เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล 33.1

Now you are reading เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล Chapter 33.1 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 33

 

 

โรมาเชีย ดิลลาร์ด ผู้รับผิดชอบกลุ่มการค้าลอมบาร์เดียในปัจจุบัน ได้เดินทางมายังคฤหาสน์ลอมบาร์เดียตามคำสั่งเรียกตัวของเจ้าตระกูลตั้งแต่ช่วงเช้าตรู่

 

ตระกูลดิลลาร์ดเป็นตระกูลที่จงรักภักดีเป็นอย่างมาก และได้ทำงานรับใช้ด้วยความซื่อสัตย์ต่อลอมบาร์เดียมาแล้วหลายยุคหลายสมัยถึงขนาดมีคำพูดมุกตลกว่าสำหรับตระกูลดิลลาร์ดแล้ว ผู้ที่เป็นกษัตริย์มิได้อาศัยอยู่ในเมืองหลวง แต่เป็นผู้ที่อาศัยอยู่ในตระกูลลอมบาร์เดียต่างหาก

 

“ไม่ได้พบกันเสียนานนะครับ ท่านโรมาเชีย”

 

พ่อบ้านประจำคฤหาสน์ออกมารอต้อนรับเขาด้วยความสุภาพจากหน้าคฤหาสน์

 

“ท่านเจ้าตระกูลอยู่ที่ห้องทำงานหรือ”

 

“เปล่าครับ วันนี้มีคำสั่งให้เชิญไปยังห้องประชุมน่ะครับ”

 

“ห้องประชุม? อืม”

 

โรมาเชียลูบเคราที่ถูกตัดแต่งจนสั้นไปพลางตอบรับอย่างไม่คิดอะไร

 

สำหรับโรมาเชียซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบดูแลกลุ่มการค้าลอมบาร์เดียทั้งหมดคนนี้ ถึงแม้จะอายุมากขึ้น แต่ก็ไม่เคยถอยห่างจากหน้าที่การงานเลยแม้แต่วินาทีเดียว

 

หนังสือสัญญาและการติดต่อขนส่งของกลุ่มการค้าลอมบาร์เดียยังกองสุมอยู่บนโต๊ะทำงานของเขาอยู่เลย

 

เขามั่นใจว่ายังไม่มีเรื่องใดเกี่ยวกับกลุ่มการค้าให้ต้องมาพบเจ้าตระกูลอย่างแน่นอน แต่จู่ๆ กลับเรียกตัวมาให้เข้าพบด่วนแบบนี้ พอคิดว่าอาจจะมีเรื่องใหญ่โตอะไรก็เป็นได้ ข้างในก็แอบรู้สึกกระวนกระวายขึ้นมา

 

บอกให้ไปยังห้องประชุมอย่างนั้นหรือ

 

โรมาเชียถามพ่อบ้าน

 

“หรือว่านอกจากข้าแล้ว ยังมีคนอื่นๆ อีก?”

 

พ่อบ้านจึงหัวเราะเล็กน้อยพลางเอ่ยตอบ

 

“ตอนนี้ตระกูลเบรย์ ตระกูลเฮลิ่ง ตระกูลบิลเคย์ ตระกูลเดวอน และตระกูลแวร์ ต่างก็มาถึงกันแล้วครับ ท่านโรมาเชียเป็นคนสุดท้ายครับ”

 

โรมาเชียยิ่งมีสีหน้าสับสนมากขึ้นไปอีก

 

ตระกูลที่พ่อบ้านกล่าวมาทั้งหมดเป็นตระกูลที่รับใช้ตระกูลลอมบาร์เดียเช่นเดียวกันกับตระกูลดิลลาร์ดพวกเขาต่างก็แบ่งกันรับหน้าที่ดูแลกิจการสำคัญอย่างธนาคาร การศึกษา การคมนาคม การเกษตร การก่อสร้าง และอื่นๆ

 

โรมาเชียรีบเดินด้วยความรวดเร็ว ก่อนจะเปิดประตูห้องประชุมออกด้วยความใจร้อน หัวหน้าตระกูลเฮลิ่งเป็นคนเห็นและต้อนรับโรมาเชียคนแรก

 

“โอ้ ไม่ได้พบกันเสียนานเลยนะ”

 

“รู้มั้ยว่ามีเรื่องอะไรกันแน่”

 

ทว่าอีกฝ่ายเองก็ส่ายหน้าเช่นกัน

 

โรมาเชียนั่งลงบนที่นั่งว่าง เขาลองถามบุตรชายคนแรกของตระกูลเบรย์ที่นั่งข้างๆ ด้วยคำถามเดียวกัน แต่คำตอบที่ได้รับกลับมาก็คล้ายๆ กัน

 

“ข้าเองก็ไม่ทราบเช่นกันครับ เมื่อวานจู่ๆ ก็ได้รับการติดต่อมา…”

 

“นี่มันจริงๆ เลย เรียกตัวมาแบบนี้ไม่ปกติเลยนะ…”

 

คำพูดของโรมาเชียนั้นถูกต้องแล้ว

 

การเรียกรวมตัวสมาชิกทั้งหมดแบบนี้ในคราวเดียว ปกติแล้วจะเป็นงานเลี้ยงปีใหม่ หรือไม่ก็งานเลี้ยงวันเกิดของรูลลักเท่านั้น

 

ในตอนนั้นเองประตูห้องก็ถูกเปิดออก ก่อนที่ใครคนหนึ่งจะเดินเข้ามาเพิ่มอีกคน

 

“ไม่สิ เครย์ลีบัน ขนาดเจ้าเองก็ด้วยเหรอเนี่ย”

 

เครย์ลีบันมีใบหน้าที่ยังคงง่วงงุนอยู่เลย

 

เครย์ลีบันกวาดสายตามองซ้ายขวาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะนั่งลงข้างโรมาเชียอย่างเป็นธรรมชาติ

 

โรมาเชียที่ตกใจกับการปรากฏตัวของเครย์ลีบันไปชั่วขณะเป็นฝ่ายชวนคุยด้วยเสียงทุ้มต่ำก่อน

 

“ไม่ได้พบกันนานเลยนะ เครย์ลีบัน”

 

เครย์ลีบันนวดรอบนัยน์ตาดูแล้วค่อนข้างเหนื่อยล้าพอควร เขาพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะตอบกลับไปเสียงแผ่ว

 

“ครับ ท่านพ่อ”

 

นามสกุลของเครย์ลีบันอย่างเพลเลสนั้น เป็นนามสกุลที่ใช้ตามสกุลเดิมของมารดา

 

เครย์ลีบันซึ่งเป็นบุตรนอกสมรสของโรมาเชีย ดิลลาร์ดคนนี้ หลังจากที่บรรลุนิติภาวะก็ย้ายออกจากตระกูลดิลลาร์ด และใช้ชีวิตแยกตัวเป็นอิสระเรื่อยมา

 

คนอื่นๆ ที่นั่งอยู่ซ้ายขวาซึ่งรู้ความสัมพันธ์ของสองพ่อลูกเป็นอย่างดี ต่างก็แสร้งทำเป็นไม่ได้ยินคำทักทายระหว่างทั้งคู่

 

ไม่นานหลังจากนั้น รูลลัก ลอมบาร์เดียก็เปิดประตูห้องประชุมออก แล้วเดินเข้ามา

 

ยกเว้นผู้นำตระกูลแวร์ที่อายุมากแล้ว คนอื่นๆ ที่นั่งอยู่ทั้งหมดต่างลุกขึ้นจากที่นั่ง โค้งศีรษะทักทาย

 

รูลลักหัวเราะทำมือส่งสัญญาณไปทางพวกเขาให้นั่งลง

 

“ทุกคนมากันหมดแล้วสินะ”

 

ต่างจากที่พวกเขากังวล ใบหน้าของรูลลักยิ้มแย้มแจ่มใส ดูแล้วท่าทางจะอารมณ์ดีมากทีเดียว ถึงอย่างนั้นเหล่าข้ารับใช้ใต้บังคับบัญชาจึงยิ่งสับสนมากขึ้นไปอีก

 

“เหตุผลที่เรียกทุกคนมาวันนี้ก็คือ…”

 

ความตึงเครียดไหลเวียนไปทั่วห้องประชุม

 

พอรูลลักขยับมือหนึ่งครั้ง ผู้ช่วยชายก็ถือถาดอะไรบางอย่างเดินเข้ามา

 

แกรก

 

กระปุกใบเล็กถูกวางลงตรงหน้าทุกคนคนละหนึ่งชิ้น

 

ของสิ่งนี้ที่ถูกมัดด้วยริบบิ้นสวยสีแดง มันคือสิ่งใดพวกเขาไม่อาจรู้ได้ในทันที

 

“หืม? นี่มันกลิ่นอะไรหรือครับ”

 

โรมาเชียหยิบกระปุกขึ้นมาใกล้หน้าอย่างระมัดระวัง พลางเอ่ยถาม

 

“กลิ่นหอมหวาน ทั้งยังให้กลิ่นเย็นสบาย…มันเป็นความรู้สึกแรกที่ได้กลิ่นนี่ครับ”

 

“นั่นสิครับ…”

 

คนที่นิสัยใจร้อนถึงกับหยิบกระปุกขึ้นมาลองเขย่าดูเล็กน้อย

 

รูลลักเฝ้ามองดูพวกเขาพลางหัวเราะไปด้วย ก่อนจะเอ่ยพูด

 

“ยาไงล่ะ”

 

“ยาหรือครับ”

 

ถึงแม้จะคาดเดาอยู่แล้วเช่นกันด้วยกลิ่นที่ขมเล็กน้อย

 

เหล่าลูกน้องใต้บังคับบัญชาต่างก็มองหน้ากันด้วยความมึนงง

 

“ลองเปิดดูได้มั้ยครับ”

 

รูลลักพยักหน้าสบายใจ เมื่อเครย์ลีบันถามขึ้น

 

รูลลึกอธิบายรายละเอียดเพิ่มเติมให้ลูกน้องทั้งหลายที่กำลังคลายริบบิ้นสีแดง พลิกหน้าพลิกหลังดูด้วยความอยากรู้อยากเห็น

 

“ยาขี้ผึ้งสารพัดใช้ทาบนบริเวณที่รู้สึกเจ็บปวด โดยเฉพาะอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ หรือคนที่ข้อกระดูกไม่ค่อยดีอย่างข้า ยิ่งมีประสิทธิภาพดีเยี่ยม”

 

“โอ้!”

 

บรรดาลูกน้องใต้บังคับบัญชาที่พออายุมากขึ้นก็ปวดเมื่อยกันคนละที่สองที่ ต่างก็มองยาขี้ผึ้งด้วยนัยน์ตาเป็นประกาย

 

“อ๊ะ! แต่ห้ามทาลงบนผิวที่หนังเปิด หรือบาดแผลเลือดออกโดยตรงเด็ดขาด!”

 

รูลลักชูนิ้วขึ้น พูดหนักแน่น

 

“ว่าแต่สิ่งนี้ทำไม…”

 

ในที่สุดผู้นำตระกูลเดวอนก็เอ่ยถามเสียงแผ่ว

 

รูลลักยิ้มเจ้าเล่ห์คล้ายกับรอคำถามนี้อยู่แล้ว ก่อนจะเอ่ยพูด

 

“รู้หรือไม่ว่าใครเป็นคนผลิตยาขี้ผึ้งนี่”

 

“มะ…ไม่ทราบครับ”

 

“ก็คือหลานสาวของข้ายังไงล่ะ! ”

 

หลังจากนั้นเสียงหัวเราะดัง ‘วะฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า’ ของรูลลักก็ดังก้องไปทั่ว

 

“หลานสาว…ถ้าเช่นนั้น”

 

บุตรหลานสายตรงรุ่นที่สามของลอมบาร์เดียในปัจจุบันยังเยาว์วัยกันมาก

 

คนที่อายุมากที่สุดอย่างลาลาเน่เองก็ยังมีอายุเพียงแค่สิบเอ็ดขวบ

 

แต่จู่ๆ กลับมาบอกว่าหลานสาวเป็นคนทำขึ้นมาเนี่ยนะ

 

เหล่าลูกน้องใต้บังคับบัญชาถึงกับคิดว่าหรือจะมีหลานสาวช่วงอายุโตเต็มวัยอยู่อีกคนที่พวกเขาไม่เคยรู้มาก่อน

 

ในตอนนั้นเองเครย์ลีบันก็ถามขึ้นเสียงเรียบ

 

“ท่านฟีเรนเทียหรือครับ”

 

รูลลักที่เอาแต่หัวเราะไหล่กระเพื่อมไม่หยุดหยุดชะงัก เขาหันหน้าไปมองเครย์ลีบัน

 

บรรดาลูกน้องใต้บังคับบัญชาทั้งหมดที่นั่งอยู่ต่างก็ยิ่งส่งเสียงดังเซ็งแซ่มากกว่าเดิม

 

“ฟีเรนเทีย ถ้าเช่นนั้นก็ลูกสาวของแคลอฮัน?”

 

“ยังเด็กอยู่เลย”

 

แต่ไม่ว่าจะเป็นรูลลักที่โอ้อวดยาขี้ผึ้งว่าเป็นยาที่หลานสาวเป็นคนผลิตขึ้น หรือเครย์ลีบันที่มองหน้ารูลลักอยู่นั้น ต่างก็ดูแล้วไม่เหมือนกำลังล้อเล่นเลยแม้แต่น้อย

 

Related

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล 33.1

Now you are reading เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล Chapter 33.1 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 33

 

 

โรมาเชีย ดิลลาร์ด ผู้รับผิดชอบกลุ่มการค้าลอมบาร์เดียในปัจจุบัน ได้เดินทางมายังคฤหาสน์ลอมบาร์เดียตามคำสั่งเรียกตัวของเจ้าตระกูลตั้งแต่ช่วงเช้าตรู่

 

ตระกูลดิลลาร์ดเป็นตระกูลที่จงรักภักดีเป็นอย่างมาก และได้ทำงานรับใช้ด้วยความซื่อสัตย์ต่อลอมบาร์เดียมาแล้วหลายยุคหลายสมัยถึงขนาดมีคำพูดมุกตลกว่าสำหรับตระกูลดิลลาร์ดแล้ว ผู้ที่เป็นกษัตริย์มิได้อาศัยอยู่ในเมืองหลวง แต่เป็นผู้ที่อาศัยอยู่ในตระกูลลอมบาร์เดียต่างหาก

 

“ไม่ได้พบกันเสียนานนะครับ ท่านโรมาเชีย”

 

พ่อบ้านประจำคฤหาสน์ออกมารอต้อนรับเขาด้วยความสุภาพจากหน้าคฤหาสน์

 

“ท่านเจ้าตระกูลอยู่ที่ห้องทำงานหรือ”

 

“เปล่าครับ วันนี้มีคำสั่งให้เชิญไปยังห้องประชุมน่ะครับ”

 

“ห้องประชุม? อืม”

 

โรมาเชียลูบเคราที่ถูกตัดแต่งจนสั้นไปพลางตอบรับอย่างไม่คิดอะไร

 

สำหรับโรมาเชียซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบดูแลกลุ่มการค้าลอมบาร์เดียทั้งหมดคนนี้ ถึงแม้จะอายุมากขึ้น แต่ก็ไม่เคยถอยห่างจากหน้าที่การงานเลยแม้แต่วินาทีเดียว

 

หนังสือสัญญาและการติดต่อขนส่งของกลุ่มการค้าลอมบาร์เดียยังกองสุมอยู่บนโต๊ะทำงานของเขาอยู่เลย

 

เขามั่นใจว่ายังไม่มีเรื่องใดเกี่ยวกับกลุ่มการค้าให้ต้องมาพบเจ้าตระกูลอย่างแน่นอน แต่จู่ๆ กลับเรียกตัวมาให้เข้าพบด่วนแบบนี้ พอคิดว่าอาจจะมีเรื่องใหญ่โตอะไรก็เป็นได้ ข้างในก็แอบรู้สึกกระวนกระวายขึ้นมา

 

บอกให้ไปยังห้องประชุมอย่างนั้นหรือ

 

โรมาเชียถามพ่อบ้าน

 

“หรือว่านอกจากข้าแล้ว ยังมีคนอื่นๆ อีก?”

 

พ่อบ้านจึงหัวเราะเล็กน้อยพลางเอ่ยตอบ

 

“ตอนนี้ตระกูลเบรย์ ตระกูลเฮลิ่ง ตระกูลบิลเคย์ ตระกูลเดวอน และตระกูลแวร์ ต่างก็มาถึงกันแล้วครับ ท่านโรมาเชียเป็นคนสุดท้ายครับ”

 

โรมาเชียยิ่งมีสีหน้าสับสนมากขึ้นไปอีก

 

ตระกูลที่พ่อบ้านกล่าวมาทั้งหมดเป็นตระกูลที่รับใช้ตระกูลลอมบาร์เดียเช่นเดียวกันกับตระกูลดิลลาร์ดพวกเขาต่างก็แบ่งกันรับหน้าที่ดูแลกิจการสำคัญอย่างธนาคาร การศึกษา การคมนาคม การเกษตร การก่อสร้าง และอื่นๆ

 

โรมาเชียรีบเดินด้วยความรวดเร็ว ก่อนจะเปิดประตูห้องประชุมออกด้วยความใจร้อน หัวหน้าตระกูลเฮลิ่งเป็นคนเห็นและต้อนรับโรมาเชียคนแรก

 

“โอ้ ไม่ได้พบกันเสียนานเลยนะ”

 

“รู้มั้ยว่ามีเรื่องอะไรกันแน่”

 

ทว่าอีกฝ่ายเองก็ส่ายหน้าเช่นกัน

 

โรมาเชียนั่งลงบนที่นั่งว่าง เขาลองถามบุตรชายคนแรกของตระกูลเบรย์ที่นั่งข้างๆ ด้วยคำถามเดียวกัน แต่คำตอบที่ได้รับกลับมาก็คล้ายๆ กัน

 

“ข้าเองก็ไม่ทราบเช่นกันครับ เมื่อวานจู่ๆ ก็ได้รับการติดต่อมา…”

 

“นี่มันจริงๆ เลย เรียกตัวมาแบบนี้ไม่ปกติเลยนะ…”

 

คำพูดของโรมาเชียนั้นถูกต้องแล้ว

 

การเรียกรวมตัวสมาชิกทั้งหมดแบบนี้ในคราวเดียว ปกติแล้วจะเป็นงานเลี้ยงปีใหม่ หรือไม่ก็งานเลี้ยงวันเกิดของรูลลักเท่านั้น

 

ในตอนนั้นเองประตูห้องก็ถูกเปิดออก ก่อนที่ใครคนหนึ่งจะเดินเข้ามาเพิ่มอีกคน

 

“ไม่สิ เครย์ลีบัน ขนาดเจ้าเองก็ด้วยเหรอเนี่ย”

 

เครย์ลีบันมีใบหน้าที่ยังคงง่วงงุนอยู่เลย

 

เครย์ลีบันกวาดสายตามองซ้ายขวาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะนั่งลงข้างโรมาเชียอย่างเป็นธรรมชาติ

 

โรมาเชียที่ตกใจกับการปรากฏตัวของเครย์ลีบันไปชั่วขณะเป็นฝ่ายชวนคุยด้วยเสียงทุ้มต่ำก่อน

 

“ไม่ได้พบกันนานเลยนะ เครย์ลีบัน”

 

เครย์ลีบันนวดรอบนัยน์ตาดูแล้วค่อนข้างเหนื่อยล้าพอควร เขาพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะตอบกลับไปเสียงแผ่ว

 

“ครับ ท่านพ่อ”

 

นามสกุลของเครย์ลีบันอย่างเพลเลสนั้น เป็นนามสกุลที่ใช้ตามสกุลเดิมของมารดา

 

เครย์ลีบันซึ่งเป็นบุตรนอกสมรสของโรมาเชีย ดิลลาร์ดคนนี้ หลังจากที่บรรลุนิติภาวะก็ย้ายออกจากตระกูลดิลลาร์ด และใช้ชีวิตแยกตัวเป็นอิสระเรื่อยมา

 

คนอื่นๆ ที่นั่งอยู่ซ้ายขวาซึ่งรู้ความสัมพันธ์ของสองพ่อลูกเป็นอย่างดี ต่างก็แสร้งทำเป็นไม่ได้ยินคำทักทายระหว่างทั้งคู่

 

ไม่นานหลังจากนั้น รูลลัก ลอมบาร์เดียก็เปิดประตูห้องประชุมออก แล้วเดินเข้ามา

 

ยกเว้นผู้นำตระกูลแวร์ที่อายุมากแล้ว คนอื่นๆ ที่นั่งอยู่ทั้งหมดต่างลุกขึ้นจากที่นั่ง โค้งศีรษะทักทาย

 

รูลลักหัวเราะทำมือส่งสัญญาณไปทางพวกเขาให้นั่งลง

 

“ทุกคนมากันหมดแล้วสินะ”

 

ต่างจากที่พวกเขากังวล ใบหน้าของรูลลักยิ้มแย้มแจ่มใส ดูแล้วท่าทางจะอารมณ์ดีมากทีเดียว ถึงอย่างนั้นเหล่าข้ารับใช้ใต้บังคับบัญชาจึงยิ่งสับสนมากขึ้นไปอีก

 

“เหตุผลที่เรียกทุกคนมาวันนี้ก็คือ…”

 

ความตึงเครียดไหลเวียนไปทั่วห้องประชุม

 

พอรูลลักขยับมือหนึ่งครั้ง ผู้ช่วยชายก็ถือถาดอะไรบางอย่างเดินเข้ามา

 

แกรก

 

กระปุกใบเล็กถูกวางลงตรงหน้าทุกคนคนละหนึ่งชิ้น

 

ของสิ่งนี้ที่ถูกมัดด้วยริบบิ้นสวยสีแดง มันคือสิ่งใดพวกเขาไม่อาจรู้ได้ในทันที

 

“หืม? นี่มันกลิ่นอะไรหรือครับ”

 

โรมาเชียหยิบกระปุกขึ้นมาใกล้หน้าอย่างระมัดระวัง พลางเอ่ยถาม

 

“กลิ่นหอมหวาน ทั้งยังให้กลิ่นเย็นสบาย…มันเป็นความรู้สึกแรกที่ได้กลิ่นนี่ครับ”

 

“นั่นสิครับ…”

 

คนที่นิสัยใจร้อนถึงกับหยิบกระปุกขึ้นมาลองเขย่าดูเล็กน้อย

 

รูลลักเฝ้ามองดูพวกเขาพลางหัวเราะไปด้วย ก่อนจะเอ่ยพูด

 

“ยาไงล่ะ”

 

“ยาหรือครับ”

 

ถึงแม้จะคาดเดาอยู่แล้วเช่นกันด้วยกลิ่นที่ขมเล็กน้อย

 

เหล่าลูกน้องใต้บังคับบัญชาต่างก็มองหน้ากันด้วยความมึนงง

 

“ลองเปิดดูได้มั้ยครับ”

 

รูลลักพยักหน้าสบายใจ เมื่อเครย์ลีบันถามขึ้น

 

รูลลึกอธิบายรายละเอียดเพิ่มเติมให้ลูกน้องทั้งหลายที่กำลังคลายริบบิ้นสีแดง พลิกหน้าพลิกหลังดูด้วยความอยากรู้อยากเห็น

 

“ยาขี้ผึ้งสารพัดใช้ทาบนบริเวณที่รู้สึกเจ็บปวด โดยเฉพาะอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ หรือคนที่ข้อกระดูกไม่ค่อยดีอย่างข้า ยิ่งมีประสิทธิภาพดีเยี่ยม”

 

“โอ้!”

 

บรรดาลูกน้องใต้บังคับบัญชาที่พออายุมากขึ้นก็ปวดเมื่อยกันคนละที่สองที่ ต่างก็มองยาขี้ผึ้งด้วยนัยน์ตาเป็นประกาย

 

“อ๊ะ! แต่ห้ามทาลงบนผิวที่หนังเปิด หรือบาดแผลเลือดออกโดยตรงเด็ดขาด!”

 

รูลลักชูนิ้วขึ้น พูดหนักแน่น

 

“ว่าแต่สิ่งนี้ทำไม…”

 

ในที่สุดผู้นำตระกูลเดวอนก็เอ่ยถามเสียงแผ่ว

 

รูลลักยิ้มเจ้าเล่ห์คล้ายกับรอคำถามนี้อยู่แล้ว ก่อนจะเอ่ยพูด

 

“รู้หรือไม่ว่าใครเป็นคนผลิตยาขี้ผึ้งนี่”

 

“มะ…ไม่ทราบครับ”

 

“ก็คือหลานสาวของข้ายังไงล่ะ! ”

 

หลังจากนั้นเสียงหัวเราะดัง ‘วะฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า’ ของรูลลักก็ดังก้องไปทั่ว

 

“หลานสาว…ถ้าเช่นนั้น”

 

บุตรหลานสายตรงรุ่นที่สามของลอมบาร์เดียในปัจจุบันยังเยาว์วัยกันมาก

 

คนที่อายุมากที่สุดอย่างลาลาเน่เองก็ยังมีอายุเพียงแค่สิบเอ็ดขวบ

 

แต่จู่ๆ กลับมาบอกว่าหลานสาวเป็นคนทำขึ้นมาเนี่ยนะ

 

เหล่าลูกน้องใต้บังคับบัญชาถึงกับคิดว่าหรือจะมีหลานสาวช่วงอายุโตเต็มวัยอยู่อีกคนที่พวกเขาไม่เคยรู้มาก่อน

 

ในตอนนั้นเองเครย์ลีบันก็ถามขึ้นเสียงเรียบ

 

“ท่านฟีเรนเทียหรือครับ”

 

รูลลักที่เอาแต่หัวเราะไหล่กระเพื่อมไม่หยุดหยุดชะงัก เขาหันหน้าไปมองเครย์ลีบัน

 

บรรดาลูกน้องใต้บังคับบัญชาทั้งหมดที่นั่งอยู่ต่างก็ยิ่งส่งเสียงดังเซ็งแซ่มากกว่าเดิม

 

“ฟีเรนเทีย ถ้าเช่นนั้นก็ลูกสาวของแคลอฮัน?”

 

“ยังเด็กอยู่เลย”

 

แต่ไม่ว่าจะเป็นรูลลักที่โอ้อวดยาขี้ผึ้งว่าเป็นยาที่หลานสาวเป็นคนผลิตขึ้น หรือเครย์ลีบันที่มองหน้ารูลลักอยู่นั้น ต่างก็ดูแล้วไม่เหมือนกำลังล้อเล่นเลยแม้แต่น้อย

 

Related

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+