เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล 229.1

Now you are reading เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล Chapter 229.1 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เล่ม 6 บทที่ 229.1

ตอนที่ 229

หลังจบการประชุม ดิวอิจ อังเกนัส และอีเดน ครูส ก็ติดตามราวีนีกลับวังจักรพรรดินี

ตุบ

เสียงดิวอิจแข้งขาอ่อนเปลี้ย ทรุดตัวนั่งลงบนโซฟาดังก้องไปทั่วห้อง

“จบ…สิ้นแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

ดิวอิจพึมพำ ดึงทึ้งศีรษะตัวเอง

ไม่เพียงแต่โดนแย่งชิงเขตแดนหนึ่งของอังเกนัสไป แต่สุดท้ายกระทั่งตำแหน่งตัวแทนเขตแดนตะวันตกก็ยังเปลี่ยนมือไปด้วย

“โดนต้มเสียเปื่อย”

ดิวอิจยังคงมึนงงไม่สร่าง

“ร้านค้าเพลเลส ร้านเพลเลสเนี่ยนะ…”

ไม่รู้ว่าต้องโมโหหรือต้องหวาดกลัวถึงจะถูก

ไม่รู้เลยว่าจะต้องรู้สึกเช่นใด

“รักษาการเจ้าตระกูลลอมบาร์เดียแท้จริงแล้วเป็นเจ้าของร้านค้าเพลเลสหรือเนี่ย…เหอะ ให้ตายสิ”

กระทั่งหัวเราะเย้ยหยันตัวเอง

“ถ้าอย่างนั้นที่เครย์ลีบัน เพลเลส มาพบ แล้วบอกว่าจะให้ยืมเงินตั้งแต่แรกนั่น ไม่สิ ตั้งแต่เจ้าตระกูลเซอเชาว์…ไม่ ไม่น่าจะใช่แค่นั้น”

ดิวอิจส่ายหน้าไปมา

สาเหตุที่พวกเขาต้องการตัวเจ้าตระกูลเซอเชาว์เป็นเพราะโครงการพัฒนาตะวันตกล้มเหลว และสาเหตุที่โครงการนั้นล้มเหลวก็เป็นเพราะ…

ดิวอิจ อังเกนัส ยกสองมือขึ้นปิดปากแน่น

“ตั้งแต่ตอนไหนกันแน่…”

“ดิวอิจ”

จักรพรรดินีราวีนียืนจิกพนักพิงโซฟาแน่น นางเอ่ยเรียกน้องชายด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ

“หุบปาก”

ไม่หลงเหลือภาพของจักรพรรดินีผู้หลั่งน้ำตาอย่างน่าสงสาร รั้งแขนเสื้อของจักรพรรดิในห้องประชุมใหญ่เลยแม้แต่นิดเดียว

สีหน้ายังคงซีดเผือดไม่เปลี่ยน แต่นัยน์ตาคู่นั้นเหลือเพียงเปลวไฟจากโทสะเท่านั้น

ราวีนีกำมือแน่น อยากจะฉีกปากดิวอิจที่เอาแต่พูดจาอ่อนปวกเปียก แถมยังมีสีหน้าเหมือนปลาตายแบบนั้น

กึด

หนังหุ้มเก้าอี้ถูกปลายเล็บของราวีนีจิกจนเกิดเสียงน่าขนลุก

“โยบาเนส ไอ้คนปลิ้นปล้อนขี้ขลาด”

ไม่ว่าเจ้าชายลำดับที่สองชั้นต่ำกับนังเด็กฟีเรนเทีย ลอมบาร์เดีย นั่นจะร่วมมือกันสร้างเรื่องนี้มาตั้งแต่เมื่อไหร่ มันไม่สำคัญเลยสักนิด

สุดท้ายคนที่ยื่นมีดแทงข้างหลังอังเกนัสก็คือโยบาเนสอยู่ดี

นับตั้งแต่วันที่แต่งงานกับราวีนี โยบาเนสไม่เคยเป็นคู่สมรสที่ดีเลยแม้แต่วินาทีเดียว

เอาแต่ใช้อังเกนัสให้คอยถ่วงดุลอำนาจ ในขณะเดียวกันก็เรียกร้องไม่หยุดเพื่อตอบสนองกิเลสของตัวเอง ทั้งยังปรารถนาอยากได้ผู้หญิงคนใหม่อยู่เรื่อย

เฟเรสเองก็เป็นแค่หนึ่งในเมล็ดพันธุ์จำนวนมากมายที่ถูกหว่านออกไปจากการนอกใจ ซึ่งราวีนีกำจัดทิ้งไม่สำเร็จ จนรอดเหลือมาเป็นโอรสนอกสมรสคนหนึ่งเท่านั้น

และความผิดพลาดนั่นก็กำลังบีบรัดคอราวีนีอยู่ในตอนนี้

“น่าจะจัดการฆ่ามันให้ตายตั้งแต่ยังอยู่ในท้องแม่มันไปพร้อมกัน”

ราวีนีพึมพำอย่างเลือดเย็น

“ถึงจะสายเกินไป แต่ตอนนี้น่าจะพูดคุยกันดีๆ จะดีกว่าหรือเปล่าพ่ะย่ะค่ะ”

“…ว่ายังไงนะ”

“เรื่องเจ้าชายลำดับที่สองพ่ะย่ะค่ะ สายไปหน่อย แต่หากพวกเราขอโทษเรื่องที่ผ่านมา บางทีอาจจะยอมปล่อยพวกเราไปก็ได้มิใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ”

ดิวอิจเอ่ยด้วยนัยน์ตาเหม่อลอย

“หรือไม่ก็เรียกฟีเรนเทีย ลอมบาร์เดีย มาเกลี้ยกล่อมให้ช่วย…”

แล้วก็เอาแต่พยักหน้าหงึกหงักคล้ายกับพอใจในความคิดตัวเองนัก

“คิดว่าถ้าเจ้าคุกเข่าอ้อนวอนสามวันสามคืน แล้วเจ้าชายลำดับที่สองจะยอมปล่อยอังเกนัสไปหรือไง”

“ไม่ลองก็ไม่รู้หรอกพ่ะย่ะค่ะ!”

ดิวอิจขึ้นเสียงประท้วงใส่ราวีนีด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะผุดลุกจากที่นั่ง

“นี่เป็นการตัดสินใจของกระหม่อมในฐานะเจ้าตระกูลอังเกนัสพ่ะย่ะค่ะ ต่อให้ท่านพี่ขวางยังไงก็ไม่มีประ…”

“อีเดน”

“พ่ะย่ะค่ะ องค์จักรพรรดินี”

“ตัดลิ้นดิวอิจเสีย”

วินาทีที่รับสั่งนั้นดังขึ้น อีเดน ครูส ก็ก้าวตรงไปหาดิวอิจอย่างไร้ซึ่งความลังเล

“ทะ…ท่านพี่! องค์จักรพรรดินี!”

ดิวอิจวิ่งหนีด้วยความหวาดกลัว

แต่เพียงแค่ชั่วพริบตา ฝ่ามือแข็งแกร่งของอีเดน ครูส ก็ง้างปากของเขาให้อ้าออกอย่างรุนแรง

“อะ…อ๊ากกก…!”

แต่แล้วในจังหวะที่มีดสั้นคมกริบกำลังจะแทรกเข้าไปในปากของดิวอิจ

“ส่งมานี่”

มือขาวเนียนของราวีนีกลับยื่นมาแย่งมันไปจากมือของอีเดน ครูส

และชี้มันเล็งไปยังนัยน์ตาของดิวอิจที่เปี่ยมไปด้วยความหวาดกลัว

“เจ้าตระกูลอังเกนัส”

ราวีนีเยาะเย้ยเสียงสั่นเทา

“นอกจากเกิดมาเป็นบุตรชายแล้ว เจ้าไม่เคยทำอะไรเพื่อตระกูลเลยสักอย่าง แล้วกล้าดีอย่างไรถึงกล่าวเช่นนั้นต่อหน้าข้า”

“ทะ…ท่านพี่…”

ดิวอิจได้แต่ตัวสั่นจนต้องหลั่งน้ำตา ไม่อาจขยับกายได้เพราะถูกอีเดน ครูส จับตัวไว้ด้วยพละกำลังมหาศาล

“จะขอโทษไอ้เด็กชั้นต่ำนั่นในฐานะเจ้าตระกูลอังเกนัสอย่างนั้นหรือ”

นัยน์ตาสีฟ้าของราวีนีส่องประกายอำมหิต

“ถ้างั้นนั้นก็คงจะต้องฉีกปากนี่ทิ้งให้ไม่อาจทำเช่นนั้นได้แล้วสิ”

“อ๊ากกกกกก!”

ปลายมีดสั้นแหลมคมกรีดลากยาวลงบนมุมปากด้านหนึ่งของดิวอิจ

เลือดสีแดงสดไหลทะลักออกมาจากผิวเนื้ออ่อนที่ถูกกรีดจนแหวก

“อะ…อั่ก”

ดิวอิจไม่อาจทำได้แม้กระทั่งส่งเสียงกรีดร้อง เขาได้แต่ตัวสั่นหงึกๆ ใช้มือทั้งสองข้างกุมปากที่ถูกกรีดจนฉีกแน่น

“ค่อยเงียบลงหน่อย”

ราวีนีโยนมีดสั้นทิ้งไปข้างกายอีเดน ครูส มีดคมถูกย้อมไปด้วยสีแดงของเลือด มันกระเด็นไปบนพื้นอย่างไร้ผู้สนใจ

“ข้ามาถึงจุดนี้แล้ว”

ราวีนีพูดขึ้น ขณะนึกถึงวันที่ต้องคอยเอาอกเอาใจโยบาเนส ต้องรับมือกับการถูกอีกฝ่ายดูหมิ่นเหยียดหยามทุกรูปแบบ

และวิธีการเดียวที่จะสามารถข้ามผ่านสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนี้ได้ก็พลันแวบขึ้นมาในหัวสมองของนาง

“ใช่แล้ว อาจจะดีกว่าก็ได้”

รอยยิ้มโหดเหี้ยมที่ทำให้ผู้ได้มองต้องรู้สึกขนลุกชันไปทั่วแนวกระดูกสันหลังแต่งแต้มอยู่บนริมฝีปากสีแดงสด

“ข้าคือจักรพรรดินีของอาณาจักรแลมบลูแห่งนี้”

อำนาจที่เจ้าชายลำดับที่สองกับนังเด็กนั่นยังไม่อาจแย่งชิงมันไปจากนางได้

ยังเหลือสิ่งนั้นอยู่

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล 229.1

Now you are reading เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล Chapter 229.1 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เล่ม 6 บทที่ 229.1

ตอนที่ 229

หลังจบการประชุม ดิวอิจ อังเกนัส และอีเดน ครูส ก็ติดตามราวีนีกลับวังจักรพรรดินี

ตุบ

เสียงดิวอิจแข้งขาอ่อนเปลี้ย ทรุดตัวนั่งลงบนโซฟาดังก้องไปทั่วห้อง

“จบ…สิ้นแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

ดิวอิจพึมพำ ดึงทึ้งศีรษะตัวเอง

ไม่เพียงแต่โดนแย่งชิงเขตแดนหนึ่งของอังเกนัสไป แต่สุดท้ายกระทั่งตำแหน่งตัวแทนเขตแดนตะวันตกก็ยังเปลี่ยนมือไปด้วย

“โดนต้มเสียเปื่อย”

ดิวอิจยังคงมึนงงไม่สร่าง

“ร้านค้าเพลเลส ร้านเพลเลสเนี่ยนะ…”

ไม่รู้ว่าต้องโมโหหรือต้องหวาดกลัวถึงจะถูก

ไม่รู้เลยว่าจะต้องรู้สึกเช่นใด

“รักษาการเจ้าตระกูลลอมบาร์เดียแท้จริงแล้วเป็นเจ้าของร้านค้าเพลเลสหรือเนี่ย…เหอะ ให้ตายสิ”

กระทั่งหัวเราะเย้ยหยันตัวเอง

“ถ้าอย่างนั้นที่เครย์ลีบัน เพลเลส มาพบ แล้วบอกว่าจะให้ยืมเงินตั้งแต่แรกนั่น ไม่สิ ตั้งแต่เจ้าตระกูลเซอเชาว์…ไม่ ไม่น่าจะใช่แค่นั้น”

ดิวอิจส่ายหน้าไปมา

สาเหตุที่พวกเขาต้องการตัวเจ้าตระกูลเซอเชาว์เป็นเพราะโครงการพัฒนาตะวันตกล้มเหลว และสาเหตุที่โครงการนั้นล้มเหลวก็เป็นเพราะ…

ดิวอิจ อังเกนัส ยกสองมือขึ้นปิดปากแน่น

“ตั้งแต่ตอนไหนกันแน่…”

“ดิวอิจ”

จักรพรรดินีราวีนียืนจิกพนักพิงโซฟาแน่น นางเอ่ยเรียกน้องชายด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ

“หุบปาก”

ไม่หลงเหลือภาพของจักรพรรดินีผู้หลั่งน้ำตาอย่างน่าสงสาร รั้งแขนเสื้อของจักรพรรดิในห้องประชุมใหญ่เลยแม้แต่นิดเดียว

สีหน้ายังคงซีดเผือดไม่เปลี่ยน แต่นัยน์ตาคู่นั้นเหลือเพียงเปลวไฟจากโทสะเท่านั้น

ราวีนีกำมือแน่น อยากจะฉีกปากดิวอิจที่เอาแต่พูดจาอ่อนปวกเปียก แถมยังมีสีหน้าเหมือนปลาตายแบบนั้น

กึด

หนังหุ้มเก้าอี้ถูกปลายเล็บของราวีนีจิกจนเกิดเสียงน่าขนลุก

“โยบาเนส ไอ้คนปลิ้นปล้อนขี้ขลาด”

ไม่ว่าเจ้าชายลำดับที่สองชั้นต่ำกับนังเด็กฟีเรนเทีย ลอมบาร์เดีย นั่นจะร่วมมือกันสร้างเรื่องนี้มาตั้งแต่เมื่อไหร่ มันไม่สำคัญเลยสักนิด

สุดท้ายคนที่ยื่นมีดแทงข้างหลังอังเกนัสก็คือโยบาเนสอยู่ดี

นับตั้งแต่วันที่แต่งงานกับราวีนี โยบาเนสไม่เคยเป็นคู่สมรสที่ดีเลยแม้แต่วินาทีเดียว

เอาแต่ใช้อังเกนัสให้คอยถ่วงดุลอำนาจ ในขณะเดียวกันก็เรียกร้องไม่หยุดเพื่อตอบสนองกิเลสของตัวเอง ทั้งยังปรารถนาอยากได้ผู้หญิงคนใหม่อยู่เรื่อย

เฟเรสเองก็เป็นแค่หนึ่งในเมล็ดพันธุ์จำนวนมากมายที่ถูกหว่านออกไปจากการนอกใจ ซึ่งราวีนีกำจัดทิ้งไม่สำเร็จ จนรอดเหลือมาเป็นโอรสนอกสมรสคนหนึ่งเท่านั้น

และความผิดพลาดนั่นก็กำลังบีบรัดคอราวีนีอยู่ในตอนนี้

“น่าจะจัดการฆ่ามันให้ตายตั้งแต่ยังอยู่ในท้องแม่มันไปพร้อมกัน”

ราวีนีพึมพำอย่างเลือดเย็น

“ถึงจะสายเกินไป แต่ตอนนี้น่าจะพูดคุยกันดีๆ จะดีกว่าหรือเปล่าพ่ะย่ะค่ะ”

“…ว่ายังไงนะ”

“เรื่องเจ้าชายลำดับที่สองพ่ะย่ะค่ะ สายไปหน่อย แต่หากพวกเราขอโทษเรื่องที่ผ่านมา บางทีอาจจะยอมปล่อยพวกเราไปก็ได้มิใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ”

ดิวอิจเอ่ยด้วยนัยน์ตาเหม่อลอย

“หรือไม่ก็เรียกฟีเรนเทีย ลอมบาร์เดีย มาเกลี้ยกล่อมให้ช่วย…”

แล้วก็เอาแต่พยักหน้าหงึกหงักคล้ายกับพอใจในความคิดตัวเองนัก

“คิดว่าถ้าเจ้าคุกเข่าอ้อนวอนสามวันสามคืน แล้วเจ้าชายลำดับที่สองจะยอมปล่อยอังเกนัสไปหรือไง”

“ไม่ลองก็ไม่รู้หรอกพ่ะย่ะค่ะ!”

ดิวอิจขึ้นเสียงประท้วงใส่ราวีนีด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะผุดลุกจากที่นั่ง

“นี่เป็นการตัดสินใจของกระหม่อมในฐานะเจ้าตระกูลอังเกนัสพ่ะย่ะค่ะ ต่อให้ท่านพี่ขวางยังไงก็ไม่มีประ…”

“อีเดน”

“พ่ะย่ะค่ะ องค์จักรพรรดินี”

“ตัดลิ้นดิวอิจเสีย”

วินาทีที่รับสั่งนั้นดังขึ้น อีเดน ครูส ก็ก้าวตรงไปหาดิวอิจอย่างไร้ซึ่งความลังเล

“ทะ…ท่านพี่! องค์จักรพรรดินี!”

ดิวอิจวิ่งหนีด้วยความหวาดกลัว

แต่เพียงแค่ชั่วพริบตา ฝ่ามือแข็งแกร่งของอีเดน ครูส ก็ง้างปากของเขาให้อ้าออกอย่างรุนแรง

“อะ…อ๊ากกก…!”

แต่แล้วในจังหวะที่มีดสั้นคมกริบกำลังจะแทรกเข้าไปในปากของดิวอิจ

“ส่งมานี่”

มือขาวเนียนของราวีนีกลับยื่นมาแย่งมันไปจากมือของอีเดน ครูส

และชี้มันเล็งไปยังนัยน์ตาของดิวอิจที่เปี่ยมไปด้วยความหวาดกลัว

“เจ้าตระกูลอังเกนัส”

ราวีนีเยาะเย้ยเสียงสั่นเทา

“นอกจากเกิดมาเป็นบุตรชายแล้ว เจ้าไม่เคยทำอะไรเพื่อตระกูลเลยสักอย่าง แล้วกล้าดีอย่างไรถึงกล่าวเช่นนั้นต่อหน้าข้า”

“ทะ…ท่านพี่…”

ดิวอิจได้แต่ตัวสั่นจนต้องหลั่งน้ำตา ไม่อาจขยับกายได้เพราะถูกอีเดน ครูส จับตัวไว้ด้วยพละกำลังมหาศาล

“จะขอโทษไอ้เด็กชั้นต่ำนั่นในฐานะเจ้าตระกูลอังเกนัสอย่างนั้นหรือ”

นัยน์ตาสีฟ้าของราวีนีส่องประกายอำมหิต

“ถ้างั้นนั้นก็คงจะต้องฉีกปากนี่ทิ้งให้ไม่อาจทำเช่นนั้นได้แล้วสิ”

“อ๊ากกกกกก!”

ปลายมีดสั้นแหลมคมกรีดลากยาวลงบนมุมปากด้านหนึ่งของดิวอิจ

เลือดสีแดงสดไหลทะลักออกมาจากผิวเนื้ออ่อนที่ถูกกรีดจนแหวก

“อะ…อั่ก”

ดิวอิจไม่อาจทำได้แม้กระทั่งส่งเสียงกรีดร้อง เขาได้แต่ตัวสั่นหงึกๆ ใช้มือทั้งสองข้างกุมปากที่ถูกกรีดจนฉีกแน่น

“ค่อยเงียบลงหน่อย”

ราวีนีโยนมีดสั้นทิ้งไปข้างกายอีเดน ครูส มีดคมถูกย้อมไปด้วยสีแดงของเลือด มันกระเด็นไปบนพื้นอย่างไร้ผู้สนใจ

“ข้ามาถึงจุดนี้แล้ว”

ราวีนีพูดขึ้น ขณะนึกถึงวันที่ต้องคอยเอาอกเอาใจโยบาเนส ต้องรับมือกับการถูกอีกฝ่ายดูหมิ่นเหยียดหยามทุกรูปแบบ

และวิธีการเดียวที่จะสามารถข้ามผ่านสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนี้ได้ก็พลันแวบขึ้นมาในหัวสมองของนาง

“ใช่แล้ว อาจจะดีกว่าก็ได้”

รอยยิ้มโหดเหี้ยมที่ทำให้ผู้ได้มองต้องรู้สึกขนลุกชันไปทั่วแนวกระดูกสันหลังแต่งแต้มอยู่บนริมฝีปากสีแดงสด

“ข้าคือจักรพรรดินีของอาณาจักรแลมบลูแห่งนี้”

อำนาจที่เจ้าชายลำดับที่สองกับนังเด็กนั่นยังไม่อาจแย่งชิงมันไปจากนางได้

ยังเหลือสิ่งนั้นอยู่

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+