เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล 222.1

Now you are reading เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล Chapter 222.1 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เล่ม 6 บทที่ 222.1

ตอนที่ 222

“เครย์ลีบัน!”

เธอมองเครย์ลีบันกระโดดลงจากหลังม้า ก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปคว้าตัวเครย์ลีบันเข้ามาสวมกอดเอาไว้แน่นทันที

หมับ!

คงเป็นเพราะขี่ม้ามาละมั้ง ถึงได้มีกลิ่นสายลมอ่อนๆ โชยมาจากตัวของเครย์ลีบัน

“…ท่านฟีเรนเทีย”

เครย์ลีบันเองก็กอดตอบเธอแน่นเช่นเดียวกัน

“ลำบากมากแล้วนะคะ เครย์ลีบัน กลัวมากเลยใช่มั้ยคะ”

“ถ้าบอกว่าไม่ก็คงจะเป็นคำโกหกครับ”

ถึงแม้จะพูดแบบนั้นยิ้มๆ ด้วยคลายความกังวลลงไปได้บ้างแล้ว แต่ร่างกายของเครย์ลีบันกลับสั่นเทาเล็กน้อย

“ท่านพี่…”

ลอรีลเดินเข้าไปหาเครย์ลีบันอย่างระมัดระวัง

หยาดน้ำตาที่กว่าจะห้ามไม่ให้หลั่งไหลออกมาได้ก็ต้องปลอบกันแทบแย่ กำลังเอ่อล้นรอบนัยน์ตาของลอรีลที่แดงก่ำอีกครั้ง

“…ท่านลอรีล”

เครย์ลีบันเหม่อมองภาพนั้นอยู่นิ่งๆ ก่อนจะหยิบผ้าเช็ดหน้าในอกเสื้อยื่นให้

“ขะ…ขอบคุณ…ฮึก!”

ลอรีลเบิกตากว้าง นางรับผ้าเช็ดหน้าผืนนั้น แต่แล้วก็ต้องระเบิดร้องไห้ออกมาเสียงดัง

เพราะผ้าเช็ดหน้าผืนที่เครย์ลีบันพกติดตัวผืนนั้น มันเป็นผ้าเช็ดหน้าผืนเดียวกันกับที่นางเคยมอบให้เมื่อคราวก่อน

ถึงแม้จะไม่แสดงออกมาภายนอก แต่เครย์ลีบันก็ยอมรับว่าลอรีลเป็นน้องสาวของเขาอยู่ลึกๆ ในใจ

เครย์ลีบันลูบไหล่ของลอรีลอย่างอ่อนโยนเป็นการปลอบโยน แล้วหันมาพูดกับเธอ

“กองกำลังอัศวินพาตัวไวโอเล็ตไปครับ”

“ไวโอเล็ต”

เธอหันขวับไปจ้องกองกำลังอัศวินส่วนพระองค์ที่หยุดนิ่งอยู่หน้าประตูคฤหาสน์

“ไอ้เวรพวกนั้นนี่ จริงๆ เลย”

อยากจะจัดการพวกมันให้ราบคาบอย่างที่ใจอยากเหลือเกิน

แต่มันยังไม่ถึงเวลา

ต้องรอให้มันสุกงอมเต็มที่เสียก่อน

“กระทั่งคุณไวโอเล็ตก็ด้วย…ทำยังไงดีล่ะคะ คุณหนู”

ลอรีลถามเธอด้วยนัยน์ตาหวาดกลัว มือข้างหนึ่งจับชายเสื้อของเครย์ลีบันเอาไว้แน่น

“ไม่เป็นไร จะไม่มีเรื่องเลวร้ายอะไรเกิดขึ้นทั้งสิ้น เพราะข้าจะไม่ปล่อยให้เป็นแบบนั้นแน่”

“แต่ข้อหานั่น…”

สมรู้ร่วมคิดก่อการลอบสังหารองค์จักรพรรดิ

ช่างเป็นข้อหาที่หนักหนาเหลือเกิน

“ให้ท่านพี่อธิบายอย่างชัดเจนว่าไม่มีส่วนรู้เห็นกับเรื่องนั้นไม่ดีกว่าหรือคะ”

ลอรีลเสนอแนะอย่างระมัดระวัง แต่เธอส่ายหน้าไม่เห็นด้วย

“ไม่ได้หรอก ทำแบบนั้นจักรพรรดินีก็คงหาข้อหาอื่นยัดเยียดให้อยู่ดี”

“ถ้าอย่างนั้นต้องทำเช่นไร…”

“ต้องเล็งเป้าไปที่จักรพรรดินียังไงล่ะ ไม่ให้สร้างเรื่องชั่วช้าพวกนี้ได้อีก”

เธอพูดพลางมองกองกำลังอัศวินส่วนพระองค์ที่ยังคงยืนประจันหน้ากับกองกำลังอัศวินลอมบาร์เดียอยู่ด้านนอก

“ขนาดสั่งให้กองกำลังอัศวินส่วนพระองค์เคลื่อนไหวแบบนั้น แสดงว่าจักรพรรดินีจนตรอกแล้วจริงๆ ยังไงล่ะ ดังนั้นจึงไม่หวาดกลัวสิ่งใดทั้งสิ้น”

เพราะคนที่เป็นฝ่ายกุมดาบหันคมเข้าหาอีกฝ่ายคือทางฝั่งนี้ต่างหาก

“อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันประชุมใหญ่แล้ว ขอแค่อดทนให้ได้จนถึงวันนั้นก็พอ”

และหันไปหาเฟเรส

“เรื่องไวโอเล็ต”

“เข้าใจแล้ว ไม่ต้องห่วง”

เฟเรสตอบทันที

“ข้าจะย้ายตัวนางไปที่ตึกกองกำลังอัศวิน และจะคอยดูแลคุ้มครองให้”

โล่งอกที่ผู้รับผิดชอบคดีลอบสังหารเป็นเฟเรส

ต่อให้กองกำลังอัศวินจะแบ่งออกเป็นสองฝ่าย แต่อำนาจสิทธิ์ขาดในการสอบสวนคนที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ อย่างไรก็ขึ้นตรงต่อเฟเรสอยู่ดี

“ไปก่อนนะ”

เฟเรสเอ่ยพลางกระโดดกลับขึ้นไปบนม้า

“เดี๋ยว”

เธอดึงรั้งแขนของเฟเรสแรงเล็กน้อย

“จะปล่อยให้เกิดเรื่องกับไวโอเล็ตเหมือนตอนเบเลซักไม่ได้เด็ดขาดนะ ข้ารู้ว่าตอนนั้นเจ้าจงใจปล่อยให้เวรยามหละหลวม แต่ว่า…”

เธอหยุดชะงัก

เพราะจู่ๆ ริมฝีปากของเฟเรสก็เคลื่อนเข้ามาใกล้

มันสัมผัสกับริมฝีปากเธอเพียงครู่ ก่อนจะถอยห่างออกไป ทำให้เธอตกตะลึงไปชั่วครู่

จุมพิตนี่มันหมายความว่าอะไรล่ะเนี่ย

ราวกับอ่านความคิดเธอออก เฟเรสหัวเราะเสียงทุ้ม แล้วเอ่ยพูด

“ก็คงไม่ได้พบหน้ากันสักพักนี่นา”

“ข้าไม่ได้ล้อเล่นนะ เฟเรส จะปล่อยให้มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับไวโอเล็ตไม่ได้เด็ดขาด ไวโอเล็ตเป็นคนของข้า”

“ข้ารู้ เทีย ข้าเองก็รู้ว่าเจ้าให้ความสำคัญกับคนของตัวเองมากขนาดไหน เพราะฉะนั้นไม่ต้องห่วง”

เฟเรสจุมพิตลงบนหน้าผากของเธออีกครั้ง

“เรื่องที่ทำให้เจ้าต้องเสียใจ ข้าไม่มีวันปล่อยให้มันเกิดขึ้นเด็ดขาด”

เฟเรสกล่าวเช่นนั้น แล้วกระโดดขึ้นไปนั่งบนหลังม้า

ตอนที่เด็กหนุ่มกุมบังเหียนพร้อมออกเดินทาง เธอก็เดินเข้าไปใกล้เขา

“ระวังตัวด้วย”

ข้างนอกนั่นตอนนี้เป็นสนามรบไปแล้ว

เธออาจจะปลอดภัยอยู่ในคฤหาสน์ก็จริง แต่การต้องส่งเฟเรสออกไปข้างนอกนั่นลำพัง มันทำเอาเธออดรู้สึกไม่สบายใจไม่ได้

เฟเรสพยักหน้าลง เขายกยิ้มเล็กน้อยไม่ได้พูดอะไร

“ไปกันเถอะ ย่าห์!”

กุบกับ กุบกับ!

หลังจากเฝ้ามองม้าของเฟเรสวิ่งผ่านเขตรั้วคฤหาสน์ออกไปไกลจนลับสายตา เธอจึงค่อยพาเครย์ลีบันเดินกลับเข้าไปด้านใน

* * *

ณ ห้องทำงานเจ้าตระกูลประจำคฤหาสน์อังเกนัส

“เครย์ลีบัน เพลเลส ซ่อนตัวอยู่ในคฤหาสน์ลอมบาร์เดียพ่ะย่ะค่ะ”

อีเดน ครูส รายงานให้จักรพรรดินีทราบ

มันเป็นห้องที่มีไว้สำหรับดิวอิจซึ่งเป็นเจ้าตระกูลอังเกนัส แต่อีเดน ครูส ผู้เป็นหัวหน้ากองกำลังอัศวินอังเกนัสไม่ได้คิดกังขาในพฤติกรรมของจักรพรรดินีเลยแม้แต่น้อย

“ไอ้หนูโสโครก…!”

จักรพรรดินีกัดฟันกรอด ตบลงบนโต๊ะอย่างแรงด้วยความไม่พอใจ

“ก็น่าจะเฝ้าหน้าคฤหาสน์ตั้งแต่แรกสิ!”

จักรพรรดินีตวาดเสียงลั่นใส่อีเดน ครูส

“ขออภัยพ่ะย่ะค่ะ”

ราวีนีจ้องอีเดน ครูส ที่ก้มหน้าขออภัยอีกหนึ่งครั้ง ก่อนจะเอ่ยถาม

“เอกสารสัญญากับโฉนดที่ดินล่ะ”

“ตอนนี้กำลังค้นทั่วคฤหาสน์เพลเลสกับตึกร้านค้าทั้งหมดอยู่พ่ะย่ะค่ะ อีกไม่นานจะต้องหาเจอแน่”

“ไม่ว่าจะต้องใช้วิธีใดก็ตาม ก็ต้องหามันมาให้ได้ ไม่อย่างนั้น…”

ราวีนีหยุดนิ่ง ในสถานการณ์ตอนนี้ที่นางสามารถเกลี้ยกล่อมจักรพรรดิให้เลือกข้างฝ่ายอังเกนัสได้แล้วนั้น หนังสือสัญญานั่นจะกลายเป็นจุดอ่อนที่เหลืออยู่เพียงหนึ่งเดียว

“สังหรณ์ใจไม่ดีเอาเสียเลย”

ราวีนีพึมพำขณะกัดปลายเล็บด้วยความกระวนกระวายใจ นางครุ่นคิดอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะลุกขึ้นจากที่นั่ง

“เสด็จแล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ”

อีเดน ครูส ช่วยสวมเสื้อคลุมตัวนอกของจักรพรรดินีคลุมลงบนไหล่ของนาง

“อีเดน”

จักรพรรดินีหันกลับไปมองอีเดน ครูส

“เรื่องที่สำคัญที่สุด คือการขัดขวางไม่ให้เครย์ลีบัน เพลเลส ไปเข้าร่วมการประชุมใหญ่ครั้งนี้”

เพราะคนที่สามารถทำให้หนังสือสัญญานั่นมีผลตามกฎหมาย มีเพียงแค่ ‘เจ้าของร้านค้าเพลเลส’ เพียงผู้เดียวเท่านั้น

“เฝ้าจับตามองหน้าคฤหาสน์ลอมบาร์เดียให้ดี และหากเครย์ลีบัน เพลเลส ออกมาเมื่อไหร่ ก็สังหารทิ้งเสีย”

ทำลายร้านค้าเพลเลสให้สิ้นซากไปเสียก็ไม่เลวนัก

รอยยิ้มงดงามแต่งแต้มขึ้นบนใบหน้าของจักรพรรดินีราวีนี

* * *

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล 222.1

Now you are reading เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล Chapter 222.1 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เล่ม 6 บทที่ 222.1

ตอนที่ 222

“เครย์ลีบัน!”

เธอมองเครย์ลีบันกระโดดลงจากหลังม้า ก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปคว้าตัวเครย์ลีบันเข้ามาสวมกอดเอาไว้แน่นทันที

หมับ!

คงเป็นเพราะขี่ม้ามาละมั้ง ถึงได้มีกลิ่นสายลมอ่อนๆ โชยมาจากตัวของเครย์ลีบัน

“…ท่านฟีเรนเทีย”

เครย์ลีบันเองก็กอดตอบเธอแน่นเช่นเดียวกัน

“ลำบากมากแล้วนะคะ เครย์ลีบัน กลัวมากเลยใช่มั้ยคะ”

“ถ้าบอกว่าไม่ก็คงจะเป็นคำโกหกครับ”

ถึงแม้จะพูดแบบนั้นยิ้มๆ ด้วยคลายความกังวลลงไปได้บ้างแล้ว แต่ร่างกายของเครย์ลีบันกลับสั่นเทาเล็กน้อย

“ท่านพี่…”

ลอรีลเดินเข้าไปหาเครย์ลีบันอย่างระมัดระวัง

หยาดน้ำตาที่กว่าจะห้ามไม่ให้หลั่งไหลออกมาได้ก็ต้องปลอบกันแทบแย่ กำลังเอ่อล้นรอบนัยน์ตาของลอรีลที่แดงก่ำอีกครั้ง

“…ท่านลอรีล”

เครย์ลีบันเหม่อมองภาพนั้นอยู่นิ่งๆ ก่อนจะหยิบผ้าเช็ดหน้าในอกเสื้อยื่นให้

“ขะ…ขอบคุณ…ฮึก!”

ลอรีลเบิกตากว้าง นางรับผ้าเช็ดหน้าผืนนั้น แต่แล้วก็ต้องระเบิดร้องไห้ออกมาเสียงดัง

เพราะผ้าเช็ดหน้าผืนที่เครย์ลีบันพกติดตัวผืนนั้น มันเป็นผ้าเช็ดหน้าผืนเดียวกันกับที่นางเคยมอบให้เมื่อคราวก่อน

ถึงแม้จะไม่แสดงออกมาภายนอก แต่เครย์ลีบันก็ยอมรับว่าลอรีลเป็นน้องสาวของเขาอยู่ลึกๆ ในใจ

เครย์ลีบันลูบไหล่ของลอรีลอย่างอ่อนโยนเป็นการปลอบโยน แล้วหันมาพูดกับเธอ

“กองกำลังอัศวินพาตัวไวโอเล็ตไปครับ”

“ไวโอเล็ต”

เธอหันขวับไปจ้องกองกำลังอัศวินส่วนพระองค์ที่หยุดนิ่งอยู่หน้าประตูคฤหาสน์

“ไอ้เวรพวกนั้นนี่ จริงๆ เลย”

อยากจะจัดการพวกมันให้ราบคาบอย่างที่ใจอยากเหลือเกิน

แต่มันยังไม่ถึงเวลา

ต้องรอให้มันสุกงอมเต็มที่เสียก่อน

“กระทั่งคุณไวโอเล็ตก็ด้วย…ทำยังไงดีล่ะคะ คุณหนู”

ลอรีลถามเธอด้วยนัยน์ตาหวาดกลัว มือข้างหนึ่งจับชายเสื้อของเครย์ลีบันเอาไว้แน่น

“ไม่เป็นไร จะไม่มีเรื่องเลวร้ายอะไรเกิดขึ้นทั้งสิ้น เพราะข้าจะไม่ปล่อยให้เป็นแบบนั้นแน่”

“แต่ข้อหานั่น…”

สมรู้ร่วมคิดก่อการลอบสังหารองค์จักรพรรดิ

ช่างเป็นข้อหาที่หนักหนาเหลือเกิน

“ให้ท่านพี่อธิบายอย่างชัดเจนว่าไม่มีส่วนรู้เห็นกับเรื่องนั้นไม่ดีกว่าหรือคะ”

ลอรีลเสนอแนะอย่างระมัดระวัง แต่เธอส่ายหน้าไม่เห็นด้วย

“ไม่ได้หรอก ทำแบบนั้นจักรพรรดินีก็คงหาข้อหาอื่นยัดเยียดให้อยู่ดี”

“ถ้าอย่างนั้นต้องทำเช่นไร…”

“ต้องเล็งเป้าไปที่จักรพรรดินียังไงล่ะ ไม่ให้สร้างเรื่องชั่วช้าพวกนี้ได้อีก”

เธอพูดพลางมองกองกำลังอัศวินส่วนพระองค์ที่ยังคงยืนประจันหน้ากับกองกำลังอัศวินลอมบาร์เดียอยู่ด้านนอก

“ขนาดสั่งให้กองกำลังอัศวินส่วนพระองค์เคลื่อนไหวแบบนั้น แสดงว่าจักรพรรดินีจนตรอกแล้วจริงๆ ยังไงล่ะ ดังนั้นจึงไม่หวาดกลัวสิ่งใดทั้งสิ้น”

เพราะคนที่เป็นฝ่ายกุมดาบหันคมเข้าหาอีกฝ่ายคือทางฝั่งนี้ต่างหาก

“อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันประชุมใหญ่แล้ว ขอแค่อดทนให้ได้จนถึงวันนั้นก็พอ”

และหันไปหาเฟเรส

“เรื่องไวโอเล็ต”

“เข้าใจแล้ว ไม่ต้องห่วง”

เฟเรสตอบทันที

“ข้าจะย้ายตัวนางไปที่ตึกกองกำลังอัศวิน และจะคอยดูแลคุ้มครองให้”

โล่งอกที่ผู้รับผิดชอบคดีลอบสังหารเป็นเฟเรส

ต่อให้กองกำลังอัศวินจะแบ่งออกเป็นสองฝ่าย แต่อำนาจสิทธิ์ขาดในการสอบสวนคนที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ อย่างไรก็ขึ้นตรงต่อเฟเรสอยู่ดี

“ไปก่อนนะ”

เฟเรสเอ่ยพลางกระโดดกลับขึ้นไปบนม้า

“เดี๋ยว”

เธอดึงรั้งแขนของเฟเรสแรงเล็กน้อย

“จะปล่อยให้เกิดเรื่องกับไวโอเล็ตเหมือนตอนเบเลซักไม่ได้เด็ดขาดนะ ข้ารู้ว่าตอนนั้นเจ้าจงใจปล่อยให้เวรยามหละหลวม แต่ว่า…”

เธอหยุดชะงัก

เพราะจู่ๆ ริมฝีปากของเฟเรสก็เคลื่อนเข้ามาใกล้

มันสัมผัสกับริมฝีปากเธอเพียงครู่ ก่อนจะถอยห่างออกไป ทำให้เธอตกตะลึงไปชั่วครู่

จุมพิตนี่มันหมายความว่าอะไรล่ะเนี่ย

ราวกับอ่านความคิดเธอออก เฟเรสหัวเราะเสียงทุ้ม แล้วเอ่ยพูด

“ก็คงไม่ได้พบหน้ากันสักพักนี่นา”

“ข้าไม่ได้ล้อเล่นนะ เฟเรส จะปล่อยให้มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับไวโอเล็ตไม่ได้เด็ดขาด ไวโอเล็ตเป็นคนของข้า”

“ข้ารู้ เทีย ข้าเองก็รู้ว่าเจ้าให้ความสำคัญกับคนของตัวเองมากขนาดไหน เพราะฉะนั้นไม่ต้องห่วง”

เฟเรสจุมพิตลงบนหน้าผากของเธออีกครั้ง

“เรื่องที่ทำให้เจ้าต้องเสียใจ ข้าไม่มีวันปล่อยให้มันเกิดขึ้นเด็ดขาด”

เฟเรสกล่าวเช่นนั้น แล้วกระโดดขึ้นไปนั่งบนหลังม้า

ตอนที่เด็กหนุ่มกุมบังเหียนพร้อมออกเดินทาง เธอก็เดินเข้าไปใกล้เขา

“ระวังตัวด้วย”

ข้างนอกนั่นตอนนี้เป็นสนามรบไปแล้ว

เธออาจจะปลอดภัยอยู่ในคฤหาสน์ก็จริง แต่การต้องส่งเฟเรสออกไปข้างนอกนั่นลำพัง มันทำเอาเธออดรู้สึกไม่สบายใจไม่ได้

เฟเรสพยักหน้าลง เขายกยิ้มเล็กน้อยไม่ได้พูดอะไร

“ไปกันเถอะ ย่าห์!”

กุบกับ กุบกับ!

หลังจากเฝ้ามองม้าของเฟเรสวิ่งผ่านเขตรั้วคฤหาสน์ออกไปไกลจนลับสายตา เธอจึงค่อยพาเครย์ลีบันเดินกลับเข้าไปด้านใน

* * *

ณ ห้องทำงานเจ้าตระกูลประจำคฤหาสน์อังเกนัส

“เครย์ลีบัน เพลเลส ซ่อนตัวอยู่ในคฤหาสน์ลอมบาร์เดียพ่ะย่ะค่ะ”

อีเดน ครูส รายงานให้จักรพรรดินีทราบ

มันเป็นห้องที่มีไว้สำหรับดิวอิจซึ่งเป็นเจ้าตระกูลอังเกนัส แต่อีเดน ครูส ผู้เป็นหัวหน้ากองกำลังอัศวินอังเกนัสไม่ได้คิดกังขาในพฤติกรรมของจักรพรรดินีเลยแม้แต่น้อย

“ไอ้หนูโสโครก…!”

จักรพรรดินีกัดฟันกรอด ตบลงบนโต๊ะอย่างแรงด้วยความไม่พอใจ

“ก็น่าจะเฝ้าหน้าคฤหาสน์ตั้งแต่แรกสิ!”

จักรพรรดินีตวาดเสียงลั่นใส่อีเดน ครูส

“ขออภัยพ่ะย่ะค่ะ”

ราวีนีจ้องอีเดน ครูส ที่ก้มหน้าขออภัยอีกหนึ่งครั้ง ก่อนจะเอ่ยถาม

“เอกสารสัญญากับโฉนดที่ดินล่ะ”

“ตอนนี้กำลังค้นทั่วคฤหาสน์เพลเลสกับตึกร้านค้าทั้งหมดอยู่พ่ะย่ะค่ะ อีกไม่นานจะต้องหาเจอแน่”

“ไม่ว่าจะต้องใช้วิธีใดก็ตาม ก็ต้องหามันมาให้ได้ ไม่อย่างนั้น…”

ราวีนีหยุดนิ่ง ในสถานการณ์ตอนนี้ที่นางสามารถเกลี้ยกล่อมจักรพรรดิให้เลือกข้างฝ่ายอังเกนัสได้แล้วนั้น หนังสือสัญญานั่นจะกลายเป็นจุดอ่อนที่เหลืออยู่เพียงหนึ่งเดียว

“สังหรณ์ใจไม่ดีเอาเสียเลย”

ราวีนีพึมพำขณะกัดปลายเล็บด้วยความกระวนกระวายใจ นางครุ่นคิดอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะลุกขึ้นจากที่นั่ง

“เสด็จแล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ”

อีเดน ครูส ช่วยสวมเสื้อคลุมตัวนอกของจักรพรรดินีคลุมลงบนไหล่ของนาง

“อีเดน”

จักรพรรดินีหันกลับไปมองอีเดน ครูส

“เรื่องที่สำคัญที่สุด คือการขัดขวางไม่ให้เครย์ลีบัน เพลเลส ไปเข้าร่วมการประชุมใหญ่ครั้งนี้”

เพราะคนที่สามารถทำให้หนังสือสัญญานั่นมีผลตามกฎหมาย มีเพียงแค่ ‘เจ้าของร้านค้าเพลเลส’ เพียงผู้เดียวเท่านั้น

“เฝ้าจับตามองหน้าคฤหาสน์ลอมบาร์เดียให้ดี และหากเครย์ลีบัน เพลเลส ออกมาเมื่อไหร่ ก็สังหารทิ้งเสีย”

ทำลายร้านค้าเพลเลสให้สิ้นซากไปเสียก็ไม่เลวนัก

รอยยิ้มงดงามแต่งแต้มขึ้นบนใบหน้าของจักรพรรดินีราวีนี

* * *

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+