เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล 77.2

Now you are reading เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล Chapter 77.2 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“พ่อ เป็นอะไรมั้ยคะ คุณเครย์ลีบันก็ด้วย นี่ค่ะ”

เธอส่งน้ำให้ทั้งสองคนที่สำลักเสียจนหน้าแดงก่ำไปหมด

“เรื่องนั้น แค็กๆ หมายความว่ายังไงกันแน่ เทีย!”

ท่านพ่อใช้ผ้าปิดปากในขณะที่ยังคงไอค็อกแค็กไม่หยุดแล้วก็หันไปจ้องเครย์ลีบันด้วยนัยน์ตาดุร้ายไม่สมกับเป็นท่านพ่อเลยสักนิด

“คุณเครย์ลีบัน อธิบายมาหน่อยสิครับ”

“ไม่สิ ข้า เรื่องนั้น…เข้าใจอะไรกันผิดไป…”

เครย์ลีบันเองก็ตื่นตกใจเป็นอย่างมาก เขาใช้ผ้าที่เช็ดปากขึ้นมาซับเหงื่อที่เริ่มผุดขึ้นบนหน้าผาก

เธอรีบอธิบายแทรกก่อนที่จะเข้าใจผิดกันไปไกล

“ก็อย่างที่บอกเลยค่ะ ต่อไปข้าคงต้องการความช่วยเหลือจากคุณเครย์ลีบัน คุณเครย์ลีบันยื่นใบลาออกให้ท่านปู่แล้วใช่มั้ยคะ”

“ครับ ยื่นเมื่อวานครับ”

เครย์ลีบันจัดการเรื่องความสัมพันธ์ลูกจ้างนายจ้างกับท่านปู่ตามที่เคยพูดกันไว้ล่วงหน้าเรียบร้อย

ท่านปู่ดูจะตกใจไปเล็กน้อย แต่ได้ยินว่าท่านก็ยังบอกกับเครย์ลีบันว่า ‘ต่อไปถ้ามีเรื่องอะไรจำเป็นก็ให้บอก’ เสียด้วย

ท่านพ่อหยุดไอแล้ว ท่านกำลังมองเธอกับเครย์ลีบันด้วยนัยน์ตาจริงจัง

“คงจะทำงานควบกับงานที่ร้านขายเสื้อผ้าต่อไปได้อีกสักพักค่ะ แต่ต่อไป…”

พอพูดออกไปแล้วก็เริ่มรู้สึกผิดต่อท่านพ่อนิดหน่อยเหมือนกัน

แน่นอนว่าการเริ่มต้นทำงานชิ้นใหม่กับเธอ ย่อมเป็นโอกาสที่ดีสำหรับเครย์ลีบันอย่างแน่นอน แต่ยังไงเขาก็เป็นคนที่ร่วมมือกับท่านพ่อช่วยบริหารกิจการเสื้อผ้าสำเร็จรูปมาด้วยกันจนถึงตอนนี้อยู่ดี

“ได้ เอาตามนั้นก็แล้วกันครับ คุณเครย์ลีบัน”

แต่คำตอบของท่านพ่อกลับสั้นกระชับและชัดเจน

“ตอนนี้ร้านขายเสื้อผ้าก็เริ่มมั่นคงแล้ว ไม่เป็นอะไรหรอกครับ เทียคงจะต้องการความช่วยเหลือจากคุณเครย์ลีบันมากกว่าข้าน่ะครับ”

ท่านพ่อไม่รู้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเครย์ลีบันเลยแม้แต่นิดเดียว

คงจะแค่คาดคะเนว่า เธออยากจะเริ่มทำงานอะไรสักอย่าง เลยอยากได้ความช่วยเหลือจากเครย์ลีบันเท่านั้น

หากลองคำนึงถึงอายุของเธอแล้ว ทางฝั่งเครย์ลีบันก็มีเครดิตดีกว่าจริงๆ แต่ไม่มีใครคาดคิดเลยว่า เธอจะยืมมือเครย์ลีบันให้ช่วยออกหน้า เริ่มทำกิจการหนึ่งขึ้นมา

“ต่อไปก็ขอฝากเทียด้วยนะครับ คุณเครย์ลีบัน”

พอเห็นท่านพ่อหัวเราะพูดแบบนั้น เครย์ลีบันก็พยักหน้าตกลงอย่างหนักแน่น

โล่งอกที่ท่านพ่อบอกว่างานทั้งหมดในวันนี้จบลงแล้ว และที่จริงพวกเขาก็กำลังอยู่ในระหว่างเดินทางกลับสำนักงานเพื่อพักผ่อนกันพอดี

ท่านพ่อต้องปรึกษาหารือกับไวโอเล็ตเพิ่มเติมอีกหลายเรื่อง แต่เครย์ลีบันทำงานทุกอย่างเสร็จหมดแล้ว ไม่มีอะไรให้ต้องทำอีก

เพราะฉะนั้นเธอก็เลยพาเครย์ลีบันกับลอรีลมุ่งหน้าไปยังสถานที่เป้าหมายแห่งที่สามของเธอ

ถนนหลักซึ่งอยู่ไม่ไกลจากร้านขายเสื้อผ้าแคลอฮันเท่าไหร่นัก แต่มันเป็นสถานที่ที่รถม้ามากมายขับผ่าน ทั้งยังเชื่อมต่อกับถนนอีกสายที่อยู่ห่างออกไปจากตลาดเล็กน้อย

เธอพาทั้งสองคนไปยังตึกขนาดสามชั้นที่ตั้งอยู่บริเวณหัวมุมถนน

“ที่นี่ใช่มั้ย ลอรีล”

“ค่ะ ใช่แล้วค่ะ เห็นว่าเจ้าของคนก่อนจะรออยู่ที่นี่…อ๊ะ อยู่นั่นค่ะ!”

ลอรีลเอ่ยทักทายชายวัยกลางคนคนหนึ่งในขณะที่เดินเข้าไปใกล้

“ที่นี่คือที่ไหนเหรอครับ ท่านฟีเรนเทีย”

เครย์ลีบันหันไปมองรอบๆ ในขณะที่เอ่ยถามเธอ

“เดี๋ยวก็รู้ค่ะ”

ชายที่ถูกเรียกว่า ‘เจ้าของคนก่อน’ พาพวกเราเข้าไปยังชั้นหนึ่งของอาคาร ภายในว่างเปล่า ข้าวของถูกเก็บออกไปเรียบร้อยแล้ว มีเพียงแค่โต๊ะตัวเล็กๆ ตัวหนึ่งตั้งอยู่

แล้วหยิบเอาเอกสารสัญญาแผ่นหนึ่งออกมาจากอ้อมกอด

บนใบสัญญานั่นเนื้อหาส่วนใหญ่ถูกเขียนไว้หมดแล้ว มีที่ว่างเว้นเอาไว้อยู่ไม่กี่ส่วน เหลือเพียงแค่เซ็นชื่อลงไปก็จะถือว่าสัญญาฉบับนี้เสร็จสมบูรณ์

“เอาละ ถ้างั้นเจ้าของตึกคนใหม่ชื่ออะไรครับ”

ลอรีลที่ได้รับคำถามหันกลับมามองเธอ

“เขียนว่าเครย์ลีบัน เพลเลสค่ะ”

“…ท่านฟีเรนเทีย?”

ได้ยินเสียงแผ่วเบาของเครย์ลีบันเรียกเธอจากด้านข้าง แต่เธอไม่หันไปมองเขา

“เครย์ลีบัน เพลเลส…เอาละ ถ้างั้นก็เขียนเสร็จหมดแล้ว จ่ายเงินที่เหลือ แล้วให้คนชื่อเครย์ลีบันเซ็นชื่อตรงนี้ก็เรียบร้อย”

ชายคนนั้นเซ็นชื่อตัวเองลงบนส่วนของเขา แล้ววางปากกาขนนกลง

“เงินที่เหลืออยู่นี่ค่ะ”

เธอวางถุงเงินที่ถือติดมือมาด้วยลงบนโต๊ะพลางเอ่ยพูด

มันคือถุงเงินค่าขนมของเธอที่พกมาจากบ้าน

“เงินสดหรือ…ขอนับสักครู่นะ”

ในระหว่างที่เจ้าของคนเก่าตรวจนับเหรียญทองที่ใส่อยู่ในถุงเงิน เธอก็หันไปหาเครย์ลีบัน

“ตั้งแต่วันนี้ที่นี่จะกลายเป็นสำนักงานของพวกเราค่ะ”

“แต่ทำไมถึงใช้ชื่อของข้า…”

“ก็อาคารนี้เป็นของเครย์ลีบันนี่คะ”

“แต่ว่า…”

“ก็ข้าคือลอมบาร์เดีย ถ้าข้าครอบครองอาคารท่านปู่ต้องทราบแน่ค่ะ ไม่ว่าจะเร็วหรือช้าก็ตาม อาจจะเป็นเช่นนั้นก็ได้ เพราะฉะนั้นเจ้าของอาคารให้เป็นเครย์ลีบันน่ะถูกต้องแล้วค่ะ”

“อย่างนั้นหรือครับ…”

“แต่มันเป็นคนละเรื่องกันนะคะ ตึกนี่เป็นของเครย์ลีบันจริงๆ เป็นของขวัญค่ะ ต่อไปก็มาลงมือทำให้ดีกันเถอะนะคะ”

เครย์ลีบันได้แต่ยืนอึ้งพูดอะไรไม่ออกอยู่พักใหญ่

ระหว่างนั้นเจ้าของตึกคนเก่าก็นับเหรียญทั้งหมดเสร็จแล้ว เขาตรวจสอบจนแน่ใจว่ายอดเงินที่ค้างไว้ถูกต้องตามที่ควรจะเป็น

“เอาละ เครย์ลีบัน เซ็นชื่อเลยค่ะ”

เธอส่งปากกาขนนกให้เครย์ลีบัน

เครย์ลีบันรับมันมาถือไว้ในมืออยู่ครู่หนึ่ง เพียงไม่นานก็ยอมลงชื่อของตัวเองอย่างไม่ลังเล

“ขอบคุณครับ คุณหนู”

เครย์ลีบันโค้งศีรษะให้เธอหลังจากที่เซ็นชื่อเสร็จ

เมื่อตกลงทำสัญญาเสร็จสิ้นอย่างน่าพึงพอใจ เจ้าของอาคารคนเก่าก็พับใบสัญญายัดเก็บกลับเข้าไปในอกเสื้อ แล้วหันมาถามพวกเรา

“อ๊ะ แล้วตอนข้าไปแจ้งทางการ จะต้องแจ้งชื่อใหม่ของตึกนี้ให้เจ้าหน้าที่เขาทราบด้วยน่ะครับ จะใช้ชื่ออะไรครับ”

“ร้านค้าเพลเลสค่ะ”

เธอตอบ

“ช่วยแจ้งชื่อ ‘ร้านค้าเพลเลส’ ตามนามสกุลของเครย์ลีบัน เพลเลสนะคะ”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล 77.2

Now you are reading เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล Chapter 77.2 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“พ่อ เป็นอะไรมั้ยคะ คุณเครย์ลีบันก็ด้วย นี่ค่ะ”

เธอส่งน้ำให้ทั้งสองคนที่สำลักเสียจนหน้าแดงก่ำไปหมด

“เรื่องนั้น แค็กๆ หมายความว่ายังไงกันแน่ เทีย!”

ท่านพ่อใช้ผ้าปิดปากในขณะที่ยังคงไอค็อกแค็กไม่หยุดแล้วก็หันไปจ้องเครย์ลีบันด้วยนัยน์ตาดุร้ายไม่สมกับเป็นท่านพ่อเลยสักนิด

“คุณเครย์ลีบัน อธิบายมาหน่อยสิครับ”

“ไม่สิ ข้า เรื่องนั้น…เข้าใจอะไรกันผิดไป…”

เครย์ลีบันเองก็ตื่นตกใจเป็นอย่างมาก เขาใช้ผ้าที่เช็ดปากขึ้นมาซับเหงื่อที่เริ่มผุดขึ้นบนหน้าผาก

เธอรีบอธิบายแทรกก่อนที่จะเข้าใจผิดกันไปไกล

“ก็อย่างที่บอกเลยค่ะ ต่อไปข้าคงต้องการความช่วยเหลือจากคุณเครย์ลีบัน คุณเครย์ลีบันยื่นใบลาออกให้ท่านปู่แล้วใช่มั้ยคะ”

“ครับ ยื่นเมื่อวานครับ”

เครย์ลีบันจัดการเรื่องความสัมพันธ์ลูกจ้างนายจ้างกับท่านปู่ตามที่เคยพูดกันไว้ล่วงหน้าเรียบร้อย

ท่านปู่ดูจะตกใจไปเล็กน้อย แต่ได้ยินว่าท่านก็ยังบอกกับเครย์ลีบันว่า ‘ต่อไปถ้ามีเรื่องอะไรจำเป็นก็ให้บอก’ เสียด้วย

ท่านพ่อหยุดไอแล้ว ท่านกำลังมองเธอกับเครย์ลีบันด้วยนัยน์ตาจริงจัง

“คงจะทำงานควบกับงานที่ร้านขายเสื้อผ้าต่อไปได้อีกสักพักค่ะ แต่ต่อไป…”

พอพูดออกไปแล้วก็เริ่มรู้สึกผิดต่อท่านพ่อนิดหน่อยเหมือนกัน

แน่นอนว่าการเริ่มต้นทำงานชิ้นใหม่กับเธอ ย่อมเป็นโอกาสที่ดีสำหรับเครย์ลีบันอย่างแน่นอน แต่ยังไงเขาก็เป็นคนที่ร่วมมือกับท่านพ่อช่วยบริหารกิจการเสื้อผ้าสำเร็จรูปมาด้วยกันจนถึงตอนนี้อยู่ดี

“ได้ เอาตามนั้นก็แล้วกันครับ คุณเครย์ลีบัน”

แต่คำตอบของท่านพ่อกลับสั้นกระชับและชัดเจน

“ตอนนี้ร้านขายเสื้อผ้าก็เริ่มมั่นคงแล้ว ไม่เป็นอะไรหรอกครับ เทียคงจะต้องการความช่วยเหลือจากคุณเครย์ลีบันมากกว่าข้าน่ะครับ”

ท่านพ่อไม่รู้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเครย์ลีบันเลยแม้แต่นิดเดียว

คงจะแค่คาดคะเนว่า เธออยากจะเริ่มทำงานอะไรสักอย่าง เลยอยากได้ความช่วยเหลือจากเครย์ลีบันเท่านั้น

หากลองคำนึงถึงอายุของเธอแล้ว ทางฝั่งเครย์ลีบันก็มีเครดิตดีกว่าจริงๆ แต่ไม่มีใครคาดคิดเลยว่า เธอจะยืมมือเครย์ลีบันให้ช่วยออกหน้า เริ่มทำกิจการหนึ่งขึ้นมา

“ต่อไปก็ขอฝากเทียด้วยนะครับ คุณเครย์ลีบัน”

พอเห็นท่านพ่อหัวเราะพูดแบบนั้น เครย์ลีบันก็พยักหน้าตกลงอย่างหนักแน่น

โล่งอกที่ท่านพ่อบอกว่างานทั้งหมดในวันนี้จบลงแล้ว และที่จริงพวกเขาก็กำลังอยู่ในระหว่างเดินทางกลับสำนักงานเพื่อพักผ่อนกันพอดี

ท่านพ่อต้องปรึกษาหารือกับไวโอเล็ตเพิ่มเติมอีกหลายเรื่อง แต่เครย์ลีบันทำงานทุกอย่างเสร็จหมดแล้ว ไม่มีอะไรให้ต้องทำอีก

เพราะฉะนั้นเธอก็เลยพาเครย์ลีบันกับลอรีลมุ่งหน้าไปยังสถานที่เป้าหมายแห่งที่สามของเธอ

ถนนหลักซึ่งอยู่ไม่ไกลจากร้านขายเสื้อผ้าแคลอฮันเท่าไหร่นัก แต่มันเป็นสถานที่ที่รถม้ามากมายขับผ่าน ทั้งยังเชื่อมต่อกับถนนอีกสายที่อยู่ห่างออกไปจากตลาดเล็กน้อย

เธอพาทั้งสองคนไปยังตึกขนาดสามชั้นที่ตั้งอยู่บริเวณหัวมุมถนน

“ที่นี่ใช่มั้ย ลอรีล”

“ค่ะ ใช่แล้วค่ะ เห็นว่าเจ้าของคนก่อนจะรออยู่ที่นี่…อ๊ะ อยู่นั่นค่ะ!”

ลอรีลเอ่ยทักทายชายวัยกลางคนคนหนึ่งในขณะที่เดินเข้าไปใกล้

“ที่นี่คือที่ไหนเหรอครับ ท่านฟีเรนเทีย”

เครย์ลีบันหันไปมองรอบๆ ในขณะที่เอ่ยถามเธอ

“เดี๋ยวก็รู้ค่ะ”

ชายที่ถูกเรียกว่า ‘เจ้าของคนก่อน’ พาพวกเราเข้าไปยังชั้นหนึ่งของอาคาร ภายในว่างเปล่า ข้าวของถูกเก็บออกไปเรียบร้อยแล้ว มีเพียงแค่โต๊ะตัวเล็กๆ ตัวหนึ่งตั้งอยู่

แล้วหยิบเอาเอกสารสัญญาแผ่นหนึ่งออกมาจากอ้อมกอด

บนใบสัญญานั่นเนื้อหาส่วนใหญ่ถูกเขียนไว้หมดแล้ว มีที่ว่างเว้นเอาไว้อยู่ไม่กี่ส่วน เหลือเพียงแค่เซ็นชื่อลงไปก็จะถือว่าสัญญาฉบับนี้เสร็จสมบูรณ์

“เอาละ ถ้างั้นเจ้าของตึกคนใหม่ชื่ออะไรครับ”

ลอรีลที่ได้รับคำถามหันกลับมามองเธอ

“เขียนว่าเครย์ลีบัน เพลเลสค่ะ”

“…ท่านฟีเรนเทีย?”

ได้ยินเสียงแผ่วเบาของเครย์ลีบันเรียกเธอจากด้านข้าง แต่เธอไม่หันไปมองเขา

“เครย์ลีบัน เพลเลส…เอาละ ถ้างั้นก็เขียนเสร็จหมดแล้ว จ่ายเงินที่เหลือ แล้วให้คนชื่อเครย์ลีบันเซ็นชื่อตรงนี้ก็เรียบร้อย”

ชายคนนั้นเซ็นชื่อตัวเองลงบนส่วนของเขา แล้ววางปากกาขนนกลง

“เงินที่เหลืออยู่นี่ค่ะ”

เธอวางถุงเงินที่ถือติดมือมาด้วยลงบนโต๊ะพลางเอ่ยพูด

มันคือถุงเงินค่าขนมของเธอที่พกมาจากบ้าน

“เงินสดหรือ…ขอนับสักครู่นะ”

ในระหว่างที่เจ้าของคนเก่าตรวจนับเหรียญทองที่ใส่อยู่ในถุงเงิน เธอก็หันไปหาเครย์ลีบัน

“ตั้งแต่วันนี้ที่นี่จะกลายเป็นสำนักงานของพวกเราค่ะ”

“แต่ทำไมถึงใช้ชื่อของข้า…”

“ก็อาคารนี้เป็นของเครย์ลีบันนี่คะ”

“แต่ว่า…”

“ก็ข้าคือลอมบาร์เดีย ถ้าข้าครอบครองอาคารท่านปู่ต้องทราบแน่ค่ะ ไม่ว่าจะเร็วหรือช้าก็ตาม อาจจะเป็นเช่นนั้นก็ได้ เพราะฉะนั้นเจ้าของอาคารให้เป็นเครย์ลีบันน่ะถูกต้องแล้วค่ะ”

“อย่างนั้นหรือครับ…”

“แต่มันเป็นคนละเรื่องกันนะคะ ตึกนี่เป็นของเครย์ลีบันจริงๆ เป็นของขวัญค่ะ ต่อไปก็มาลงมือทำให้ดีกันเถอะนะคะ”

เครย์ลีบันได้แต่ยืนอึ้งพูดอะไรไม่ออกอยู่พักใหญ่

ระหว่างนั้นเจ้าของตึกคนเก่าก็นับเหรียญทั้งหมดเสร็จแล้ว เขาตรวจสอบจนแน่ใจว่ายอดเงินที่ค้างไว้ถูกต้องตามที่ควรจะเป็น

“เอาละ เครย์ลีบัน เซ็นชื่อเลยค่ะ”

เธอส่งปากกาขนนกให้เครย์ลีบัน

เครย์ลีบันรับมันมาถือไว้ในมืออยู่ครู่หนึ่ง เพียงไม่นานก็ยอมลงชื่อของตัวเองอย่างไม่ลังเล

“ขอบคุณครับ คุณหนู”

เครย์ลีบันโค้งศีรษะให้เธอหลังจากที่เซ็นชื่อเสร็จ

เมื่อตกลงทำสัญญาเสร็จสิ้นอย่างน่าพึงพอใจ เจ้าของอาคารคนเก่าก็พับใบสัญญายัดเก็บกลับเข้าไปในอกเสื้อ แล้วหันมาถามพวกเรา

“อ๊ะ แล้วตอนข้าไปแจ้งทางการ จะต้องแจ้งชื่อใหม่ของตึกนี้ให้เจ้าหน้าที่เขาทราบด้วยน่ะครับ จะใช้ชื่ออะไรครับ”

“ร้านค้าเพลเลสค่ะ”

เธอตอบ

“ช่วยแจ้งชื่อ ‘ร้านค้าเพลเลส’ ตามนามสกุลของเครย์ลีบัน เพลเลสนะคะ”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+