เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล 98.1

Now you are reading เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล Chapter 98.1 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

วันนี้เป็นวันที่นัดหมายไว้กับเบ๊ต

 

เธอออกเดินทางจากคฤหาสน์ลอมบาร์เดียยามบ่ายคล้อย เมื่อพระอาทิตย์เริ่มมืดสลัวก็จะเดินทางไปถึงคาราเมล อเวนิวพอดี

 

ร้านที่ผู้คนแวะเวียนกันมามากมายตลอดทั้งวันปิดไฟเงียบสนิท ไร้สัญญาณผู้คน

 

กริ๊ง

 

เธอเปิดประตูเข้าไป เสียงกระดิ่งที่ห้อยไว้ที่ประตูร้านส่งเสียงดังกังวานไปทั่วร้านค้าว่างเปล่า

 

พอเดินเข้าไปภายในร้านที่จัดเก็บอย่างเป็นระเบียบ เบ๊ตก็เดินออกมาจากข้างในครัว

 

“สวัสดีค่ะ เบ๊ต”

 

“…”

 

แต่กลับไม่มีคำทักทายดังกลับมา

 

เบ๊ตเพียงแค่ช่วยเลื่อนเก้าอี้ให้เธอนั่งด้วยใบหน้านิ่ง

 

เป็นการกระทำที่หากเป็นชนชั้นสูงคนอื่นคงจะอารมณ์เสียมากพอตัว แต่เธอเพียงแค่ยักไหล่ไม่ยี่หระ ก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ตัวนั้น

 

แต่ในมือของเบ๊ตกลับว่างเปล่าเสียได้

 

“ไม่มีเอกสารอะไรเลยเหรอคะเนี่ย”

 

แค่ถามออกไปด้วยความอยากรู้เฉยๆ เท่านั้นเอง

 

เบ๊ตขมวดคิ้วจนหน้าผากย่น ดูเหมือนเธอจะเผลอทำให้เขารู้สึกเสียศักดิ์ศรีเข้าเสียแล้ว

 

“ข้ามีสมองมากพอที่จะเก็บข้อมูลเอาไว้ข้างในนี้ได้ครับ”

 

“อืม ไม่ได้หมายความแบบนั้นสักหน่อย…”

 

ให้ตายเถอะ พยศจริงๆ

 

แต่ยิ่งเขาเป็นแบบนี้ ก็ยิ่งทำให้เธอรู้สึกสนใจ

 

ถึงแม้จะสืบรู้ข้อมูลเกี่ยวกับตัวเธอไปมากมาย แต่เบ๊ตก็ยังไม่คิดที่จะประจบประแจงเธอแต่อย่างใด ภาพลักษณ์เช่นนี้ของเขาทำให้เธอถูกใจมากจริงๆ

 

“งั้นมาลองเริ่มกันเลยดีมั้ยคะ”

 

เธอปรบมือเสียงดังหนึ่งครั้งพลางพูดขึ้น

 

“ฮู่ว…”

 

เบ๊ตถอนหายใจเสียงแผ่ว ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองสบตาเธอตรงๆ

 

“ฟีเรนเทีย ลอมบาร์เดีย ปัจจุบันอายุ 11 ปี บุตรสาวคนเดียวของแคลอฮัน ลอมบาร์เดีย ผู้เป็นบุตรชายคนที่สามของรูลลัก ลอมบาร์เดีย”

 

น้ำเสียงราบเรียบน่าเบื่อยามร่ายข้อมูลออกมานั้นราวกับเขาไม่ได้สืบเรื่องเกี่ยวกับตัวเธอที่นั่งอยู่ตรงหน้า แต่เป็นแค่เรื่องของใครสักคน

 

เหมือนกับวันนั้นที่เธอจ้างงานเขาเรื่องข้อมูลเกี่ยวกับเฟเรส

 

“นอกจากเรื่องที่ชาติกำเนิดของมารดาเป็นเพียงคนเร่ร่อนจากแดนไกล ที่อยู่มาวันหนึ่งก็เดินทางเข้ามายังเขตแดนลอมบาร์เดีย ก็ไม่มีพื้นหลังในวัยเด็กอะไรเป็นพิเศษ ถึงแม้จะมีนิสัยทึ่มทื่อแตกต่างจากสายเลือดลอมบาร์เดียคนอื่นๆ ก็เถอะ”

 

ชั่วขณะ แววตาสีอำพันของเบ๊ตที่กำลังมองหน้าเธอเหมือนจะสว่างวาบเป็นประกายขึ้นมา

 

“เริ่มตั้งแต่ช่วงหลังวันเกิดอายุครบ 8 ขวบ ก็ได้รับการประเมินว่าเป็นอัจฉริยะของลอมบาร์เดีย ดูมีแววมากที่สุดในบรรดาทายาทรุ่น 3 และได้รับการชี้แนะจากเครย์ลีบัน เพลเลสซึ่งรับหน้าที่สอนหนังสือในตอนนั้นเป็นการส่วนตัว”

 

“อืม ใช่แล้วค่ะ”

 

ว่ากันตามตรง ข้อมูลจนถึงเรื่องนี้เธอไม่แปลกใจอะไรนัก

 

ข้อมูลระดับนี้แค่เค้นเอาจากลูกจ้างในลอมบาร์เดีย ไม่ว่าใครก็สามารถสืบรู้ได้ทั้งนั้นอยู่แล้ว

 

แน่นอนว่าผู้คนที่ทำงานในลอมบาร์เดียเป็นพวกปากหนัก การสืบข้อมูลคงจะไม่ง่ายนัก แต่ท่าทางเฉื่อยชาของเธอดูเหมือนจะไปกระตุ้นเบ๊ตเข้า

 

“และตั้งแต่ตอนนั้นฟีเรนเทีย ลอมบาร์เดียกับผู้คนรอบตัวก็เริ่มเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว แน่นอนว่าได้รับความรักจากเจ้าตระกูลอย่างรูลลักเป็นอย่างมาก ส่วนบิดาอย่างแคลอฮัน ลอมบาร์เดียเองก็เริ่มมีทิศทางการเดินที่แตกต่างไปจากก่อนหน้านั้นอย่างสิ้นเชิง”

 

น้ำเสียงของเบ๊ตเริ่มกดต่ำลงเรื่อยๆ

 

“ชีวิตของแคลอฮัน ลอมบาร์เดียผู้ใช้ชีวิตเก็บเนื้อเก็บตัวมาตลอดระยะเวลาสามสิบกว่าปี จู่ๆ ก็จับมือร่วมทำธุรกิจกับตระกูลอังเกนัส สร้างกิจการผ้าฝ้ายโคโรอีขึ้นมา และชักนำจนกิจการประสบความสำเร็จได้เป็นอย่างดี หลังจากนั้นไม่กี่เดือนก็ได้คิดค้นกิจการเสื้อผ้ารูปแบบใหม่ที่เรียกว่า ‘เสื้อผ้าสำเร็จรูป’ ขึ้นมาด้วยครับ และจนถึงปัจจุบันร้านขายเสื้อผ้าแคลอฮันก็ได้คิดค้นรูปแบบต่างๆ ที่ไม่เคยมีมาก่อนขึ้นมา ซึ่งมันก็ประสบความสำเร็จทุกอย่างเสียด้วย ตรงจุดนี้ทำให้รู้สึกสงสัยขึ้นมาครับ ‘สุดท้ายทั้งหมดนี่เป็นความสามารถของแคลอฮัน ลอมบาร์เดียจริงหรือ’ ”

 

“แล้วเบ๊ตคิดว่ายังไงล่ะคะ”

 

“…อาจจะฟังดูบ้าแต่ว่า”

 

เบ๊ตกัดฟันกรอดก่อนจะตอบ

 

“ข้าคิดว่าทั้งหมดเป็นผลงานของคุณหนูฟีเรนเทีย ลอมบาร์เดีย”

 

เธอถามในขณะที่พยายามอดกลั้นเสียงหัวเราะไม่ให้หลุดออกไปจากปาก

 

“ไม่เกินจริงไปหน่อยเหรอคะ ข้าเป็นเด็กตัวเล็กๆ ที่เพิ่งจะอายุได้แค่ 11 ปีเองนะคะ”

 

“ก็นั่นน่ะสิ เพราะอย่างนั้นถึงได้บอกว่าฟังดูบ้ายังไงล่ะครับ”

 

เบ๊ตกัดฟันพูด เสียงที่ดังออกมาจึงคล้ายเสียงคำรามลอดผ่านไรฟัน

 

“แต่ข้อมูลมันบ่งชี้เช่นนั้นครับ”

 

“พ่อของข้าอาจจะเป็นคนเฉลียวฉลาดเฉยๆ ก็ได้ไม่ใช่เหรอคะ ที่ผ่านมาก็แค่ไม่มีโอกาสเท่านั้นเอง”

 

“ไม่ครับ”

 

เบ๊ตส่ายหน้าหนักแน่น

 

“หากแค่เฉพาะเริ่มกิจการผ้าฝ้ายโคโรอีและกิจการเสื้อผ้าสำเร็จรูปละก็ อาจจะเริ่มต้นเช่นนั้นก็เป็นไปได้ครับ แต่เส้นทางของร้านขายเสื้อผ้าสำเร็จรูปแคลอฮันหลังจากนั้น อยู่นอกเหนือความสามารถของแคลอฮัน ลอมบาร์เดียอย่างแน่นอนครับ”

 

“ตัวอย่างเช่น?”

 

“การขยายสินค้าจากเสื้อผ้าผู้หญิงไปยังเสื้อผ้าผู้ชายและเสื้อผ้าเด็ก และไลน์พรีเมียมอย่าง ‘จำนวนจำกัด’ ที่เพิ่งเปิดตัวใหม่เมื่อไม่นานมานี้ยังไงล่ะครับ หากเป็นแคลอฮัน ลอมบาร์เดีย แล้วละก็ คงจะทุ่มแรงกับการทำให้กิจการเสื้อผ้าสำเร็จรูปมั่นคงมากยิ่งขึ้นเสียมากกว่าคนฉลาด ‘ปกติ’ ต้องทำเช่นนั้นอยู่แล้วนี่ครับ”

 

งั้นหมายความว่าเธอผิดปกติหรือไงยะ

 

“การเคลื่อนไหวลงมืออย่างเฉียบขาดและเสี่ยงอันตรายแบบนั้น มีแต่คนที่มีเซ้นส์ดีเยี่ยม หรือไม่ก็อ่านภาพรวมทุกอย่างออกเท่านั้นแหละครับ”

 

มาถึงจุดนี้ เธอเริ่มมองเบ๊ตด้วยสายตาเลือดเย็น

 

“แต่ท่านพ่อก็ยังมีเครย์ลีบันอยู่ด้วยไม่ใช่เหรอคะ”

 

เบ๊ตพยักหน้าให้กับคำพูดของเธอ

 

“ครับ แต่จะบอกว่าเป็นผลงานของแค่เครย์ลีบัน เพลเลสคนเดียว ก็คงไม่อาจอธิบายเกี่ยวกับ ‘ยาขี้ผึ้งเอสทีร่า’ ที่เขย่าวงการแพทย์เมื่อหลายปีก่อนได้ใช่มั้ยล่ะครับ”

 

ชิส์ รู้เรื่องนั้นด้วยเหรอเนี่ย เธอหลบสายตาเบ๊ต ลอบเดาะลิ้นเสียงดังจิ๊จ๊ะในลำคอ

 

“เพราะฉะนั้นข้อสรุปของเบ๊ตคืออะไรคะ”

 

“คุณหนูฟีเรนเทีย ลอมบาร์เดียได้รับคำชี้แนะจากเครย์ลีบัน เพลเลส ร่วมทำงานในหลายๆ เรื่องรวมถึงร้านขายเสื้อผ้าแคลอฮัน เป็นคนที่มีความสามารถมากจนไม่จำเป็นต้องคำนึงถึงอายุเลยจริงๆ”

 

อา คิดว่าเครย์ลีบันเป็นคนเสี้ยมสอนเธอนี่เอง

 

ที่จริงหากมองจากอายุของเธอ ก็สมควรแล้วที่จะคิดแบบนั้นแหละนะ

 

“ความสามารถ…”

 

เธอลองครุ่นคิดถึงคำพูดของเบ๊ต

 

ฟังเผินๆ ก็เป็นคำพูดที่ฟังดูดีอยู่หรอก

 

แต่นั่นก็หมายความว่าอนาคตมันไม่แน่นอน

 

และเบ๊ตผู้เป็นเจ้าของ ‘กิลดิ์ข้อมูล’ คนนี้ ไม่มีทางที่จะฝากฝังกิลด์ที่เขาทุ่มเทสร้างขึ้นมา เอาไว้กับโอกาสความเป็นไปได้ของเรื่องอนาคตที่ยังไม่แน่นอนแบบนั้นด้วย

 

เธอตั้งข้อสรุปกับตัวเอง ก่อนจะพูดเป็นการตัดสิน

 

“ดูเหมือนเดิมพันครั้งนี้ ข้าจะเป็นฝ่ายชนะสินะคะเนี่ย”

 

“…ครับ”

 

เบ๊ตถามกลับด้วยใบหน้างุนงง

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล 98.1

Now you are reading เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล Chapter 98.1 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

วันนี้เป็นวันที่นัดหมายไว้กับเบ๊ต

 

เธอออกเดินทางจากคฤหาสน์ลอมบาร์เดียยามบ่ายคล้อย เมื่อพระอาทิตย์เริ่มมืดสลัวก็จะเดินทางไปถึงคาราเมล อเวนิวพอดี

 

ร้านที่ผู้คนแวะเวียนกันมามากมายตลอดทั้งวันปิดไฟเงียบสนิท ไร้สัญญาณผู้คน

 

กริ๊ง

 

เธอเปิดประตูเข้าไป เสียงกระดิ่งที่ห้อยไว้ที่ประตูร้านส่งเสียงดังกังวานไปทั่วร้านค้าว่างเปล่า

 

พอเดินเข้าไปภายในร้านที่จัดเก็บอย่างเป็นระเบียบ เบ๊ตก็เดินออกมาจากข้างในครัว

 

“สวัสดีค่ะ เบ๊ต”

 

“…”

 

แต่กลับไม่มีคำทักทายดังกลับมา

 

เบ๊ตเพียงแค่ช่วยเลื่อนเก้าอี้ให้เธอนั่งด้วยใบหน้านิ่ง

 

เป็นการกระทำที่หากเป็นชนชั้นสูงคนอื่นคงจะอารมณ์เสียมากพอตัว แต่เธอเพียงแค่ยักไหล่ไม่ยี่หระ ก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ตัวนั้น

 

แต่ในมือของเบ๊ตกลับว่างเปล่าเสียได้

 

“ไม่มีเอกสารอะไรเลยเหรอคะเนี่ย”

 

แค่ถามออกไปด้วยความอยากรู้เฉยๆ เท่านั้นเอง

 

เบ๊ตขมวดคิ้วจนหน้าผากย่น ดูเหมือนเธอจะเผลอทำให้เขารู้สึกเสียศักดิ์ศรีเข้าเสียแล้ว

 

“ข้ามีสมองมากพอที่จะเก็บข้อมูลเอาไว้ข้างในนี้ได้ครับ”

 

“อืม ไม่ได้หมายความแบบนั้นสักหน่อย…”

 

ให้ตายเถอะ พยศจริงๆ

 

แต่ยิ่งเขาเป็นแบบนี้ ก็ยิ่งทำให้เธอรู้สึกสนใจ

 

ถึงแม้จะสืบรู้ข้อมูลเกี่ยวกับตัวเธอไปมากมาย แต่เบ๊ตก็ยังไม่คิดที่จะประจบประแจงเธอแต่อย่างใด ภาพลักษณ์เช่นนี้ของเขาทำให้เธอถูกใจมากจริงๆ

 

“งั้นมาลองเริ่มกันเลยดีมั้ยคะ”

 

เธอปรบมือเสียงดังหนึ่งครั้งพลางพูดขึ้น

 

“ฮู่ว…”

 

เบ๊ตถอนหายใจเสียงแผ่ว ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองสบตาเธอตรงๆ

 

“ฟีเรนเทีย ลอมบาร์เดีย ปัจจุบันอายุ 11 ปี บุตรสาวคนเดียวของแคลอฮัน ลอมบาร์เดีย ผู้เป็นบุตรชายคนที่สามของรูลลัก ลอมบาร์เดีย”

 

น้ำเสียงราบเรียบน่าเบื่อยามร่ายข้อมูลออกมานั้นราวกับเขาไม่ได้สืบเรื่องเกี่ยวกับตัวเธอที่นั่งอยู่ตรงหน้า แต่เป็นแค่เรื่องของใครสักคน

 

เหมือนกับวันนั้นที่เธอจ้างงานเขาเรื่องข้อมูลเกี่ยวกับเฟเรส

 

“นอกจากเรื่องที่ชาติกำเนิดของมารดาเป็นเพียงคนเร่ร่อนจากแดนไกล ที่อยู่มาวันหนึ่งก็เดินทางเข้ามายังเขตแดนลอมบาร์เดีย ก็ไม่มีพื้นหลังในวัยเด็กอะไรเป็นพิเศษ ถึงแม้จะมีนิสัยทึ่มทื่อแตกต่างจากสายเลือดลอมบาร์เดียคนอื่นๆ ก็เถอะ”

 

ชั่วขณะ แววตาสีอำพันของเบ๊ตที่กำลังมองหน้าเธอเหมือนจะสว่างวาบเป็นประกายขึ้นมา

 

“เริ่มตั้งแต่ช่วงหลังวันเกิดอายุครบ 8 ขวบ ก็ได้รับการประเมินว่าเป็นอัจฉริยะของลอมบาร์เดีย ดูมีแววมากที่สุดในบรรดาทายาทรุ่น 3 และได้รับการชี้แนะจากเครย์ลีบัน เพลเลสซึ่งรับหน้าที่สอนหนังสือในตอนนั้นเป็นการส่วนตัว”

 

“อืม ใช่แล้วค่ะ”

 

ว่ากันตามตรง ข้อมูลจนถึงเรื่องนี้เธอไม่แปลกใจอะไรนัก

 

ข้อมูลระดับนี้แค่เค้นเอาจากลูกจ้างในลอมบาร์เดีย ไม่ว่าใครก็สามารถสืบรู้ได้ทั้งนั้นอยู่แล้ว

 

แน่นอนว่าผู้คนที่ทำงานในลอมบาร์เดียเป็นพวกปากหนัก การสืบข้อมูลคงจะไม่ง่ายนัก แต่ท่าทางเฉื่อยชาของเธอดูเหมือนจะไปกระตุ้นเบ๊ตเข้า

 

“และตั้งแต่ตอนนั้นฟีเรนเทีย ลอมบาร์เดียกับผู้คนรอบตัวก็เริ่มเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว แน่นอนว่าได้รับความรักจากเจ้าตระกูลอย่างรูลลักเป็นอย่างมาก ส่วนบิดาอย่างแคลอฮัน ลอมบาร์เดียเองก็เริ่มมีทิศทางการเดินที่แตกต่างไปจากก่อนหน้านั้นอย่างสิ้นเชิง”

 

น้ำเสียงของเบ๊ตเริ่มกดต่ำลงเรื่อยๆ

 

“ชีวิตของแคลอฮัน ลอมบาร์เดียผู้ใช้ชีวิตเก็บเนื้อเก็บตัวมาตลอดระยะเวลาสามสิบกว่าปี จู่ๆ ก็จับมือร่วมทำธุรกิจกับตระกูลอังเกนัส สร้างกิจการผ้าฝ้ายโคโรอีขึ้นมา และชักนำจนกิจการประสบความสำเร็จได้เป็นอย่างดี หลังจากนั้นไม่กี่เดือนก็ได้คิดค้นกิจการเสื้อผ้ารูปแบบใหม่ที่เรียกว่า ‘เสื้อผ้าสำเร็จรูป’ ขึ้นมาด้วยครับ และจนถึงปัจจุบันร้านขายเสื้อผ้าแคลอฮันก็ได้คิดค้นรูปแบบต่างๆ ที่ไม่เคยมีมาก่อนขึ้นมา ซึ่งมันก็ประสบความสำเร็จทุกอย่างเสียด้วย ตรงจุดนี้ทำให้รู้สึกสงสัยขึ้นมาครับ ‘สุดท้ายทั้งหมดนี่เป็นความสามารถของแคลอฮัน ลอมบาร์เดียจริงหรือ’ ”

 

“แล้วเบ๊ตคิดว่ายังไงล่ะคะ”

 

“…อาจจะฟังดูบ้าแต่ว่า”

 

เบ๊ตกัดฟันกรอดก่อนจะตอบ

 

“ข้าคิดว่าทั้งหมดเป็นผลงานของคุณหนูฟีเรนเทีย ลอมบาร์เดีย”

 

เธอถามในขณะที่พยายามอดกลั้นเสียงหัวเราะไม่ให้หลุดออกไปจากปาก

 

“ไม่เกินจริงไปหน่อยเหรอคะ ข้าเป็นเด็กตัวเล็กๆ ที่เพิ่งจะอายุได้แค่ 11 ปีเองนะคะ”

 

“ก็นั่นน่ะสิ เพราะอย่างนั้นถึงได้บอกว่าฟังดูบ้ายังไงล่ะครับ”

 

เบ๊ตกัดฟันพูด เสียงที่ดังออกมาจึงคล้ายเสียงคำรามลอดผ่านไรฟัน

 

“แต่ข้อมูลมันบ่งชี้เช่นนั้นครับ”

 

“พ่อของข้าอาจจะเป็นคนเฉลียวฉลาดเฉยๆ ก็ได้ไม่ใช่เหรอคะ ที่ผ่านมาก็แค่ไม่มีโอกาสเท่านั้นเอง”

 

“ไม่ครับ”

 

เบ๊ตส่ายหน้าหนักแน่น

 

“หากแค่เฉพาะเริ่มกิจการผ้าฝ้ายโคโรอีและกิจการเสื้อผ้าสำเร็จรูปละก็ อาจจะเริ่มต้นเช่นนั้นก็เป็นไปได้ครับ แต่เส้นทางของร้านขายเสื้อผ้าสำเร็จรูปแคลอฮันหลังจากนั้น อยู่นอกเหนือความสามารถของแคลอฮัน ลอมบาร์เดียอย่างแน่นอนครับ”

 

“ตัวอย่างเช่น?”

 

“การขยายสินค้าจากเสื้อผ้าผู้หญิงไปยังเสื้อผ้าผู้ชายและเสื้อผ้าเด็ก และไลน์พรีเมียมอย่าง ‘จำนวนจำกัด’ ที่เพิ่งเปิดตัวใหม่เมื่อไม่นานมานี้ยังไงล่ะครับ หากเป็นแคลอฮัน ลอมบาร์เดีย แล้วละก็ คงจะทุ่มแรงกับการทำให้กิจการเสื้อผ้าสำเร็จรูปมั่นคงมากยิ่งขึ้นเสียมากกว่าคนฉลาด ‘ปกติ’ ต้องทำเช่นนั้นอยู่แล้วนี่ครับ”

 

งั้นหมายความว่าเธอผิดปกติหรือไงยะ

 

“การเคลื่อนไหวลงมืออย่างเฉียบขาดและเสี่ยงอันตรายแบบนั้น มีแต่คนที่มีเซ้นส์ดีเยี่ยม หรือไม่ก็อ่านภาพรวมทุกอย่างออกเท่านั้นแหละครับ”

 

มาถึงจุดนี้ เธอเริ่มมองเบ๊ตด้วยสายตาเลือดเย็น

 

“แต่ท่านพ่อก็ยังมีเครย์ลีบันอยู่ด้วยไม่ใช่เหรอคะ”

 

เบ๊ตพยักหน้าให้กับคำพูดของเธอ

 

“ครับ แต่จะบอกว่าเป็นผลงานของแค่เครย์ลีบัน เพลเลสคนเดียว ก็คงไม่อาจอธิบายเกี่ยวกับ ‘ยาขี้ผึ้งเอสทีร่า’ ที่เขย่าวงการแพทย์เมื่อหลายปีก่อนได้ใช่มั้ยล่ะครับ”

 

ชิส์ รู้เรื่องนั้นด้วยเหรอเนี่ย เธอหลบสายตาเบ๊ต ลอบเดาะลิ้นเสียงดังจิ๊จ๊ะในลำคอ

 

“เพราะฉะนั้นข้อสรุปของเบ๊ตคืออะไรคะ”

 

“คุณหนูฟีเรนเทีย ลอมบาร์เดียได้รับคำชี้แนะจากเครย์ลีบัน เพลเลส ร่วมทำงานในหลายๆ เรื่องรวมถึงร้านขายเสื้อผ้าแคลอฮัน เป็นคนที่มีความสามารถมากจนไม่จำเป็นต้องคำนึงถึงอายุเลยจริงๆ”

 

อา คิดว่าเครย์ลีบันเป็นคนเสี้ยมสอนเธอนี่เอง

 

ที่จริงหากมองจากอายุของเธอ ก็สมควรแล้วที่จะคิดแบบนั้นแหละนะ

 

“ความสามารถ…”

 

เธอลองครุ่นคิดถึงคำพูดของเบ๊ต

 

ฟังเผินๆ ก็เป็นคำพูดที่ฟังดูดีอยู่หรอก

 

แต่นั่นก็หมายความว่าอนาคตมันไม่แน่นอน

 

และเบ๊ตผู้เป็นเจ้าของ ‘กิลดิ์ข้อมูล’ คนนี้ ไม่มีทางที่จะฝากฝังกิลด์ที่เขาทุ่มเทสร้างขึ้นมา เอาไว้กับโอกาสความเป็นไปได้ของเรื่องอนาคตที่ยังไม่แน่นอนแบบนั้นด้วย

 

เธอตั้งข้อสรุปกับตัวเอง ก่อนจะพูดเป็นการตัดสิน

 

“ดูเหมือนเดิมพันครั้งนี้ ข้าจะเป็นฝ่ายชนะสินะคะเนี่ย”

 

“…ครับ”

 

เบ๊ตถามกลับด้วยใบหน้างุนงง

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+