เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล 206.1

Now you are reading เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล Chapter 206.1 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เล่ม 5 บทที่ 206.1

ตอนที่ 206

“พะ…พูดเรื่องอะไรกัน! ลอบสังหารจักรพรรดิ…กบฏเนี่ยนะ!”

ใบหน้าของอาสทาน่าซีดเผือด เจ้าชายลำดับที่หนึ่งไม่อาจแม้กระทั่งเอ่ยข้อหาที่เฟเรสกล่าวออกมาได้เต็มปากด้วยซ้ำ

กระเสือกกระสนดิ้นรนเสียจนเชือกที่ใช้มัดข้อเท้าถูกย้อมจนกลายเป็นสีเลือด ผ้าพันแผลที่ทางกรมวังให้คนพันแขนข้างขวาเอาไว้ก็หลุดลุ่ยไม่มีชิ้นดี

ขนาดเจ้าของมันยังเอาชนะนิสัยหัวร้อนของตัวเองไม่ได้เลย

ทว่าใบหน้าของเฟเรสยามหลุบมองสภาพเช่นนั้นของอาสทาน่าก็ยังคงเรียบเฉยไร้อารมณ์ความรู้สึกเหมือนเคย

“คิดจะอ้างว่าจำอะไรไม่ได้งั้นหรือ”

เฟเรสเอ่ยถามเสียงแหบแห้ง

“อย่าพล่ามอะไรบ้าๆ!ข้าจะไปกล้าลอบสังหารฝ่าบาท…”

อาสทาน่าพึมพำเสียงแผ่วด้วยใบหน้าสับสน แต่ในวินาทีต่อมาก็ถลึงตาจ้องเขม็งไปทางเฟเรส ในขณะที่ตวาดเสียงดังลั่น

“เดี๋ยวก่อน เหตุผลที่ข้าถูกมัดไว้ที่นี่เป็นเพราะเรื่องนั้นงั้นหรือ พยายามลอบสังหารฝ่าบาท?”

“ใช่แล้ว”

“เหอะ!ถ้าอย่างนั้นก็ช่างเถอะ! ฮ่าฮ่า!”

จู่ๆ อาสทาน่าระเบิดหัวเราะเสียงดัง

นัยน์ตาแดงก่ำแข็งกร้าวคู่นั้น ผมเผ้าเปียกชื้นไปด้วยหยาดเหงื่อ และเสื้อผ้ายับย่นไม่เป็นทรง สภาพของอาสทาน่าไม่ต่างอันใดจากคนบ้าที่คลั่งจนคุมสติไม่อยู่ไปแล้ว

“ต้องมีเรื่องเข้าใจผิดกันแน่! คนที่ข้าตั้งใจสังหารไม่ใช่ฝ่าบาท แต่เป็นเจ้าต่างหากล่ะ! ดังนั้นรีบๆ แก้มัดให้ข้าได้แล้ว!”

เหล่าอัศวินได้แต่ทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก

พวกเขาควรที่จะอธิบายยังไงดีล่ะเนี่ย

สายตาของทุกคนหันไปมองทางเฟเรสกันอย่างพร้อมเพรียง

เฟเรสพ่นลมหายใจเสียงดังหึทางจมูก เขาจ้องหน้าอาสทาน่า ก่อนจะเอ่ยว่า

“คนที่เจ้าตะโกนเสียงดังปาวๆ ว่าจะฆ่าให้ตาย แล้วกระโจนเข้าใส่นั่น ไม่ใช่ข้า แต่เป็นฝ่าบาท”

เฟเรสพูดพลางเปิดกล่องที่ถือมาให้อีกฝ่ายได้เห็นของด้านใน

“โดยใช้มีดสั้นเล่มนี้ที่เบเลซัก ลอมบาร์เดีย เป็นคนพกติดตัวไว้เป็นอาวุธ”

สายตาของอาสทาน่ามองไปยังมีดสั้นแหลมคม

ใช่แล้ว เขาจำได้เหมือนกันว่าเคยถือมีดสั้นเล่มนั้นเอาไว้ในมือ

แต่ว่า

“เป็นไปไม่ได้ เป็นเจ้าชัดๆ ไอ้ชั้นต่ำ ถึงแม้จะสังหารไม่สำเร็จเพราะพวกกองกำลังอัศวินอารักขาอยู่ข้างกายก็เถอะ แต่ว่า…”

เสียงของอาสทาน่าที่เริ่มแผ่วเบาลงไปทีละนิด

นัยน์ตาสั่นเทาราวกับเกิดแผ่นดินไหว

สายตาเริ่มแปรเปลี่ยนไปด้วยความตกตะลึง ก่อนจะเบือนหน้าไปดูใบหน้าของกองกำลังอัศวินที่มีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก

“ระ…หรือว่า…”

สุดท้ายก็มีแต่เสียงแหบแห้งแผ่วเบาราวกับกลืนไปกับสายลมดังเล็ดลอดออกจากปากของอาสทาน่า

“ปะ…เป็นเรื่องจริงหรือ”

อาสทาน่าเอ่ยถามลอร์ดสโลน

ลอร์ดสโลนเหลือบมองเฟเรสด้วยใบหน้าหม่นหมองหนึ่งครั้ง แล้วจึงเอ่ยตอบ

“คนที่เจ้าชายลำดับที่หนึ่งโจมตีในป่าวิกลจริตไม่ใช่เจ้าชายลำดับที่สอง แต่เป็นฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ”

“ตะ…แต่สวมชุดป้องกันสีแดงชัดๆ ข้างกายยังมีนังเด็กลอมบาร์เดียนั่นอยู่ด้วย…”

“ระวังคำพูดด้วย อาสทาน่า”

เฟเรสเตือนเสียงทุ้ม ในมือถือมีดสั้นของเบเลซักชึ้นมาชี้จ่ออยู่ที่คอของอาสทาน่าตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่มีใครได้ทันสังเกตเห็น

ไม่ได้ใช้มีดสั้นเล่มนั้นเพื่อข่มขู่เฉยๆ

โดยเฉพาะปลายมีดสั้นแหลมคมจ่อค้างอยู่ที่ลำคอของอาสทาน่า

หากออกแรงแค่นิดเดียว มันก็จะแทงเข้าผิวเนื้ออ่อนจนได้เลือดแน่

“ระ…รู้แล้ว”

อาสทาน่ารีบตอบออกไปด้วยความร้อนรน

“ขะ…ข้าหมายความว่า คุณหนูลอมบาร์เดียก็อยู่ข้างๆ ชัดๆ”

“ตอนนั้นฟีเรนเทียกำลังมองรอบๆ ป่าเพื่อคอยช่วยเหลือฝ่าบาท”

เฟเรสพูดต่อไปโดยไม่เก็บมีดสั้นลง

“ดังนั้นเจ้าถึงได้มีความผิดโทษฐานก่อการกบฏ อาสทาน่า”

“กบฏเนี่ยนะ! ข้าจะทำไปทำไม! อยู่เฉยๆ ในอนาคตก็ได้ขึ้นเป็นจักรพรรดิต่อจากฝ่าบาทอยู่แล้ว! แล้วข้าจะก่อกบฏไปทำไม!”

“ไม่รู้สิ เรื่องนั้นเป็นสิ่งที่ต่อไปข้าต้องสืบความให้ได้”

เฟเรสพลิกมีดสั้นในมือ เขายื่นมันออกไปตรงหน้าอาสทาน่าแทน

“อาสทาน่า เนเรมเฟย์ ดิวเรลลี่ เจ้าใช้มีดสั้นเล่มนี้พยายามลอบสังหารฝ่าบาทในป่าวิกลจริต และ”

เมื่อได้รับสัญญาณมือจากเฟเรส อัศวินก็ส่งกระบอกน้ำที่ทำจากหนังสัตว์สีดำให้ทันที

“จากผลการสืบสวนพบว่า ในกระบอกน้ำนี่มียาผสมอยู่”

“…ยา?”

“ยาที่จะทำให้ดูดซับพลังเวทได้เร็วยิ่งขึ้นจนเกิดอาการภาพหลอนหรือหูหลอนยังไงล่ะ”

“ชะ…ใช่แล้ว ต้องเป็นอย่างนั้นแน่!”

อาสทาน่าตะโกนเสียงดัง ขณะเดียวกันก็รีบหยัดกายปรับท่วงท่าลุกขึ้นมานั่ง

“ใช่แล้ว ต้องมีใครวางยาข้าแน่ๆ ! ไม่อย่างนั้นข้าจะเข้าใจผิดว่าฝ่าบาทเป็นเจ้าได้ยังไง…”

“หมายความว่าไม่ได้ตั้งใจดื่มยาเองหรือพ่ะย่ะค่ะ”

ลอร์ดสโลนเอ่ยถามอาสทาน่า

พลังเวทมีฤทธิ์ช่วยเพิ่มแรงกายของมนุษย์ได้อย่างฉับพลัน

เหตุผลที่อาสทาน่ามีเรี่ยวแรงและพละกำลังมหาศาลเกินขีดจำกัดของร่างกายตลอดระยะเวลาหลายวันนั่น ก็เป็นเพราะสาเหตุนี้

“จะบ้าหรือไง ใครมันจะไปอยากดูดซับพลังเวทกัน!”

“ถ้าอย่างนั้นเรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญมากพ่ะย่ะค่ะ”

ลอร์ดสโลนเอ่ยถามอาสทาน่าด้วยใบหน้าจริงจัง

“มีใครเข้าใกล้กระบอกน้ำนี่บ้างมั้ยพ่ะย่ะค่ะ”

“เรื่องนั้นข้าจะไปรู้ได้ยังไง!เดิมทีไอ้กระบอกเวรนี่ก็ไม่ใช่ของข้าอยู่แล้ว!”

“ไม่ใช่ของเจ้าชายงั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ ถ้าอย่างนั้นทำไมถึงได้มีกระบอกน้ำนี่พกติดตัวไว้ตลอดเวลาได้กัน”

“เรื่องนั้นเบเลซัก…เบเลซัก…”

เสียงพูดของอาสทาน่าค่อยๆ แผ่วลงไป

วินาทีนั้นเอง นัยน์ตาของเขาก็หันไปมองเฟเรส

“กระบอกน้ำนั้น…”

“ตอนพบกลุ่มของเจ้าชายลำดับที่สองในป่า พวกนั้นมัวแต่ดื่มเจ้านี่พลางพูดพล่ามไปเรื่อยไม่ใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมเลยแอบขโมยของนั่นมาหนึ่งขวดพ่ะย่ะค่ะ”

อาสทาน่าพูดอะไรไม่ออก

“เจ้า เจ้า…”

ขนลุกชันทั่วร่าง

พอตั้งสติขึ้นมาได้ ถึงค่อยตระหนักขึ้นมาได้ว่า ตัวเองกำลังเดินก้าวเข้าสู่ปากของสัตว์ร้ายที่เต็มไปด้วยคมเขี้ยวไปเสียแล้ว

ในตอนนั้นเอง เฟเรสที่ถอยห่างไปยืนอยู่ด้านหลังก็เอ่ยพูดขึ้น

“พูดมาสิ อาสทาน่า”

น้ำเสียงยังคงราบเรียบไม่ต่างอันใดจากเมื่อครู่ ทว่าสำหรับอาสทาน่าแล้ว เสียงนั่นไม่ต่างอะไรจากเสียงหัวเราะเยาะเขาเลยสักนิด

“ฝ่าบาทมีรับสั่งมอบหมายให้ข้าจัดการสืบสวนหาตัวผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด รวมถึงเจ้าด้วย”

นัยน์ตาสีแดงของเฟเรสแฝงไว้ด้วยรอยยิ้มเย้ยหยัน

* * *

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล 206.1

Now you are reading เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล Chapter 206.1 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เล่ม 5 บทที่ 206.1

ตอนที่ 206

“พะ…พูดเรื่องอะไรกัน! ลอบสังหารจักรพรรดิ…กบฏเนี่ยนะ!”

ใบหน้าของอาสทาน่าซีดเผือด เจ้าชายลำดับที่หนึ่งไม่อาจแม้กระทั่งเอ่ยข้อหาที่เฟเรสกล่าวออกมาได้เต็มปากด้วยซ้ำ

กระเสือกกระสนดิ้นรนเสียจนเชือกที่ใช้มัดข้อเท้าถูกย้อมจนกลายเป็นสีเลือด ผ้าพันแผลที่ทางกรมวังให้คนพันแขนข้างขวาเอาไว้ก็หลุดลุ่ยไม่มีชิ้นดี

ขนาดเจ้าของมันยังเอาชนะนิสัยหัวร้อนของตัวเองไม่ได้เลย

ทว่าใบหน้าของเฟเรสยามหลุบมองสภาพเช่นนั้นของอาสทาน่าก็ยังคงเรียบเฉยไร้อารมณ์ความรู้สึกเหมือนเคย

“คิดจะอ้างว่าจำอะไรไม่ได้งั้นหรือ”

เฟเรสเอ่ยถามเสียงแหบแห้ง

“อย่าพล่ามอะไรบ้าๆ!ข้าจะไปกล้าลอบสังหารฝ่าบาท…”

อาสทาน่าพึมพำเสียงแผ่วด้วยใบหน้าสับสน แต่ในวินาทีต่อมาก็ถลึงตาจ้องเขม็งไปทางเฟเรส ในขณะที่ตวาดเสียงดังลั่น

“เดี๋ยวก่อน เหตุผลที่ข้าถูกมัดไว้ที่นี่เป็นเพราะเรื่องนั้นงั้นหรือ พยายามลอบสังหารฝ่าบาท?”

“ใช่แล้ว”

“เหอะ!ถ้าอย่างนั้นก็ช่างเถอะ! ฮ่าฮ่า!”

จู่ๆ อาสทาน่าระเบิดหัวเราะเสียงดัง

นัยน์ตาแดงก่ำแข็งกร้าวคู่นั้น ผมเผ้าเปียกชื้นไปด้วยหยาดเหงื่อ และเสื้อผ้ายับย่นไม่เป็นทรง สภาพของอาสทาน่าไม่ต่างอันใดจากคนบ้าที่คลั่งจนคุมสติไม่อยู่ไปแล้ว

“ต้องมีเรื่องเข้าใจผิดกันแน่! คนที่ข้าตั้งใจสังหารไม่ใช่ฝ่าบาท แต่เป็นเจ้าต่างหากล่ะ! ดังนั้นรีบๆ แก้มัดให้ข้าได้แล้ว!”

เหล่าอัศวินได้แต่ทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก

พวกเขาควรที่จะอธิบายยังไงดีล่ะเนี่ย

สายตาของทุกคนหันไปมองทางเฟเรสกันอย่างพร้อมเพรียง

เฟเรสพ่นลมหายใจเสียงดังหึทางจมูก เขาจ้องหน้าอาสทาน่า ก่อนจะเอ่ยว่า

“คนที่เจ้าตะโกนเสียงดังปาวๆ ว่าจะฆ่าให้ตาย แล้วกระโจนเข้าใส่นั่น ไม่ใช่ข้า แต่เป็นฝ่าบาท”

เฟเรสพูดพลางเปิดกล่องที่ถือมาให้อีกฝ่ายได้เห็นของด้านใน

“โดยใช้มีดสั้นเล่มนี้ที่เบเลซัก ลอมบาร์เดีย เป็นคนพกติดตัวไว้เป็นอาวุธ”

สายตาของอาสทาน่ามองไปยังมีดสั้นแหลมคม

ใช่แล้ว เขาจำได้เหมือนกันว่าเคยถือมีดสั้นเล่มนั้นเอาไว้ในมือ

แต่ว่า

“เป็นไปไม่ได้ เป็นเจ้าชัดๆ ไอ้ชั้นต่ำ ถึงแม้จะสังหารไม่สำเร็จเพราะพวกกองกำลังอัศวินอารักขาอยู่ข้างกายก็เถอะ แต่ว่า…”

เสียงของอาสทาน่าที่เริ่มแผ่วเบาลงไปทีละนิด

นัยน์ตาสั่นเทาราวกับเกิดแผ่นดินไหว

สายตาเริ่มแปรเปลี่ยนไปด้วยความตกตะลึง ก่อนจะเบือนหน้าไปดูใบหน้าของกองกำลังอัศวินที่มีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก

“ระ…หรือว่า…”

สุดท้ายก็มีแต่เสียงแหบแห้งแผ่วเบาราวกับกลืนไปกับสายลมดังเล็ดลอดออกจากปากของอาสทาน่า

“ปะ…เป็นเรื่องจริงหรือ”

อาสทาน่าเอ่ยถามลอร์ดสโลน

ลอร์ดสโลนเหลือบมองเฟเรสด้วยใบหน้าหม่นหมองหนึ่งครั้ง แล้วจึงเอ่ยตอบ

“คนที่เจ้าชายลำดับที่หนึ่งโจมตีในป่าวิกลจริตไม่ใช่เจ้าชายลำดับที่สอง แต่เป็นฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ”

“ตะ…แต่สวมชุดป้องกันสีแดงชัดๆ ข้างกายยังมีนังเด็กลอมบาร์เดียนั่นอยู่ด้วย…”

“ระวังคำพูดด้วย อาสทาน่า”

เฟเรสเตือนเสียงทุ้ม ในมือถือมีดสั้นของเบเลซักชึ้นมาชี้จ่ออยู่ที่คอของอาสทาน่าตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่มีใครได้ทันสังเกตเห็น

ไม่ได้ใช้มีดสั้นเล่มนั้นเพื่อข่มขู่เฉยๆ

โดยเฉพาะปลายมีดสั้นแหลมคมจ่อค้างอยู่ที่ลำคอของอาสทาน่า

หากออกแรงแค่นิดเดียว มันก็จะแทงเข้าผิวเนื้ออ่อนจนได้เลือดแน่

“ระ…รู้แล้ว”

อาสทาน่ารีบตอบออกไปด้วยความร้อนรน

“ขะ…ข้าหมายความว่า คุณหนูลอมบาร์เดียก็อยู่ข้างๆ ชัดๆ”

“ตอนนั้นฟีเรนเทียกำลังมองรอบๆ ป่าเพื่อคอยช่วยเหลือฝ่าบาท”

เฟเรสพูดต่อไปโดยไม่เก็บมีดสั้นลง

“ดังนั้นเจ้าถึงได้มีความผิดโทษฐานก่อการกบฏ อาสทาน่า”

“กบฏเนี่ยนะ! ข้าจะทำไปทำไม! อยู่เฉยๆ ในอนาคตก็ได้ขึ้นเป็นจักรพรรดิต่อจากฝ่าบาทอยู่แล้ว! แล้วข้าจะก่อกบฏไปทำไม!”

“ไม่รู้สิ เรื่องนั้นเป็นสิ่งที่ต่อไปข้าต้องสืบความให้ได้”

เฟเรสพลิกมีดสั้นในมือ เขายื่นมันออกไปตรงหน้าอาสทาน่าแทน

“อาสทาน่า เนเรมเฟย์ ดิวเรลลี่ เจ้าใช้มีดสั้นเล่มนี้พยายามลอบสังหารฝ่าบาทในป่าวิกลจริต และ”

เมื่อได้รับสัญญาณมือจากเฟเรส อัศวินก็ส่งกระบอกน้ำที่ทำจากหนังสัตว์สีดำให้ทันที

“จากผลการสืบสวนพบว่า ในกระบอกน้ำนี่มียาผสมอยู่”

“…ยา?”

“ยาที่จะทำให้ดูดซับพลังเวทได้เร็วยิ่งขึ้นจนเกิดอาการภาพหลอนหรือหูหลอนยังไงล่ะ”

“ชะ…ใช่แล้ว ต้องเป็นอย่างนั้นแน่!”

อาสทาน่าตะโกนเสียงดัง ขณะเดียวกันก็รีบหยัดกายปรับท่วงท่าลุกขึ้นมานั่ง

“ใช่แล้ว ต้องมีใครวางยาข้าแน่ๆ ! ไม่อย่างนั้นข้าจะเข้าใจผิดว่าฝ่าบาทเป็นเจ้าได้ยังไง…”

“หมายความว่าไม่ได้ตั้งใจดื่มยาเองหรือพ่ะย่ะค่ะ”

ลอร์ดสโลนเอ่ยถามอาสทาน่า

พลังเวทมีฤทธิ์ช่วยเพิ่มแรงกายของมนุษย์ได้อย่างฉับพลัน

เหตุผลที่อาสทาน่ามีเรี่ยวแรงและพละกำลังมหาศาลเกินขีดจำกัดของร่างกายตลอดระยะเวลาหลายวันนั่น ก็เป็นเพราะสาเหตุนี้

“จะบ้าหรือไง ใครมันจะไปอยากดูดซับพลังเวทกัน!”

“ถ้าอย่างนั้นเรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญมากพ่ะย่ะค่ะ”

ลอร์ดสโลนเอ่ยถามอาสทาน่าด้วยใบหน้าจริงจัง

“มีใครเข้าใกล้กระบอกน้ำนี่บ้างมั้ยพ่ะย่ะค่ะ”

“เรื่องนั้นข้าจะไปรู้ได้ยังไง!เดิมทีไอ้กระบอกเวรนี่ก็ไม่ใช่ของข้าอยู่แล้ว!”

“ไม่ใช่ของเจ้าชายงั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ ถ้าอย่างนั้นทำไมถึงได้มีกระบอกน้ำนี่พกติดตัวไว้ตลอดเวลาได้กัน”

“เรื่องนั้นเบเลซัก…เบเลซัก…”

เสียงพูดของอาสทาน่าค่อยๆ แผ่วลงไป

วินาทีนั้นเอง นัยน์ตาของเขาก็หันไปมองเฟเรส

“กระบอกน้ำนั้น…”

“ตอนพบกลุ่มของเจ้าชายลำดับที่สองในป่า พวกนั้นมัวแต่ดื่มเจ้านี่พลางพูดพล่ามไปเรื่อยไม่ใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมเลยแอบขโมยของนั่นมาหนึ่งขวดพ่ะย่ะค่ะ”

อาสทาน่าพูดอะไรไม่ออก

“เจ้า เจ้า…”

ขนลุกชันทั่วร่าง

พอตั้งสติขึ้นมาได้ ถึงค่อยตระหนักขึ้นมาได้ว่า ตัวเองกำลังเดินก้าวเข้าสู่ปากของสัตว์ร้ายที่เต็มไปด้วยคมเขี้ยวไปเสียแล้ว

ในตอนนั้นเอง เฟเรสที่ถอยห่างไปยืนอยู่ด้านหลังก็เอ่ยพูดขึ้น

“พูดมาสิ อาสทาน่า”

น้ำเสียงยังคงราบเรียบไม่ต่างอันใดจากเมื่อครู่ ทว่าสำหรับอาสทาน่าแล้ว เสียงนั่นไม่ต่างอะไรจากเสียงหัวเราะเยาะเขาเลยสักนิด

“ฝ่าบาทมีรับสั่งมอบหมายให้ข้าจัดการสืบสวนหาตัวผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด รวมถึงเจ้าด้วย”

นัยน์ตาสีแดงของเฟเรสแฝงไว้ด้วยรอยยิ้มเย้ยหยัน

* * *

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล 206.1

Now you are reading เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล Chapter 206.1 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เล่ม 5 บทที่ 206.1

ตอนที่ 206

“พะ…พูดเรื่องอะไรกัน! ลอบสังหารจักรพรรดิ…กบฏเนี่ยนะ!”

ใบหน้าของอาสทาน่าซีดเผือด เจ้าชายลำดับที่หนึ่งไม่อาจแม้กระทั่งเอ่ยข้อหาที่เฟเรสกล่าวออกมาได้เต็มปากด้วยซ้ำ

กระเสือกกระสนดิ้นรนเสียจนเชือกที่ใช้มัดข้อเท้าถูกย้อมจนกลายเป็นสีเลือด ผ้าพันแผลที่ทางกรมวังให้คนพันแขนข้างขวาเอาไว้ก็หลุดลุ่ยไม่มีชิ้นดี

ขนาดเจ้าของมันยังเอาชนะนิสัยหัวร้อนของตัวเองไม่ได้เลย

ทว่าใบหน้าของเฟเรสยามหลุบมองสภาพเช่นนั้นของอาสทาน่าก็ยังคงเรียบเฉยไร้อารมณ์ความรู้สึกเหมือนเคย

“คิดจะอ้างว่าจำอะไรไม่ได้งั้นหรือ”

เฟเรสเอ่ยถามเสียงแหบแห้ง

“อย่าพล่ามอะไรบ้าๆ!ข้าจะไปกล้าลอบสังหารฝ่าบาท…”

อาสทาน่าพึมพำเสียงแผ่วด้วยใบหน้าสับสน แต่ในวินาทีต่อมาก็ถลึงตาจ้องเขม็งไปทางเฟเรส ในขณะที่ตวาดเสียงดังลั่น

“เดี๋ยวก่อน เหตุผลที่ข้าถูกมัดไว้ที่นี่เป็นเพราะเรื่องนั้นงั้นหรือ พยายามลอบสังหารฝ่าบาท?”

“ใช่แล้ว”

“เหอะ!ถ้าอย่างนั้นก็ช่างเถอะ! ฮ่าฮ่า!”

จู่ๆ อาสทาน่าระเบิดหัวเราะเสียงดัง

นัยน์ตาแดงก่ำแข็งกร้าวคู่นั้น ผมเผ้าเปียกชื้นไปด้วยหยาดเหงื่อ และเสื้อผ้ายับย่นไม่เป็นทรง สภาพของอาสทาน่าไม่ต่างอันใดจากคนบ้าที่คลั่งจนคุมสติไม่อยู่ไปแล้ว

“ต้องมีเรื่องเข้าใจผิดกันแน่! คนที่ข้าตั้งใจสังหารไม่ใช่ฝ่าบาท แต่เป็นเจ้าต่างหากล่ะ! ดังนั้นรีบๆ แก้มัดให้ข้าได้แล้ว!”

เหล่าอัศวินได้แต่ทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก

พวกเขาควรที่จะอธิบายยังไงดีล่ะเนี่ย

สายตาของทุกคนหันไปมองทางเฟเรสกันอย่างพร้อมเพรียง

เฟเรสพ่นลมหายใจเสียงดังหึทางจมูก เขาจ้องหน้าอาสทาน่า ก่อนจะเอ่ยว่า

“คนที่เจ้าตะโกนเสียงดังปาวๆ ว่าจะฆ่าให้ตาย แล้วกระโจนเข้าใส่นั่น ไม่ใช่ข้า แต่เป็นฝ่าบาท”

เฟเรสพูดพลางเปิดกล่องที่ถือมาให้อีกฝ่ายได้เห็นของด้านใน

“โดยใช้มีดสั้นเล่มนี้ที่เบเลซัก ลอมบาร์เดีย เป็นคนพกติดตัวไว้เป็นอาวุธ”

สายตาของอาสทาน่ามองไปยังมีดสั้นแหลมคม

ใช่แล้ว เขาจำได้เหมือนกันว่าเคยถือมีดสั้นเล่มนั้นเอาไว้ในมือ

แต่ว่า

“เป็นไปไม่ได้ เป็นเจ้าชัดๆ ไอ้ชั้นต่ำ ถึงแม้จะสังหารไม่สำเร็จเพราะพวกกองกำลังอัศวินอารักขาอยู่ข้างกายก็เถอะ แต่ว่า…”

เสียงของอาสทาน่าที่เริ่มแผ่วเบาลงไปทีละนิด

นัยน์ตาสั่นเทาราวกับเกิดแผ่นดินไหว

สายตาเริ่มแปรเปลี่ยนไปด้วยความตกตะลึง ก่อนจะเบือนหน้าไปดูใบหน้าของกองกำลังอัศวินที่มีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก

“ระ…หรือว่า…”

สุดท้ายก็มีแต่เสียงแหบแห้งแผ่วเบาราวกับกลืนไปกับสายลมดังเล็ดลอดออกจากปากของอาสทาน่า

“ปะ…เป็นเรื่องจริงหรือ”

อาสทาน่าเอ่ยถามลอร์ดสโลน

ลอร์ดสโลนเหลือบมองเฟเรสด้วยใบหน้าหม่นหมองหนึ่งครั้ง แล้วจึงเอ่ยตอบ

“คนที่เจ้าชายลำดับที่หนึ่งโจมตีในป่าวิกลจริตไม่ใช่เจ้าชายลำดับที่สอง แต่เป็นฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ”

“ตะ…แต่สวมชุดป้องกันสีแดงชัดๆ ข้างกายยังมีนังเด็กลอมบาร์เดียนั่นอยู่ด้วย…”

“ระวังคำพูดด้วย อาสทาน่า”

เฟเรสเตือนเสียงทุ้ม ในมือถือมีดสั้นของเบเลซักชึ้นมาชี้จ่ออยู่ที่คอของอาสทาน่าตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่มีใครได้ทันสังเกตเห็น

ไม่ได้ใช้มีดสั้นเล่มนั้นเพื่อข่มขู่เฉยๆ

โดยเฉพาะปลายมีดสั้นแหลมคมจ่อค้างอยู่ที่ลำคอของอาสทาน่า

หากออกแรงแค่นิดเดียว มันก็จะแทงเข้าผิวเนื้ออ่อนจนได้เลือดแน่

“ระ…รู้แล้ว”

อาสทาน่ารีบตอบออกไปด้วยความร้อนรน

“ขะ…ข้าหมายความว่า คุณหนูลอมบาร์เดียก็อยู่ข้างๆ ชัดๆ”

“ตอนนั้นฟีเรนเทียกำลังมองรอบๆ ป่าเพื่อคอยช่วยเหลือฝ่าบาท”

เฟเรสพูดต่อไปโดยไม่เก็บมีดสั้นลง

“ดังนั้นเจ้าถึงได้มีความผิดโทษฐานก่อการกบฏ อาสทาน่า”

“กบฏเนี่ยนะ! ข้าจะทำไปทำไม! อยู่เฉยๆ ในอนาคตก็ได้ขึ้นเป็นจักรพรรดิต่อจากฝ่าบาทอยู่แล้ว! แล้วข้าจะก่อกบฏไปทำไม!”

“ไม่รู้สิ เรื่องนั้นเป็นสิ่งที่ต่อไปข้าต้องสืบความให้ได้”

เฟเรสพลิกมีดสั้นในมือ เขายื่นมันออกไปตรงหน้าอาสทาน่าแทน

“อาสทาน่า เนเรมเฟย์ ดิวเรลลี่ เจ้าใช้มีดสั้นเล่มนี้พยายามลอบสังหารฝ่าบาทในป่าวิกลจริต และ”

เมื่อได้รับสัญญาณมือจากเฟเรส อัศวินก็ส่งกระบอกน้ำที่ทำจากหนังสัตว์สีดำให้ทันที

“จากผลการสืบสวนพบว่า ในกระบอกน้ำนี่มียาผสมอยู่”

“…ยา?”

“ยาที่จะทำให้ดูดซับพลังเวทได้เร็วยิ่งขึ้นจนเกิดอาการภาพหลอนหรือหูหลอนยังไงล่ะ”

“ชะ…ใช่แล้ว ต้องเป็นอย่างนั้นแน่!”

อาสทาน่าตะโกนเสียงดัง ขณะเดียวกันก็รีบหยัดกายปรับท่วงท่าลุกขึ้นมานั่ง

“ใช่แล้ว ต้องมีใครวางยาข้าแน่ๆ ! ไม่อย่างนั้นข้าจะเข้าใจผิดว่าฝ่าบาทเป็นเจ้าได้ยังไง…”

“หมายความว่าไม่ได้ตั้งใจดื่มยาเองหรือพ่ะย่ะค่ะ”

ลอร์ดสโลนเอ่ยถามอาสทาน่า

พลังเวทมีฤทธิ์ช่วยเพิ่มแรงกายของมนุษย์ได้อย่างฉับพลัน

เหตุผลที่อาสทาน่ามีเรี่ยวแรงและพละกำลังมหาศาลเกินขีดจำกัดของร่างกายตลอดระยะเวลาหลายวันนั่น ก็เป็นเพราะสาเหตุนี้

“จะบ้าหรือไง ใครมันจะไปอยากดูดซับพลังเวทกัน!”

“ถ้าอย่างนั้นเรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญมากพ่ะย่ะค่ะ”

ลอร์ดสโลนเอ่ยถามอาสทาน่าด้วยใบหน้าจริงจัง

“มีใครเข้าใกล้กระบอกน้ำนี่บ้างมั้ยพ่ะย่ะค่ะ”

“เรื่องนั้นข้าจะไปรู้ได้ยังไง!เดิมทีไอ้กระบอกเวรนี่ก็ไม่ใช่ของข้าอยู่แล้ว!”

“ไม่ใช่ของเจ้าชายงั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ ถ้าอย่างนั้นทำไมถึงได้มีกระบอกน้ำนี่พกติดตัวไว้ตลอดเวลาได้กัน”

“เรื่องนั้นเบเลซัก…เบเลซัก…”

เสียงพูดของอาสทาน่าค่อยๆ แผ่วลงไป

วินาทีนั้นเอง นัยน์ตาของเขาก็หันไปมองเฟเรส

“กระบอกน้ำนั้น…”

“ตอนพบกลุ่มของเจ้าชายลำดับที่สองในป่า พวกนั้นมัวแต่ดื่มเจ้านี่พลางพูดพล่ามไปเรื่อยไม่ใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมเลยแอบขโมยของนั่นมาหนึ่งขวดพ่ะย่ะค่ะ”

อาสทาน่าพูดอะไรไม่ออก

“เจ้า เจ้า…”

ขนลุกชันทั่วร่าง

พอตั้งสติขึ้นมาได้ ถึงค่อยตระหนักขึ้นมาได้ว่า ตัวเองกำลังเดินก้าวเข้าสู่ปากของสัตว์ร้ายที่เต็มไปด้วยคมเขี้ยวไปเสียแล้ว

ในตอนนั้นเอง เฟเรสที่ถอยห่างไปยืนอยู่ด้านหลังก็เอ่ยพูดขึ้น

“พูดมาสิ อาสทาน่า”

น้ำเสียงยังคงราบเรียบไม่ต่างอันใดจากเมื่อครู่ ทว่าสำหรับอาสทาน่าแล้ว เสียงนั่นไม่ต่างอะไรจากเสียงหัวเราะเยาะเขาเลยสักนิด

“ฝ่าบาทมีรับสั่งมอบหมายให้ข้าจัดการสืบสวนหาตัวผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด รวมถึงเจ้าด้วย”

นัยน์ตาสีแดงของเฟเรสแฝงไว้ด้วยรอยยิ้มเย้ยหยัน

* * *

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+