำแข็ง จุดมุ่งหมายแข็งแรงมาก ถ้าข้าทำเรื่องแบบนั้นกับเจ้า เจ้าก็ต้องให้ผลประโยชน์กับข้า ความรู้สึกแบบนั้นชัดเจนเกินไป นางจะต่อรองราคากับเจ้าตรงๆ อย่างไม่เกรงใจ ให้ความรู้สึกเหมือนไปที่หอโคมเขียว</p>
<p>เขาส่ายหน้าเบาๆ แล้วก็ถอนหายใจเดินจากไป เขากลุ้มใจแล้ว ทำไมตัวเองแต่งงานรับผู้หญิงแปลกๆ พวกนี้กลับมาได้ เป็นเหมือนคำพูดหยอกล้อของอวิ๋นจือชิวจริงๆ  แต่ละคนต่างมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว</p>
<p>เมื่อเจออวี้หนูเจียวอีกครั้ง ก็พบว่าผู้หญิงคนนี้จิตใจเซื่องซึมลงไม่น้อย นางย่อเข่าคำนับอย่างช้าๆ &#8220;นายท่าน!&#8221;</p>
<p>&#8220;อืม!&#8221; เหมียวอี้เดินมาตรงหน้านางแล้วจ้องนาง ยื่นมือไปคว้ามือที่เรียวสวย แล้วจูงเข้าห้องไปทันที</p>
<p>ครั้งนี้อวี้หนูเจียวไม่ทำพฤติกรรมขัดขืนใดๆ ก้มหน้าเดินตามเขาอย่างเงียบๆ แล้ว</p>
<p>พอเข้ามาในห้อง เหมียวอี้ก็ยังปิดประตูเหมือนเดิม แล้วก็เอามือไขว้หลังเดินวนรอบนางอีก</p>
<p>ผู้หญิงที่ก่อนหน้านี้ยังแอ่นอกเชิดหน้าคงไว้ซึ่งความอวดดี ในที่สุดตอนนี้ก็ก้มหัวลดศักดิ์ศรีของตัวเองแล้ว นางเพียงก้มหน้าเงียบๆ</p>
<p>เหมียวอี้ยืนนิ่งอยู่ตรงหน้านาง กล่าวเสียงเรียบว่า &#8220;ถอดสิ!&#8221;</p>
<p>อวี้หนูเจียวเริ่มกัดริมฝีปากแน่น เอียงหน้าไม่มองเขา แล้วค่อยๆ ยกมือขึ้น แหวกคอเสื้อออกอย่างช้าๆ เผยกระดูกไหปลาร้าที่ขาวงดงามดุจหิมะออกมา</p>
<p>มือที่สั่นเทิ้มไม่หยุดถูกมือข้างหนึ่งที่มีไออุ่นคว้าเอาไว้ นางหันหน้ากลับมาอย่างช้าๆ</p>
<p>เหมียวอี้คว้ามือของนางมาลูบคลำเล็กน้อย พบว่ามือของนางเย็นเหมือนน้ำแข็ง นางเป็นนักพรตผี บนร่างกายไม่มีอุณหภูมิความร้อน ถ้ารู้สึกได้ถึงไออุ่นจากตัวนาง แสดงว่าคิดไปเองแน่นอน มนุษย์ธรรมดาเสวยสุขกับผู้หญิงแบบนี้ไม่ไหว เพราะจะทำให้เจ้าสูญเสียพลังหยางจนหมด</p>
<p>เหมียวอี้ปล่อยมือนาง แล้วก็ช่วยนางดึงคอเสื้อขึ้นมาอีกครั้ง ช่วยติดกระดุมคอเสื้อให้อย่างระมัดระวัง &#8220;ต่อไปเลิกต่อต้าข้าได้แล้ว ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้หญิงของข้าแล้ว ต้องอยู่กับข้าไปทั้งชีวิต ข้าจะจงใจสร้างความอัปยศให้เจ้าได้อย่างไรกัน เลิกโกรธข้าได้แล้ว ก่อนหน้านี้ข้าผิดเอง ข้ามาขอโทษเจ้า!&#8221;</p>
<p>คำพูดนี้อบอุ่นยิ่งกว่าอุณหภูมิที่แผ่นมาจากมือเขาเสียอีก</p>
<p>รู้สึกแปลก! อวี้หนูเจียวพลันกางแขนสองข้างแล้วโผเข้าไปในอ้อมกอดเขา นางร้องไห้แล้ว ร้องไห้สะอึกสะอื้น ร้องไปพลางทุบตีเขาไปพลาง &#8220;เจ้ารังแกข้า…เจ้ารังแกข้า&#8230;&#8221;</p>
<p>เรียกได้ว่าร้องไห้ระบายอารมณ์ออกมา เหมียวอี้กอดนางพลางยิ้มบางๆ ปล่อยให้นางทุบตี ปล่อยให้นางระบายอารมณ์</p>
<p>ไม่ง่ายเลยกว่าอารมณ์จะสงบลง อวี้หนูเจียวที่ผละออกจากอ้อมกอดเขากลับเริ่มรู้สึกอับอายขึ้นมาแล้ว นางหันหลังให้เขาพลางเช็ดน้ำตา ขนาดนางเองก็ยังทำใจให้เชื่อได้ยาก นี่ตนโผเข้าไปร้องไห้ในอ้อมอกไอ้สาระเลวนี่เหมือนผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งงั้นเหรอ?</p>
<p>แต่กลับค้นพบอย่างแปลกประหลาดว่าบรรยากาศระหว่างทั้งสองคนเหมือนจะไม่ได้หนักหน่วงขนาดนั้นแล้ว ความกดดันแบบที่หัวใจยากจะรับไหวพลันหายไปในชั่วพริบตาเดียว</p>
<p>เหมียวอี้เดินมานั่งลงข้างเตียง ตบที่ข้างเตียงพลางบอกว่า &#8220;ร้องไห้น่าเกลียดขนาดไหน มานั่งนี่เถอะ ไม่ต้องกังวล ถ้าเจ้าไม่ยินยอม ข้าก็จะไม่ฝืนล่วงเกินเจ้า&#8221;</p>
<p>&#8220;อย่าคิดว่าข้ากลัวเจ้านะ!&#8221; อวี้หนูเจียวที่ยกแขนเสื้อเช็ดน้ำตาอีกครั้งกล่าวอย่างดื้อรั้น แล้วก็รีบเดินเข้ามา หมุนตัวนั่งลงข้างกายเหมียวอี้</p>
<p>เหมียวอี้คว้ามือนางมาอีกครั้ง แล้วตบแผ่นหยกลงบนฝ่ามือนาง &#8220;มอบให้เจ้า!&#8221;</p>
<p>พออวี้หนูเจียวรับมาอ่าน ก็พบว่าเป็นเคล็ดวิชาวิญญาณหยินเชื่อมหยาง ถามว่า &#8220;อาจารย์ข้าให้เจ้าเหรอ?&#8221;</p>
<p>เหมียวอี้พยักหน้า &#8220;ไม่รู้ว่าอาจารย์ได้บอกเจ้ารึเปล่า ที่จริงเคล็ดวิชาวิญญาณหยินเชื่อมหยางที่อยู่ในมืออาจารย์เจ้าเป็นฉบับไม่สมบูรณ์ เคล็ดวิชาวิญญาณหยินเชื่อมหยางแบบสมบูรณ์แบ่งเป็นภาคฟ้า ภาคดิน ภาคคน มีทั้งหมดสามภาค ในมืออาจารย์เจ้ามีแค่ภาคดินที่ครบสมบูรณ์&#8221;</p>
<p>อวี้หนูเจียวตกใจเล็กน้อย ส่ายหน้าตอบเบาๆ &#8220;ไม่เคยได้ยิน&#8221;</p>
<p>&#8220;เคล็ดวิชาวิญญาณหยินเชื่อมหยางฉบับสมบูรณ์อยู่ที่พิภพใหญ่ รอให้ข้าหาครบแล้วจะมอบให้เจ้าอีกที ถ้าฝึกแล้วเจ้าจะเก่งกว่าอาจารย์เจ้าอีก&#8221; เหมียวอี้กล่าว</p>
<p>อวี้หนูเจียวเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วโบกแผ่นหยกในมือ &#8220;เจ้าเป็นคนนำมาให้ข้าเองนะ ข้าไม่ได้ขอร้องนะ&#8221;</p>
<p>เหมียวอี้จับมือนางอีกครั้ง &#8220;งั้นข้าขอร้องให้เจ้าเก็บไว้ตกลงมั้ย รอให้วันไหนเจ้าฝึกเคล็ดวิชาสำเร็จ ข้าจะขอให้เจ้าปกป้องข้าดีมั้ย? ถึงตอนนั้นถ้าเจ้าขู่เข็ญให้ข้าถอดเสื้อผ้า ข้าก็จะถอดออกแต่โดยดี จะไม่ลังเลแน่นอน แล้วก็จะไม่ร้องไห้ขี้มูกโป่งเหมือนเจ้าด้วย โถๆๆ! อวี้หนูเจียวที่จะโกนด่าข้าว่าไอ้เหมียวจัญไรและหมายจะฆ่าข้าในปีนั้น ไม่น่าเชื่อว่าจะมาร้องไห้ฟูมฟายอยู่ในอ้อมอกข้า โลกเราคาดเดาได้ยากจริงๆ!&#8221;</p>
<p>&#8220;อ๊า!&#8221; อวี้หนูเจียวอับอายจนโมโหทันที โบกหมัดทุบบนตัวเขามั่วๆ พักหนึ่ง</p>
<p>เหมียวอี้พลันคว้ามือนางไว้สองข้า แล้วกดนางลงบนเตียงเสียเลย เขากดอยู่บนตัวนางแล้ว</p>
<p>อวี้หนูเจียวสงบลงทันที ดวงตาทั้งสี่สบประสานกัน เหมียวอี้ก้มหน้าลงจูบบนริมฝีปากนางแล้ว ความเร่าร้อนที่เหมือนดั่งไฟ ทำให้คนละลายแล้วจริงๆ</p>
<p>อวี้หนูเจียวพบว่าตัวเองหัวใจเต้นรัว หลับตาซึมซับความรู้สึกที่ทำให้ตัวเองชาไปทั้งร่างกาย รู้สึกได้ว่าสองมือมารของเหมียวอี้ที่กำเริบเสิบสานอยู่บนร่างกายตนทำให้ตนสั่นเทิ้มไปทั้งตัว</p>
<p>หลังจากตักตวงจากนางได้พอสมควร จู่ๆ เหมียวอี้ก็ปล่อยนาง ลุกขึ้นยืนแล้วไอแห้งๆ &#8220;เอ่อคือ ข้าพูดคำไหนคำนั้น ถ้าเจ้าไม่ยินยอมข้าก็ไม่ทำซี้ซั้วแน่นอน&#8221;</p>
<p>อวี้หนูเจียวได้ยินแล้วลืมตามองเขา พบว่าหน้าอกขาวดุจหิมะของตัวเองเผยออกมาแล้วเกินครึ่ง แต่อีกฝ่ายดันพูดจาแบบนั้น ทำให้นางคว้าหมอนข้างๆ มาทุ่มโยนใส่ทันที เหมียวอี้โบกมือบังไว้ แล้วหัวเราะลั่นพลางออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว</p>
<p>เมิ่งเจี๋ยกับเมิ่งหย่ารีบเข้ามา อวี้หนูเจียวที่ลุกขึ้นจากเตียงฉุกละหุกทำอะไรไม่ถูกทันที รีบจัดเสื้อผ้าตรงหน้าอกให้เรียบร้อย อับอายจนหน้าแดงเป็นก้นลิงแล้ว</p>
<p>เมิ่งเจี๋ยกับเมิ่งหย่าแลบลิ้นหยอกล้อ แล้วก็รีบถอยออกไป ถือโอกาสปิดประตูให้ด้วย</p>
<p>อวี้หนูเจียวที่นั่งอยู่ข้างเตียงกลับเอามือปิดหน้าอกอย่างเหม่อลอย จู่ๆ นางก็พบว่าเรื่องที่เหมียวอี้ทำกับนางเมื่อครู่นี้ไม่เพียงแค่ไม่น่ารำคาญ แต่ในใจกลับรู้สึกหวานชื่นอย่างอธิบายไม่ถูก พบว่าสถานการณ์เหมือนจะไม่ได้เกินรับไหวอย่างที่ตนจินตนาการไว้ ไม่น่าเชื่อว่าจะรู้สึกเฝ้าคอยด้วย เขามีภรรยาเป็นโขยง ไม่รู้ว่าเมื่อไรถึงจะมาหาข้าอีก…</p>
<p>นางพลันส่ายหน้า พอได้สติกลับมา ก็พบว่าตัวเองต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ&#8230;</p>
<p>…………………………</p>

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด