เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล 145.1

Now you are reading เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล Chapter 145.1 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 145

รถม้าออกเดินทางจากพระราชวัง เพียงไม่นานก็ข้ามผ่านเขตแดนภายใต้การปกครองขององค์จักรพรรดิ และมุ่งหน้าสู่เขตแดนทางเหนือ

เฟเรสเหม่อมองทัศนียภาพนอกหน้าต่างที่เคลื่อนตัวผ่านไปอย่างรวดเร็ว ขณะที่ตกอยู่ในภวังค์ความคิด

‘อะไรคือเหตุผลที่ร้านค้าเพลเลสรวบรวมต้นทรีบ้าเอาไว้กัน’

คำถามนี้ยังคงค้างเติ่งไม่ยอมหลุดไปจากสมองของเขาในช่วงระยะหลังมานี่

หรือจะรวบรวมไม้พวกนั้นเอาไว้โดยเล็งโครงการพัฒนาตะวันตกของจักรพรรดินีเหมือนกับเขาหรือเปล่า

แต่จะคิดแบบนั้นก็ไม่ได้ เพราะร้านค้าเพลเลสเพียงแค่กว้านซื้อไม้เอาไว้อย่างเดียว ไม่ได้ขายมันให้อังเกนัสแม้แต่ต้นเดียว

อีกอย่างจากที่ริกนีเต้สืบมาได้ ร้านค้าเพลเลสเริ่มกว้านซื้อไม้ทรีบ้าจากเขตแดนเหนือมาตั้งแต่หนึ่งปีก่อนหน้านี้แล้ว

เริ่มต้นโดยไม่ก่อให้เกิดข่าวลือ ค่อยๆ ซื้อทีละน้อยไม่ให้เป็นที่สังเกต

ร้ายไปกว่านั้นยังลอบซื้อโดยไม่เปิดเผยว่าผู้ซื้อคือร้านค้าเพลเลสอีกด้วย

หลังจากเก็บมันไว้ในโกดังขนาดใหญ่หลายแห่ง เมื่อมีข่าวลือเกี่ยวกับร้านค้าเพลเลสหลุดออกไป พวกเขาก็เปลี่ยนท่าทีในทันที

ราวกับกำลังรอจังหวะนี้อยู่แล้ว ถึงได้ส่งคนจากภาคกลางไปยังเขตเหนือ แล้วเริ่มลงมือกว้านซื้ออย่างเต็มรูปแบบ

และหนึ่งอาทิตย์ก่อนจะเกิดเหตุดินถล่ม การเคลื่อนไหวทั้งหมดก็หยุดชะงักราวกับโกหก

พวกนั้นหยุดทำการซื้อขาย แล้วเริ่มส่งคนจากร้านค้าเพลเลสกระจายไปทั่วแคมป์ตัดไม้แต่ละแห่งในเขตเหนือ

‘ราวกับรู้อยู่ก่อนแล้วว่าเหตุดินถล่มจะเกิดขึ้นที่ไหน เมื่อไหร่ รูปแบบไหน’

แค่จากรายงานของนักธรณีวิทยาที่เจ้าตระกูลลอมบาร์เดียนำเสนอในการประชุมใหญ่นั่น มันไม่มากพอที่จะคาดการณ์ออกมาได้อย่างแม่นยำขนาดนั้น

‘เครย์ลีบัน เพลเลส’ เจ้าของร้านค้าเพลเลสเขาอยากจะเปิดอกคุยกับคนคนนั้นจริงๆ

อยากถามว่าคนคนนั้นมองโลกใบนี้ด้วยนัยน์ตาแบบไหนกันแน่ ต่อไปวางแผนจะทำอะไรอีกและ ‘ไม่คิดอยากมาเป็นคนของข้าหรือ’

เขารู้ดีว่าเครย์ลีบัน เพลเลสเคยเป็นบุคคลที่สนิทสนมใกล้ชิดกับลอมบาร์เดียแต่หลังจากที่แยกตัวออกมาจากตระกูลลอมบาร์เดียแล้วจัดตั้งร้านค้าเพลเลสขึ้นมา เส้นทางของเครย์ลีบันถือว่าเว้นระยะห่างจากความภักดีที่มีต่อลอมบาร์เดียยิ่ง

เพราะเขาทำได้กระทั่งแย่งชิงเหมืองเพชรไปจากลอมบาร์เดียทั้งดูเหมือนจะไม่ได้สนิทสนมอะไรกับแคลอฮัน ลอมบาร์เดีย ซึ่งเคยเป็นพาร์ตเนอร์ร่วมงานกันอยู่ช่วงหนึ่งขนาดนั้น

ตอนที่ลองครุ่นคิดเกี่ยวกับประเด็นเหล่านี้ก็เข้าใจได้ทันทีว่าคนคนนั้นกำลังเดินไปบนเส้นทางอิสระเป็นเอกเทศ

ความสัมพันธ์เบาบางเสียจนช่วงเวลาที่เคยทำงานอยู่ในลอมบาร์เดียจืดจางลงไปเสียจนแทบจะเลือนหาย สายสัมพันธ์ที่หลงเหลืออยู่ระหว่างเครย์ลีบันกับลอมบาร์เดียก็มีแค่

“ฮัดชิ้ว!”

อยู่ๆ ฟีเรนเทียก็จามเสียงดังขึ้นมาพอดี

ลูกศิษย์เพียงคนเดียวของเครย์ลีบัน เพลเลส คนคนเดียวที่เขายอมให้การอบรมสั่งสอนมาเป็นเวลานาน

“ใครนินทาข้าหรือเปล่าเนี่ย”

เสียงบ่นหงุงหงิง เบ้ปากด้วยความไม่พอใจนั่น ทำให้เฟเรสรีบขยับกายทันที

“ห่มนี่สิ”

เฟเรสถอดผ้าคลุมของตัวเองออก ก่อนจะช่วยคลุมมันเอาไว้บนไหล่ของเทีย พลางเอ่ยขึ้นว่า

“ขอบใจนะ เฟเรส”

หญิงสาวใช้ผ้าคลุมของเขาห่อตัวเองเอาไว้จนเหลือแต่ใบหน้าได้รูปโผล่ออกมายิ้มให้เขา

ตึกตักๆ หัวใจเต้นกระหน่ำผิดจังหวะอย่างไม่อาจห้ามใจได้เพียงแค่เพราะรอยยิ้มเดียว มือที่เอื้อมออกไปช่วยกระชับผ้าคลุมให้ถูกกำแน่นจนเส้นเลือดปูดโปน

เรื่องของร้านค้าเพลเลสที่ยังเหลือค้างอยู่เต็มหัวสมองจนถึงเมื่อครู่นี้ พลันจางหายไปราวกับหิมะละลายเมื่ออยู่ต่อหน้าหญิงสาว

* * *

“ฮัดชิ้ว!”

คันจมูกยุบยิบมาได้สักพักแล้ว สุดท้ายก็จามออกมาจนได้

“ใครนินทาข้าหรือเปล่าเนี่ย”

หรือจะเป็นหวัด แต่หวัดหน้าร้อนเนี่ยนะ ขนาดสุนัขยังไม่เป็นหวัดหน้าร้อนเลยไม่ใช่หรือไง

“ห่มนี่สิ”

เฟเรสถอดเสื้อคลุมที่เขาสวมอยู่ส่งให้เธอ

“ขอบใจนะ เฟเรส”

เธอไม่ปฏิเสธ รับมันมาห่มร่างกายที่เริ่มหนาวขึ้นมาหน่อยๆ ตั้งใจจะอ่านหนังสือไปพลางระหว่างทางแท้ๆ แต่สงสัยคงต้องหลับสักงีบ

จะปล่อยให้เกิดความเสียหายเพราะขบวนเดินทางต้องล่าช้าออกไป เนื่องจากเธอป่วยไม่ได้หรอก

“ทั้งๆ ที่ตั้งใจว่าจะนอนมันริมทาง เพราะยังไงก็ต้องรีบเดินทางไปให้ถึงเขตเหนือให้เร็วที่สุด แต่ข้ากลับมีสภาพแบบนี้เสียได้”

“ถ้าเปลี่ยนทิศทางการเดินทางตอนนี้ละก็ อาจจะเดินทางถึงเขตแดนโบเกลลี่ได้ก่อนพระอาทิตย์ตกดินก็ได้นะ”

เฟเรสรีบพูด

“แต่ถ้าทำแบบนั้นก็เหมือนย้อนกลับไปเสียเวลาอีกหลายวันไม่ใช่เหรอ ข้าไม่เป็นไร แค่หลับสักงีบก็คงดีขึ้นแล้วละ”

“ในบรรดาข้าวของที่พกมาด้วย น่าจะมียาแก้หวัดติดมาด้วย รอสักครู่นะ”

เฟเรสเปิดกล่องใบใหญ่ที่วางอยู่ในมุมหนึ่งของรถม้า

ศีรษะหนักอึ้งจนน่ากลัว ไม่รู้ว่าเป็นหวัดหรือเปล่า

เธอเอนหลังพิงผนังรถม้า เหม่อมองเฟเรสที่กำลังหายาในกล่องด้วยใบหน้าจริงจัง

“เจ้าชายลำดับที่สองเด็กนั่น รู้จักวิธีรับมือกับอารมณ์ของโยบาเนสได้ดีทีเดียว”

หลังกลับมาจากการประชุมใหญ่ ท่านปู่ก็ประเมินเฟเรสออกมาได้แบบนั้น

เงินค่าปรับหนึ่งหมื่นเหรียญทองและแบ่งห้าพันเหรียญทองออกมาใช้เป็นเงินช่วยเหลือเขตแดนเหนือ

เฟเรสช่วยปลอบประโลมความรู้สึกของจักรพรรดิที่ไม่อยากตัดสินโทษอังเกนัสต่อหน้าที่ประชุม ขณะเดียวกันก็ทำให้อังเกนัสต้องสูญเสียเงินก้อนใหญ่จำนวนหนึ่งหมื่นเหรียญทอง

แถมท่าทางที่ดูเป็นห่วงเป็นใยเขตแดนเหนือนั่น ยังมอบความประทับใจให้กับบรรดาขุนนางทั้งหลาย

การขนส่งเสบียงช่วยเหลือของทางราชวงศ์ไปยังเขตเหนือเป็นเรื่องง่ายก็จริง แต่ผลลัพธ์ที่ได้ย่อมหมายถึงเจ้าตัวได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่สำคัญไปในตัว

ว่าแล้วเชียว ฉลาดจริงๆ

ถึงแม้ท่านปู่จะไม่ค่อยชอบใจในการกระทำของเฟเรส ที่จัดการโทษทัณฑ์ให้จบด้วยรูปแบบของเงินชดเชยก็เถอะ แต่เธอไม่สนใจเรื่องนั้นหรอก

เพราะสิ่งที่เธอต้องการก็คือ การทำให้จักรพรรดินีไม่อาจซื้อต้นทรีบ้าจากทางเหนือได้อีกต่อไป และทำลายความสัมพันธ์ระหว่างพวกนั้นกับไอบันทิ้งแต่จู่ๆ ก็กลับรู้สึกสงสัยขึ้นมา

เธอเอ่ยถามเฟเรสที่ในที่สุดก็หากล่องยาเจอ และกำลังรื้อค้นของในกล่อง

“ทำไมถึงเป็นเงินค่าปรับเหรอ เฟเรส”

แกรก!การเคลื่อนไหวของเด็กหนุ่มหยุดชะงัก ขวดแก้วที่ใส่ยาอยู่ข้างในเกิดเสียงดังกระทบกันเล็กน้อย

“เพราะดูเหมือนว่าช่วงนี้จักรพรรดินีจะใช้เงินไปกับโครงการพัฒนาตะวันตกค่อนข้างมากน่ะ อยากให้ใช้เงินให้หมดก็เลยทำแบบนั้น”

“อืมม ว่าแล้วเชียว เป็นอย่างนั้นนี่เอง”

และคนที่รีดไถดูดเงินไปจากจักรพรรดินีก็คือกลุ่มการค้าโมนัคนั่นแหละ

“ว่าแล้วเชียวเฟเรส เจ้าฉลาดมาก”

การดิ้นรนด้วยตัวเอง ตะเกียกตะกายจากโคลนตมขึ้นไปเป็นองค์รัชทายาทได้ ย่อมไม่ใช่เรื่องที่ใครๆ ก็ทำได้อยู่แล้วนี่นะ

“…ขอบใจ”

เฟเรสยิ้มเล็กน้อยด้วยความเขินอายพลางตอบเช่นนั้น ก่อนจะปิดกล่องยาแล้วเอ่ยขึ้นว่า

“ดูเหมือนยาแก้หวัดจะเก็บไว้ที่รถม้าคันอื่น รอก่อนนะ”

เฟเรสเปิดหน้าต่างรถม้าออกทันทีเขาตั้งใจจะเรียกอัศวินมาสั่งให้หยุดขบวน

เธอรีบพูดด้วยความร้อนรน

“ไม่ ยาเอาไว้ค่อยกินทีหลัง…”

“ไม่ได้” เฟเรสส่ายศีรษะยืนกรานอย่างหนักแน่นไม่สมกับเป็นเขาเลย

“ยาต้องรีบกินถึงจะได้ผลดี” และหลังมือของเฟเรสก็ยื่นออกมาทาบลงบนหน้าผากของเธอ

“ตัวร้อนนิดหน่อย” เฟเรสพูดเช่นนั้น แล้วเรียกอัศวินทันที

“มีเรื่องอะไรหรือพ่ะย่ะค่ะเจ้าชาย”

“หยุดขบวน”

คำสั่งของเฟเรสทำให้รถม้าหยุดเคลื่อนตัวทันที

“เพราะข้าแท้ๆ …”

“ยังไงก็ได้เวลาพักพอดี อย่าใส่ใจเลย เทีย ข้าเองก็จะถือโอกาสนี้ไปคุยกับพวกกองกำลังอัศวินเสียหน่อย เดี๋ยวมานะ”

“…ขอบใจ” คราวนี้เป็นฝ่ายเธอบ้างที่ต้องขอบคุณเขา

เฟเรสมองเธอยิ้มๆ เป็นครั้งสุดท้าย แล้วเปิดประตูรถม้าก้าวออกไปข้างนอก

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล 145.1

Now you are reading เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล Chapter 145.1 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 145

รถม้าออกเดินทางจากพระราชวัง เพียงไม่นานก็ข้ามผ่านเขตแดนภายใต้การปกครองขององค์จักรพรรดิ และมุ่งหน้าสู่เขตแดนทางเหนือ

เฟเรสเหม่อมองทัศนียภาพนอกหน้าต่างที่เคลื่อนตัวผ่านไปอย่างรวดเร็ว ขณะที่ตกอยู่ในภวังค์ความคิด

‘อะไรคือเหตุผลที่ร้านค้าเพลเลสรวบรวมต้นทรีบ้าเอาไว้กัน’

คำถามนี้ยังคงค้างเติ่งไม่ยอมหลุดไปจากสมองของเขาในช่วงระยะหลังมานี่

หรือจะรวบรวมไม้พวกนั้นเอาไว้โดยเล็งโครงการพัฒนาตะวันตกของจักรพรรดินีเหมือนกับเขาหรือเปล่า

แต่จะคิดแบบนั้นก็ไม่ได้ เพราะร้านค้าเพลเลสเพียงแค่กว้านซื้อไม้เอาไว้อย่างเดียว ไม่ได้ขายมันให้อังเกนัสแม้แต่ต้นเดียว

อีกอย่างจากที่ริกนีเต้สืบมาได้ ร้านค้าเพลเลสเริ่มกว้านซื้อไม้ทรีบ้าจากเขตแดนเหนือมาตั้งแต่หนึ่งปีก่อนหน้านี้แล้ว

เริ่มต้นโดยไม่ก่อให้เกิดข่าวลือ ค่อยๆ ซื้อทีละน้อยไม่ให้เป็นที่สังเกต

ร้ายไปกว่านั้นยังลอบซื้อโดยไม่เปิดเผยว่าผู้ซื้อคือร้านค้าเพลเลสอีกด้วย

หลังจากเก็บมันไว้ในโกดังขนาดใหญ่หลายแห่ง เมื่อมีข่าวลือเกี่ยวกับร้านค้าเพลเลสหลุดออกไป พวกเขาก็เปลี่ยนท่าทีในทันที

ราวกับกำลังรอจังหวะนี้อยู่แล้ว ถึงได้ส่งคนจากภาคกลางไปยังเขตเหนือ แล้วเริ่มลงมือกว้านซื้ออย่างเต็มรูปแบบ

และหนึ่งอาทิตย์ก่อนจะเกิดเหตุดินถล่ม การเคลื่อนไหวทั้งหมดก็หยุดชะงักราวกับโกหก

พวกนั้นหยุดทำการซื้อขาย แล้วเริ่มส่งคนจากร้านค้าเพลเลสกระจายไปทั่วแคมป์ตัดไม้แต่ละแห่งในเขตเหนือ

‘ราวกับรู้อยู่ก่อนแล้วว่าเหตุดินถล่มจะเกิดขึ้นที่ไหน เมื่อไหร่ รูปแบบไหน’

แค่จากรายงานของนักธรณีวิทยาที่เจ้าตระกูลลอมบาร์เดียนำเสนอในการประชุมใหญ่นั่น มันไม่มากพอที่จะคาดการณ์ออกมาได้อย่างแม่นยำขนาดนั้น

‘เครย์ลีบัน เพลเลส’ เจ้าของร้านค้าเพลเลสเขาอยากจะเปิดอกคุยกับคนคนนั้นจริงๆ

อยากถามว่าคนคนนั้นมองโลกใบนี้ด้วยนัยน์ตาแบบไหนกันแน่ ต่อไปวางแผนจะทำอะไรอีกและ ‘ไม่คิดอยากมาเป็นคนของข้าหรือ’

เขารู้ดีว่าเครย์ลีบัน เพลเลสเคยเป็นบุคคลที่สนิทสนมใกล้ชิดกับลอมบาร์เดียแต่หลังจากที่แยกตัวออกมาจากตระกูลลอมบาร์เดียแล้วจัดตั้งร้านค้าเพลเลสขึ้นมา เส้นทางของเครย์ลีบันถือว่าเว้นระยะห่างจากความภักดีที่มีต่อลอมบาร์เดียยิ่ง

เพราะเขาทำได้กระทั่งแย่งชิงเหมืองเพชรไปจากลอมบาร์เดียทั้งดูเหมือนจะไม่ได้สนิทสนมอะไรกับแคลอฮัน ลอมบาร์เดีย ซึ่งเคยเป็นพาร์ตเนอร์ร่วมงานกันอยู่ช่วงหนึ่งขนาดนั้น

ตอนที่ลองครุ่นคิดเกี่ยวกับประเด็นเหล่านี้ก็เข้าใจได้ทันทีว่าคนคนนั้นกำลังเดินไปบนเส้นทางอิสระเป็นเอกเทศ

ความสัมพันธ์เบาบางเสียจนช่วงเวลาที่เคยทำงานอยู่ในลอมบาร์เดียจืดจางลงไปเสียจนแทบจะเลือนหาย สายสัมพันธ์ที่หลงเหลืออยู่ระหว่างเครย์ลีบันกับลอมบาร์เดียก็มีแค่

“ฮัดชิ้ว!”

อยู่ๆ ฟีเรนเทียก็จามเสียงดังขึ้นมาพอดี

ลูกศิษย์เพียงคนเดียวของเครย์ลีบัน เพลเลส คนคนเดียวที่เขายอมให้การอบรมสั่งสอนมาเป็นเวลานาน

“ใครนินทาข้าหรือเปล่าเนี่ย”

เสียงบ่นหงุงหงิง เบ้ปากด้วยความไม่พอใจนั่น ทำให้เฟเรสรีบขยับกายทันที

“ห่มนี่สิ”

เฟเรสถอดผ้าคลุมของตัวเองออก ก่อนจะช่วยคลุมมันเอาไว้บนไหล่ของเทีย พลางเอ่ยขึ้นว่า

“ขอบใจนะ เฟเรส”

หญิงสาวใช้ผ้าคลุมของเขาห่อตัวเองเอาไว้จนเหลือแต่ใบหน้าได้รูปโผล่ออกมายิ้มให้เขา

ตึกตักๆ หัวใจเต้นกระหน่ำผิดจังหวะอย่างไม่อาจห้ามใจได้เพียงแค่เพราะรอยยิ้มเดียว มือที่เอื้อมออกไปช่วยกระชับผ้าคลุมให้ถูกกำแน่นจนเส้นเลือดปูดโปน

เรื่องของร้านค้าเพลเลสที่ยังเหลือค้างอยู่เต็มหัวสมองจนถึงเมื่อครู่นี้ พลันจางหายไปราวกับหิมะละลายเมื่ออยู่ต่อหน้าหญิงสาว

* * *

“ฮัดชิ้ว!”

คันจมูกยุบยิบมาได้สักพักแล้ว สุดท้ายก็จามออกมาจนได้

“ใครนินทาข้าหรือเปล่าเนี่ย”

หรือจะเป็นหวัด แต่หวัดหน้าร้อนเนี่ยนะ ขนาดสุนัขยังไม่เป็นหวัดหน้าร้อนเลยไม่ใช่หรือไง

“ห่มนี่สิ”

เฟเรสถอดเสื้อคลุมที่เขาสวมอยู่ส่งให้เธอ

“ขอบใจนะ เฟเรส”

เธอไม่ปฏิเสธ รับมันมาห่มร่างกายที่เริ่มหนาวขึ้นมาหน่อยๆ ตั้งใจจะอ่านหนังสือไปพลางระหว่างทางแท้ๆ แต่สงสัยคงต้องหลับสักงีบ

จะปล่อยให้เกิดความเสียหายเพราะขบวนเดินทางต้องล่าช้าออกไป เนื่องจากเธอป่วยไม่ได้หรอก

“ทั้งๆ ที่ตั้งใจว่าจะนอนมันริมทาง เพราะยังไงก็ต้องรีบเดินทางไปให้ถึงเขตเหนือให้เร็วที่สุด แต่ข้ากลับมีสภาพแบบนี้เสียได้”

“ถ้าเปลี่ยนทิศทางการเดินทางตอนนี้ละก็ อาจจะเดินทางถึงเขตแดนโบเกลลี่ได้ก่อนพระอาทิตย์ตกดินก็ได้นะ”

เฟเรสรีบพูด

“แต่ถ้าทำแบบนั้นก็เหมือนย้อนกลับไปเสียเวลาอีกหลายวันไม่ใช่เหรอ ข้าไม่เป็นไร แค่หลับสักงีบก็คงดีขึ้นแล้วละ”

“ในบรรดาข้าวของที่พกมาด้วย น่าจะมียาแก้หวัดติดมาด้วย รอสักครู่นะ”

เฟเรสเปิดกล่องใบใหญ่ที่วางอยู่ในมุมหนึ่งของรถม้า

ศีรษะหนักอึ้งจนน่ากลัว ไม่รู้ว่าเป็นหวัดหรือเปล่า

เธอเอนหลังพิงผนังรถม้า เหม่อมองเฟเรสที่กำลังหายาในกล่องด้วยใบหน้าจริงจัง

“เจ้าชายลำดับที่สองเด็กนั่น รู้จักวิธีรับมือกับอารมณ์ของโยบาเนสได้ดีทีเดียว”

หลังกลับมาจากการประชุมใหญ่ ท่านปู่ก็ประเมินเฟเรสออกมาได้แบบนั้น

เงินค่าปรับหนึ่งหมื่นเหรียญทองและแบ่งห้าพันเหรียญทองออกมาใช้เป็นเงินช่วยเหลือเขตแดนเหนือ

เฟเรสช่วยปลอบประโลมความรู้สึกของจักรพรรดิที่ไม่อยากตัดสินโทษอังเกนัสต่อหน้าที่ประชุม ขณะเดียวกันก็ทำให้อังเกนัสต้องสูญเสียเงินก้อนใหญ่จำนวนหนึ่งหมื่นเหรียญทอง

แถมท่าทางที่ดูเป็นห่วงเป็นใยเขตแดนเหนือนั่น ยังมอบความประทับใจให้กับบรรดาขุนนางทั้งหลาย

การขนส่งเสบียงช่วยเหลือของทางราชวงศ์ไปยังเขตเหนือเป็นเรื่องง่ายก็จริง แต่ผลลัพธ์ที่ได้ย่อมหมายถึงเจ้าตัวได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่สำคัญไปในตัว

ว่าแล้วเชียว ฉลาดจริงๆ

ถึงแม้ท่านปู่จะไม่ค่อยชอบใจในการกระทำของเฟเรส ที่จัดการโทษทัณฑ์ให้จบด้วยรูปแบบของเงินชดเชยก็เถอะ แต่เธอไม่สนใจเรื่องนั้นหรอก

เพราะสิ่งที่เธอต้องการก็คือ การทำให้จักรพรรดินีไม่อาจซื้อต้นทรีบ้าจากทางเหนือได้อีกต่อไป และทำลายความสัมพันธ์ระหว่างพวกนั้นกับไอบันทิ้งแต่จู่ๆ ก็กลับรู้สึกสงสัยขึ้นมา

เธอเอ่ยถามเฟเรสที่ในที่สุดก็หากล่องยาเจอ และกำลังรื้อค้นของในกล่อง

“ทำไมถึงเป็นเงินค่าปรับเหรอ เฟเรส”

แกรก!การเคลื่อนไหวของเด็กหนุ่มหยุดชะงัก ขวดแก้วที่ใส่ยาอยู่ข้างในเกิดเสียงดังกระทบกันเล็กน้อย

“เพราะดูเหมือนว่าช่วงนี้จักรพรรดินีจะใช้เงินไปกับโครงการพัฒนาตะวันตกค่อนข้างมากน่ะ อยากให้ใช้เงินให้หมดก็เลยทำแบบนั้น”

“อืมม ว่าแล้วเชียว เป็นอย่างนั้นนี่เอง”

และคนที่รีดไถดูดเงินไปจากจักรพรรดินีก็คือกลุ่มการค้าโมนัคนั่นแหละ

“ว่าแล้วเชียวเฟเรส เจ้าฉลาดมาก”

การดิ้นรนด้วยตัวเอง ตะเกียกตะกายจากโคลนตมขึ้นไปเป็นองค์รัชทายาทได้ ย่อมไม่ใช่เรื่องที่ใครๆ ก็ทำได้อยู่แล้วนี่นะ

“…ขอบใจ”

เฟเรสยิ้มเล็กน้อยด้วยความเขินอายพลางตอบเช่นนั้น ก่อนจะปิดกล่องยาแล้วเอ่ยขึ้นว่า

“ดูเหมือนยาแก้หวัดจะเก็บไว้ที่รถม้าคันอื่น รอก่อนนะ”

เฟเรสเปิดหน้าต่างรถม้าออกทันทีเขาตั้งใจจะเรียกอัศวินมาสั่งให้หยุดขบวน

เธอรีบพูดด้วยความร้อนรน

“ไม่ ยาเอาไว้ค่อยกินทีหลัง…”

“ไม่ได้” เฟเรสส่ายศีรษะยืนกรานอย่างหนักแน่นไม่สมกับเป็นเขาเลย

“ยาต้องรีบกินถึงจะได้ผลดี” และหลังมือของเฟเรสก็ยื่นออกมาทาบลงบนหน้าผากของเธอ

“ตัวร้อนนิดหน่อย” เฟเรสพูดเช่นนั้น แล้วเรียกอัศวินทันที

“มีเรื่องอะไรหรือพ่ะย่ะค่ะเจ้าชาย”

“หยุดขบวน”

คำสั่งของเฟเรสทำให้รถม้าหยุดเคลื่อนตัวทันที

“เพราะข้าแท้ๆ …”

“ยังไงก็ได้เวลาพักพอดี อย่าใส่ใจเลย เทีย ข้าเองก็จะถือโอกาสนี้ไปคุยกับพวกกองกำลังอัศวินเสียหน่อย เดี๋ยวมานะ”

“…ขอบใจ” คราวนี้เป็นฝ่ายเธอบ้างที่ต้องขอบคุณเขา

เฟเรสมองเธอยิ้มๆ เป็นครั้งสุดท้าย แล้วเปิดประตูรถม้าก้าวออกไปข้างนอก

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+