เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล 218.2

Now you are reading เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล Chapter 218.2 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เล่ม 6 บทที่ 218.2

“ข้าไม่ไป!”

ว่าไงนะ ไอ้โง่นี่

เบเลซักนั่งกอดอกยืนกรานเสียงแข็ง

“ที่ที่มีกองกำลังอัศวินส่วนพระองค์คอยคุ้มครองข้า ยังไงก็ต้องปลอดภัยกว่าอยู่แล้ว!”

“ไหนบอกว่ากำลังเก็บสัมภาระเพื่อเดินทางกลับลอมบาร์เดียไม่ใช่หรือเพคะ”

เธอหันไปถามเฟเรส

“ท่าทางคงจะเปลี่ยนใจละมั้งครับ”

เฟเรสเอ่ยพูดด้วยใบหน้าไร้อารมณ์

แต่เธอรู้ดี นั่นหมายถึงเขากำลังหงุดหงิด

แถมยังมากด้วย

“เฮ้อ”

เธอเองก็ได้แต่ถอนหายใจด้วยความรำคาญใจ

งานแรกหลังจากได้รับตำแหน่งรักษาการเจ้าตระกูลอย่างเป็นทางการ กลับกลายเป็นต้องมาช่วยไอ้เบเลซักนี่ออกไปจากห้องขัง ซึ่งมันก็น่าหงุดหงิดพออยู่แล้ว

“เบเลซัก เจ้าคิดให้ดีจะดีกว่า”

แต่เจ้านี่กลับปฏิเสธความช่วยเหลือจากเธอเนี่ยนะ

คำพูดของเธอทำให้เบเลซักผงะไปเล็กน้อย ก่อนจะเหลือบมองใครคนหนึ่งด้วยนัยน์ตาไม่สบายใจเท่าไหร่

เธอรีบมองตามสายตานั่นไปอย่างรวดเร็ว

‘อัศวินกองกำลังส่วนพระองค์’

คนที่เบเลซักเหลือบมองในเสี้ยววินาทีนั้นเป็นอัศวินที่ยืนเอามือไขว้หลังเฝ้าอยู่หน้าประตู

“ลอร์ดท่านนี้มีนามว่าอะไร”

อัศวินคนนั้นลังเลไปชั่วครู่เมื่อได้ยินคำถามของเธอ แต่ก็ยอมตอบออกมา

“…โอลก้า บาราพอร์ท สังกัดกองกำลังอัศวินหน่วยที่ 1 ครับ”

เหอะ

พอจะเข้าใจได้แล้วว่านี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่

เธอถามเฟเรส

“ให้พวกอัศวินถอยออกไปสักครู่ก่อนได้มั้ยเพคะ เจ้าชาย”

“…ออกไปให้หมด”

หลังจากได้รับคำสั่งจากเฟเรส อัศวินทุกนายก็ออกไปจากห้อง ตอนนี้ข้างในห้องไต่สวนจึงเหลือแค่เธอ เฟเรส แล้วก็เบเลซักเท่านั้น

“เฮ้ เบเลซัก”

เธอหลุบตามองเบเลซักที่นั่งนิ่ง ในขณะที่เอ่ยพูดขึ้น

“ไอ้สมองขี้เลื่อยนี่”

“สะ…สมองขี้เลื่อย…”

“ขนาดยื่นเชือกช่วยชีวิตให้แบบนี้แล้ว ก็ยังไม่รู้อีกว่าเชือกเส้นนั้นเป็นเชือกที่จะช่วยชีวิตเจ้า งั้นก็สมองขี้เลื่อยถูกแล้วมั้ยล่ะ”

เธอเดาะลิ้นเสียงดังจิ๊จ๊ะในลำคอ

“ระหว่างที่เฟเรสปลีกตัวออกไป อัศวินตระกูลบาราพอร์ทนั่นพูดอะไรกับเจ้า”

เบเลซักไม่ได้ตอบคำถามเธอ

ในหัวสมองโง่ๆ นั่นก็คงแค่ลังเลอยู่ว่า ควรจะต้องบอกเธอหรือไม่บอกถึงจะดีกับตัวเขานั่นแหละ

เพราะฉะนั้นเธอเลยเป็นฝ่ายช่วยพูดให้แทน

“คงจะบอกว่า คนที่ใส่ความพยายามทำให้เจ้ากลายเป็นคนร้ายไม่ใช่องค์จักรพรรดินี แต่ที่จริงแล้วเป็นเฟเรสละสิ”

“ระ…เรื่องนั้น…!”

“แล้วคงบอกอีกว่า หากเจ้าติดตามข้ากลับไปยังลอมบาร์เดีย คนของจักรพรรดินีก็จะไม่อาจยื่นมือเข้ามาช่วยเหลืออะไรเจ้าได้อีก ก็เลยสั่งให้เจ้ารั้งรออยู่ที่นี่ต่อ”

ไม่จำเป็นต้องตรวจเช็กให้แน่ใจเลยว่า ‘ข้าพูดถูกใช่มั้ยล่ะ’

เพราะนัยน์ตาของเบเลซักกำลังสั่นเทาด้วยความกังวล

“และเจ้าก็ดันหลงเชื่อคำพูดพวกนั้นเสียด้วย เจ้าโง่”

คำพูดประโยคสุดท้ายทำให้เบเลซักโมโหเดือด แต่เขาก็ทำได้แค่กัดปากแน่น

“ข้าเองก็ไม่ชอบฝืนใจลากคนที่บอกไม่อยากไปเท่าไหร่ โดยเฉพาะกับเจ้า”

แต่เธอเป็นรักษาการเจ้าตระกูลลอมบาร์เดีย

อย่างน้อยเบเลซักก็ยังเป็นชายที่ใช้นามสกุลตระกูลลอมบาร์เดียอยู่ ดังนั้นย่อมหมายความว่าเขาเป็นคนในความรับผิดชอบของเธอ

“เพราะฉะนั้นข้าจะให้โอกาสอีกแค่ครั้งเดียวเท่านั้น เบเลซัก”

เธอถอนหายใจ ก่อนจะเอ่ยพูดต่อ

“ยกกระเป๋าสัมภาระขึ้น แล้วเดินไปขึ้นรถม้าลอมบาร์เดียเสีย”

นิ้วของเบเลซักกระตุกเล็กน้อย แต่หลังจากหยุดคิดไปครู่ใหญ่ สุดท้ายเขาก็ยังคงยืนกรานเช่นเดิม

“ไม่ไป ข้าบอกแล้วไงว่าไม่ไป”

“สุดท้ายก็ตัดสินใจที่จะเชื่อพวกนั้นสินะ”

“ท่านแม่บอกว่าคนของตระกูลบาราพอร์ท…”

“ท่านแม่?”

พูดถึงเซรัลงั้นเหรอ

ก่อนที่เธอจะทันได้ถามคำถามอะไรออกไป เฟเรสก็พูดแทรกขึ้นมา

“ปล่อยไว้เถอะครับ รักษาการเจ้าตระกูล”

สายตาของเฟเรสที่มองเบเลซักซึ่งกำลังนั่งคู้กายอยู่นั่นช่างเย็นชาเหลือเกิน

“เจ้านี่บอกว่าที่นี่ปลอดภัยกว่าไม่ใช่หรือครับ”

โกรธแล้วสินะเนี่ย เฟเรส

“หากเจ้าตัวยืนกรานไม่อยากไป ข้าเองก็บังคับตัวนักโทษให้ติดตามกลับไปไม่ได้หรอกครับ”

กฎว่าแบบนั้นก็จริงอยู่หรอก

เธอส่ายหน้าหวือ และเอ่ยพูดกับเบเลซัก

“เจ้าเป็นคนตัดสินใจเองนะ อย่านึกเสียใจขึ้นมาทีหลังก็แล้วกัน”

“ไม่…เสียใจแน่”

เบเลซักยังคงยืนกรานเสียงแข็ง

“ไอ้โง่สมองกลวง”

ไม่มีหัวสมองในการคิดประเมินสถานการณ์ได้อย่างเหมาะสม แถมยังเอาแต่ยึดมั่นในศักดิ์ศรีบ้าบอพวกนั้นอยู่ได้ เบเลซัก

เจ้านี่ ไม่ได้เปลี่ยนไปจากชีวิตก่อนที่ลงไม้ลงมือตบหน้าเธอเลยสักนิด

* * *

เบเลซักกำลังนอนหลับสบายหลังจากไม่ได้รู้สึกผ่อนคลายแบบนี้มาเสียนาน

หลังจากถูกคุมขัง เขาก็กระวนกระวายใจจนไม่อาจหลับได้ลง

ดื่มเหล้าที่เสิร์ฟมาพร้อมกับอาหารมื้อเย็นเสร็จ อารมณ์ก็ดีขึ้นมากจนเริ่มค่อยๆ รู้สึกง่วงขึ้นมา

และในตอนนั้นเองที่ไม่นึกว่าจะถูกปลุกให้ตื่นจากฝันหวานไร้ซึ่งความกังวลใดๆ จู่ๆ ร่างกายก็ถูกพลิกคว่ำอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว

“ค็อก!”

ความเจ็บปวดรุนแรงที่รู้สึกได้บริเวณคอทำให้เบเลซักเบิกตาโพลง

ภายในห้องยังคงมีแต่ความมืดมิดไม่เปลี่ยนแปลง

“ค็อก! นะ…นี่…!”

พอเห็นว่าเขาดีดดิ้นไปมาเพราะหายใจไม่ออก เข่าของใครคนหนึ่งก็ออกแรงกดทับลงบนแผ่นหลังของเบเลซักหนักกว่าเก่า

และ

ฟึ่บ

เสียงของบางสิ่งถูกชักออกมา พร้อมกับลำคอที่เริ่มตีบตันจนหายใจไม่ออก

“รีบๆ ตายไปซะ ไอ้เวรนี่”

นั่นเป็นเสียงที่เบเลซักเองก็รู้จักเป็นอย่างดี คนคนนี้คือ โอลก้า บาราพอร์ท นั่นเอง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล 218.2

Now you are reading เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล Chapter 218.2 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เล่ม 6 บทที่ 218.2

“ข้าไม่ไป!”

ว่าไงนะ ไอ้โง่นี่

เบเลซักนั่งกอดอกยืนกรานเสียงแข็ง

“ที่ที่มีกองกำลังอัศวินส่วนพระองค์คอยคุ้มครองข้า ยังไงก็ต้องปลอดภัยกว่าอยู่แล้ว!”

“ไหนบอกว่ากำลังเก็บสัมภาระเพื่อเดินทางกลับลอมบาร์เดียไม่ใช่หรือเพคะ”

เธอหันไปถามเฟเรส

“ท่าทางคงจะเปลี่ยนใจละมั้งครับ”

เฟเรสเอ่ยพูดด้วยใบหน้าไร้อารมณ์

แต่เธอรู้ดี นั่นหมายถึงเขากำลังหงุดหงิด

แถมยังมากด้วย

“เฮ้อ”

เธอเองก็ได้แต่ถอนหายใจด้วยความรำคาญใจ

งานแรกหลังจากได้รับตำแหน่งรักษาการเจ้าตระกูลอย่างเป็นทางการ กลับกลายเป็นต้องมาช่วยไอ้เบเลซักนี่ออกไปจากห้องขัง ซึ่งมันก็น่าหงุดหงิดพออยู่แล้ว

“เบเลซัก เจ้าคิดให้ดีจะดีกว่า”

แต่เจ้านี่กลับปฏิเสธความช่วยเหลือจากเธอเนี่ยนะ

คำพูดของเธอทำให้เบเลซักผงะไปเล็กน้อย ก่อนจะเหลือบมองใครคนหนึ่งด้วยนัยน์ตาไม่สบายใจเท่าไหร่

เธอรีบมองตามสายตานั่นไปอย่างรวดเร็ว

‘อัศวินกองกำลังส่วนพระองค์’

คนที่เบเลซักเหลือบมองในเสี้ยววินาทีนั้นเป็นอัศวินที่ยืนเอามือไขว้หลังเฝ้าอยู่หน้าประตู

“ลอร์ดท่านนี้มีนามว่าอะไร”

อัศวินคนนั้นลังเลไปชั่วครู่เมื่อได้ยินคำถามของเธอ แต่ก็ยอมตอบออกมา

“…โอลก้า บาราพอร์ท สังกัดกองกำลังอัศวินหน่วยที่ 1 ครับ”

เหอะ

พอจะเข้าใจได้แล้วว่านี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่

เธอถามเฟเรส

“ให้พวกอัศวินถอยออกไปสักครู่ก่อนได้มั้ยเพคะ เจ้าชาย”

“…ออกไปให้หมด”

หลังจากได้รับคำสั่งจากเฟเรส อัศวินทุกนายก็ออกไปจากห้อง ตอนนี้ข้างในห้องไต่สวนจึงเหลือแค่เธอ เฟเรส แล้วก็เบเลซักเท่านั้น

“เฮ้ เบเลซัก”

เธอหลุบตามองเบเลซักที่นั่งนิ่ง ในขณะที่เอ่ยพูดขึ้น

“ไอ้สมองขี้เลื่อยนี่”

“สะ…สมองขี้เลื่อย…”

“ขนาดยื่นเชือกช่วยชีวิตให้แบบนี้แล้ว ก็ยังไม่รู้อีกว่าเชือกเส้นนั้นเป็นเชือกที่จะช่วยชีวิตเจ้า งั้นก็สมองขี้เลื่อยถูกแล้วมั้ยล่ะ”

เธอเดาะลิ้นเสียงดังจิ๊จ๊ะในลำคอ

“ระหว่างที่เฟเรสปลีกตัวออกไป อัศวินตระกูลบาราพอร์ทนั่นพูดอะไรกับเจ้า”

เบเลซักไม่ได้ตอบคำถามเธอ

ในหัวสมองโง่ๆ นั่นก็คงแค่ลังเลอยู่ว่า ควรจะต้องบอกเธอหรือไม่บอกถึงจะดีกับตัวเขานั่นแหละ

เพราะฉะนั้นเธอเลยเป็นฝ่ายช่วยพูดให้แทน

“คงจะบอกว่า คนที่ใส่ความพยายามทำให้เจ้ากลายเป็นคนร้ายไม่ใช่องค์จักรพรรดินี แต่ที่จริงแล้วเป็นเฟเรสละสิ”

“ระ…เรื่องนั้น…!”

“แล้วคงบอกอีกว่า หากเจ้าติดตามข้ากลับไปยังลอมบาร์เดีย คนของจักรพรรดินีก็จะไม่อาจยื่นมือเข้ามาช่วยเหลืออะไรเจ้าได้อีก ก็เลยสั่งให้เจ้ารั้งรออยู่ที่นี่ต่อ”

ไม่จำเป็นต้องตรวจเช็กให้แน่ใจเลยว่า ‘ข้าพูดถูกใช่มั้ยล่ะ’

เพราะนัยน์ตาของเบเลซักกำลังสั่นเทาด้วยความกังวล

“และเจ้าก็ดันหลงเชื่อคำพูดพวกนั้นเสียด้วย เจ้าโง่”

คำพูดประโยคสุดท้ายทำให้เบเลซักโมโหเดือด แต่เขาก็ทำได้แค่กัดปากแน่น

“ข้าเองก็ไม่ชอบฝืนใจลากคนที่บอกไม่อยากไปเท่าไหร่ โดยเฉพาะกับเจ้า”

แต่เธอเป็นรักษาการเจ้าตระกูลลอมบาร์เดีย

อย่างน้อยเบเลซักก็ยังเป็นชายที่ใช้นามสกุลตระกูลลอมบาร์เดียอยู่ ดังนั้นย่อมหมายความว่าเขาเป็นคนในความรับผิดชอบของเธอ

“เพราะฉะนั้นข้าจะให้โอกาสอีกแค่ครั้งเดียวเท่านั้น เบเลซัก”

เธอถอนหายใจ ก่อนจะเอ่ยพูดต่อ

“ยกกระเป๋าสัมภาระขึ้น แล้วเดินไปขึ้นรถม้าลอมบาร์เดียเสีย”

นิ้วของเบเลซักกระตุกเล็กน้อย แต่หลังจากหยุดคิดไปครู่ใหญ่ สุดท้ายเขาก็ยังคงยืนกรานเช่นเดิม

“ไม่ไป ข้าบอกแล้วไงว่าไม่ไป”

“สุดท้ายก็ตัดสินใจที่จะเชื่อพวกนั้นสินะ”

“ท่านแม่บอกว่าคนของตระกูลบาราพอร์ท…”

“ท่านแม่?”

พูดถึงเซรัลงั้นเหรอ

ก่อนที่เธอจะทันได้ถามคำถามอะไรออกไป เฟเรสก็พูดแทรกขึ้นมา

“ปล่อยไว้เถอะครับ รักษาการเจ้าตระกูล”

สายตาของเฟเรสที่มองเบเลซักซึ่งกำลังนั่งคู้กายอยู่นั่นช่างเย็นชาเหลือเกิน

“เจ้านี่บอกว่าที่นี่ปลอดภัยกว่าไม่ใช่หรือครับ”

โกรธแล้วสินะเนี่ย เฟเรส

“หากเจ้าตัวยืนกรานไม่อยากไป ข้าเองก็บังคับตัวนักโทษให้ติดตามกลับไปไม่ได้หรอกครับ”

กฎว่าแบบนั้นก็จริงอยู่หรอก

เธอส่ายหน้าหวือ และเอ่ยพูดกับเบเลซัก

“เจ้าเป็นคนตัดสินใจเองนะ อย่านึกเสียใจขึ้นมาทีหลังก็แล้วกัน”

“ไม่…เสียใจแน่”

เบเลซักยังคงยืนกรานเสียงแข็ง

“ไอ้โง่สมองกลวง”

ไม่มีหัวสมองในการคิดประเมินสถานการณ์ได้อย่างเหมาะสม แถมยังเอาแต่ยึดมั่นในศักดิ์ศรีบ้าบอพวกนั้นอยู่ได้ เบเลซัก

เจ้านี่ ไม่ได้เปลี่ยนไปจากชีวิตก่อนที่ลงไม้ลงมือตบหน้าเธอเลยสักนิด

* * *

เบเลซักกำลังนอนหลับสบายหลังจากไม่ได้รู้สึกผ่อนคลายแบบนี้มาเสียนาน

หลังจากถูกคุมขัง เขาก็กระวนกระวายใจจนไม่อาจหลับได้ลง

ดื่มเหล้าที่เสิร์ฟมาพร้อมกับอาหารมื้อเย็นเสร็จ อารมณ์ก็ดีขึ้นมากจนเริ่มค่อยๆ รู้สึกง่วงขึ้นมา

และในตอนนั้นเองที่ไม่นึกว่าจะถูกปลุกให้ตื่นจากฝันหวานไร้ซึ่งความกังวลใดๆ จู่ๆ ร่างกายก็ถูกพลิกคว่ำอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว

“ค็อก!”

ความเจ็บปวดรุนแรงที่รู้สึกได้บริเวณคอทำให้เบเลซักเบิกตาโพลง

ภายในห้องยังคงมีแต่ความมืดมิดไม่เปลี่ยนแปลง

“ค็อก! นะ…นี่…!”

พอเห็นว่าเขาดีดดิ้นไปมาเพราะหายใจไม่ออก เข่าของใครคนหนึ่งก็ออกแรงกดทับลงบนแผ่นหลังของเบเลซักหนักกว่าเก่า

และ

ฟึ่บ

เสียงของบางสิ่งถูกชักออกมา พร้อมกับลำคอที่เริ่มตีบตันจนหายใจไม่ออก

“รีบๆ ตายไปซะ ไอ้เวรนี่”

นั่นเป็นเสียงที่เบเลซักเองก็รู้จักเป็นอย่างดี คนคนนี้คือ โอลก้า บาราพอร์ท นั่นเอง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+