เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล 233.1

Now you are reading เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล Chapter 233.1 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เล่ม 6 บทที่ 233.1

ตอนที่ 233

“ฮู่ว ฮู่ว”

หลังจากที่จักรพรรดินีโดนลากตัวออกไป โยบาเนสก็เริ่มหอบหายใจถี่หนักกว่าเดิม

ทุกครั้งที่สูดลมหายใจเข้าปอด ไหล่จะเกร็งแน่น ทั้งยังต้องใช้แรงฝืนเอาไว้มากกว่าเมื่อครู่ เห็นได้ชัดว่าอาการย่ำแย่กว่าเก่า

“แพทย์หลวง”

ฟีเรนเทียเรียกแพทย์หลวงที่ยืนทำหน้าหวาดกลัวหลบมุมอยู่ในซอกหลืบเงียบๆ

“อ๊ะ ครับ…”

ตอนนั้นเองแพทย์หลวงถึงตั้งสติขึ้นมาได้ จึงรีบร้อนวิ่งเข้าไปใกล้จักรพรรดิ แล้วยัดขวดยาใส่มือพระองค์

“คนแบบนั้นนั่งตำแหน่งจักรพรรดินีเนี่ยนะ”

ดื่มยาแล้วค่อยดูดีขึ้นบ้าง ลมหายใจก็ยังเหนื่อยหอบเหมือนเดิม แต่ถึงอย่างนั้นโยบาเนสก็ยังมัวแต่ยุ่งอยู่กับการด่าทอราวีนี

ถึงแม้ในสายตาคนอื่นแล้ว ไม่ว่าจะโยบาเนส หรือราวีนี จะไม่ได้แตกต่างกันสักเท่าไหร่นักก็เถอะ แต่โยบาเนสก็เอาแต่จ้องตำแหน่งที่จักรพรรดินีถูกลากตัวไปด้วยนัยน์ตาเหยียดหยาม

รูลลักนั่งนิ่งอยู่บนเก้าอี้ที่วางอยู่ใกล้เตียงนอน ชายชราเหลือบมองโยบาเนสด้วยความสมเพชครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยพูดเสียงเรียบ

“เทีย เจ้าชายลำดับที่สอง ออกไปก่อนเถอะ”

“…ข้าจะรออยู่ไม่ไกลนะครับ”

เฟเรสตอบเช่นนั้น แล้วพาฟีเรนเทียออกไปนอกห้องด้วยกัน

“ฝ่าบาท”

ทันทีที่ประตูปิดลง รูลลักก็เปิดปากพูดขึ้น

เขาไม่คิดที่จะดึงบทสนทนาให้ยืดเยื้อ

อยากจะรีบๆ พาหลานสาวกลับคฤหาสน์ลอมบาร์เดีย แล้วจะได้เอนกายพักผ่อนกันเสียที

“จะลงโทษอังเกนัสหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”

“ถามเรื่องอันใด มันแน่นอนอยู่แล้วมิใช่หรือครับ”

โยบาเนสดื่มยาจนหมดขวด เอ่ยตอบพลางโยนขวดแก้วว่างเปล่าไปข้างกายแพทย์หลวง

“ลบอังเกนัสให้หายไปจากแผนที่อาณาจักร”

รูลลักลอบส่ายหน้าในใจให้กับโทสะของจักรพรรดิที่เอาแต่สนใจแค่แก้แค้นให้กับตัวเอง

ทีความผิดที่เคยก่อเอาไว้ล่ะไม่เคยคิดไยดี และกระทั่งตอนนี้ที่ร่างกายต้องทรมานกับความเจ็บปวดจนหายใจแทบไม่ได้ โยบาเนสก็ยังไม่อาจตระหนักอะไรได้เลย

“กล้านำกองกำลังบุกเข้ามาที่วัง ก็ต้องรับผิดชอบ”

ไม่แม้แต่จะฉุกคิดว่าเหตุใดตนถึงได้ถูกวางยา มัวแต่สนใจกับเรื่องที่ตนเกือบถูกสังหารด้วยยาพิษเท่านั้น

แต่ถึงจะพูดไปแบบนั้น อย่างไรรูลลักก็ไม่ใช่คนใจดีที่จะช่วยปลุกจักรพรรดิผู้แสนโง่เขลาให้มีสติหรอก

‘ถ้าเป็นเจ้าหมาล่าเนื้อนั่น อาจจะดีกว่าก็ได้’

อย่างน้อยเจ้าชายลำดับที่สองก็ยังฉลาด ต่างจากโยบาเนส

รูลลักลอบประเมินเช่นนั้นอยู่ในใจ

“แต่หากฝ่าบาทลงมือด้วยตัวเอง มันจะไม่ลำบากเกินไปหรือพ่ะย่ะค่ะ”

“ไม่เป็นไร ข้าพักแค่ไม่กี่วันก็…”

รูลลักชิงพูดต่อ ไม่เปิดโอกาสให้โยบาเนสที่กำลังอ้าปากหอบหายใจ

“แต่งตั้งองค์รัชทายาทเถอะพ่ะย่ะค่ะ”

“รัชทายาท”

โยบาเนสขมวดคิ้วแน่นจนหน้านิ่ว

ปฏิกิริยาช่างสมกับเป็นโยบาเนสผู้เกลียดชังการแบ่งอำนาจในมือให้คนอื่นมากเสียจริง

“ได้เวลาเปลี่ยนความคิดแล้วพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท”

แต่คราวนี้รูลลักก็ยังคงไม่ยอมมอบเวลาให้จักรพรรดิได้โต้เถียงใดๆ

“กระหม่อมเองก็เคยเป็นเช่นเดียวกัน แต่ตอนนี้ถึงเวลาที่ฝ่าบาทเองก็ควรจะคิดถึงเรื่องผู้สืบทอดแล้วมิใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ ยังไม่มีผู้สืบทอดอยู่แบบนี้ หากฝ่าบาทเป็นอะไรไปขึ้นมา เรื่องราวจะกลายเป็นเช่นใดก็เห็นแล้วมิใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ”

รูลลักกล่าวราวกับกำลังตำหนิเด็กตัวน้อย

เดิมทีโยบาเนสก็ไม่ใช่คนที่จะต่อกรกับรูลลักได้อยู่แล้ว ยิ่งตอนนี้ที่แค่หายใจยังทำแทบไม่ได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึง

รูลลักเว้นจังหวะให้โยบาเนสได้ครุ่นคิด และคราวนี้ชายชราก็เริ่มเกลี้ยกล่อมราวกับว่าโยบาเนสในตอนนี้ไม่ได้ต่างอันใดกับอยู่ในกำมือของเขาเลย

“ผู้สืบทอดไม่ใช่คนที่จะแย่งชิงอำนาจในมือจากจักรพรรดิ แต่เป็นผู้ที่จะมาสืบทอดรับช่วงต่อต่างหากล่ะ”

โยบาเนสไม่คิดที่จะโต้เถียงคำพูดของรูลลักอีก

แฮก แฮก เพียงแค่หอบหายใจเหนื่อยอ่อน มองรูลลักด้วยนัยน์ตาหม่นหมองเท่านั้น

“กระหม่อมไม่ได้ต้องการให้พระองค์สละบัลลังก์ในตอนนี้พ่ะย่ะค่ะ เพียงแค่ให้แต่งตั้งเจ้าชายลำดับที่สองขึ้นเป็นองค์รัชทายาท ปฏิบัติหน้าที่ในฐานะตัวแทนของฝ่าบาทเท่านั้น”

“ตัวแทน?”

“เป็นตัวแทนในการจัดการเรื่องต่างๆ ที่ฝ่าบาทต้องการ”

องค์รัชทายาทที่เคลื่อนไหวตามคำสั่งของพระองค์

รูลลักมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าแววตาของโยบาเนสกำลังสั่นไหว

แน่นอนว่าสำหรับโยบาเนสเองก็ไม่มีตัวเลือกอื่นนอกจากเฟเรสอยู่แล้ว

รูลลักไม่ได้เร่งรัดอะไร เขาแค่กระตุ้นโยบาเนสเล็กน้อย

“ใช้เจ้าชายลำดับที่สองจัดการอังเกนัสให้ราบคาบ มอบโทษทัณฑ์ที่เหมาะสมต่อความผิดทั้งหลายแหล่ของจักรพรรดินี แสดงให้ทุกคนได้ประจักษ์แจ้งกันถ้วนหน้าพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท”

น้ำเสียงของรูลลักกดต่ำลงอีกระดับ

“ว่าตระกูลที่กล้าดูหมิ่นราชบัลลังก์ราวกับเป็นตัวตลก จะต้องพบกับจุดจบเช่นใด”

หลังจากกล่าวออกไป รูลลักก็ไม่ได้พยายามเกลี้ยกล่อมอะไรอีก

เพราะไม่จำเป็นต้องพูดอะไรไปมากกว่านั้น

แค่นั่งเอนกายพิงพนักเก้าอี้อีกครั้งอย่างผ่อนคลาย รอให้โยบาเนสพยักหน้าตกลงก็จบ

ไม่นานหลังจากนั้น

“ได้ ทำตามนั้นก็แล้วกัน ถูกใจข้าเหมือนกัน”

โยบาเนสยกยิ้มให้รูลลักราวกับจะบอกว่านั่นเป็นความคิดที่ยอดเยี่ยม

รูลลักมองภาพตรงหน้า ในใจได้แค่ครุ่นคิด

ปฐมกษัตริย์เป็นบุคคลที่ชาญฉลาดเป็นอย่างยิ่งอย่างไม่ต้องสงสัย

คงเป็นเพราะทราบดีอยู่แล้วว่า ลูกหลานของพระองค์ไม่อาจนำพาอาณาจักรแลมบลูให้เจริญรุ่งเรืองได้เพียงลำพัง ถึงได้จัดเตรียมที่พักพิงอันแสนยิ่งใหญ่อย่างลอมบาร์เดียเอาไว้ให้

ได้ยื่นมือเข้ามาช่วยผลักดันให้โยบาเนสผู้แสนโง่เขลาให้ยอมส่งมอบอำนาจต่อให้แก่เจ้าชายลำดับที่สองที่พอจะใช้งานใช้การได้บ้างแบบนี้

นี่เป็นเรื่องดีเรื่องหนึ่งที่เขาจะสามารถทำเพื่อประชาชนในอาณาจักรได้เป็นครั้งสุดท้ายในฐานะเจ้าตระกูลลอมบาร์เดีย

รูลลักยกยิ้มในขณะที่มองโยบาเนสด้วยความภาคภูมิใจในตัวเอง

* * *

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล 233.1

Now you are reading เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล Chapter 233.1 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เล่ม 6 บทที่ 233.1

ตอนที่ 233

“ฮู่ว ฮู่ว”

หลังจากที่จักรพรรดินีโดนลากตัวออกไป โยบาเนสก็เริ่มหอบหายใจถี่หนักกว่าเดิม

ทุกครั้งที่สูดลมหายใจเข้าปอด ไหล่จะเกร็งแน่น ทั้งยังต้องใช้แรงฝืนเอาไว้มากกว่าเมื่อครู่ เห็นได้ชัดว่าอาการย่ำแย่กว่าเก่า

“แพทย์หลวง”

ฟีเรนเทียเรียกแพทย์หลวงที่ยืนทำหน้าหวาดกลัวหลบมุมอยู่ในซอกหลืบเงียบๆ

“อ๊ะ ครับ…”

ตอนนั้นเองแพทย์หลวงถึงตั้งสติขึ้นมาได้ จึงรีบร้อนวิ่งเข้าไปใกล้จักรพรรดิ แล้วยัดขวดยาใส่มือพระองค์

“คนแบบนั้นนั่งตำแหน่งจักรพรรดินีเนี่ยนะ”

ดื่มยาแล้วค่อยดูดีขึ้นบ้าง ลมหายใจก็ยังเหนื่อยหอบเหมือนเดิม แต่ถึงอย่างนั้นโยบาเนสก็ยังมัวแต่ยุ่งอยู่กับการด่าทอราวีนี

ถึงแม้ในสายตาคนอื่นแล้ว ไม่ว่าจะโยบาเนส หรือราวีนี จะไม่ได้แตกต่างกันสักเท่าไหร่นักก็เถอะ แต่โยบาเนสก็เอาแต่จ้องตำแหน่งที่จักรพรรดินีถูกลากตัวไปด้วยนัยน์ตาเหยียดหยาม

รูลลักนั่งนิ่งอยู่บนเก้าอี้ที่วางอยู่ใกล้เตียงนอน ชายชราเหลือบมองโยบาเนสด้วยความสมเพชครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยพูดเสียงเรียบ

“เทีย เจ้าชายลำดับที่สอง ออกไปก่อนเถอะ”

“…ข้าจะรออยู่ไม่ไกลนะครับ”

เฟเรสตอบเช่นนั้น แล้วพาฟีเรนเทียออกไปนอกห้องด้วยกัน

“ฝ่าบาท”

ทันทีที่ประตูปิดลง รูลลักก็เปิดปากพูดขึ้น

เขาไม่คิดที่จะดึงบทสนทนาให้ยืดเยื้อ

อยากจะรีบๆ พาหลานสาวกลับคฤหาสน์ลอมบาร์เดีย แล้วจะได้เอนกายพักผ่อนกันเสียที

“จะลงโทษอังเกนัสหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”

“ถามเรื่องอันใด มันแน่นอนอยู่แล้วมิใช่หรือครับ”

โยบาเนสดื่มยาจนหมดขวด เอ่ยตอบพลางโยนขวดแก้วว่างเปล่าไปข้างกายแพทย์หลวง

“ลบอังเกนัสให้หายไปจากแผนที่อาณาจักร”

รูลลักลอบส่ายหน้าในใจให้กับโทสะของจักรพรรดิที่เอาแต่สนใจแค่แก้แค้นให้กับตัวเอง

ทีความผิดที่เคยก่อเอาไว้ล่ะไม่เคยคิดไยดี และกระทั่งตอนนี้ที่ร่างกายต้องทรมานกับความเจ็บปวดจนหายใจแทบไม่ได้ โยบาเนสก็ยังไม่อาจตระหนักอะไรได้เลย

“กล้านำกองกำลังบุกเข้ามาที่วัง ก็ต้องรับผิดชอบ”

ไม่แม้แต่จะฉุกคิดว่าเหตุใดตนถึงได้ถูกวางยา มัวแต่สนใจกับเรื่องที่ตนเกือบถูกสังหารด้วยยาพิษเท่านั้น

แต่ถึงจะพูดไปแบบนั้น อย่างไรรูลลักก็ไม่ใช่คนใจดีที่จะช่วยปลุกจักรพรรดิผู้แสนโง่เขลาให้มีสติหรอก

‘ถ้าเป็นเจ้าหมาล่าเนื้อนั่น อาจจะดีกว่าก็ได้’

อย่างน้อยเจ้าชายลำดับที่สองก็ยังฉลาด ต่างจากโยบาเนส

รูลลักลอบประเมินเช่นนั้นอยู่ในใจ

“แต่หากฝ่าบาทลงมือด้วยตัวเอง มันจะไม่ลำบากเกินไปหรือพ่ะย่ะค่ะ”

“ไม่เป็นไร ข้าพักแค่ไม่กี่วันก็…”

รูลลักชิงพูดต่อ ไม่เปิดโอกาสให้โยบาเนสที่กำลังอ้าปากหอบหายใจ

“แต่งตั้งองค์รัชทายาทเถอะพ่ะย่ะค่ะ”

“รัชทายาท”

โยบาเนสขมวดคิ้วแน่นจนหน้านิ่ว

ปฏิกิริยาช่างสมกับเป็นโยบาเนสผู้เกลียดชังการแบ่งอำนาจในมือให้คนอื่นมากเสียจริง

“ได้เวลาเปลี่ยนความคิดแล้วพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท”

แต่คราวนี้รูลลักก็ยังคงไม่ยอมมอบเวลาให้จักรพรรดิได้โต้เถียงใดๆ

“กระหม่อมเองก็เคยเป็นเช่นเดียวกัน แต่ตอนนี้ถึงเวลาที่ฝ่าบาทเองก็ควรจะคิดถึงเรื่องผู้สืบทอดแล้วมิใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ ยังไม่มีผู้สืบทอดอยู่แบบนี้ หากฝ่าบาทเป็นอะไรไปขึ้นมา เรื่องราวจะกลายเป็นเช่นใดก็เห็นแล้วมิใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ”

รูลลักกล่าวราวกับกำลังตำหนิเด็กตัวน้อย

เดิมทีโยบาเนสก็ไม่ใช่คนที่จะต่อกรกับรูลลักได้อยู่แล้ว ยิ่งตอนนี้ที่แค่หายใจยังทำแทบไม่ได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึง

รูลลักเว้นจังหวะให้โยบาเนสได้ครุ่นคิด และคราวนี้ชายชราก็เริ่มเกลี้ยกล่อมราวกับว่าโยบาเนสในตอนนี้ไม่ได้ต่างอันใดกับอยู่ในกำมือของเขาเลย

“ผู้สืบทอดไม่ใช่คนที่จะแย่งชิงอำนาจในมือจากจักรพรรดิ แต่เป็นผู้ที่จะมาสืบทอดรับช่วงต่อต่างหากล่ะ”

โยบาเนสไม่คิดที่จะโต้เถียงคำพูดของรูลลักอีก

แฮก แฮก เพียงแค่หอบหายใจเหนื่อยอ่อน มองรูลลักด้วยนัยน์ตาหม่นหมองเท่านั้น

“กระหม่อมไม่ได้ต้องการให้พระองค์สละบัลลังก์ในตอนนี้พ่ะย่ะค่ะ เพียงแค่ให้แต่งตั้งเจ้าชายลำดับที่สองขึ้นเป็นองค์รัชทายาท ปฏิบัติหน้าที่ในฐานะตัวแทนของฝ่าบาทเท่านั้น”

“ตัวแทน?”

“เป็นตัวแทนในการจัดการเรื่องต่างๆ ที่ฝ่าบาทต้องการ”

องค์รัชทายาทที่เคลื่อนไหวตามคำสั่งของพระองค์

รูลลักมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าแววตาของโยบาเนสกำลังสั่นไหว

แน่นอนว่าสำหรับโยบาเนสเองก็ไม่มีตัวเลือกอื่นนอกจากเฟเรสอยู่แล้ว

รูลลักไม่ได้เร่งรัดอะไร เขาแค่กระตุ้นโยบาเนสเล็กน้อย

“ใช้เจ้าชายลำดับที่สองจัดการอังเกนัสให้ราบคาบ มอบโทษทัณฑ์ที่เหมาะสมต่อความผิดทั้งหลายแหล่ของจักรพรรดินี แสดงให้ทุกคนได้ประจักษ์แจ้งกันถ้วนหน้าพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท”

น้ำเสียงของรูลลักกดต่ำลงอีกระดับ

“ว่าตระกูลที่กล้าดูหมิ่นราชบัลลังก์ราวกับเป็นตัวตลก จะต้องพบกับจุดจบเช่นใด”

หลังจากกล่าวออกไป รูลลักก็ไม่ได้พยายามเกลี้ยกล่อมอะไรอีก

เพราะไม่จำเป็นต้องพูดอะไรไปมากกว่านั้น

แค่นั่งเอนกายพิงพนักเก้าอี้อีกครั้งอย่างผ่อนคลาย รอให้โยบาเนสพยักหน้าตกลงก็จบ

ไม่นานหลังจากนั้น

“ได้ ทำตามนั้นก็แล้วกัน ถูกใจข้าเหมือนกัน”

โยบาเนสยกยิ้มให้รูลลักราวกับจะบอกว่านั่นเป็นความคิดที่ยอดเยี่ยม

รูลลักมองภาพตรงหน้า ในใจได้แค่ครุ่นคิด

ปฐมกษัตริย์เป็นบุคคลที่ชาญฉลาดเป็นอย่างยิ่งอย่างไม่ต้องสงสัย

คงเป็นเพราะทราบดีอยู่แล้วว่า ลูกหลานของพระองค์ไม่อาจนำพาอาณาจักรแลมบลูให้เจริญรุ่งเรืองได้เพียงลำพัง ถึงได้จัดเตรียมที่พักพิงอันแสนยิ่งใหญ่อย่างลอมบาร์เดียเอาไว้ให้

ได้ยื่นมือเข้ามาช่วยผลักดันให้โยบาเนสผู้แสนโง่เขลาให้ยอมส่งมอบอำนาจต่อให้แก่เจ้าชายลำดับที่สองที่พอจะใช้งานใช้การได้บ้างแบบนี้

นี่เป็นเรื่องดีเรื่องหนึ่งที่เขาจะสามารถทำเพื่อประชาชนในอาณาจักรได้เป็นครั้งสุดท้ายในฐานะเจ้าตระกูลลอมบาร์เดีย

รูลลักยกยิ้มในขณะที่มองโยบาเนสด้วยความภาคภูมิใจในตัวเอง

* * *

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+