เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล 195.1

Now you are reading เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล Chapter 195.1 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เล่ม 5 บทที่ 195.1

ตอนที่ 195

บนเส้นทางมุ่งหน้าไปยังวิลล่าตระกูลลอมบาร์เดีย

ความเงียบอันน่าอึดอัดกลืนกินไปทั่วรถม้าที่จักรพรรดิโยบาเนสและจักรพรรดินีราวีนีนั่งโดยสารมาด้วยกัน

หากไม่จำเป็นแล้วละก็ ทั้งสองคนแทบไม่เคยนั่งอยู่ในสถานที่เดียวกันแบบนี้อยู่แล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้สนทนาอะไรกันแม้แต่คำเดียว

โดยเฉพาะโยบาเนสที่เอาแต่เหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างนั้นมีใบหน้าอึดอัดใจเป็นอย่างยิ่ง

หากสามารถกระโดดออกไปนอกรถม้าได้เสียประเดี๋ยวนี้ละก็ ต่อให้ต้องจ่ายทองคำออกไปกี่แท่งเขาก็ยอม

“อะแฮ่ม”

สุดท้ายโยบาเนสก็กระแอมไอด้วยความอึดอัดใจ

เหตุผลที่เขารู้สึกอึดอัดเวลาต้องเผชิญหน้ากับจักรพรรดินีมากถึงขนาดนี้ แท้จริงแล้วเป็นเพราะเรื่องการแต่งตั้งองค์รัชทายาทในช่วงระยะหลังมานี่

แน่นอนว่าจักรพรรดินีไม่เคยมาพูดกับเขาเองโดยตรงเกี่ยวกับปัญหาพวกนั้นหรอก

แต่ไม่มีทางที่โยบาเนสจะไม่รู้ว่า จักรพรรดินีกับอังเกนัสอยู่เบื้องหลังพวกขุนนางที่เอาแต่กดดันให้เขาแต่งตั้งรัชทายาทเสียทีในทุกการประชุมใหญ่

ว่าแล้วเชียว

“ฝ่าบาท”

จักรพรรดินีเอ่ยเรียกโยบาเนสเสียงหวาน

“ได้ยินมาว่าช่วงนี้ในที่ประชุมใหญ่กำลังเสนอให้มีการแต่งตั้งรัชทายาทหรือเพคะ”

เป็นไปตามที่เขาคาดไว้ไม่มีผิด

โยบาเนสแอบเบ้ปากด้วยความไม่พอใจ

“ถึงแม้ฝ่าบาทจะยังสุขภาพแข็งแรงดีก็เถอะ แต่ยังไงก็ต้องเข้าใจความรู้สึกของเหล่าขุนนางที่เป็นห่วงหากเกิดเหตุไม่คาดฝันด้วยสิเพคะ”

เหตุไม่คาดฝัน

คำพูดประโยคนั้นทำให้โยบาเนสไม่คิดที่จะทนนิ่งเงียบอีกต่อไป

“ที่คนพวกนั้นเป็นห่วงคือข้าผู้เป็นจักรพรรดิคนนี้ หรืออนาคตของอังเกนัสกันแน่”

“แน่นอนว่าต้องเป็นความสงบสุขของอาณาจักรแลมบลูกับตัวฝ่าบาทเองไม่ใช่หรือเพคะ”

“เห็นข้าโง่นักสินะ”

คราวนี้จักรพรรดิไม่คิดเก็บซ่อนความไม่พอใจเอาไว้อีกแล้ว

นัยน์ตาที่จ้องมองมาอย่างเย็นชาคู่นั้น มันน่ากลัวมากพอจะทำให้ราวีนียอมถอยก็จริง แต่วันนี้นางตั้งใจแน่วแน่แล้วว่าจะต้องไล่ต้อนโยบาเนสให้รุนแรงกว่าเดิม

“ขอหม่อมฉันกล่าวอะไรสักหน่อยได้มั้ยเพคะ ฝ่าบาท”

แทนคำตอบ โยบาเนสพ่นลมหายใจเสียงดังหึทางจมูกคล้ายกับจะบอกว่าก็ลองพูดมาสิ

จักรพรรดิโยบาเนสชายตามองจักรพรรดินีด้วยหางตา

มองผิวเผินอาจจะดูเหมือนกำลังให้คำแนะนำจากใจจริงอย่างอ่อนโยน แต่ภายใต้คำพูดพวกนั้นมันก็มีเพียงแค่ความโลภในผลประโยชน์ของตัวเองและตระกูลอังเกนัส

นับจากวันแรกที่ได้พบกันก็เป็นเช่นนั้นมาเสมอ

ราวีนีไม่ใช่จักรพรรดินีของอาณาจักรแห่งนี้ แต่เป็นเพียงแค่ ‘ราวีนีจากตระกูลอังเกนัส’

“ตอนนี้ฝ่าบาทก็เพียงแค่ผัดวันในสิ่งที่ต้องทำในสักวันอยู่ดีเท่านั้นเองเพคะ”

“ข้ารู้”

“ถ้าอย่างนั้นทำไมยังต้องรอเวลาอยู่อีกล่ะเพคะ คงไม่คิดที่จะแต่งตั้งเจ้าชายลำดับที่สองขึ้นเป็นรัชทายาทหรอกใช่มั้ยเพคะ”

คำถามของราวีนีที่ทิ่มแทงตรงจุดราวกับใช้หอกแทงลงมากลางใจ ทำให้จักรพรรดิโยบาเนสขมวดคิ้วจนหน้าผากยับย่นเป็นริ้ว

“เพราะอย่างไรสายเลือดมารดาชั้นต่ำนั่นก็ไม่มีทางสืบบัลลังก์อาณาจักรแลมบลูแห่งนี้ได้อยู่แล้วไม่ใช่หรือเพคะ”

เสียงของราวีนีสงบเยือกเย็น

น้ำเสียงไม่ได้เร่งรัดกดดันอะไร

เรื่องอื่นนางอาจจะไม่รู้ใจโยบาเนส แต่สำหรับความคิดเห็นเรื่องสายเลือดแล้ว นางทราบดีว่าจักรพรรดิโยบาเนสย่อมต้องคิดเห็นเช่นเดียวกับนางอย่างแน่นอน

“อะแฮ่ม”

เสียงกระแอมไอดังจากโยบาเนสอีกครั้ง

อาสทาน่ายังอ่อนด้อยเกินไป

แต่โยบาเนสเองก็ไม่เคยคิดที่จะมอบบัลลังก์ให้แก่เฟเรสเลยสักครั้งเหมือนกัน

เพราะผมสีดำกับนัยน์ตาสีแดงคู่นั้น มันทำให้เขานึกถึงอดีตจักรพรรดิขึ้นมาทุกครั้ง

เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนั้นที่เพียงแค่หลับตาลง กระทั่งตอนนี้ก็ยังมองเห็นมันได้อย่างชัดเจนราวกับเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน

“สักวันเจ้าก็จะต้องลงมือสังหารโอรสของเจ้าเหมือนข้า โยบาเนส”

ภาพอดีตจักรพรรดิที่หัวเราะเย้ยหยันสาปแช่งเขาด้วยนัยน์ตาแดงก่ำสีเลือด ยังคงทรมานโยบาเนสอยู่ทุกคืนทุกวัน

“ไว้ทีหลัง”

จักรพรรดิลืมตาขึ้นพลางเอ่ยพูด

“เรื่องนั้นเอาไว้คุยกันทีหลังเถอะ จักรพรรดินี”

รถม้าหยุดลงได้ถูกเวลาเสียจริง

โยบาเนสก้าวเท้าออกไปนอกรถม้าทันทีอย่างรวดเร็วราวกับรอคอยให้ประตูเปิดออกอยู่ก่อนแล้ว

“ฮ่าฮ่าฮ่า!”

จักรพรรดินีราวีนีจ้องเขม็งด้วยสายตาเย็นชาตามแผ่นหลังของจักรพรรดิที่ยังคงหัวเราะเสียงดังอย่างคนอารมณ์ดีเหมือนเมื่อครู่ไม่เคยมีท่าทีไม่พอใจใส่นาง ก่อนจะก้าวตามหลังลงจากรถม้าไป

ทว่าราวีนีเองก็แย้มรอยยิ้มหวานไม่ต่างกัน

* * *

ท่ามกลางผู้คนมากมายที่โค้งศีรษะลงอย่างนอบน้อมจนเห็นเพียงแค่หลังศีรษะทุย มีเพียงแค่ท่านปู่เท่านั้นที่ยังคงยืนเผชิญหน้ากับจักรพรรดิโยบาเนสอย่างไร้ซึ่งความยำเกรง

ทว่าในที่แห่งนี้ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่จะมองว่าเป็นการกระทำที่ไร้มารยาท

เพราะตำแหน่งเจ้าตระกูลลอมบาร์เดียมันเป็นตำแหน่งเช่นนั้นอยู่แล้ว

“เอาละ ทั้งหมดเงยหน้าขึ้นได้”

โยบาเนสกล่าวขณะที่ยังคงยิ้มแย้มไม่หยุด ราวกับมีเรื่องอะไรดีๆ เกิดขึ้น

เธอเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย พยายามมองสำรวจใบหน้าของจักรพรรดิโยบาเนสอย่างละเอียด

ใบหน้านั่นกำลังหัวเราะอยู่อย่างแน่นอน แต่มันมีอะไรแปลกๆ

เหมือนกับคนที่กำลังพยายามฝืนยิ้ม

และพอรู้สึกได้ว่ามีสายตาของใครบางคนกำลังมองเธออยู่ ก็เลยหันกลับไปมอง

เฟเรสนี่เอง

ในเมื่อที่นี่เป็นงานพบปะอย่างเป็นทางการที่ทุกคนต่างก็กำลังมองดูอยู่ พอเฟเรสสบตาเข้ากับเธอ เขาก็แค่โค้งศีรษะลงเล็กน้อยเป็นการทักทายเท่านั้น

เธอเองก็พยักหน้าตอบกลับไป ก่อนจะหันกลับไปเอียงหูแอบฟังบทสนทนาระหว่างท่านปู่กับจักรพรรดิโยบาเนสต่อ

“งานเทศกาลแข่งล่าสัตว์จัดในป่าวิกลจริตอย่างนั้นหรือเนี่ย เจ้าตระกูลลอมบาร์เดียลองทำอะไรแปลกใหม่หรือครับ”

“งานเทศกาลแข่งล่าสัตว์ครั้งนี้ไม่ใช่กระหม่อม แต่เป็นฟีเรนเทียหลานสาวของกระหม่อมเป็นผู้จัดเตรียมงานทั้งหมดพ่ะย่ะค่ะ”

“โฮ่ว อย่างนั้นหรือครับ”

สายตาแฝงความใคร่รู้ของโยบาเนสเบนมาที่เธอแทน

“ถึงแม้จะยังด้อยความสามารถอยู่มาก แต่หม่อมฉันก็พยายามทำเต็มที่เพคะ ฝ่าบาท”

เธอจับกระโปรงย่อเข่าลงเล็กน้อย แสร้งทำเป็นเขินอายกับคำชม

และส่งสัญญาณทางสายตาไปทางคนงานของลอมบาร์เดียที่ยืนรออยู่ข้างๆ

ทันทีที่ได้รับสัญญาณจากเธอ เหล่าผู้ดูแลประจำตระกูลต่างก็ส่งมอบชุดป้องกันสองชุดให้แก่เจ้าชายทั้งสอง

สีแดงเป็นของเฟเรส ส่วนสีเหลืองเป็นของอาสทาน่า

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล 195.1

Now you are reading เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล Chapter 195.1 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เล่ม 5 บทที่ 195.1

ตอนที่ 195

บนเส้นทางมุ่งหน้าไปยังวิลล่าตระกูลลอมบาร์เดีย

ความเงียบอันน่าอึดอัดกลืนกินไปทั่วรถม้าที่จักรพรรดิโยบาเนสและจักรพรรดินีราวีนีนั่งโดยสารมาด้วยกัน

หากไม่จำเป็นแล้วละก็ ทั้งสองคนแทบไม่เคยนั่งอยู่ในสถานที่เดียวกันแบบนี้อยู่แล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้สนทนาอะไรกันแม้แต่คำเดียว

โดยเฉพาะโยบาเนสที่เอาแต่เหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างนั้นมีใบหน้าอึดอัดใจเป็นอย่างยิ่ง

หากสามารถกระโดดออกไปนอกรถม้าได้เสียประเดี๋ยวนี้ละก็ ต่อให้ต้องจ่ายทองคำออกไปกี่แท่งเขาก็ยอม

“อะแฮ่ม”

สุดท้ายโยบาเนสก็กระแอมไอด้วยความอึดอัดใจ

เหตุผลที่เขารู้สึกอึดอัดเวลาต้องเผชิญหน้ากับจักรพรรดินีมากถึงขนาดนี้ แท้จริงแล้วเป็นเพราะเรื่องการแต่งตั้งองค์รัชทายาทในช่วงระยะหลังมานี่

แน่นอนว่าจักรพรรดินีไม่เคยมาพูดกับเขาเองโดยตรงเกี่ยวกับปัญหาพวกนั้นหรอก

แต่ไม่มีทางที่โยบาเนสจะไม่รู้ว่า จักรพรรดินีกับอังเกนัสอยู่เบื้องหลังพวกขุนนางที่เอาแต่กดดันให้เขาแต่งตั้งรัชทายาทเสียทีในทุกการประชุมใหญ่

ว่าแล้วเชียว

“ฝ่าบาท”

จักรพรรดินีเอ่ยเรียกโยบาเนสเสียงหวาน

“ได้ยินมาว่าช่วงนี้ในที่ประชุมใหญ่กำลังเสนอให้มีการแต่งตั้งรัชทายาทหรือเพคะ”

เป็นไปตามที่เขาคาดไว้ไม่มีผิด

โยบาเนสแอบเบ้ปากด้วยความไม่พอใจ

“ถึงแม้ฝ่าบาทจะยังสุขภาพแข็งแรงดีก็เถอะ แต่ยังไงก็ต้องเข้าใจความรู้สึกของเหล่าขุนนางที่เป็นห่วงหากเกิดเหตุไม่คาดฝันด้วยสิเพคะ”

เหตุไม่คาดฝัน

คำพูดประโยคนั้นทำให้โยบาเนสไม่คิดที่จะทนนิ่งเงียบอีกต่อไป

“ที่คนพวกนั้นเป็นห่วงคือข้าผู้เป็นจักรพรรดิคนนี้ หรืออนาคตของอังเกนัสกันแน่”

“แน่นอนว่าต้องเป็นความสงบสุขของอาณาจักรแลมบลูกับตัวฝ่าบาทเองไม่ใช่หรือเพคะ”

“เห็นข้าโง่นักสินะ”

คราวนี้จักรพรรดิไม่คิดเก็บซ่อนความไม่พอใจเอาไว้อีกแล้ว

นัยน์ตาที่จ้องมองมาอย่างเย็นชาคู่นั้น มันน่ากลัวมากพอจะทำให้ราวีนียอมถอยก็จริง แต่วันนี้นางตั้งใจแน่วแน่แล้วว่าจะต้องไล่ต้อนโยบาเนสให้รุนแรงกว่าเดิม

“ขอหม่อมฉันกล่าวอะไรสักหน่อยได้มั้ยเพคะ ฝ่าบาท”

แทนคำตอบ โยบาเนสพ่นลมหายใจเสียงดังหึทางจมูกคล้ายกับจะบอกว่าก็ลองพูดมาสิ

จักรพรรดิโยบาเนสชายตามองจักรพรรดินีด้วยหางตา

มองผิวเผินอาจจะดูเหมือนกำลังให้คำแนะนำจากใจจริงอย่างอ่อนโยน แต่ภายใต้คำพูดพวกนั้นมันก็มีเพียงแค่ความโลภในผลประโยชน์ของตัวเองและตระกูลอังเกนัส

นับจากวันแรกที่ได้พบกันก็เป็นเช่นนั้นมาเสมอ

ราวีนีไม่ใช่จักรพรรดินีของอาณาจักรแห่งนี้ แต่เป็นเพียงแค่ ‘ราวีนีจากตระกูลอังเกนัส’

“ตอนนี้ฝ่าบาทก็เพียงแค่ผัดวันในสิ่งที่ต้องทำในสักวันอยู่ดีเท่านั้นเองเพคะ”

“ข้ารู้”

“ถ้าอย่างนั้นทำไมยังต้องรอเวลาอยู่อีกล่ะเพคะ คงไม่คิดที่จะแต่งตั้งเจ้าชายลำดับที่สองขึ้นเป็นรัชทายาทหรอกใช่มั้ยเพคะ”

คำถามของราวีนีที่ทิ่มแทงตรงจุดราวกับใช้หอกแทงลงมากลางใจ ทำให้จักรพรรดิโยบาเนสขมวดคิ้วจนหน้าผากยับย่นเป็นริ้ว

“เพราะอย่างไรสายเลือดมารดาชั้นต่ำนั่นก็ไม่มีทางสืบบัลลังก์อาณาจักรแลมบลูแห่งนี้ได้อยู่แล้วไม่ใช่หรือเพคะ”

เสียงของราวีนีสงบเยือกเย็น

น้ำเสียงไม่ได้เร่งรัดกดดันอะไร

เรื่องอื่นนางอาจจะไม่รู้ใจโยบาเนส แต่สำหรับความคิดเห็นเรื่องสายเลือดแล้ว นางทราบดีว่าจักรพรรดิโยบาเนสย่อมต้องคิดเห็นเช่นเดียวกับนางอย่างแน่นอน

“อะแฮ่ม”

เสียงกระแอมไอดังจากโยบาเนสอีกครั้ง

อาสทาน่ายังอ่อนด้อยเกินไป

แต่โยบาเนสเองก็ไม่เคยคิดที่จะมอบบัลลังก์ให้แก่เฟเรสเลยสักครั้งเหมือนกัน

เพราะผมสีดำกับนัยน์ตาสีแดงคู่นั้น มันทำให้เขานึกถึงอดีตจักรพรรดิขึ้นมาทุกครั้ง

เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนั้นที่เพียงแค่หลับตาลง กระทั่งตอนนี้ก็ยังมองเห็นมันได้อย่างชัดเจนราวกับเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน

“สักวันเจ้าก็จะต้องลงมือสังหารโอรสของเจ้าเหมือนข้า โยบาเนส”

ภาพอดีตจักรพรรดิที่หัวเราะเย้ยหยันสาปแช่งเขาด้วยนัยน์ตาแดงก่ำสีเลือด ยังคงทรมานโยบาเนสอยู่ทุกคืนทุกวัน

“ไว้ทีหลัง”

จักรพรรดิลืมตาขึ้นพลางเอ่ยพูด

“เรื่องนั้นเอาไว้คุยกันทีหลังเถอะ จักรพรรดินี”

รถม้าหยุดลงได้ถูกเวลาเสียจริง

โยบาเนสก้าวเท้าออกไปนอกรถม้าทันทีอย่างรวดเร็วราวกับรอคอยให้ประตูเปิดออกอยู่ก่อนแล้ว

“ฮ่าฮ่าฮ่า!”

จักรพรรดินีราวีนีจ้องเขม็งด้วยสายตาเย็นชาตามแผ่นหลังของจักรพรรดิที่ยังคงหัวเราะเสียงดังอย่างคนอารมณ์ดีเหมือนเมื่อครู่ไม่เคยมีท่าทีไม่พอใจใส่นาง ก่อนจะก้าวตามหลังลงจากรถม้าไป

ทว่าราวีนีเองก็แย้มรอยยิ้มหวานไม่ต่างกัน

* * *

ท่ามกลางผู้คนมากมายที่โค้งศีรษะลงอย่างนอบน้อมจนเห็นเพียงแค่หลังศีรษะทุย มีเพียงแค่ท่านปู่เท่านั้นที่ยังคงยืนเผชิญหน้ากับจักรพรรดิโยบาเนสอย่างไร้ซึ่งความยำเกรง

ทว่าในที่แห่งนี้ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่จะมองว่าเป็นการกระทำที่ไร้มารยาท

เพราะตำแหน่งเจ้าตระกูลลอมบาร์เดียมันเป็นตำแหน่งเช่นนั้นอยู่แล้ว

“เอาละ ทั้งหมดเงยหน้าขึ้นได้”

โยบาเนสกล่าวขณะที่ยังคงยิ้มแย้มไม่หยุด ราวกับมีเรื่องอะไรดีๆ เกิดขึ้น

เธอเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย พยายามมองสำรวจใบหน้าของจักรพรรดิโยบาเนสอย่างละเอียด

ใบหน้านั่นกำลังหัวเราะอยู่อย่างแน่นอน แต่มันมีอะไรแปลกๆ

เหมือนกับคนที่กำลังพยายามฝืนยิ้ม

และพอรู้สึกได้ว่ามีสายตาของใครบางคนกำลังมองเธออยู่ ก็เลยหันกลับไปมอง

เฟเรสนี่เอง

ในเมื่อที่นี่เป็นงานพบปะอย่างเป็นทางการที่ทุกคนต่างก็กำลังมองดูอยู่ พอเฟเรสสบตาเข้ากับเธอ เขาก็แค่โค้งศีรษะลงเล็กน้อยเป็นการทักทายเท่านั้น

เธอเองก็พยักหน้าตอบกลับไป ก่อนจะหันกลับไปเอียงหูแอบฟังบทสนทนาระหว่างท่านปู่กับจักรพรรดิโยบาเนสต่อ

“งานเทศกาลแข่งล่าสัตว์จัดในป่าวิกลจริตอย่างนั้นหรือเนี่ย เจ้าตระกูลลอมบาร์เดียลองทำอะไรแปลกใหม่หรือครับ”

“งานเทศกาลแข่งล่าสัตว์ครั้งนี้ไม่ใช่กระหม่อม แต่เป็นฟีเรนเทียหลานสาวของกระหม่อมเป็นผู้จัดเตรียมงานทั้งหมดพ่ะย่ะค่ะ”

“โฮ่ว อย่างนั้นหรือครับ”

สายตาแฝงความใคร่รู้ของโยบาเนสเบนมาที่เธอแทน

“ถึงแม้จะยังด้อยความสามารถอยู่มาก แต่หม่อมฉันก็พยายามทำเต็มที่เพคะ ฝ่าบาท”

เธอจับกระโปรงย่อเข่าลงเล็กน้อย แสร้งทำเป็นเขินอายกับคำชม

และส่งสัญญาณทางสายตาไปทางคนงานของลอมบาร์เดียที่ยืนรออยู่ข้างๆ

ทันทีที่ได้รับสัญญาณจากเธอ เหล่าผู้ดูแลประจำตระกูลต่างก็ส่งมอบชุดป้องกันสองชุดให้แก่เจ้าชายทั้งสอง

สีแดงเป็นของเฟเรส ส่วนสีเหลืองเป็นของอาสทาน่า

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล 195.1

Now you are reading เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล Chapter 195.1 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เล่ม 5 บทที่ 195.1

ตอนที่ 195

บนเส้นทางมุ่งหน้าไปยังวิลล่าตระกูลลอมบาร์เดีย

ความเงียบอันน่าอึดอัดกลืนกินไปทั่วรถม้าที่จักรพรรดิโยบาเนสและจักรพรรดินีราวีนีนั่งโดยสารมาด้วยกัน

หากไม่จำเป็นแล้วละก็ ทั้งสองคนแทบไม่เคยนั่งอยู่ในสถานที่เดียวกันแบบนี้อยู่แล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้สนทนาอะไรกันแม้แต่คำเดียว

โดยเฉพาะโยบาเนสที่เอาแต่เหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างนั้นมีใบหน้าอึดอัดใจเป็นอย่างยิ่ง

หากสามารถกระโดดออกไปนอกรถม้าได้เสียประเดี๋ยวนี้ละก็ ต่อให้ต้องจ่ายทองคำออกไปกี่แท่งเขาก็ยอม

“อะแฮ่ม”

สุดท้ายโยบาเนสก็กระแอมไอด้วยความอึดอัดใจ

เหตุผลที่เขารู้สึกอึดอัดเวลาต้องเผชิญหน้ากับจักรพรรดินีมากถึงขนาดนี้ แท้จริงแล้วเป็นเพราะเรื่องการแต่งตั้งองค์รัชทายาทในช่วงระยะหลังมานี่

แน่นอนว่าจักรพรรดินีไม่เคยมาพูดกับเขาเองโดยตรงเกี่ยวกับปัญหาพวกนั้นหรอก

แต่ไม่มีทางที่โยบาเนสจะไม่รู้ว่า จักรพรรดินีกับอังเกนัสอยู่เบื้องหลังพวกขุนนางที่เอาแต่กดดันให้เขาแต่งตั้งรัชทายาทเสียทีในทุกการประชุมใหญ่

ว่าแล้วเชียว

“ฝ่าบาท”

จักรพรรดินีเอ่ยเรียกโยบาเนสเสียงหวาน

“ได้ยินมาว่าช่วงนี้ในที่ประชุมใหญ่กำลังเสนอให้มีการแต่งตั้งรัชทายาทหรือเพคะ”

เป็นไปตามที่เขาคาดไว้ไม่มีผิด

โยบาเนสแอบเบ้ปากด้วยความไม่พอใจ

“ถึงแม้ฝ่าบาทจะยังสุขภาพแข็งแรงดีก็เถอะ แต่ยังไงก็ต้องเข้าใจความรู้สึกของเหล่าขุนนางที่เป็นห่วงหากเกิดเหตุไม่คาดฝันด้วยสิเพคะ”

เหตุไม่คาดฝัน

คำพูดประโยคนั้นทำให้โยบาเนสไม่คิดที่จะทนนิ่งเงียบอีกต่อไป

“ที่คนพวกนั้นเป็นห่วงคือข้าผู้เป็นจักรพรรดิคนนี้ หรืออนาคตของอังเกนัสกันแน่”

“แน่นอนว่าต้องเป็นความสงบสุขของอาณาจักรแลมบลูกับตัวฝ่าบาทเองไม่ใช่หรือเพคะ”

“เห็นข้าโง่นักสินะ”

คราวนี้จักรพรรดิไม่คิดเก็บซ่อนความไม่พอใจเอาไว้อีกแล้ว

นัยน์ตาที่จ้องมองมาอย่างเย็นชาคู่นั้น มันน่ากลัวมากพอจะทำให้ราวีนียอมถอยก็จริง แต่วันนี้นางตั้งใจแน่วแน่แล้วว่าจะต้องไล่ต้อนโยบาเนสให้รุนแรงกว่าเดิม

“ขอหม่อมฉันกล่าวอะไรสักหน่อยได้มั้ยเพคะ ฝ่าบาท”

แทนคำตอบ โยบาเนสพ่นลมหายใจเสียงดังหึทางจมูกคล้ายกับจะบอกว่าก็ลองพูดมาสิ

จักรพรรดิโยบาเนสชายตามองจักรพรรดินีด้วยหางตา

มองผิวเผินอาจจะดูเหมือนกำลังให้คำแนะนำจากใจจริงอย่างอ่อนโยน แต่ภายใต้คำพูดพวกนั้นมันก็มีเพียงแค่ความโลภในผลประโยชน์ของตัวเองและตระกูลอังเกนัส

นับจากวันแรกที่ได้พบกันก็เป็นเช่นนั้นมาเสมอ

ราวีนีไม่ใช่จักรพรรดินีของอาณาจักรแห่งนี้ แต่เป็นเพียงแค่ ‘ราวีนีจากตระกูลอังเกนัส’

“ตอนนี้ฝ่าบาทก็เพียงแค่ผัดวันในสิ่งที่ต้องทำในสักวันอยู่ดีเท่านั้นเองเพคะ”

“ข้ารู้”

“ถ้าอย่างนั้นทำไมยังต้องรอเวลาอยู่อีกล่ะเพคะ คงไม่คิดที่จะแต่งตั้งเจ้าชายลำดับที่สองขึ้นเป็นรัชทายาทหรอกใช่มั้ยเพคะ”

คำถามของราวีนีที่ทิ่มแทงตรงจุดราวกับใช้หอกแทงลงมากลางใจ ทำให้จักรพรรดิโยบาเนสขมวดคิ้วจนหน้าผากยับย่นเป็นริ้ว

“เพราะอย่างไรสายเลือดมารดาชั้นต่ำนั่นก็ไม่มีทางสืบบัลลังก์อาณาจักรแลมบลูแห่งนี้ได้อยู่แล้วไม่ใช่หรือเพคะ”

เสียงของราวีนีสงบเยือกเย็น

น้ำเสียงไม่ได้เร่งรัดกดดันอะไร

เรื่องอื่นนางอาจจะไม่รู้ใจโยบาเนส แต่สำหรับความคิดเห็นเรื่องสายเลือดแล้ว นางทราบดีว่าจักรพรรดิโยบาเนสย่อมต้องคิดเห็นเช่นเดียวกับนางอย่างแน่นอน

“อะแฮ่ม”

เสียงกระแอมไอดังจากโยบาเนสอีกครั้ง

อาสทาน่ายังอ่อนด้อยเกินไป

แต่โยบาเนสเองก็ไม่เคยคิดที่จะมอบบัลลังก์ให้แก่เฟเรสเลยสักครั้งเหมือนกัน

เพราะผมสีดำกับนัยน์ตาสีแดงคู่นั้น มันทำให้เขานึกถึงอดีตจักรพรรดิขึ้นมาทุกครั้ง

เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนั้นที่เพียงแค่หลับตาลง กระทั่งตอนนี้ก็ยังมองเห็นมันได้อย่างชัดเจนราวกับเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน

“สักวันเจ้าก็จะต้องลงมือสังหารโอรสของเจ้าเหมือนข้า โยบาเนส”

ภาพอดีตจักรพรรดิที่หัวเราะเย้ยหยันสาปแช่งเขาด้วยนัยน์ตาแดงก่ำสีเลือด ยังคงทรมานโยบาเนสอยู่ทุกคืนทุกวัน

“ไว้ทีหลัง”

จักรพรรดิลืมตาขึ้นพลางเอ่ยพูด

“เรื่องนั้นเอาไว้คุยกันทีหลังเถอะ จักรพรรดินี”

รถม้าหยุดลงได้ถูกเวลาเสียจริง

โยบาเนสก้าวเท้าออกไปนอกรถม้าทันทีอย่างรวดเร็วราวกับรอคอยให้ประตูเปิดออกอยู่ก่อนแล้ว

“ฮ่าฮ่าฮ่า!”

จักรพรรดินีราวีนีจ้องเขม็งด้วยสายตาเย็นชาตามแผ่นหลังของจักรพรรดิที่ยังคงหัวเราะเสียงดังอย่างคนอารมณ์ดีเหมือนเมื่อครู่ไม่เคยมีท่าทีไม่พอใจใส่นาง ก่อนจะก้าวตามหลังลงจากรถม้าไป

ทว่าราวีนีเองก็แย้มรอยยิ้มหวานไม่ต่างกัน

* * *

ท่ามกลางผู้คนมากมายที่โค้งศีรษะลงอย่างนอบน้อมจนเห็นเพียงแค่หลังศีรษะทุย มีเพียงแค่ท่านปู่เท่านั้นที่ยังคงยืนเผชิญหน้ากับจักรพรรดิโยบาเนสอย่างไร้ซึ่งความยำเกรง

ทว่าในที่แห่งนี้ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่จะมองว่าเป็นการกระทำที่ไร้มารยาท

เพราะตำแหน่งเจ้าตระกูลลอมบาร์เดียมันเป็นตำแหน่งเช่นนั้นอยู่แล้ว

“เอาละ ทั้งหมดเงยหน้าขึ้นได้”

โยบาเนสกล่าวขณะที่ยังคงยิ้มแย้มไม่หยุด ราวกับมีเรื่องอะไรดีๆ เกิดขึ้น

เธอเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย พยายามมองสำรวจใบหน้าของจักรพรรดิโยบาเนสอย่างละเอียด

ใบหน้านั่นกำลังหัวเราะอยู่อย่างแน่นอน แต่มันมีอะไรแปลกๆ

เหมือนกับคนที่กำลังพยายามฝืนยิ้ม

และพอรู้สึกได้ว่ามีสายตาของใครบางคนกำลังมองเธออยู่ ก็เลยหันกลับไปมอง

เฟเรสนี่เอง

ในเมื่อที่นี่เป็นงานพบปะอย่างเป็นทางการที่ทุกคนต่างก็กำลังมองดูอยู่ พอเฟเรสสบตาเข้ากับเธอ เขาก็แค่โค้งศีรษะลงเล็กน้อยเป็นการทักทายเท่านั้น

เธอเองก็พยักหน้าตอบกลับไป ก่อนจะหันกลับไปเอียงหูแอบฟังบทสนทนาระหว่างท่านปู่กับจักรพรรดิโยบาเนสต่อ

“งานเทศกาลแข่งล่าสัตว์จัดในป่าวิกลจริตอย่างนั้นหรือเนี่ย เจ้าตระกูลลอมบาร์เดียลองทำอะไรแปลกใหม่หรือครับ”

“งานเทศกาลแข่งล่าสัตว์ครั้งนี้ไม่ใช่กระหม่อม แต่เป็นฟีเรนเทียหลานสาวของกระหม่อมเป็นผู้จัดเตรียมงานทั้งหมดพ่ะย่ะค่ะ”

“โฮ่ว อย่างนั้นหรือครับ”

สายตาแฝงความใคร่รู้ของโยบาเนสเบนมาที่เธอแทน

“ถึงแม้จะยังด้อยความสามารถอยู่มาก แต่หม่อมฉันก็พยายามทำเต็มที่เพคะ ฝ่าบาท”

เธอจับกระโปรงย่อเข่าลงเล็กน้อย แสร้งทำเป็นเขินอายกับคำชม

และส่งสัญญาณทางสายตาไปทางคนงานของลอมบาร์เดียที่ยืนรออยู่ข้างๆ

ทันทีที่ได้รับสัญญาณจากเธอ เหล่าผู้ดูแลประจำตระกูลต่างก็ส่งมอบชุดป้องกันสองชุดให้แก่เจ้าชายทั้งสอง

สีแดงเป็นของเฟเรส ส่วนสีเหลืองเป็นของอาสทาน่า

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+