เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล 128.1

Now you are reading เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล Chapter 128.1 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 128

ทำไมถึงเป็นเขาล่ะ

ภายในหัวสมองของเครย์ลีบันพลันเกิดคำถามเด้งขึ้นมาทันที

เขากับเจ้าชายลำดับที่สองเองก็ไม่เคยได้พบหน้าทักทายกันอย่างเป็นทางการเสียหน่อย

ก็แค่เคยเห็นหน้าค่าตากันบ้างตอนสมัยยังอยู่ที่คฤหาสน์ลอมบาร์เดีย หรือเวลาไปตามงานเลี้ยงเท่านั้นเอง

แล้วทำไมพระองค์ถึงได้ระแวงเขาถึงขนาดนั้นกัน

เครย์ลีบันเก็บซ่อนความตื่นตระหนกเอาไว้ในใจ ขณะที่กล่าวทักทายเฟเรสอย่างสุภาพอ่อนน้อม

“ขอแนะนำตัวอย่างเป็นทางการพ่ะย่ะค่ะเจ้าชายลำดับที่สอง กระหม่อมเครย์ลีบัน เพลเลสพ่ะย่ะค่ะ”

แต่เฟเรสกลับไม่ตอบอะไรเลยสักคำ

พระองค์เพียงแค่มองหน้าเครย์ลีบันนิ่งๆ เท่านั้น

ไม่ได้มีสีหน้าบึ้งตึงหรือขมวดคิ้วแน่นอะไรหรอก มันเป็นเพียงแค่ใบหน้าไร้อารมณ์เหมือนอย่างที่เคยชินจนติดเป็นนิสัย

แต่แรงกดดันที่กดข่มลงมานั้นกลับสร้างความปั่นป่วนก่อกวนเครย์ลีบันไม่หยุด

ราวกับกำลังสั่งเขาว่า ‘จงยอมนอบน้อมต่อข้าเสีย’ อย่างไรอย่างนั้น

มันทำให้เครย์ลีบันนึกไปถึงวันที่เขายืนอยู่ตรงหน้ารูลลักเป็นครั้งแรก ในขณะเดียวกันเขาก็ยังคงไม่แสดงสีหน้าท่าทางอะไรออกไป ยังคงรักษาความสงบนิ่งเอาไว้ได้อย่างดีเยี่ยม

เจ้าชายลำดับที่สองอาจจะน่าทึ่งมากก็จริง แต่ก็ยังเทียบกับรูลลักไม่ได้อยู่ดี

เขารู้ความจริงเรื่องนั้นดี ถึงได้พยายามไม่แสดงท่าทางสั่นไหวอะไรออกไป

และในจังหวะนั้นเอง

จู่ๆ แรงกดดันที่มีต่อเครย์ลีบันก็พลันจางหายไปในพริบตาราวกับเป็นแค่เรื่องโกหก

ที่แท้ก็แค่ตั้งใจจะทดสอบเขาสินะ

เครย์ลีบันตระหนักได้ในที่สุด

“ได้พบบุคคลที่นำพาร้านค้าเพลเลสไปสู่ความสำเร็จได้เช่นนี้ ข้าต่างหากล่ะที่รู้สึกยินดียิ่ง”

“…เป็นเกียรติอย่างยิ่งพ่ะย่ะค่ะ”

แต่ถึงจะเก็บพลังที่ใช้กดข่มเครย์ลีบันกลับไปแล้ว ก็ไม่ได้หมายความว่าเฟเรสจะยอมโอนอ่อนให้แต่อย่างใด

เครย์ลีบันยังคงรู้สึกได้ถึงความระแวดระวังที่ยังคงเหลือค้างอยู่เหมือนเดิม

และสิ่งนั้นก็ทำให้เกิดเสียงเตือนดังขึ้นในหัวสมองของเครย์ลีบัน

‘คงต้องขอให้คุณเบ๊ตช่วยหาข้อมูลให้แล้วละ’

เครย์ลีบันตั้งใจว่า ทันทีที่งานเลี้ยงจบลง เขาจะส่งสารไปหาเบ๊ตให้ช่วยเหลือเรื่องนี้ในทันที

“ขอร่วมโต๊ะด้วยได้มั้ยครับ”

เฟเรสถามแคลอฮันด้วยความเคารพ

“ยินดียิ่งพ่ะย่ะค่ะ”

“รบกวนด้วยครับ”

แต่แล้วในตอนนั้นเองที่เฟเรสกำลังจะนั่งลงบนเก้าอี้

ปัง!

คิลลีวูใช้ฝ่ามือตบลงบนโต๊ะตรงหน้าอย่างรุนแรง ในขณะที่เดาะลิ้นเสียงดังจิ๊จ๊ะด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะเปิดปากพูดด้วยความหงุดหงิด

“อา ทำไมพวกแมลงหวี่แมลงวันถึงได้เยอะขนาดนี้เนี่ย เจ้าก็เห็นใช่มั้ย เมโลน”

“อื้อ แมลงวันตัวใหญ่สุดๆ เอาแต่บินว่อนอยู่เรื่อยเลย”

สองแฝดที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามพูดรับส่งกันเองในขณะที่จ้องหน้าเฟเรสไปด้วย

ใครได้ฟังก็ย่อมทราบดีว่าหมายถึงเฟเรสอย่างชัดเจน

“คิลลีวู เมโลน!”

แคลอฮันตำหนิทั้งสองคนเสียงดัง

เสียงดุของแคลอฮันทำให้สองแฝดยอมเก็บสายตาที่จ้องเขม็งไปยังเฟเรสกลับคืนมาก็จริง แต่ก็ยังคงแสดงท่าทางคุกคามไม่ชอบหน้าเหมือนเดิม

“…ทั้งสองคน”

เฟเรสเป็นฝ่ายพูดเสียงทุ้มก่อน

“ได้ยินว่าได้รับการแต่งตั้งเป็นอัศวินกันแล้ว”

“แล้วไง”

เมโลนถามกลับไปเสียงห้วน

น้ำเสียงนั่นไม่อาจหาความเคารพหรือมารยาทที่พึงมีต่อคนเป็นถึงเจ้าชายได้เลย แต่เฟเรสไม่ได้สนใจเรื่องพวกนั้นเลยแม้แต่น้อย

เพียงแต่พูดข้อเสนอของตนออกไปแทน

“เอาไว้มาประลองกันสักครั้ง”

“ประ ประลอง?”

แววตาของสองแฝดที่ตั้งตัวเป็นศัตรูมาโดยตลอดสั่นระริก

สำหรับคนที่ฝึกฝนการฟันดาบแล้ว การได้ประลองกับบุคคลที่มีความสามารถถือว่าเป็นประสบการณ์อันแสนล้ำค่าที่ประเมินค่าไม่ได้เลยทีเดียว

เพราะการได้ร่วมประลองเพียงหนึ่งครั้งที่ว่านั่น มันจะช่วยให้พวกเขาได้รับประสบการณ์ที่ดียิ่งกว่าการฝึกฝนหลายปีเสียอีก ถึงจะขึ้นอยู่กับบุคคลและช่วงเวลาการฝึกฝนก็เถอะ

เรื่องที่เฟเรสเป็นอัจฉริยะมากความสามารถสามารถสร้างออร่าได้ตั้งแต่ตอนอายุแค่สิบสองปีเท่านั้น เป็นเรื่องที่โด่งดังมากจนไม่ว่าใครต่างก็ทราบกันถ้วนหน้า

อีกทั้งพวกเขายังได้ทราบผ่านเทียด้วยว่า เฟเรสจบการศึกษาด้วยคะแนนที่ยอดเยี่ยมแค่ไหนจากอะคาเดมี

ถึงแม้จะไม่อยากยอมรับก็เถอะ แต่เฟเรสเป็นคนที่มีความสามารถนำหน้าสองแฝดไปไกลมากจริงๆ

แล้วนี่พวกเขาจะได้ประลองกับเฟเรสคนนั้นอย่างนั้นหรือ

เฟเรสพูดกระตุ้นทั้งคู่ที่เริ่มใจอ่อนลง

“ข้าน่าจะช่วยเหลือพวกเจ้าทั้งสองคนได้มากทีเดียวนะ ใช้เวลาสักวันมาประลองกันดีกว่า ว่าไง”

“กรอด”

สุดท้ายเมโลนก็ยอมตกลง

คิลลีวูเองก็ตอบตกลงตามเมโลน

“เอาไว้อีกไม่นานข้าจะแวะไปหาที่กองกำลังอัศวินลอมบาร์เดียก็แล้วกัน”

มุมปากของเฟเรสกระตุกคล้ายจะยิ้มแต่ก็ดูไม่เหมือนรอยยิ้มเสียทีเดียว เขามองสองแฝดที่ยอมพยักหน้าตกลงถึงแม้ใบหน้าของทั้งคู่จะยังคงบึ้งตึงไม่ชอบหน้าเขาเท่าไหร่ก็เถอะ

ในตอนนั้นเอง แคลอฮันก็เอ่ยเรียกผู้ดูแลที่เดินถือถาดไวน์เดินผ่านไป แล้วหยิบเอาแก้วไวน์แก้วหนึ่งมาถือไว้

เฟเรสที่นั่งอยู่ข้างแคลอฮันก็เลือกแก้วสำหรับตัวเองด้วยเช่นกัน

และแกว่งแก้วไวน์ในมือเบาๆ ก่อนจะจิบไวน์ลงคอหนึ่งอึก

ท่าทางคล่องแคล่วดูคุ้นเคยมากทีเดียว

แคลอฮันเบิกตากว้างถามเฟเรส

“ดื่มเหล้าด้วยหรือพ่ะย่ะค่ะ”

“ดื่มบ้างเป็นครั้งคราวน่ะครับ”

“จะว่าไปตอนนี้เจ้าชายเองก็บรรลุนิติภาวะแล้วนี่นะพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมเผลอลืมอยู่เรื่อยเลย คงเป็นเพราะในหัวเอาแต่จดจำภาพลักษณ์ของเด็กชายที่ยืนอยู่ข้างเตียงคนไข้ของกระหม่อมกระมังพ่ะย่ะค่ะ”

แคลอฮันหัวเราะเสียงดังฮ่าฮ่า ก่อนจะถามต่อ

“ที่อะคาเดมีเป็นเช่นไรบ้างพ่ะย่ะค่ะ อยู่ตัวคนเดียวในสถานที่ห่างไกลเช่นนั้น คงจะลำบากน่าดูเชียว”

เฟเรสเหม่อมองไปไกลพลางจิบไวน์อีกหนึ่งครั้ง เขากะพริบตาลงอย่างเชื่องช้า

เพราะเขาไม่อาจหาคำตอบให้แก่คำถามของแคลอฮันได้

สำหรับเฟเรสแล้ว อะคาเดมีเป็นสถานที่ที่เขาจำเป็นต้องไป

เขาถูกจักรพรรดินีพยายามขับไล่ไสส่ง แต่สุดท้ายก็เป็นเขาเองที่เลือกจะเดินไปที่นั่นด้วยเท้าของตัวเอง

ดังนั้นเรื่องทั้งหลายที่เขาต้องเผชิญในที่แห่งนั้นก็มีแต่เรื่องที่เขาจำเป็นต้องเอาชนะมันให้ได้เท่านั้นเอง

ไม่ว่าจะตัวเขาหรือคนอื่นๆ ก็ไม่มีใครเคยถามเฟเรสด้วยความเป็นห่วงเลยสักครั้งว่า ‘ไม่เหนื่อยหรืออย่างไร’

แคลอฮันเอ่ยเรียกเฟเรสที่นั่งนิ่งไม่รู้ว่าเหม่อมองไปที่ไหน

“เจ้าชาย”

“อา ขออภัยครับ ข้าเพิ่งเคยได้รับคำถามแบบนี้เป็นครั้งแรก”

“ฮ่าฮ่า สงสัยคงเป็นเพราะเจ้าชายมักจะจัดการเรื่องทุกอย่างได้ดี ทั้งยังใจเย็นเป็นอย่างยิ่งกระมังพ่ะย่ะค่ะ ช่วงเวลาที่อะคาเดมีสนุกมั้ยพ่ะย่ะค่ะ”

คำถามที่ตอบได้ยากอีกแล้ว

เฟเรสเอียงคอเล็กน้อยขณะที่ถามแคลอฮันกลับไปแทนคำตอบ

“ความสนุกมันเป็นยังไงหรือครับ”

“ความสนุก…ก็หมายถึงมีความทรงจำดีๆ เหลือให้จดจำมากพ่ะย่ะค่ะ หากนึกถึงเรื่องพวกนั้นขึ้นมาก็มักจะทำให้ยิ้มออกมาได้ พวกความทรงจำที่อยากจะจดจำไว้ให้ได้นานๆ”

“อืมมม”

เฟเรสหยุดครุ่นคิดไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าลง

“ถ้าหากหมายถึงแบบนั้น ข้าก็คงจะสนุกอยู่เหมือนกันครับ”

เฟเรสได้รับอะไรที่สำคัญมากมายจากอะคาเดมี

ทั้งความรู้ ทั้งประสบการณ์ รวมถึงผู้คน

หลายสิ่งหลายอย่างที่เขาไม่อาจปล่อยมือไปได้แม้แต่สิ่งเดียว เพื่อเส้นทางที่เขาจะเดินต่อไปในอนาคต

คำตอบของเฟเรสทำให้แคลอฮันยิ้มด้วยความโล่งอก

“ได้คบหาเพื่อนฝูงเยอะเลยหรือเปล่าพ่ะย่ะค่ะ เพื่อนดีๆ ที่ได้คบหากันในวัยเรียนน่ะ เขาว่าจะเป็นเพื่อนกันไปตลอดชีวิตเลยละพ่ะย่ะค่ะ”

“ฮะฮะ”

สุดท้ายเฟเรสก็หลุดหัวเราะเสียงแผ่ว

มันเป็นเสียงหัวเราะแปลกประหลาดผสมผสานกับเสียงถอนหายใจ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล 128.1

Now you are reading เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล Chapter 128.1 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 128

ทำไมถึงเป็นเขาล่ะ

ภายในหัวสมองของเครย์ลีบันพลันเกิดคำถามเด้งขึ้นมาทันที

เขากับเจ้าชายลำดับที่สองเองก็ไม่เคยได้พบหน้าทักทายกันอย่างเป็นทางการเสียหน่อย

ก็แค่เคยเห็นหน้าค่าตากันบ้างตอนสมัยยังอยู่ที่คฤหาสน์ลอมบาร์เดีย หรือเวลาไปตามงานเลี้ยงเท่านั้นเอง

แล้วทำไมพระองค์ถึงได้ระแวงเขาถึงขนาดนั้นกัน

เครย์ลีบันเก็บซ่อนความตื่นตระหนกเอาไว้ในใจ ขณะที่กล่าวทักทายเฟเรสอย่างสุภาพอ่อนน้อม

“ขอแนะนำตัวอย่างเป็นทางการพ่ะย่ะค่ะเจ้าชายลำดับที่สอง กระหม่อมเครย์ลีบัน เพลเลสพ่ะย่ะค่ะ”

แต่เฟเรสกลับไม่ตอบอะไรเลยสักคำ

พระองค์เพียงแค่มองหน้าเครย์ลีบันนิ่งๆ เท่านั้น

ไม่ได้มีสีหน้าบึ้งตึงหรือขมวดคิ้วแน่นอะไรหรอก มันเป็นเพียงแค่ใบหน้าไร้อารมณ์เหมือนอย่างที่เคยชินจนติดเป็นนิสัย

แต่แรงกดดันที่กดข่มลงมานั้นกลับสร้างความปั่นป่วนก่อกวนเครย์ลีบันไม่หยุด

ราวกับกำลังสั่งเขาว่า ‘จงยอมนอบน้อมต่อข้าเสีย’ อย่างไรอย่างนั้น

มันทำให้เครย์ลีบันนึกไปถึงวันที่เขายืนอยู่ตรงหน้ารูลลักเป็นครั้งแรก ในขณะเดียวกันเขาก็ยังคงไม่แสดงสีหน้าท่าทางอะไรออกไป ยังคงรักษาความสงบนิ่งเอาไว้ได้อย่างดีเยี่ยม

เจ้าชายลำดับที่สองอาจจะน่าทึ่งมากก็จริง แต่ก็ยังเทียบกับรูลลักไม่ได้อยู่ดี

เขารู้ความจริงเรื่องนั้นดี ถึงได้พยายามไม่แสดงท่าทางสั่นไหวอะไรออกไป

และในจังหวะนั้นเอง

จู่ๆ แรงกดดันที่มีต่อเครย์ลีบันก็พลันจางหายไปในพริบตาราวกับเป็นแค่เรื่องโกหก

ที่แท้ก็แค่ตั้งใจจะทดสอบเขาสินะ

เครย์ลีบันตระหนักได้ในที่สุด

“ได้พบบุคคลที่นำพาร้านค้าเพลเลสไปสู่ความสำเร็จได้เช่นนี้ ข้าต่างหากล่ะที่รู้สึกยินดียิ่ง”

“…เป็นเกียรติอย่างยิ่งพ่ะย่ะค่ะ”

แต่ถึงจะเก็บพลังที่ใช้กดข่มเครย์ลีบันกลับไปแล้ว ก็ไม่ได้หมายความว่าเฟเรสจะยอมโอนอ่อนให้แต่อย่างใด

เครย์ลีบันยังคงรู้สึกได้ถึงความระแวดระวังที่ยังคงเหลือค้างอยู่เหมือนเดิม

และสิ่งนั้นก็ทำให้เกิดเสียงเตือนดังขึ้นในหัวสมองของเครย์ลีบัน

‘คงต้องขอให้คุณเบ๊ตช่วยหาข้อมูลให้แล้วละ’

เครย์ลีบันตั้งใจว่า ทันทีที่งานเลี้ยงจบลง เขาจะส่งสารไปหาเบ๊ตให้ช่วยเหลือเรื่องนี้ในทันที

“ขอร่วมโต๊ะด้วยได้มั้ยครับ”

เฟเรสถามแคลอฮันด้วยความเคารพ

“ยินดียิ่งพ่ะย่ะค่ะ”

“รบกวนด้วยครับ”

แต่แล้วในตอนนั้นเองที่เฟเรสกำลังจะนั่งลงบนเก้าอี้

ปัง!

คิลลีวูใช้ฝ่ามือตบลงบนโต๊ะตรงหน้าอย่างรุนแรง ในขณะที่เดาะลิ้นเสียงดังจิ๊จ๊ะด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะเปิดปากพูดด้วยความหงุดหงิด

“อา ทำไมพวกแมลงหวี่แมลงวันถึงได้เยอะขนาดนี้เนี่ย เจ้าก็เห็นใช่มั้ย เมโลน”

“อื้อ แมลงวันตัวใหญ่สุดๆ เอาแต่บินว่อนอยู่เรื่อยเลย”

สองแฝดที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามพูดรับส่งกันเองในขณะที่จ้องหน้าเฟเรสไปด้วย

ใครได้ฟังก็ย่อมทราบดีว่าหมายถึงเฟเรสอย่างชัดเจน

“คิลลีวู เมโลน!”

แคลอฮันตำหนิทั้งสองคนเสียงดัง

เสียงดุของแคลอฮันทำให้สองแฝดยอมเก็บสายตาที่จ้องเขม็งไปยังเฟเรสกลับคืนมาก็จริง แต่ก็ยังคงแสดงท่าทางคุกคามไม่ชอบหน้าเหมือนเดิม

“…ทั้งสองคน”

เฟเรสเป็นฝ่ายพูดเสียงทุ้มก่อน

“ได้ยินว่าได้รับการแต่งตั้งเป็นอัศวินกันแล้ว”

“แล้วไง”

เมโลนถามกลับไปเสียงห้วน

น้ำเสียงนั่นไม่อาจหาความเคารพหรือมารยาทที่พึงมีต่อคนเป็นถึงเจ้าชายได้เลย แต่เฟเรสไม่ได้สนใจเรื่องพวกนั้นเลยแม้แต่น้อย

เพียงแต่พูดข้อเสนอของตนออกไปแทน

“เอาไว้มาประลองกันสักครั้ง”

“ประ ประลอง?”

แววตาของสองแฝดที่ตั้งตัวเป็นศัตรูมาโดยตลอดสั่นระริก

สำหรับคนที่ฝึกฝนการฟันดาบแล้ว การได้ประลองกับบุคคลที่มีความสามารถถือว่าเป็นประสบการณ์อันแสนล้ำค่าที่ประเมินค่าไม่ได้เลยทีเดียว

เพราะการได้ร่วมประลองเพียงหนึ่งครั้งที่ว่านั่น มันจะช่วยให้พวกเขาได้รับประสบการณ์ที่ดียิ่งกว่าการฝึกฝนหลายปีเสียอีก ถึงจะขึ้นอยู่กับบุคคลและช่วงเวลาการฝึกฝนก็เถอะ

เรื่องที่เฟเรสเป็นอัจฉริยะมากความสามารถสามารถสร้างออร่าได้ตั้งแต่ตอนอายุแค่สิบสองปีเท่านั้น เป็นเรื่องที่โด่งดังมากจนไม่ว่าใครต่างก็ทราบกันถ้วนหน้า

อีกทั้งพวกเขายังได้ทราบผ่านเทียด้วยว่า เฟเรสจบการศึกษาด้วยคะแนนที่ยอดเยี่ยมแค่ไหนจากอะคาเดมี

ถึงแม้จะไม่อยากยอมรับก็เถอะ แต่เฟเรสเป็นคนที่มีความสามารถนำหน้าสองแฝดไปไกลมากจริงๆ

แล้วนี่พวกเขาจะได้ประลองกับเฟเรสคนนั้นอย่างนั้นหรือ

เฟเรสพูดกระตุ้นทั้งคู่ที่เริ่มใจอ่อนลง

“ข้าน่าจะช่วยเหลือพวกเจ้าทั้งสองคนได้มากทีเดียวนะ ใช้เวลาสักวันมาประลองกันดีกว่า ว่าไง”

“กรอด”

สุดท้ายเมโลนก็ยอมตกลง

คิลลีวูเองก็ตอบตกลงตามเมโลน

“เอาไว้อีกไม่นานข้าจะแวะไปหาที่กองกำลังอัศวินลอมบาร์เดียก็แล้วกัน”

มุมปากของเฟเรสกระตุกคล้ายจะยิ้มแต่ก็ดูไม่เหมือนรอยยิ้มเสียทีเดียว เขามองสองแฝดที่ยอมพยักหน้าตกลงถึงแม้ใบหน้าของทั้งคู่จะยังคงบึ้งตึงไม่ชอบหน้าเขาเท่าไหร่ก็เถอะ

ในตอนนั้นเอง แคลอฮันก็เอ่ยเรียกผู้ดูแลที่เดินถือถาดไวน์เดินผ่านไป แล้วหยิบเอาแก้วไวน์แก้วหนึ่งมาถือไว้

เฟเรสที่นั่งอยู่ข้างแคลอฮันก็เลือกแก้วสำหรับตัวเองด้วยเช่นกัน

และแกว่งแก้วไวน์ในมือเบาๆ ก่อนจะจิบไวน์ลงคอหนึ่งอึก

ท่าทางคล่องแคล่วดูคุ้นเคยมากทีเดียว

แคลอฮันเบิกตากว้างถามเฟเรส

“ดื่มเหล้าด้วยหรือพ่ะย่ะค่ะ”

“ดื่มบ้างเป็นครั้งคราวน่ะครับ”

“จะว่าไปตอนนี้เจ้าชายเองก็บรรลุนิติภาวะแล้วนี่นะพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมเผลอลืมอยู่เรื่อยเลย คงเป็นเพราะในหัวเอาแต่จดจำภาพลักษณ์ของเด็กชายที่ยืนอยู่ข้างเตียงคนไข้ของกระหม่อมกระมังพ่ะย่ะค่ะ”

แคลอฮันหัวเราะเสียงดังฮ่าฮ่า ก่อนจะถามต่อ

“ที่อะคาเดมีเป็นเช่นไรบ้างพ่ะย่ะค่ะ อยู่ตัวคนเดียวในสถานที่ห่างไกลเช่นนั้น คงจะลำบากน่าดูเชียว”

เฟเรสเหม่อมองไปไกลพลางจิบไวน์อีกหนึ่งครั้ง เขากะพริบตาลงอย่างเชื่องช้า

เพราะเขาไม่อาจหาคำตอบให้แก่คำถามของแคลอฮันได้

สำหรับเฟเรสแล้ว อะคาเดมีเป็นสถานที่ที่เขาจำเป็นต้องไป

เขาถูกจักรพรรดินีพยายามขับไล่ไสส่ง แต่สุดท้ายก็เป็นเขาเองที่เลือกจะเดินไปที่นั่นด้วยเท้าของตัวเอง

ดังนั้นเรื่องทั้งหลายที่เขาต้องเผชิญในที่แห่งนั้นก็มีแต่เรื่องที่เขาจำเป็นต้องเอาชนะมันให้ได้เท่านั้นเอง

ไม่ว่าจะตัวเขาหรือคนอื่นๆ ก็ไม่มีใครเคยถามเฟเรสด้วยความเป็นห่วงเลยสักครั้งว่า ‘ไม่เหนื่อยหรืออย่างไร’

แคลอฮันเอ่ยเรียกเฟเรสที่นั่งนิ่งไม่รู้ว่าเหม่อมองไปที่ไหน

“เจ้าชาย”

“อา ขออภัยครับ ข้าเพิ่งเคยได้รับคำถามแบบนี้เป็นครั้งแรก”

“ฮ่าฮ่า สงสัยคงเป็นเพราะเจ้าชายมักจะจัดการเรื่องทุกอย่างได้ดี ทั้งยังใจเย็นเป็นอย่างยิ่งกระมังพ่ะย่ะค่ะ ช่วงเวลาที่อะคาเดมีสนุกมั้ยพ่ะย่ะค่ะ”

คำถามที่ตอบได้ยากอีกแล้ว

เฟเรสเอียงคอเล็กน้อยขณะที่ถามแคลอฮันกลับไปแทนคำตอบ

“ความสนุกมันเป็นยังไงหรือครับ”

“ความสนุก…ก็หมายถึงมีความทรงจำดีๆ เหลือให้จดจำมากพ่ะย่ะค่ะ หากนึกถึงเรื่องพวกนั้นขึ้นมาก็มักจะทำให้ยิ้มออกมาได้ พวกความทรงจำที่อยากจะจดจำไว้ให้ได้นานๆ”

“อืมมม”

เฟเรสหยุดครุ่นคิดไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าลง

“ถ้าหากหมายถึงแบบนั้น ข้าก็คงจะสนุกอยู่เหมือนกันครับ”

เฟเรสได้รับอะไรที่สำคัญมากมายจากอะคาเดมี

ทั้งความรู้ ทั้งประสบการณ์ รวมถึงผู้คน

หลายสิ่งหลายอย่างที่เขาไม่อาจปล่อยมือไปได้แม้แต่สิ่งเดียว เพื่อเส้นทางที่เขาจะเดินต่อไปในอนาคต

คำตอบของเฟเรสทำให้แคลอฮันยิ้มด้วยความโล่งอก

“ได้คบหาเพื่อนฝูงเยอะเลยหรือเปล่าพ่ะย่ะค่ะ เพื่อนดีๆ ที่ได้คบหากันในวัยเรียนน่ะ เขาว่าจะเป็นเพื่อนกันไปตลอดชีวิตเลยละพ่ะย่ะค่ะ”

“ฮะฮะ”

สุดท้ายเฟเรสก็หลุดหัวเราะเสียงแผ่ว

มันเป็นเสียงหัวเราะแปลกประหลาดผสมผสานกับเสียงถอนหายใจ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+