เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล 103.2

Now you are reading เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล Chapter 103.2 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ในตอนนั้นเอง เสียงแผ่วเบาจากด้านข้างก็พูดกับเธอ

“คือ ท่าน…คุณหนูลอมบาร์เดีย”

“เรียกแค่คุณหนูก็ได้ค่ะ”

“อ๊ะ ค่ะ! คุณหนูลอมบาร์เดีย!”

เด็กผู้หญิงที่ดูอ่อนแอคนนี้ นางคือเด็กหญิงเจ้าของเรือนผมสีแดงและรอยกระจางๆ บริเวณจมูกนั่นเอง

“ข้ามาจากทางตะวันออก มีนามว่า ทิลเลียน่าคีทอเวลค่ะ”

อ๊ะ คีทอเวล?

ในขณะที่เธอกำลังตกอยู่ในภวังค์ความคิด เมื่อได้ยินชื่อตระกูลที่ทำให้นึกถึงข้อมูลหลายเรื่องเชื่อมโยงปะติดปะต่อเข้าด้วยกันได้ในทันทีทิลเลียน่าก็ถามด้วยใบหน้าแดงระเรื่อเพราะความขวยเขิน

“หากไม่เป็นการรบกวน จะช่วยสอนวิธีการทักทายตามแบบราชวงศ์อย่างที่ทำเมื่อครู่ให้ข้าหน่อยได้มั้ยคะ”

มันไม่ใช่คำขอร้องที่ยากเย็นอะไรนัก แต่ว่า

“เรื่องแบบนั้น เอาไว้เดี๋ยวหัวหน้านางกำนัลอิมพีกร้าก็น่าจะช่วยสอนให้ทั้งหมดอยู่แล้วนี่คะ”

“นั่นก็ใช่ค่ะแต่… ไม่รู้ทำไมการทักทายของคุณหนูลอมบาร์เดียมันดูสง่าและงดงามมากเลยน่ะค่ะ…”

เรื่องนั้นน่าจะเป็นเพราะได้อิทธิพลมาจากชานาเนสละมั้ง

ต่อให้เป็นการทักทายแบบเดียวกัน บรรยากาศและท่วงท่าก็ยังแตกต่างไปตามแต่ละบุคคลอยู่ดี

“ถะ ถ้าหากลำบากใจ ก็ไม่เป็นไรนะคะ แต่ถ้าได้ก็…รบกวนด้วยค่ะ”

ถึงจะลังเล แต่ทิลเลียน่าก็กำหมัดแน่นเพื่อรวบรวมความกล้าก่อนจะพูดขึ้น

“ในงานเปิดตัวครั้งนี้ ทุกคนในครอบครัวต่างก็จะเดินทางจากทางตะวันออกอันแสนห่างไกลเพื่อมาที่พระราชวังน่ะค่ะ… ข้าเลยอยากให้พวกเขาได้เห็นภาพลักษณ์ที่ดีของข้าค่ะ”

มันไม่ใช่ข้ออ้างข้างๆ คูๆ แต่ดูเหมือนทิลเลียน่าจะพูดจากใจจริง

แรกเริ่มนิสัยก็ดูไม่เหมือนคนที่พูดจาให้ดูสวยหรูไปอย่างนั้นเสียด้วย

“ขะ ข้าจะเลี้ยงของอร่อยนะคะ! ”

“ก็ได้ค่ะ ถ้าอย่างนั้น”

เธอไม่ได้ตอบตกลงเพราะเห็นแก่กินหรอก

ก็แค่ตั้งใจจะช่วยสอนให้อยู่แล้ว จริงๆ นะ

ในขณะที่เธอกับทิลเลียน่ากำลังสนทนากันต่ออีกหลายประโยค กลุ่มคุณหนูริมหน้าต่างก็เดินเข้ามาใกล้พวกเราตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้

“คุณหนูลอมบาร์เดีย”

เมฟ คาโพเลีย หญิงสาวที่เมื่อครู่ก้าวเท้าออกมากล่าวทักทายหัวหน้านางกำนัลอิมพีกร้านั่นเอง

ตระกูลคาโพเลียเป็นหนึ่งในตระกูลที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน ตระกูลของนางยังเป็นสมาชิกสภาขุนนางอีกด้วย

และล่าสุดมานี้คุณหญิงคาโพเลียก็เริ่มสนิทสนมกับจักรพรรดินีราวีนี่ เรียกได้ว่าพวกเขากลายเป็นตระกูลที่เริ่มเข้ามามีบทบาทและอิทธิพลในแวดวงสังคม

“อย่ามัวแต่อยู่ตรงนั้นเลยค่ะ มาสนทนากับพวกเราทางด้านนี้สิคะ”

เมื่อครู่นี้ยังระแวงไม่ชอบขี้หน้าเธออยู่เลยไม่ใช่หรือไง

“ริมหน้าต่างแสงแดดส่องเข้ามาอบอุ่นมากเลยนะคะ”

เมฟ คาโพเลีย ไม่แม้แต่จะเหลือบมองทิลเลียน่า นางเมินเฉยตัดทิลเลียน่าออกจากวงสนทนา

เธอเหลือบมองทิลเลียน่าเล็กน้อยทิลเลียน่าเพียงแค่ยิ้มกระอักกระอ่วนใจ หลุบตาก้มหน้ามองโต๊ะว่างเปล่าเท่านั้น

ถึงแม้จะแสร้งทำเป็นไม่รู้สึกอะไร แต่เป็นไปไม่ได้เลยที่จะไม่รู้สึกอะไร

เธอส่งยิ้มให้เมฟ คาโพเลีย ก่อนจะพูดขึ้น

“ไม่เป็นไรค่ะ”

“…คะ”

คุณหนูคาโพเลียมีสีหน้าตกใจจริงๆ

คงคิดว่าเธอจะลุกขึ้นจากที่นั่งเดินเข้าไปรวมกลุ่มกับพวกนางในทันทีละมั้ง

ถึงแม้เธอจะไม่มีประสบการณ์ในแวดวงสังคมเท่าไหร่ แต่เธอไม่ใช่คนใสซื่อขนาดนั้นหรอกนะ

ต่อให้เธอทิ้งทิลเลียน่าแล้วไปรวมกลุ่มกับทางฝั่งนั้น เธอก็ไม่มีทางแทรกตัวเข้าไปอยู่ในกลุ่มคุณหนูที่รู้จักฐานะและสนิทสนมกันมาตั้งแต่เด็กได้อยู่แล้ว

“พอดีไม่สบายง่ายน่ะค่ะ นั่งตรงนี้น่าจะดีกว่า”

จะไม่สบายง่ายจริงๆ ได้ยังไง

เอสทีร่าของเธอพร่ำส่งสมุนไพรที่ดีต่อร่างกายมาให้มากตั้งเท่าไหร่

แต่การปฏิเสธอ้อมๆ ด้วยวิธีนี้ มันเป็นวิธีสนทนาที่พวกชนชั้นสูงเขาใช้กัน

เหมือนอย่างที่เมื่อครู่นี้คุณหนูคาโพเลียใช้ ‘แสงแดด’ มาเป็นข้ออ้างยังไงล่ะ

“ตายจริง คงไม่ใช่โรคร้ายแรงนะคะ”

บนใบหน้าของคุณหนูคาโพเลียที่กล่าวเช่นนั้น เขียนไว้อย่างชัดเจนว่า ‘ทรมานป่วยเป็นไข้สักสัปดาห์ แล้วก็ทำงานเลี้ยงเปิดตัวล่มไปเสีย!’

แต่เธอแสร้งทำเป็นเหมือนคนที่สังเกตความนัยไม่ออก ยิ้มหวานในขณะที่ตอบกลับไป

“ขอบคุณที่เป็นห่วงนะคะ คุณหนูคาทารีนา”

พอเธอจงใจเรียกชื่อผิด มุมปากของคุณหนูคาโพเลียที่ยกยิ้มอยู่นั่นก็กระตุกในทันที

เด็กน้อยเอ๋ย คิดจะเอาชนะพี่สาวคนนี้ ยังอีกไกลนะจ๊ะ

เธออาจจะเพิ่งเข้าสู่แวดวงสังคมเป็นครั้งแรกก็จริง แต่ไม่ได้เพิ่งอายุ 12 ปีเป็นครั้งแรกเสียหน่อย

* * *

แคทเธอรีนเดินเข้ามาแจ้งข่าวกับเฟเรสที่กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ในสวน

“เจ้าชาย มีแขกมาพบเพคะ”

“ข้าสั่งแล้วไม่ใช่หรือว่าวังโฟอิรัคไม่ต้อนรับแขกสักระยะ”

เฟเรสต้องรับมือกับผู้คนที่จักรพรรดินีเที่ยวส่งมาแทบทุกวี่ทุกวัน เสียงของเขาจึงเย็นชาเป็นอย่างมาก

“ลองพบดูสักครั้งเถอะเพคะ”

คำตอบที่ไม่สมกับเป็นแคทเธอรีนเลยแม้แต่น้อย ทำให้เฟเรสละสายตาจากหนังสือ แล้วเงยหน้าขึ้นมองนาง

“แขกที่ว่าคือใครกัน”

“หัวหน้านางกำนัลประจำพระราชวัง พอนต้า อิมพีกร้าค่ะ”

ตอนนี้เฟเรสเริ่มเข้าใจแล้วว่า ในพระราชวังแห่งนี้ ใครเป็นคนของจักรพรรดินี ใครเป็นคนของจักรพรรดิ

ในบรรดาคนเหล่านั้น หัวหน้านางกำนัลพอนต้า อิมพีกร้า เป็นหนึ่งในคนที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามกับจักรพรรดินี

“ให้เข้ามาได้”

ไม่นานหลังจากนั้น พอนต้า อิมพีกร้าก็ใช้ไม้เท้าพยุงร่างชราเดินเข้ามา ก่อนจะถวายบังคมด้วยความนอบน้อม

และหญิงชราก็เอาแต่มองเฟเรสโดยไม่พูดอะไรอยู่พักใหญ่

ราวกับนึกถึงใครบางคนที่นางแสนจะอาลัยผ่านใบหน้าของเฟเรส

และในที่สุดหัวหน้านางกำนัลพอนต้า อิมพีกร้า ก็เปิดปากพูดราวกับตัดสินใจแน่วแน่แล้ว

“หม่อมฉันขอบังอาจยื่นขอเสนอให้แก่เจ้าชายลำดับที่สองเพคะ”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล 103.2

Now you are reading เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล Chapter 103.2 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ในตอนนั้นเอง เสียงแผ่วเบาจากด้านข้างก็พูดกับเธอ

“คือ ท่าน…คุณหนูลอมบาร์เดีย”

“เรียกแค่คุณหนูก็ได้ค่ะ”

“อ๊ะ ค่ะ! คุณหนูลอมบาร์เดีย!”

เด็กผู้หญิงที่ดูอ่อนแอคนนี้ นางคือเด็กหญิงเจ้าของเรือนผมสีแดงและรอยกระจางๆ บริเวณจมูกนั่นเอง

“ข้ามาจากทางตะวันออก มีนามว่า ทิลเลียน่าคีทอเวลค่ะ”

อ๊ะ คีทอเวล?

ในขณะที่เธอกำลังตกอยู่ในภวังค์ความคิด เมื่อได้ยินชื่อตระกูลที่ทำให้นึกถึงข้อมูลหลายเรื่องเชื่อมโยงปะติดปะต่อเข้าด้วยกันได้ในทันทีทิลเลียน่าก็ถามด้วยใบหน้าแดงระเรื่อเพราะความขวยเขิน

“หากไม่เป็นการรบกวน จะช่วยสอนวิธีการทักทายตามแบบราชวงศ์อย่างที่ทำเมื่อครู่ให้ข้าหน่อยได้มั้ยคะ”

มันไม่ใช่คำขอร้องที่ยากเย็นอะไรนัก แต่ว่า

“เรื่องแบบนั้น เอาไว้เดี๋ยวหัวหน้านางกำนัลอิมพีกร้าก็น่าจะช่วยสอนให้ทั้งหมดอยู่แล้วนี่คะ”

“นั่นก็ใช่ค่ะแต่… ไม่รู้ทำไมการทักทายของคุณหนูลอมบาร์เดียมันดูสง่าและงดงามมากเลยน่ะค่ะ…”

เรื่องนั้นน่าจะเป็นเพราะได้อิทธิพลมาจากชานาเนสละมั้ง

ต่อให้เป็นการทักทายแบบเดียวกัน บรรยากาศและท่วงท่าก็ยังแตกต่างไปตามแต่ละบุคคลอยู่ดี

“ถะ ถ้าหากลำบากใจ ก็ไม่เป็นไรนะคะ แต่ถ้าได้ก็…รบกวนด้วยค่ะ”

ถึงจะลังเล แต่ทิลเลียน่าก็กำหมัดแน่นเพื่อรวบรวมความกล้าก่อนจะพูดขึ้น

“ในงานเปิดตัวครั้งนี้ ทุกคนในครอบครัวต่างก็จะเดินทางจากทางตะวันออกอันแสนห่างไกลเพื่อมาที่พระราชวังน่ะค่ะ… ข้าเลยอยากให้พวกเขาได้เห็นภาพลักษณ์ที่ดีของข้าค่ะ”

มันไม่ใช่ข้ออ้างข้างๆ คูๆ แต่ดูเหมือนทิลเลียน่าจะพูดจากใจจริง

แรกเริ่มนิสัยก็ดูไม่เหมือนคนที่พูดจาให้ดูสวยหรูไปอย่างนั้นเสียด้วย

“ขะ ข้าจะเลี้ยงของอร่อยนะคะ! ”

“ก็ได้ค่ะ ถ้าอย่างนั้น”

เธอไม่ได้ตอบตกลงเพราะเห็นแก่กินหรอก

ก็แค่ตั้งใจจะช่วยสอนให้อยู่แล้ว จริงๆ นะ

ในขณะที่เธอกับทิลเลียน่ากำลังสนทนากันต่ออีกหลายประโยค กลุ่มคุณหนูริมหน้าต่างก็เดินเข้ามาใกล้พวกเราตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้

“คุณหนูลอมบาร์เดีย”

เมฟ คาโพเลีย หญิงสาวที่เมื่อครู่ก้าวเท้าออกมากล่าวทักทายหัวหน้านางกำนัลอิมพีกร้านั่นเอง

ตระกูลคาโพเลียเป็นหนึ่งในตระกูลที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน ตระกูลของนางยังเป็นสมาชิกสภาขุนนางอีกด้วย

และล่าสุดมานี้คุณหญิงคาโพเลียก็เริ่มสนิทสนมกับจักรพรรดินีราวีนี่ เรียกได้ว่าพวกเขากลายเป็นตระกูลที่เริ่มเข้ามามีบทบาทและอิทธิพลในแวดวงสังคม

“อย่ามัวแต่อยู่ตรงนั้นเลยค่ะ มาสนทนากับพวกเราทางด้านนี้สิคะ”

เมื่อครู่นี้ยังระแวงไม่ชอบขี้หน้าเธออยู่เลยไม่ใช่หรือไง

“ริมหน้าต่างแสงแดดส่องเข้ามาอบอุ่นมากเลยนะคะ”

เมฟ คาโพเลีย ไม่แม้แต่จะเหลือบมองทิลเลียน่า นางเมินเฉยตัดทิลเลียน่าออกจากวงสนทนา

เธอเหลือบมองทิลเลียน่าเล็กน้อยทิลเลียน่าเพียงแค่ยิ้มกระอักกระอ่วนใจ หลุบตาก้มหน้ามองโต๊ะว่างเปล่าเท่านั้น

ถึงแม้จะแสร้งทำเป็นไม่รู้สึกอะไร แต่เป็นไปไม่ได้เลยที่จะไม่รู้สึกอะไร

เธอส่งยิ้มให้เมฟ คาโพเลีย ก่อนจะพูดขึ้น

“ไม่เป็นไรค่ะ”

“…คะ”

คุณหนูคาโพเลียมีสีหน้าตกใจจริงๆ

คงคิดว่าเธอจะลุกขึ้นจากที่นั่งเดินเข้าไปรวมกลุ่มกับพวกนางในทันทีละมั้ง

ถึงแม้เธอจะไม่มีประสบการณ์ในแวดวงสังคมเท่าไหร่ แต่เธอไม่ใช่คนใสซื่อขนาดนั้นหรอกนะ

ต่อให้เธอทิ้งทิลเลียน่าแล้วไปรวมกลุ่มกับทางฝั่งนั้น เธอก็ไม่มีทางแทรกตัวเข้าไปอยู่ในกลุ่มคุณหนูที่รู้จักฐานะและสนิทสนมกันมาตั้งแต่เด็กได้อยู่แล้ว

“พอดีไม่สบายง่ายน่ะค่ะ นั่งตรงนี้น่าจะดีกว่า”

จะไม่สบายง่ายจริงๆ ได้ยังไง

เอสทีร่าของเธอพร่ำส่งสมุนไพรที่ดีต่อร่างกายมาให้มากตั้งเท่าไหร่

แต่การปฏิเสธอ้อมๆ ด้วยวิธีนี้ มันเป็นวิธีสนทนาที่พวกชนชั้นสูงเขาใช้กัน

เหมือนอย่างที่เมื่อครู่นี้คุณหนูคาโพเลียใช้ ‘แสงแดด’ มาเป็นข้ออ้างยังไงล่ะ

“ตายจริง คงไม่ใช่โรคร้ายแรงนะคะ”

บนใบหน้าของคุณหนูคาโพเลียที่กล่าวเช่นนั้น เขียนไว้อย่างชัดเจนว่า ‘ทรมานป่วยเป็นไข้สักสัปดาห์ แล้วก็ทำงานเลี้ยงเปิดตัวล่มไปเสีย!’

แต่เธอแสร้งทำเป็นเหมือนคนที่สังเกตความนัยไม่ออก ยิ้มหวานในขณะที่ตอบกลับไป

“ขอบคุณที่เป็นห่วงนะคะ คุณหนูคาทารีนา”

พอเธอจงใจเรียกชื่อผิด มุมปากของคุณหนูคาโพเลียที่ยกยิ้มอยู่นั่นก็กระตุกในทันที

เด็กน้อยเอ๋ย คิดจะเอาชนะพี่สาวคนนี้ ยังอีกไกลนะจ๊ะ

เธออาจจะเพิ่งเข้าสู่แวดวงสังคมเป็นครั้งแรกก็จริง แต่ไม่ได้เพิ่งอายุ 12 ปีเป็นครั้งแรกเสียหน่อย

* * *

แคทเธอรีนเดินเข้ามาแจ้งข่าวกับเฟเรสที่กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ในสวน

“เจ้าชาย มีแขกมาพบเพคะ”

“ข้าสั่งแล้วไม่ใช่หรือว่าวังโฟอิรัคไม่ต้อนรับแขกสักระยะ”

เฟเรสต้องรับมือกับผู้คนที่จักรพรรดินีเที่ยวส่งมาแทบทุกวี่ทุกวัน เสียงของเขาจึงเย็นชาเป็นอย่างมาก

“ลองพบดูสักครั้งเถอะเพคะ”

คำตอบที่ไม่สมกับเป็นแคทเธอรีนเลยแม้แต่น้อย ทำให้เฟเรสละสายตาจากหนังสือ แล้วเงยหน้าขึ้นมองนาง

“แขกที่ว่าคือใครกัน”

“หัวหน้านางกำนัลประจำพระราชวัง พอนต้า อิมพีกร้าค่ะ”

ตอนนี้เฟเรสเริ่มเข้าใจแล้วว่า ในพระราชวังแห่งนี้ ใครเป็นคนของจักรพรรดินี ใครเป็นคนของจักรพรรดิ

ในบรรดาคนเหล่านั้น หัวหน้านางกำนัลพอนต้า อิมพีกร้า เป็นหนึ่งในคนที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามกับจักรพรรดินี

“ให้เข้ามาได้”

ไม่นานหลังจากนั้น พอนต้า อิมพีกร้าก็ใช้ไม้เท้าพยุงร่างชราเดินเข้ามา ก่อนจะถวายบังคมด้วยความนอบน้อม

และหญิงชราก็เอาแต่มองเฟเรสโดยไม่พูดอะไรอยู่พักใหญ่

ราวกับนึกถึงใครบางคนที่นางแสนจะอาลัยผ่านใบหน้าของเฟเรส

และในที่สุดหัวหน้านางกำนัลพอนต้า อิมพีกร้า ก็เปิดปากพูดราวกับตัดสินใจแน่วแน่แล้ว

“หม่อมฉันขอบังอาจยื่นขอเสนอให้แก่เจ้าชายลำดับที่สองเพคะ”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+