เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล 53.2

Now you are reading เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล Chapter 53.2 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“หรือว่ากำลังรอใครอยู่พ่ะย่ะค่ะ”

ยูเบสเอ่ยถามเมื่อนึกถึงสายตาที่เอาแต่เฝ้ามองไปทางประตูวังอยู่เรื่อย

“…ครับ”

เฟเรสผงะเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยตอบ

“กำลังรอใครอยู่หรือพ่ะย่ะค่ะ”

“รอแคทเธอรีนกลับมาครับ”

“ทำไมล่ะพ่ะย่ะค่ะ”

“…บอกไม่ได้ครับ”

เป็นครั้งแรกที่เฟเรสซึ่งมักจะตอบตามความจริงอยู่เสมอกลับปฏิเสธไม่ยอมตอบ

ราวกับกำลังเก็บซ่อนความลับที่มีค่ามากที่สุดในโลก ริมฝีปากอ่อนนุ่มปิดแน่นอย่างดื้อดึง

มันทำให้ยูเบสรู้สึกถึงเหมือนโดนอีกฝ่ายหักหลัง

“ลองกล่าวมาสิพ่ะย่ะค่ะ”

“ไม่เอาครับ”

“เจ้าชาย”

“บอกว่าไม่เอาไงครับ”

คราวนี้เฟเรสถึงกับรู้สึกระแวดระวัง

ยูเบสกล่าวต่อด้วยคิดวางแผนตั้งใจจะขุดคุ้ยหาสาเหตุที่แท้จริงให้ได้

“ในเมื่อปฏิเสธไม่ยอมเชื่อฟังคำสั่งของอาจารย์ กระหม่อมคงต้องลงโทษฟันดาบขึ้นลงหนึ่งพันครั้งพ่ะย่ะค่ะ”

“ครับ”

คราวนี้ยูเบสพูดอะไรไม่ออกแล้วจริงๆ

ยอมฟันดาบหนึ่งพันครั้ง มากกว่าบอกเหตุผลที่ตั้งหน้าตั้งตาเฝ้ารอแคทเธอรีนอย่างนั้นหรือ

เขาได้แต่ส่ายหน้าไปมา

เพียงไม่นานในลานฝึกก็มีเพียงเสียงฟันดาบดังฟึบ ฟึบ กับเสียงลมหายใจหอบแฮกของเฟเรสเท่านั้น

และในตอนที่ผ่านไปได้ประมาณห้าร้อยครั้ง

ยูเบสหันหลังให้เฟเรสที่เหงื่อท่วมร่าง เขาเอ่ยพูดราวกับตั้งใจจะเกลี้ยกล่อม

“ถึงแม้จะไม่ทราบว่ามีเหตุผลใด แต่กระหม่อมเพียงแค่เป็นห่วงเจ้าชายเท่านั้นจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ”

ฟึบ ฟึบ

“การเข้าอกเข้าใจและความใจกว้างต่อผู้อื่นเป็นสิ่งสำคัญ แต่การใส่ใจตัวเองก็เป็นเรื่องสำคัญด้วยเช่นกันพ่ะย่ะค่ะ”

ฟึบ ฟึบ

“เจ้าชายที่กระหม่อมเฝ้ามองมาโดยตลอดยังขาดแคลนในเรื่องนั้นอยู่มาก ไม่จำเป็นต้องสมบูรณ์แบบทุกด้านอยู่เสมอก็ได้พ่ะย่ะค่ะ มนุษย์เราน่ะควรที่จะ…”

แปลก

ไม่ได้ยินเสียงดาบฟันผ่าสายลมที่ดังขึ้นอย่างต่อเนื่องอีกต่อไปแล้ว

สายตาของยูเบสที่หมุนตัวหันกลับไปมองด้วยความสงสัย ปรากฏภาพของเฟเรสที่กำลังวิ่งไปที่อีกฟากด้วยความเร็วสูง

มือข้างหนึ่งถือดาบ อีกข้างถือฝักดาบ มันเป็นภาพด้านข้างของเฟเรสที่กำลังวิ่งตรงดิ่งไปไหนสักแห่งราวกับคนบ้า

“อะ เจ้าชาย?”

เป็นครั้งแรก

ที่เฟเรสสูญเสียการควบคุมตัวเองขนาดนั้น

ไม่สิข้างในนัยน์ตากระจ่างใสที่ทำให้นึกถึงทับทิมสีแดงสดคู่นั้น ชั่วพริบตามันกลับสะท้อนความบ้าคลั่งออกมาให้เห็น

และทางฝั่งที่เฟเรสวิ่งตรงไปก็มีรถม้าคันหนึ่งกำลังเคลื่อนตัวเข้ามาในเขตวังโฟอิรัค

ยูเบสได้แต่ยืนอึ้งมองภาพนั้นอยู่เฉยๆ โดยที่พูดอะไรไม่ออกสักคำ

เฟเรสวิ่งเข้าไปหยุดอยู่หน้ารถม้าด้วยความร้อนรน แม้แต่ช่วงระยะเวลาสั้นๆ ที่ต้องรอให้แท่นรองเหยียบถูกวางลง ประตูรถม้าถูกเปิดออก เขาก็ไม่อาจอดทนรออยู่นิ่งๆ ได้

เขารีบเก็บดาบใส่ฝัก เช็ดมือที่เปรอะฝุ่นและเหงื่อกับกางเกง

ในที่สุดประตูรถม้าก็เปิดออก แคทเธอรีนหัวหน้านางกำนัลประจำวังโฟอิรัคก้าวเท้าเหยียบลงบนพื้น

และทันทีที่พบว่าเฟเรสยืนรออยู่ข้างหน้า นางก็ยิ้มให้อย่างอ่อนโยน หยิบอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋าถือในมือ แล้วส่งให้เขา

“จดหมาย?”

มันเป็นเพียงแค่ซองจดหมายซองเล็กสีชมพูอย่างแน่นอน

และบนใบหน้าของเฟเรสที่ได้รับของสิ่งนั้นก็เกิดรอยยิ้มจางขึ้น

ริมฝีปากแดงสดวาดเป็นรูปโค้งน่ามอง นัยน์ตาคมดุโค้งเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยว นั่นมันรอยยิ้มชัดๆ

“เหอะ”

รอยยิ้มที่เพิ่งเคยได้เห็นเป็นครั้งแรกของเฟเรส ทำเอายูเบสได้แต่หัวเราะเย้ยหยันออกมาโดยไม่รู้ตัว

เด็กหนุ่มใสซื่อที่ดีใจจนไม่รู้ว่าจะทำยังไงดีคนนั้นคือใครกันแน่

ยืนนิ่งอยู่ได้เพียงแค่ครู่เดียว

เฟเรสก็ถือจดหมายวิ่งหายเข้าไปในวังเสียแล้ว

ทั้งยังโยนดาบที่ไม่เคยวางไว้ห่างกายทิ้งไปอย่างไม่ไยดีเสียด้วย

ยูเบสมองดาบที่กลิ้งอยู่บนพื้นในขณะที่พึมพำอย่างท้อแท้ใจ

“แต่ก็นะ จะว่าโล่งอกก็โล่งอกละมั้ง”

“คุณหนู วันนี้ขอข้านอนค้างที่นี่ไม่ได้เหรอคะ”

“ไม่ได้”

“ทำไมล่ะคะ ยังมีห้องว่างเหลือตั้งเยอะไม่ใช่เหรอคะ”

“จะมานอนบ้านคนอื่นทั้งๆ ที่ตัวเองก็มีบ้านดีๆ ทำไมล่ะ รีบกลับไปเลยนะ”

“ฮือ คุณหนูทำเกินไปแล้ว…”

ลอรีลไหล่ลู่ตกอย่างน่าสงสาร นางเบ้ปากอย่างแง่งอน แต่มันใช้ไม่ได้ผลกับเธอหรอก

หากนึกถึงเมื่อครั้งก่อนที่เธอยอมตกลงอย่างไม่ได้คิดอะไร จนสุดท้ายก็ต้องนั่งฟังลอรีลเมาท์ไม่หยุดจนกระทั่งถึงเวลาเข้านอนแล้วละก็…

ร่างกายของเธอถึงกับสั่นสะท้านขึ้นมาโดยไม่รู้ตัวทีเดียว

“ฮือ งั้นพรุ่งนี้ข้าจะมาตั้งแต่เช้าเลยนะคะ”

ลอรีลพูดแบบนั้นก่อนจะโค้งศีรษะลาเธอ แล้วเดินออกไปข้างนอก

พรุ่งนี้เป็นวันหยุดของนางแท้ๆ

คงจะรู้ใช่มั้ยนั่น

แต่ถ้าเรียกตัวไว้ละก็ บางทีอาจจะต้องยอมให้นอนค้างที่นี่จริงๆ ก็ได้

ฟีเรนเทียล้มตัวลงนอนยืดเส้นยืดสายบนโซฟาในห้องรับรอง ดื่มด่ำกับความเงียบสงบเมื่อได้เหลือตัวคนเดียว

เพราะได้รับการช่วยเหลือในหลายๆ เรื่องจากลอรีล ทำให้วันๆ หนึ่งของเธอสบายขึ้นมากทีเดียว แต่เธอก็ยังต้องการเวลาส่วนตัวให้ได้ใช้ชีวิตตามลำพังบ้างเหมือนกัน

เธอหลับตาลงอย่างผ่อนคลาย

แต่ความเงียบสงบกลับอยู่ได้ไม่นานนัก

ปัง!

ประตูเปิดออกพร้อมกับเสียงดังสนั่น

“ลอรีล ลืมอะไรอีกแล้ว…พ่อ?”

คนที่ยืนหอบหายใจแฮกด้วยความดีใจทั้งๆ ที่จับลูกบิดประตูอยู่นั่นคือท่านพ่อแน่ๆ

เธอสะดุ้งตกใจลุกขึ้นมานั่งดีๆ บนโซฟา

“ทะ…เทีย…”

ท่านพ่อเรียกชื่อเธอในขณะที่เดินเซเข้ามาหา

และเมื่อหยุดยืนอยู่ตรงหน้าโซฟาที่เธอนั่งอยู่ ท่านพ่อก็ทรุดตัวลงไปนั่งคุกเข่าบนพื้น

ใบหน้าของท่านพ่อที่อยู่ในระดับสายตาเท่าเธอนั้นกำลังร้องไห้สะอื้น

“พ่อ…พ่อ…”

ท่านพ่อขยับตัวไปมาอยู่หลายครั้ง ก่อนจะพูดต่อ

“พ่อได้รับเหรียญรางวัลยกย่อง!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล 53.2

Now you are reading เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล Chapter 53.2 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“หรือว่ากำลังรอใครอยู่พ่ะย่ะค่ะ”

ยูเบสเอ่ยถามเมื่อนึกถึงสายตาที่เอาแต่เฝ้ามองไปทางประตูวังอยู่เรื่อย

“…ครับ”

เฟเรสผงะเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยตอบ

“กำลังรอใครอยู่หรือพ่ะย่ะค่ะ”

“รอแคทเธอรีนกลับมาครับ”

“ทำไมล่ะพ่ะย่ะค่ะ”

“…บอกไม่ได้ครับ”

เป็นครั้งแรกที่เฟเรสซึ่งมักจะตอบตามความจริงอยู่เสมอกลับปฏิเสธไม่ยอมตอบ

ราวกับกำลังเก็บซ่อนความลับที่มีค่ามากที่สุดในโลก ริมฝีปากอ่อนนุ่มปิดแน่นอย่างดื้อดึง

มันทำให้ยูเบสรู้สึกถึงเหมือนโดนอีกฝ่ายหักหลัง

“ลองกล่าวมาสิพ่ะย่ะค่ะ”

“ไม่เอาครับ”

“เจ้าชาย”

“บอกว่าไม่เอาไงครับ”

คราวนี้เฟเรสถึงกับรู้สึกระแวดระวัง

ยูเบสกล่าวต่อด้วยคิดวางแผนตั้งใจจะขุดคุ้ยหาสาเหตุที่แท้จริงให้ได้

“ในเมื่อปฏิเสธไม่ยอมเชื่อฟังคำสั่งของอาจารย์ กระหม่อมคงต้องลงโทษฟันดาบขึ้นลงหนึ่งพันครั้งพ่ะย่ะค่ะ”

“ครับ”

คราวนี้ยูเบสพูดอะไรไม่ออกแล้วจริงๆ

ยอมฟันดาบหนึ่งพันครั้ง มากกว่าบอกเหตุผลที่ตั้งหน้าตั้งตาเฝ้ารอแคทเธอรีนอย่างนั้นหรือ

เขาได้แต่ส่ายหน้าไปมา

เพียงไม่นานในลานฝึกก็มีเพียงเสียงฟันดาบดังฟึบ ฟึบ กับเสียงลมหายใจหอบแฮกของเฟเรสเท่านั้น

และในตอนที่ผ่านไปได้ประมาณห้าร้อยครั้ง

ยูเบสหันหลังให้เฟเรสที่เหงื่อท่วมร่าง เขาเอ่ยพูดราวกับตั้งใจจะเกลี้ยกล่อม

“ถึงแม้จะไม่ทราบว่ามีเหตุผลใด แต่กระหม่อมเพียงแค่เป็นห่วงเจ้าชายเท่านั้นจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ”

ฟึบ ฟึบ

“การเข้าอกเข้าใจและความใจกว้างต่อผู้อื่นเป็นสิ่งสำคัญ แต่การใส่ใจตัวเองก็เป็นเรื่องสำคัญด้วยเช่นกันพ่ะย่ะค่ะ”

ฟึบ ฟึบ

“เจ้าชายที่กระหม่อมเฝ้ามองมาโดยตลอดยังขาดแคลนในเรื่องนั้นอยู่มาก ไม่จำเป็นต้องสมบูรณ์แบบทุกด้านอยู่เสมอก็ได้พ่ะย่ะค่ะ มนุษย์เราน่ะควรที่จะ…”

แปลก

ไม่ได้ยินเสียงดาบฟันผ่าสายลมที่ดังขึ้นอย่างต่อเนื่องอีกต่อไปแล้ว

สายตาของยูเบสที่หมุนตัวหันกลับไปมองด้วยความสงสัย ปรากฏภาพของเฟเรสที่กำลังวิ่งไปที่อีกฟากด้วยความเร็วสูง

มือข้างหนึ่งถือดาบ อีกข้างถือฝักดาบ มันเป็นภาพด้านข้างของเฟเรสที่กำลังวิ่งตรงดิ่งไปไหนสักแห่งราวกับคนบ้า

“อะ เจ้าชาย?”

เป็นครั้งแรก

ที่เฟเรสสูญเสียการควบคุมตัวเองขนาดนั้น

ไม่สิข้างในนัยน์ตากระจ่างใสที่ทำให้นึกถึงทับทิมสีแดงสดคู่นั้น ชั่วพริบตามันกลับสะท้อนความบ้าคลั่งออกมาให้เห็น

และทางฝั่งที่เฟเรสวิ่งตรงไปก็มีรถม้าคันหนึ่งกำลังเคลื่อนตัวเข้ามาในเขตวังโฟอิรัค

ยูเบสได้แต่ยืนอึ้งมองภาพนั้นอยู่เฉยๆ โดยที่พูดอะไรไม่ออกสักคำ

เฟเรสวิ่งเข้าไปหยุดอยู่หน้ารถม้าด้วยความร้อนรน แม้แต่ช่วงระยะเวลาสั้นๆ ที่ต้องรอให้แท่นรองเหยียบถูกวางลง ประตูรถม้าถูกเปิดออก เขาก็ไม่อาจอดทนรออยู่นิ่งๆ ได้

เขารีบเก็บดาบใส่ฝัก เช็ดมือที่เปรอะฝุ่นและเหงื่อกับกางเกง

ในที่สุดประตูรถม้าก็เปิดออก แคทเธอรีนหัวหน้านางกำนัลประจำวังโฟอิรัคก้าวเท้าเหยียบลงบนพื้น

และทันทีที่พบว่าเฟเรสยืนรออยู่ข้างหน้า นางก็ยิ้มให้อย่างอ่อนโยน หยิบอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋าถือในมือ แล้วส่งให้เขา

“จดหมาย?”

มันเป็นเพียงแค่ซองจดหมายซองเล็กสีชมพูอย่างแน่นอน

และบนใบหน้าของเฟเรสที่ได้รับของสิ่งนั้นก็เกิดรอยยิ้มจางขึ้น

ริมฝีปากแดงสดวาดเป็นรูปโค้งน่ามอง นัยน์ตาคมดุโค้งเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยว นั่นมันรอยยิ้มชัดๆ

“เหอะ”

รอยยิ้มที่เพิ่งเคยได้เห็นเป็นครั้งแรกของเฟเรส ทำเอายูเบสได้แต่หัวเราะเย้ยหยันออกมาโดยไม่รู้ตัว

เด็กหนุ่มใสซื่อที่ดีใจจนไม่รู้ว่าจะทำยังไงดีคนนั้นคือใครกันแน่

ยืนนิ่งอยู่ได้เพียงแค่ครู่เดียว

เฟเรสก็ถือจดหมายวิ่งหายเข้าไปในวังเสียแล้ว

ทั้งยังโยนดาบที่ไม่เคยวางไว้ห่างกายทิ้งไปอย่างไม่ไยดีเสียด้วย

ยูเบสมองดาบที่กลิ้งอยู่บนพื้นในขณะที่พึมพำอย่างท้อแท้ใจ

“แต่ก็นะ จะว่าโล่งอกก็โล่งอกละมั้ง”

“คุณหนู วันนี้ขอข้านอนค้างที่นี่ไม่ได้เหรอคะ”

“ไม่ได้”

“ทำไมล่ะคะ ยังมีห้องว่างเหลือตั้งเยอะไม่ใช่เหรอคะ”

“จะมานอนบ้านคนอื่นทั้งๆ ที่ตัวเองก็มีบ้านดีๆ ทำไมล่ะ รีบกลับไปเลยนะ”

“ฮือ คุณหนูทำเกินไปแล้ว…”

ลอรีลไหล่ลู่ตกอย่างน่าสงสาร นางเบ้ปากอย่างแง่งอน แต่มันใช้ไม่ได้ผลกับเธอหรอก

หากนึกถึงเมื่อครั้งก่อนที่เธอยอมตกลงอย่างไม่ได้คิดอะไร จนสุดท้ายก็ต้องนั่งฟังลอรีลเมาท์ไม่หยุดจนกระทั่งถึงเวลาเข้านอนแล้วละก็…

ร่างกายของเธอถึงกับสั่นสะท้านขึ้นมาโดยไม่รู้ตัวทีเดียว

“ฮือ งั้นพรุ่งนี้ข้าจะมาตั้งแต่เช้าเลยนะคะ”

ลอรีลพูดแบบนั้นก่อนจะโค้งศีรษะลาเธอ แล้วเดินออกไปข้างนอก

พรุ่งนี้เป็นวันหยุดของนางแท้ๆ

คงจะรู้ใช่มั้ยนั่น

แต่ถ้าเรียกตัวไว้ละก็ บางทีอาจจะต้องยอมให้นอนค้างที่นี่จริงๆ ก็ได้

ฟีเรนเทียล้มตัวลงนอนยืดเส้นยืดสายบนโซฟาในห้องรับรอง ดื่มด่ำกับความเงียบสงบเมื่อได้เหลือตัวคนเดียว

เพราะได้รับการช่วยเหลือในหลายๆ เรื่องจากลอรีล ทำให้วันๆ หนึ่งของเธอสบายขึ้นมากทีเดียว แต่เธอก็ยังต้องการเวลาส่วนตัวให้ได้ใช้ชีวิตตามลำพังบ้างเหมือนกัน

เธอหลับตาลงอย่างผ่อนคลาย

แต่ความเงียบสงบกลับอยู่ได้ไม่นานนัก

ปัง!

ประตูเปิดออกพร้อมกับเสียงดังสนั่น

“ลอรีล ลืมอะไรอีกแล้ว…พ่อ?”

คนที่ยืนหอบหายใจแฮกด้วยความดีใจทั้งๆ ที่จับลูกบิดประตูอยู่นั่นคือท่านพ่อแน่ๆ

เธอสะดุ้งตกใจลุกขึ้นมานั่งดีๆ บนโซฟา

“ทะ…เทีย…”

ท่านพ่อเรียกชื่อเธอในขณะที่เดินเซเข้ามาหา

และเมื่อหยุดยืนอยู่ตรงหน้าโซฟาที่เธอนั่งอยู่ ท่านพ่อก็ทรุดตัวลงไปนั่งคุกเข่าบนพื้น

ใบหน้าของท่านพ่อที่อยู่ในระดับสายตาเท่าเธอนั้นกำลังร้องไห้สะอื้น

“พ่อ…พ่อ…”

ท่านพ่อขยับตัวไปมาอยู่หลายครั้ง ก่อนจะพูดต่อ

“พ่อได้รับเหรียญรางวัลยกย่อง!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+