เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล 88.2

Now you are reading เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล Chapter 88.2 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“เข้ามาสิครับ คุณเวสติน”

“ไม่ได้พบกันเสียนานเลยนะครับ คุณเครย์ลีบัน”

เวสติน ชูลส์มาเยือนสำนักงานของร้านค้าเพลเลส

จะมาเยือนมันก็ได้อยู่หรอก แต่นี่เพิ่งจะติดต่อมาได้ไม่ถึงครึ่งวันด้วยซ้ำ

“ก่อนหน้านี้ข้าเองก็ควรจะแวะมาหาสักครั้งแหละนะ”

เวสตินวางท่าพูดเหมือนตนเป็นคนสำคัญเสียเต็มประดา เขาพูดจาราวกับขอโทษขอโพยที่ตัวเองไม่ได้ใส่ใจแวะมาเยี่ยม

คิ้วเรียวได้รูปของเครย์ลีบันกระตุกเล็กน้อยจนแทบมองไม่เห็น

ท่าทางจะยังประเมินสถานการณ์ไม่ออกสินะ

เครย์ลีบันหงุดหงิด เขาจ้องหน้าเวสติน ยกขาข้างหนึ่งขึ้นมานั่งไขว่ห้าง ประสานมือไว้บนตัก และไม่ลืมที่จะกระตุกยิ้มมุมปากราวกับจะเย้ยหยันอีกฝ่าย

“ต่อให้มาก็อาจจะไม่ได้พบข้าก็ได้ครับ ข้าเองก็ยุ่งมากเสียจนไม่มีเวลาเผื่อให้คุณเวสตินหรอกครับ” หมายความว่า ข้าไม่มีเวลาว่างมากมาเจอเจ้าหรอก

เครย์ลีบันมองเห็นถุงใต้ตาของเวสตินกระตุกเล็กน้อย ทว่าเขาก็ยังคงพูดต่ออย่างไม่แยแส

“เพราะฉะนั้นวันนี้มาด้วยธุระอะไรหรือครับ”

“นี่มันช่างน่าเสียใจจริงๆ นะครับ พวกเราต้องมีธุระเท่านั้นถึงจะพบหน้ากันได้หรือ”

“ใช่ครับ”

เครย์ลีบันพูดเสียงห้วน

“พวกเราไม่ได้สนิทสนมกันเป็นการส่วนตัว ขนาดที่จะมาพบหน้า นั่งดื่มชากันได้โดยไม่มีธุระไม่ใช่หรือครับ”

และสายตาเย็นชาของเครย์ลีบันก็กวาดไล่มองเวสตินตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าหนึ่งรอบ

สายตาตำหนิคนที่ทำตัวกร่างวางท่าเหมือนกับมาพบลูกน้องตัวเองที่ห้องทำงาน

เครย์ลีบันไม่ใช่ลูกจ้างของลอมบาร์เดียอีกต่อไปแล้ว

คนที่ต้องรู้สึกเสียดายก็คือเวสตินเองนั่นแหละ

เพราะตอนนี้เครย์ลีบันเป็นคนที่สามารถลุกขึ้นจากที่นั่ง ออกไปพบคนที่มีคุณค่าและมีความสำคัญกว่าเวสตินได้ทุกเมื่อ

“อะแฮ่ม”

เวสตินเองก็คงจะเริ่มสังเกตได้ เขาขยับแผ่นหลังที่พิงอยู่กับพนักโซฟา เปลี่ยนท่วงท่าเป็นยืดหลังนั่งตัวตรง

ตอนนั้นเองแรงกดดันของเครย์ลีบันถึงได้ค่อยอ่อนตัวลงบ้างเล็กน้อย

“เหตุผลที่ข้ามาหาในวันนี้…”

เวสตินเหลือบมองประตูที่ถูกปิดแน่นเป็นการตรวจสอบก่อนจะเริ่มเปิดปากพูดธุระของตัวเอง

“บัตรเชิญงานเลี้ยงเมื่อครั้งก่อนน่ะครับ”

“ครับ”

“เพราะเหตุใดถึงได้…”

“หากไม่พูดให้ชัดเจน ทางข้าก็คงจะตอบได้ลำบากนะครับ บัตรเชิญงานเลี้ยงเมื่อครั้งก่อนมีปัญหาอะไรอย่างนั้นหรือครับ”

“เปล่า ไม่ใช่อย่างนั้น”

เวสตินพยายามยิ้มกลบเกลื่อนจนดูน่าสมเพช

“มีคนที่ไม่ควรได้รับบัตรเชิญจากร้านค้าเพลเลสอยู่ในงานเลี้ยง…”

“อ้อ คุณหนูมาเรีย แพทโทรน?”

ทันทีที่นามของชู้รักตัวเองดังออกจากปากเครย์ลีบัน ใบหน้าของเวสตินก็กระตุกเกร็งไปชั่วขณะ

หลังจากนั้นเวสตินก็พยายามฉีกยิ้มอีกครั้ง แต่มันไม่ใช่รอยยิ้มที่เหมือนกับก่อนหน้านี้

ทางด้านเครย์ลีบันเองก็ได้แต่รู้สึกชื่นชมในความสามารถของฟีเรนเทีย

ฟีเรนเทียได้แจ้งเขาเอาไว้ล่วงหน้าแล้วว่าธุระของเวสตินน่าจะมีเพียงแค่สองเรื่องเท่านั้น

แล้วหนึ่งในสองเรื่องที่ว่าก็เป็นเรื่องที่อีกฝ่ายกำลังพูดอยู่ในตอนนี้นั่นเอง

ภายใต้สีหน้าเรียบเฉยไร้อารมณ์ของเครย์ลีบัน มีความประทับใจ ‘ว่าแล้วเชียว’ แฝงเอาไว้อยู่

“เฮ้อ…”

เวสตินยกมือขึ้นลูบใบหน้า

และใบหน้าที่เปิดเผยให้เห็นในตอนนี้ มันเป็นใบหน้าที่แตกต่างจากใบหน้าที่เครย์ลีบันเคยเห็นมาโดยตลอด

“ทราบตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ”

พอเก็บรอยยิ้มจอมปลอมออกไปจากใบหน้าหล่อเหลา สิ่งที่เหลืออยู่ก็มีเพียงแค่นัยน์ตาเป็นประกายเปี่ยมไปด้วยความโลภ

“ตอนนี้คำถามสำคัญไม่น่าจะใช่คำถามนั้นนะครับ”

“…ถ้าอย่างนั้นขอถามอีกครั้งก็แล้วกันครับ คิดอะไรอยู่กันแน่อยากเห็นชานาเนสรู้เรื่องทุกอย่างแล้วเป็นลมหมดสติไปด้วยความตกใจต่อหน้าผู้คนหรือครับ”

ช่างเป็นคำแก้ตัวที่ห่วยแตกเกินกว่าจะเป็นข้ออ้างของคนที่เป็นฝ่ายนอกใจเหลือเกิน

เป็นห่วงภริยาอย่างนั้นเหรอ

เครย์ลีบันหลุดหัวเราะด้วยความสมเพช

“เป็นแค่การเชื้อเชิญอย่างมิตรเท่านั้นเองครับ เห็นว่าคุณหนูแพทโทรนเองก็อยากมาร่วมงานเลี้ยงของร้านค้าเพลเลส เมื่อไม่นานมานี้ข้าได้ไปเยือนเขตแดนชูลส์มา เห็นตำแหน่งที่ยืนในสังคมชั้นสูงที่นั่น ดูจะลำบากทีเดียวนะครับ”

เวสตินผงะ เพราะเพิ่งตระหนักได้ว่าเครย์ลีบันรู้เรื่องเกี่ยวกับมาเรียมากกว่าที่ตนคิด

“ได้เข้าร่วมงานเลี้ยงของข้าที่ถือเป็นงานเลี้ยงติดอันดับในศตวรรษ ตอนนี้ก็คงแก้ปัญหาได้ราบรื่นมากทีเดียวเลยละครับ”

เป็นเรื่องจริง

มาเรีย แพทโทรนเริ่มสนิทสนมกับเหล่าคุณหนูตระกูลชั้นสูงที่ได้รู้จักกันที่นั่น และในตอนนี้นางก็ประสบความสำเร็จในการก้าวเท้าเข้าสู่แวดวงสังคมได้ในระดับหนึ่ง

“ข้านึกว่าจะได้รับคำขอบคุณเสียอีกนะครับ”

คำพูดของเครย์ลีบันทำให้หัวสมองของเวสตินเริ่มประมวลผลอย่างรวดเร็ว

ดูเหมือนว่าเครย์ลีบันจะเชิญมาเรียไปร่วมงานเลี้ยงด้วยความเห็นใจจริงๆ

ไม่มีสีหน้าตำหนิเรื่องที่ตนนอกใจชานาเนสเลยแม้แต่น้อย

เวสตินถามอย่างระมัดระวัง

“ถ้าอย่างนั้นก็ส่งบัตรเชิญไปด้วยเจตนาดีจริงๆ หรือครับ”

“ยิ่งได้ทำงานในตระกูลลอมบาร์เดียนานเท่าไหร่ ก็ยิ่งได้เห็น ได้ยิน ได้รู้เรื่องอะไรมากมายเลยละครับ”

เครย์ลีบันพยักหน้าตอบ

“หลังจากที่ข้าทราบเรื่องเกี่ยวกับคุณหนูมาเรีย แพทโทรน ข้าก็ประเมินคุณเวสตินดีกว่าเดิมครับ”

“ประเมินดีกว่าเดิมอย่างนั้นหรือ…”

เครย์ลีบันสูดลมหายใจเข้าลึก พยายามอดกลั้นไม่ให้เผลอแสดงความรู้สึกที่แท้จริงออกไป หลังจากนั้นจึงค่อยพูดประโยคที่เตรียมไว้

“จะบอกว่าพอใจก็ได้กระมังครับ”

ชั่วขณะเวสตินรู้สึกราวกับจะหลุดหัวเราะออกมาเสียงดัง

ว่าแล้วเชียว เครย์ลีบัน เจ้านี่ก็ดูถูกลอมบาร์เดียเหมือนกัน!

หมายความว่า ในบางมุมเจ้านี่เองมีนิสัยเหมือนกับตัวเขาคนนี้สินะ

ความกังวลของเวสตินคลายตัวลง ในตอนนั้นเขารู้สึกโล่งใจเหลือเกิน

“ใช่ ใช่แล้วละไอ้พวกลอมบาร์เดียมันไม่ใช่คนที่พวกเราจะทนอยู่ด้วยได้นานอยู่แล้วใช่มั้ยล่ะครับ”

พอเห็นว่าเครย์ลีบันเองก็ดูจะเกลียดชังลอมบาร์เดียไม่ต่างจากตัวเอง เวสตินก็ไม่คิดเก็บงำคำพูดคำจาอีกต่อไป

“เพราะแบบนั้นคุณเครย์ลีบันถึงได้แยกตัวออกมาหรือครับ”

“ก็…จะมองแบบนั้นก็ได้อยู่ครับ”

“ฮ่าฮ่า! เลือกได้ฉลาดมากแล้วละครับ! น่าอิจฉาจริงๆ! ”

เวสตินสะบัดหน้าไปมาพลางหัวเราะเสียงดัง

“ทั้งเรื่องเหมืองแร่ลีลาร์เมื่อครั้งก่อนก็ด้วย เป็นคนมีความสามารถจริงๆ เลยนะครับเนี่ย!”

“ขอบคุณที่ชมครับ”

“ถ้าอย่างนั้นเรื่องอื่นๆ ก็คงจะง่ายหน่อย ค่อยเบาใจหน่อยครับ”

“…พูดมาตามสบายเถอะครับ”

เครย์ลีบันพูดกระตุ้นอีกฝ่าย

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล 88.2

Now you are reading เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล Chapter 88.2 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“เข้ามาสิครับ คุณเวสติน”

“ไม่ได้พบกันเสียนานเลยนะครับ คุณเครย์ลีบัน”

เวสติน ชูลส์มาเยือนสำนักงานของร้านค้าเพลเลส

จะมาเยือนมันก็ได้อยู่หรอก แต่นี่เพิ่งจะติดต่อมาได้ไม่ถึงครึ่งวันด้วยซ้ำ

“ก่อนหน้านี้ข้าเองก็ควรจะแวะมาหาสักครั้งแหละนะ”

เวสตินวางท่าพูดเหมือนตนเป็นคนสำคัญเสียเต็มประดา เขาพูดจาราวกับขอโทษขอโพยที่ตัวเองไม่ได้ใส่ใจแวะมาเยี่ยม

คิ้วเรียวได้รูปของเครย์ลีบันกระตุกเล็กน้อยจนแทบมองไม่เห็น

ท่าทางจะยังประเมินสถานการณ์ไม่ออกสินะ

เครย์ลีบันหงุดหงิด เขาจ้องหน้าเวสติน ยกขาข้างหนึ่งขึ้นมานั่งไขว่ห้าง ประสานมือไว้บนตัก และไม่ลืมที่จะกระตุกยิ้มมุมปากราวกับจะเย้ยหยันอีกฝ่าย

“ต่อให้มาก็อาจจะไม่ได้พบข้าก็ได้ครับ ข้าเองก็ยุ่งมากเสียจนไม่มีเวลาเผื่อให้คุณเวสตินหรอกครับ” หมายความว่า ข้าไม่มีเวลาว่างมากมาเจอเจ้าหรอก

เครย์ลีบันมองเห็นถุงใต้ตาของเวสตินกระตุกเล็กน้อย ทว่าเขาก็ยังคงพูดต่ออย่างไม่แยแส

“เพราะฉะนั้นวันนี้มาด้วยธุระอะไรหรือครับ”

“นี่มันช่างน่าเสียใจจริงๆ นะครับ พวกเราต้องมีธุระเท่านั้นถึงจะพบหน้ากันได้หรือ”

“ใช่ครับ”

เครย์ลีบันพูดเสียงห้วน

“พวกเราไม่ได้สนิทสนมกันเป็นการส่วนตัว ขนาดที่จะมาพบหน้า นั่งดื่มชากันได้โดยไม่มีธุระไม่ใช่หรือครับ”

และสายตาเย็นชาของเครย์ลีบันก็กวาดไล่มองเวสตินตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าหนึ่งรอบ

สายตาตำหนิคนที่ทำตัวกร่างวางท่าเหมือนกับมาพบลูกน้องตัวเองที่ห้องทำงาน

เครย์ลีบันไม่ใช่ลูกจ้างของลอมบาร์เดียอีกต่อไปแล้ว

คนที่ต้องรู้สึกเสียดายก็คือเวสตินเองนั่นแหละ

เพราะตอนนี้เครย์ลีบันเป็นคนที่สามารถลุกขึ้นจากที่นั่ง ออกไปพบคนที่มีคุณค่าและมีความสำคัญกว่าเวสตินได้ทุกเมื่อ

“อะแฮ่ม”

เวสตินเองก็คงจะเริ่มสังเกตได้ เขาขยับแผ่นหลังที่พิงอยู่กับพนักโซฟา เปลี่ยนท่วงท่าเป็นยืดหลังนั่งตัวตรง

ตอนนั้นเองแรงกดดันของเครย์ลีบันถึงได้ค่อยอ่อนตัวลงบ้างเล็กน้อย

“เหตุผลที่ข้ามาหาในวันนี้…”

เวสตินเหลือบมองประตูที่ถูกปิดแน่นเป็นการตรวจสอบก่อนจะเริ่มเปิดปากพูดธุระของตัวเอง

“บัตรเชิญงานเลี้ยงเมื่อครั้งก่อนน่ะครับ”

“ครับ”

“เพราะเหตุใดถึงได้…”

“หากไม่พูดให้ชัดเจน ทางข้าก็คงจะตอบได้ลำบากนะครับ บัตรเชิญงานเลี้ยงเมื่อครั้งก่อนมีปัญหาอะไรอย่างนั้นหรือครับ”

“เปล่า ไม่ใช่อย่างนั้น”

เวสตินพยายามยิ้มกลบเกลื่อนจนดูน่าสมเพช

“มีคนที่ไม่ควรได้รับบัตรเชิญจากร้านค้าเพลเลสอยู่ในงานเลี้ยง…”

“อ้อ คุณหนูมาเรีย แพทโทรน?”

ทันทีที่นามของชู้รักตัวเองดังออกจากปากเครย์ลีบัน ใบหน้าของเวสตินก็กระตุกเกร็งไปชั่วขณะ

หลังจากนั้นเวสตินก็พยายามฉีกยิ้มอีกครั้ง แต่มันไม่ใช่รอยยิ้มที่เหมือนกับก่อนหน้านี้

ทางด้านเครย์ลีบันเองก็ได้แต่รู้สึกชื่นชมในความสามารถของฟีเรนเทีย

ฟีเรนเทียได้แจ้งเขาเอาไว้ล่วงหน้าแล้วว่าธุระของเวสตินน่าจะมีเพียงแค่สองเรื่องเท่านั้น

แล้วหนึ่งในสองเรื่องที่ว่าก็เป็นเรื่องที่อีกฝ่ายกำลังพูดอยู่ในตอนนี้นั่นเอง

ภายใต้สีหน้าเรียบเฉยไร้อารมณ์ของเครย์ลีบัน มีความประทับใจ ‘ว่าแล้วเชียว’ แฝงเอาไว้อยู่

“เฮ้อ…”

เวสตินยกมือขึ้นลูบใบหน้า

และใบหน้าที่เปิดเผยให้เห็นในตอนนี้ มันเป็นใบหน้าที่แตกต่างจากใบหน้าที่เครย์ลีบันเคยเห็นมาโดยตลอด

“ทราบตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ”

พอเก็บรอยยิ้มจอมปลอมออกไปจากใบหน้าหล่อเหลา สิ่งที่เหลืออยู่ก็มีเพียงแค่นัยน์ตาเป็นประกายเปี่ยมไปด้วยความโลภ

“ตอนนี้คำถามสำคัญไม่น่าจะใช่คำถามนั้นนะครับ”

“…ถ้าอย่างนั้นขอถามอีกครั้งก็แล้วกันครับ คิดอะไรอยู่กันแน่อยากเห็นชานาเนสรู้เรื่องทุกอย่างแล้วเป็นลมหมดสติไปด้วยความตกใจต่อหน้าผู้คนหรือครับ”

ช่างเป็นคำแก้ตัวที่ห่วยแตกเกินกว่าจะเป็นข้ออ้างของคนที่เป็นฝ่ายนอกใจเหลือเกิน

เป็นห่วงภริยาอย่างนั้นเหรอ

เครย์ลีบันหลุดหัวเราะด้วยความสมเพช

“เป็นแค่การเชื้อเชิญอย่างมิตรเท่านั้นเองครับ เห็นว่าคุณหนูแพทโทรนเองก็อยากมาร่วมงานเลี้ยงของร้านค้าเพลเลส เมื่อไม่นานมานี้ข้าได้ไปเยือนเขตแดนชูลส์มา เห็นตำแหน่งที่ยืนในสังคมชั้นสูงที่นั่น ดูจะลำบากทีเดียวนะครับ”

เวสตินผงะ เพราะเพิ่งตระหนักได้ว่าเครย์ลีบันรู้เรื่องเกี่ยวกับมาเรียมากกว่าที่ตนคิด

“ได้เข้าร่วมงานเลี้ยงของข้าที่ถือเป็นงานเลี้ยงติดอันดับในศตวรรษ ตอนนี้ก็คงแก้ปัญหาได้ราบรื่นมากทีเดียวเลยละครับ”

เป็นเรื่องจริง

มาเรีย แพทโทรนเริ่มสนิทสนมกับเหล่าคุณหนูตระกูลชั้นสูงที่ได้รู้จักกันที่นั่น และในตอนนี้นางก็ประสบความสำเร็จในการก้าวเท้าเข้าสู่แวดวงสังคมได้ในระดับหนึ่ง

“ข้านึกว่าจะได้รับคำขอบคุณเสียอีกนะครับ”

คำพูดของเครย์ลีบันทำให้หัวสมองของเวสตินเริ่มประมวลผลอย่างรวดเร็ว

ดูเหมือนว่าเครย์ลีบันจะเชิญมาเรียไปร่วมงานเลี้ยงด้วยความเห็นใจจริงๆ

ไม่มีสีหน้าตำหนิเรื่องที่ตนนอกใจชานาเนสเลยแม้แต่น้อย

เวสตินถามอย่างระมัดระวัง

“ถ้าอย่างนั้นก็ส่งบัตรเชิญไปด้วยเจตนาดีจริงๆ หรือครับ”

“ยิ่งได้ทำงานในตระกูลลอมบาร์เดียนานเท่าไหร่ ก็ยิ่งได้เห็น ได้ยิน ได้รู้เรื่องอะไรมากมายเลยละครับ”

เครย์ลีบันพยักหน้าตอบ

“หลังจากที่ข้าทราบเรื่องเกี่ยวกับคุณหนูมาเรีย แพทโทรน ข้าก็ประเมินคุณเวสตินดีกว่าเดิมครับ”

“ประเมินดีกว่าเดิมอย่างนั้นหรือ…”

เครย์ลีบันสูดลมหายใจเข้าลึก พยายามอดกลั้นไม่ให้เผลอแสดงความรู้สึกที่แท้จริงออกไป หลังจากนั้นจึงค่อยพูดประโยคที่เตรียมไว้

“จะบอกว่าพอใจก็ได้กระมังครับ”

ชั่วขณะเวสตินรู้สึกราวกับจะหลุดหัวเราะออกมาเสียงดัง

ว่าแล้วเชียว เครย์ลีบัน เจ้านี่ก็ดูถูกลอมบาร์เดียเหมือนกัน!

หมายความว่า ในบางมุมเจ้านี่เองมีนิสัยเหมือนกับตัวเขาคนนี้สินะ

ความกังวลของเวสตินคลายตัวลง ในตอนนั้นเขารู้สึกโล่งใจเหลือเกิน

“ใช่ ใช่แล้วละไอ้พวกลอมบาร์เดียมันไม่ใช่คนที่พวกเราจะทนอยู่ด้วยได้นานอยู่แล้วใช่มั้ยล่ะครับ”

พอเห็นว่าเครย์ลีบันเองก็ดูจะเกลียดชังลอมบาร์เดียไม่ต่างจากตัวเอง เวสตินก็ไม่คิดเก็บงำคำพูดคำจาอีกต่อไป

“เพราะแบบนั้นคุณเครย์ลีบันถึงได้แยกตัวออกมาหรือครับ”

“ก็…จะมองแบบนั้นก็ได้อยู่ครับ”

“ฮ่าฮ่า! เลือกได้ฉลาดมากแล้วละครับ! น่าอิจฉาจริงๆ! ”

เวสตินสะบัดหน้าไปมาพลางหัวเราะเสียงดัง

“ทั้งเรื่องเหมืองแร่ลีลาร์เมื่อครั้งก่อนก็ด้วย เป็นคนมีความสามารถจริงๆ เลยนะครับเนี่ย!”

“ขอบคุณที่ชมครับ”

“ถ้าอย่างนั้นเรื่องอื่นๆ ก็คงจะง่ายหน่อย ค่อยเบาใจหน่อยครับ”

“…พูดมาตามสบายเถอะครับ”

เครย์ลีบันพูดกระตุ้นอีกฝ่าย

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+