เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล 114.1

Now you are reading เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล Chapter 114.1 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“โล่งอก… เหรอคะ”

“ครับ”

เครย์ลีบันตอบคำถามของลอรีลด้วยความสับสนเพียงสั้นๆ เท่านั้น

“ข้าไม่เข้าใจความหมายที่ท่านพี่ต้องการสื่อเลยค่ะ ทำไมถึงได้กลายเป็นเรื่องน่าโล่งอกได้กัน…”

“แน่นอนว่าถึงจะเพียงแค่ครู่เดียว แต่การที่เบเจอร์ได้อำนาจเจ้าตระกูลไปครอง ย่อมไม่ใช่เรื่องดีอยู่แล้วละครับ”

เครย์ลีบันดูจะตงิดใจอยู่บ้างที่ลอรีลเอาแต่เรียกเขาว่าท่านพี่ จึงขมวดคิ้วจ้องนางอยู่ครู่หนึ่งแล้วค่อยพูดต่อ

“แต่เรื่องสำคัญคือ เบเจอร์จะใช้อำนาจเจ้าตระกูลอย่างเละเทะทีเดียว บางทีอาจจะหนักขนาดลืมตามองได้ยากเลยละครับ”

เครย์ลีบันกระตุกยิ้มมุมปาก เพียงแค่คิดก็รู้สึกตลกเสียแล้ว

“ดังนั้นไม่มีอะไรต้องกังวลหรอกครับ”

“ถ้าเป็นอย่างนั้นก็น่าโล่งอกอยู่หรอกค่ะ”

ลอรีลถอนหายใจเฮือกใหญ่หลังจากพูดจบ

ท่าทางคงจะไม่เชื่อคำพูดของเครย์ลีบันเท่าไหร่

เพราะยังไงการที่เบเจอร์ได้เป็นเจ้าตระกูล แม้จะเพียงแค่ชั่วคราวก็ตาม มันก็ยังเป็นเรื่องน่ากังวลมากขนาดนั้นอยู่ดี

ไม่ว่าจะมองในมุมไหน มันก็เป็นเรื่องที่ใหญ่มาก

ถึงขนาดทำให้คนในตระกูลทั้งหมดต่างเป็นห่วงลอมบาร์เดียขึ้นมาอย่างพร้อมอกพร้อมใจ

“ข้าเองก็เห็นด้วยกับคำพูดของเครย์ลีบันค่ะ”

ลอรีลเบิกตากว้างเมื่อได้ยินคำพูดของเธอ นางหันหน้ามามองเธอทันที

ในเมื่อเธอเองก็เกลียดเบเจอร์มากจริงๆ จนแทบจะเก็บเป็นความลับไว้ไม่อยู่ ลอรีลคงจะคิดว่าเธอเองก็จะต้องคิดเหมือนกับตัวนางแน่

แน่นอนว่าความคิดของลอรีลนั้นถูกต้องแล้ว

ในลอมบาร์เดียคงไม่มีใครเกลียดเบเจอร์ได้เท่าเธออีกแล้ว เรื่องนั้นเธอการันตีได้เลย

เพียงแค่ในขณะเดียวกัน เธอก็เชื่อในการตัดสินใจของท่านปู่เช่นเดียวกับเครย์ลีบัน

ถึงแม้เลือดจะข้นกว่าน้ำแค่ไหน แต่ท่านไม่ใช่คนแยกแยะเรื่องส่วนตัวกับเรื่องงานไม่ออกหรอก

อีกอย่าง

“บางทีมันอาจจะเป็นโอกาสดีก็ได้ค่ะ”

“โอกาสดี…เหรอคะ”

เหนือศีรษะของลอรีลเกิดเครื่องหมายคำถามขนาดใหญ่เด้งขึ้นมา

ท่าทางนางจะไม่อาจหาจุดเชื่อมโยงระหว่างเบเจอร์กับคำว่า ‘โอกาสดี’ ได้เลย

“โอกาสที่ทุกคนจะได้ทราบกันถ้วนหน้ายังไงล่ะ”

เธอส่งยิ้มให้ลอรีล ช่วยอธิบายให้นางเข้าใจอย่างใจดี

“ทุกคนจะได้รู้กันว่าเบเจอร์เป็นคนที่ไม่เหมาะกับตำแหน่งเจ้าตระกูลมากขนาดไหน”

ภาพของเบเจอร์ในอนาคตที่ตอนนี้มีเพียงเธอเท่านั้นที่รู้ คนอื่นๆ เองก็จะได้เห็นมัน แม้จะแค่น้อยนิดก็ตาม

จะเรียกว่าฝึกซ้อมไว้ก่อนก็ได้ละมั้ง

ถ้าปล่อยให้เบเจอร์ได้เป็นเจ้าตระกูลต่อไป จะเกิดเรื่องอะไรขึ้นบ้าง ทุกคนจะสามารถมองเห็นมันล่วงหน้าได้เลยละ

“ได้จังหวะพอดีเชียว”

ในชีวิตก่อนท่านปู่เองก็ต้องทรมานกับโรคภัยในช่วงนี้เช่นกัน ซ้ำร้ายไปกว่านั้น ยังเกิด ‘เรื่องนั้น’ ขึ้นอีกด้วย

แน่นอนว่าในตอนนั้น เบเจอร์ก็รับผิดชอบตำแหน่งรักษาการเจ้าตระกูลเหมือนในตอนนี้

แต่เบเจอร์กลับไม่อาจตระหนักได้เลยว่า ‘เรื่องนั้น’ ที่เกิดขึ้นตรงหน้าเขามันเป็นเรื่องที่ซีเรียสแค่ไหน

เพราะฉะนั้นจึงพลาดช่วงเวลาที่จะรับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น ทำให้ต้องเผชิญหน้ากับความเสียหายอันใหญ่หลวงเข้าจนได้

สุดท้ายท่านปู่ก็ต้องฝืนลุกจากเตียงคนไข้ รับรายงานจากผู้จัดการธนาคาร แล้วเข้าไปจัดการงานทุกอย่างด้วยตัวเอง

“ที่ว่าได้จังหวะพอดีนั้นหมายความว่ายังไงเหรอครับ”

เครย์ลีบันเอียงคอด้วยความงุนงงในขณะที่ถามขึ้น

“เปล่าหรอกค่ะ ก็แค่พูดไปเพราะท่านปู่เองก็ไม่ได้ป่วยหนักอะไรขนาดนั้นในความคิดของข้า ท่านปู่ไม่ใช่คนที่จะยอมฝากฝังทุกอย่างไว้กับเบเจอร์ โดยไม่คิดไตร่ตรองอะไรหรอกค่ะ”

“นั่นสิครับ กล่าวถูกต้องแล้วละครับ ท่านไม่ใช่คนเช่นนั้น”

เครย์ลีบันพยักหน้ายอมรับคำพูดที่เธอแสร้งพูดเปลี่ยนเรื่องโดยไม่สงสัยอะไร

เธอส่งยิ้มให้ลอรีลเพื่อช่วยให้นางไม่ต้องเป็นกังวล

ยังคงมีด้านที่คล้ายคลึงกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นในชีวิตก่อนเหมือนเดิม

ในชีวิตก่อนคนที่พอจะดำรงตำแหน่งรักษาการเจ้าตระกูลในช่วงเวลาประมาณนี้ได้ นอกจากเบเจอร์แล้วก็ไม่มีใครอีก

เหมือนอย่างผู้สืบทอดตำแหน่งเจ้าตระกูล พวกเขาไม่มีตัวเลือกอื่น

อีกอย่างครั้งนี้ก็เหมือนกัน ท่านปู่ไม่อาจทำงานได้อย่างเต็มที่ เบเจอร์จึงได้ดำรงตำแหน่งเจ้าตระกูลชั่วคราว

แต่เทียบกับชีวิตก่อนแล้ว ยังมีจุดที่แตกต่างกันอย่างมากอยู่

นั่นก็คือเธอยังไงล่ะ

ในชีวิตใหม่นี้ยังมีเธอที่รู้เรื่องราวในอนาคตอยู่ตรงนี้

* * *

หลังจากที่เบเจอร์เริ่มทำงานในฐานะรักษาการเจ้าตระกูล เวลาก็ผ่านไปได้หลายวันแล้ว

ตำแหน่งเจ้าตระกูลเป็นสิ่งที่เบเจอร์ใฝ่ฝันมาโดยตลอด

ได้ครอบครองอำนาจและสิทธิต่างๆ ที่ไม่ว่าใครก็ต้องอิจฉา

เพราะอย่างนั้นในแต่ละวันเบเจอร์จึงพึงพอใจเป็นอย่างมาก

จากที่เคยทำงานด้วยความเครียด เขากำลังเริ่มปรับตัวจนคุ้นเคยกับมันได้ดีขึ้นเรื่อยๆ ในแต่ละวัน จนไม่มีอะไรให้ต้องกังวลอีก

ว่ากันตามตรง มันง่ายมากเสียจนเขาถึงกับคิดว่า ‘ที่ผ่านมาท่านพ่อเหนื่อยกับการทำงานแค่นี้อย่างนั้นหรือ’ เลยทีเดียว

“เอาละ แค่นี้ก็น่าจะได้แล้วใช่มั้ย”

เบเจอร์มองเจ้าตระกูลเดวอนที่ยืนอยู่ตรงหน้าตนในขณะที่ถามขึ้น

“ทำไมไม่ตอบ”

ตระกูลเดวอนเป็นหนึ่งในหลายตระกูลใต้บังคับบัญชาของลอมบาร์เดีย พวกเขาเป็นตระกูลที่ดูแลรับผิดชอบทางด้านการคมนาคม

ลอมบาร์เดียเป็นตระกูลที่ใหญ่ขนาดครอบครองกิจการทางการเกษตร ธนาคาร กลุ่มการค้า อยู่ทั่วทวีป เรียกได้ว่าเป็นตระกูลที่มีบทบาทสำคัญเป็นอย่างมาก ในการบริหารจัดการกิจการต่างๆ มากมายเพื่อช่วยขับเคลื่อนอาณาจักร

แต่เจ้าตระกูลเดวอนคนก่อนสุขภาพเริ่มแย่ลง เมื่อไม่นานมานี้บุตรชายจึงขึ้นรับตำแหน่งเจ้าตระกูลแทน

ถึงแม้อายุจะยังน้อย แต่เขาก็เป็นบุคคลที่เจ้าตระกูลลอมบาร์เดียนับถือในฐานะเจ้าตระกูลคนหนึ่ง เหมือนกับผู้แทนคนอื่นๆ

แต่บุตรชายคนโตของเจ้าตระกูลอย่างเบเจอร์ ซึ่งดำรงตำแหน่งรักษาการเจ้าตระกูลในปัจจุบันคนนี้ กลับเอาแต่พูดจาไม่สุภาพกับเจ้าตระกูลหนุ่มจากตระกูลเดวอนอยู่เรื่อย

“…ครับ เรียบร้อยแล้วครับ”

เจ้าตระกูลเดวอนพยายามกักเก็บความโกรธที่พลุ่งพล่านขึ้นมาในขณะที่ตอบอย่างอดกลั้น

ถ้าต้องอธิบายให้เบเจอร์ที่อ่านเนื้อหารายงานไม่เข้าใจฟัง ก็คงจะเป็นการเสียเวลาเปล่าๆ

สู้เอาไว้รอให้ท่านเจ้าตระกูลฟื้นสุขภาพเสร็จเรียบร้อย เขาค่อยรายงานใหม่อีกรอบน่าจะเป็นการดีกว่า

ในฐานะผู้สืบทอดตระกูลใต้บังคับบัญชา เขาเองก็รู้อยู่หรอกว่า การมาพบเบเจอร์ช่างเป็นเรื่องที่โง่เขลาเหลือเกิน

แต่ไม่นึกเลยว่าเบเจอร์จะโง่ถึงขนาดนี้

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล 114.1

Now you are reading เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล Chapter 114.1 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“โล่งอก… เหรอคะ”

“ครับ”

เครย์ลีบันตอบคำถามของลอรีลด้วยความสับสนเพียงสั้นๆ เท่านั้น

“ข้าไม่เข้าใจความหมายที่ท่านพี่ต้องการสื่อเลยค่ะ ทำไมถึงได้กลายเป็นเรื่องน่าโล่งอกได้กัน…”

“แน่นอนว่าถึงจะเพียงแค่ครู่เดียว แต่การที่เบเจอร์ได้อำนาจเจ้าตระกูลไปครอง ย่อมไม่ใช่เรื่องดีอยู่แล้วละครับ”

เครย์ลีบันดูจะตงิดใจอยู่บ้างที่ลอรีลเอาแต่เรียกเขาว่าท่านพี่ จึงขมวดคิ้วจ้องนางอยู่ครู่หนึ่งแล้วค่อยพูดต่อ

“แต่เรื่องสำคัญคือ เบเจอร์จะใช้อำนาจเจ้าตระกูลอย่างเละเทะทีเดียว บางทีอาจจะหนักขนาดลืมตามองได้ยากเลยละครับ”

เครย์ลีบันกระตุกยิ้มมุมปาก เพียงแค่คิดก็รู้สึกตลกเสียแล้ว

“ดังนั้นไม่มีอะไรต้องกังวลหรอกครับ”

“ถ้าเป็นอย่างนั้นก็น่าโล่งอกอยู่หรอกค่ะ”

ลอรีลถอนหายใจเฮือกใหญ่หลังจากพูดจบ

ท่าทางคงจะไม่เชื่อคำพูดของเครย์ลีบันเท่าไหร่

เพราะยังไงการที่เบเจอร์ได้เป็นเจ้าตระกูล แม้จะเพียงแค่ชั่วคราวก็ตาม มันก็ยังเป็นเรื่องน่ากังวลมากขนาดนั้นอยู่ดี

ไม่ว่าจะมองในมุมไหน มันก็เป็นเรื่องที่ใหญ่มาก

ถึงขนาดทำให้คนในตระกูลทั้งหมดต่างเป็นห่วงลอมบาร์เดียขึ้นมาอย่างพร้อมอกพร้อมใจ

“ข้าเองก็เห็นด้วยกับคำพูดของเครย์ลีบันค่ะ”

ลอรีลเบิกตากว้างเมื่อได้ยินคำพูดของเธอ นางหันหน้ามามองเธอทันที

ในเมื่อเธอเองก็เกลียดเบเจอร์มากจริงๆ จนแทบจะเก็บเป็นความลับไว้ไม่อยู่ ลอรีลคงจะคิดว่าเธอเองก็จะต้องคิดเหมือนกับตัวนางแน่

แน่นอนว่าความคิดของลอรีลนั้นถูกต้องแล้ว

ในลอมบาร์เดียคงไม่มีใครเกลียดเบเจอร์ได้เท่าเธออีกแล้ว เรื่องนั้นเธอการันตีได้เลย

เพียงแค่ในขณะเดียวกัน เธอก็เชื่อในการตัดสินใจของท่านปู่เช่นเดียวกับเครย์ลีบัน

ถึงแม้เลือดจะข้นกว่าน้ำแค่ไหน แต่ท่านไม่ใช่คนแยกแยะเรื่องส่วนตัวกับเรื่องงานไม่ออกหรอก

อีกอย่าง

“บางทีมันอาจจะเป็นโอกาสดีก็ได้ค่ะ”

“โอกาสดี…เหรอคะ”

เหนือศีรษะของลอรีลเกิดเครื่องหมายคำถามขนาดใหญ่เด้งขึ้นมา

ท่าทางนางจะไม่อาจหาจุดเชื่อมโยงระหว่างเบเจอร์กับคำว่า ‘โอกาสดี’ ได้เลย

“โอกาสที่ทุกคนจะได้ทราบกันถ้วนหน้ายังไงล่ะ”

เธอส่งยิ้มให้ลอรีล ช่วยอธิบายให้นางเข้าใจอย่างใจดี

“ทุกคนจะได้รู้กันว่าเบเจอร์เป็นคนที่ไม่เหมาะกับตำแหน่งเจ้าตระกูลมากขนาดไหน”

ภาพของเบเจอร์ในอนาคตที่ตอนนี้มีเพียงเธอเท่านั้นที่รู้ คนอื่นๆ เองก็จะได้เห็นมัน แม้จะแค่น้อยนิดก็ตาม

จะเรียกว่าฝึกซ้อมไว้ก่อนก็ได้ละมั้ง

ถ้าปล่อยให้เบเจอร์ได้เป็นเจ้าตระกูลต่อไป จะเกิดเรื่องอะไรขึ้นบ้าง ทุกคนจะสามารถมองเห็นมันล่วงหน้าได้เลยละ

“ได้จังหวะพอดีเชียว”

ในชีวิตก่อนท่านปู่เองก็ต้องทรมานกับโรคภัยในช่วงนี้เช่นกัน ซ้ำร้ายไปกว่านั้น ยังเกิด ‘เรื่องนั้น’ ขึ้นอีกด้วย

แน่นอนว่าในตอนนั้น เบเจอร์ก็รับผิดชอบตำแหน่งรักษาการเจ้าตระกูลเหมือนในตอนนี้

แต่เบเจอร์กลับไม่อาจตระหนักได้เลยว่า ‘เรื่องนั้น’ ที่เกิดขึ้นตรงหน้าเขามันเป็นเรื่องที่ซีเรียสแค่ไหน

เพราะฉะนั้นจึงพลาดช่วงเวลาที่จะรับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น ทำให้ต้องเผชิญหน้ากับความเสียหายอันใหญ่หลวงเข้าจนได้

สุดท้ายท่านปู่ก็ต้องฝืนลุกจากเตียงคนไข้ รับรายงานจากผู้จัดการธนาคาร แล้วเข้าไปจัดการงานทุกอย่างด้วยตัวเอง

“ที่ว่าได้จังหวะพอดีนั้นหมายความว่ายังไงเหรอครับ”

เครย์ลีบันเอียงคอด้วยความงุนงงในขณะที่ถามขึ้น

“เปล่าหรอกค่ะ ก็แค่พูดไปเพราะท่านปู่เองก็ไม่ได้ป่วยหนักอะไรขนาดนั้นในความคิดของข้า ท่านปู่ไม่ใช่คนที่จะยอมฝากฝังทุกอย่างไว้กับเบเจอร์ โดยไม่คิดไตร่ตรองอะไรหรอกค่ะ”

“นั่นสิครับ กล่าวถูกต้องแล้วละครับ ท่านไม่ใช่คนเช่นนั้น”

เครย์ลีบันพยักหน้ายอมรับคำพูดที่เธอแสร้งพูดเปลี่ยนเรื่องโดยไม่สงสัยอะไร

เธอส่งยิ้มให้ลอรีลเพื่อช่วยให้นางไม่ต้องเป็นกังวล

ยังคงมีด้านที่คล้ายคลึงกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นในชีวิตก่อนเหมือนเดิม

ในชีวิตก่อนคนที่พอจะดำรงตำแหน่งรักษาการเจ้าตระกูลในช่วงเวลาประมาณนี้ได้ นอกจากเบเจอร์แล้วก็ไม่มีใครอีก

เหมือนอย่างผู้สืบทอดตำแหน่งเจ้าตระกูล พวกเขาไม่มีตัวเลือกอื่น

อีกอย่างครั้งนี้ก็เหมือนกัน ท่านปู่ไม่อาจทำงานได้อย่างเต็มที่ เบเจอร์จึงได้ดำรงตำแหน่งเจ้าตระกูลชั่วคราว

แต่เทียบกับชีวิตก่อนแล้ว ยังมีจุดที่แตกต่างกันอย่างมากอยู่

นั่นก็คือเธอยังไงล่ะ

ในชีวิตใหม่นี้ยังมีเธอที่รู้เรื่องราวในอนาคตอยู่ตรงนี้

* * *

หลังจากที่เบเจอร์เริ่มทำงานในฐานะรักษาการเจ้าตระกูล เวลาก็ผ่านไปได้หลายวันแล้ว

ตำแหน่งเจ้าตระกูลเป็นสิ่งที่เบเจอร์ใฝ่ฝันมาโดยตลอด

ได้ครอบครองอำนาจและสิทธิต่างๆ ที่ไม่ว่าใครก็ต้องอิจฉา

เพราะอย่างนั้นในแต่ละวันเบเจอร์จึงพึงพอใจเป็นอย่างมาก

จากที่เคยทำงานด้วยความเครียด เขากำลังเริ่มปรับตัวจนคุ้นเคยกับมันได้ดีขึ้นเรื่อยๆ ในแต่ละวัน จนไม่มีอะไรให้ต้องกังวลอีก

ว่ากันตามตรง มันง่ายมากเสียจนเขาถึงกับคิดว่า ‘ที่ผ่านมาท่านพ่อเหนื่อยกับการทำงานแค่นี้อย่างนั้นหรือ’ เลยทีเดียว

“เอาละ แค่นี้ก็น่าจะได้แล้วใช่มั้ย”

เบเจอร์มองเจ้าตระกูลเดวอนที่ยืนอยู่ตรงหน้าตนในขณะที่ถามขึ้น

“ทำไมไม่ตอบ”

ตระกูลเดวอนเป็นหนึ่งในหลายตระกูลใต้บังคับบัญชาของลอมบาร์เดีย พวกเขาเป็นตระกูลที่ดูแลรับผิดชอบทางด้านการคมนาคม

ลอมบาร์เดียเป็นตระกูลที่ใหญ่ขนาดครอบครองกิจการทางการเกษตร ธนาคาร กลุ่มการค้า อยู่ทั่วทวีป เรียกได้ว่าเป็นตระกูลที่มีบทบาทสำคัญเป็นอย่างมาก ในการบริหารจัดการกิจการต่างๆ มากมายเพื่อช่วยขับเคลื่อนอาณาจักร

แต่เจ้าตระกูลเดวอนคนก่อนสุขภาพเริ่มแย่ลง เมื่อไม่นานมานี้บุตรชายจึงขึ้นรับตำแหน่งเจ้าตระกูลแทน

ถึงแม้อายุจะยังน้อย แต่เขาก็เป็นบุคคลที่เจ้าตระกูลลอมบาร์เดียนับถือในฐานะเจ้าตระกูลคนหนึ่ง เหมือนกับผู้แทนคนอื่นๆ

แต่บุตรชายคนโตของเจ้าตระกูลอย่างเบเจอร์ ซึ่งดำรงตำแหน่งรักษาการเจ้าตระกูลในปัจจุบันคนนี้ กลับเอาแต่พูดจาไม่สุภาพกับเจ้าตระกูลหนุ่มจากตระกูลเดวอนอยู่เรื่อย

“…ครับ เรียบร้อยแล้วครับ”

เจ้าตระกูลเดวอนพยายามกักเก็บความโกรธที่พลุ่งพล่านขึ้นมาในขณะที่ตอบอย่างอดกลั้น

ถ้าต้องอธิบายให้เบเจอร์ที่อ่านเนื้อหารายงานไม่เข้าใจฟัง ก็คงจะเป็นการเสียเวลาเปล่าๆ

สู้เอาไว้รอให้ท่านเจ้าตระกูลฟื้นสุขภาพเสร็จเรียบร้อย เขาค่อยรายงานใหม่อีกรอบน่าจะเป็นการดีกว่า

ในฐานะผู้สืบทอดตระกูลใต้บังคับบัญชา เขาเองก็รู้อยู่หรอกว่า การมาพบเบเจอร์ช่างเป็นเรื่องที่โง่เขลาเหลือเกิน

แต่ไม่นึกเลยว่าเบเจอร์จะโง่ถึงขนาดนี้

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+