เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล 118.1

Now you are reading เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล Chapter 118.1 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หินก้อนใหญ่ที่ชานาเนสโยนออกไปส่งผลก่อเกิดเป็นคลื่นลูกยักษ์

พายุแห่งความเงียบสงบพัดผ่านเข้ามากวาดล้างห้องนอนในพริบตา

“เฮือก…!”

มีเพียงแค่เสียงสูดลมหายใจของใครบางคนดังขึ้นเท่านั้น

ในวินาทีนั้นเอง

เบเจอร์ก็ฟิวส์ขาด ตะโกนเสียงดังลั่นด้วยใบหน้าแดงก่ำ

“พูดพล่ามบ้าอะไรกันครับ!”

“เบเจอร์! ”

รูลลักตะคอกเสียงดังเป็นการเตือน แต่มันกลับไม่อาจขวางเบเจอร์ที่ขาดสติไปแล้วได้

“ท่านพี่รู้ตัวหรือเปล่าครับว่าพูดอะไรออกมา!”

“ใช่แล้ว เบเจอร์ ข้ารู้ดีว่าตัวข้ากำลังพูดเรื่องอันใด”

เสียงสงบนิ่งเยือกเย็นของชานาเนส ดูแล้วช่างแตกต่างจากท่าทางของเบเจอร์ที่เดือดพล่านอย่างสิ้นเชิง

“ข้ากำลังบอกว่า ข้าจะขึ้นครองตำแหน่งนั่นแทนที่เจ้าที่ไร้ความสามารถยังไงล่ะ”

เปลวไฟแห่งความโกรธลุกโชนขึ้นในนัยน์ตาของเบเจอร์อีกครั้ง

เบเจอร์สาวท้าวพรวดเดินตรงเข้าไปใกล้ เขาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงข่มขู่ ราวกับต้องการจะจัดการชานาเนสมันเสียประเดี๋ยวนี้

“ข้าไร้ความสามารถอย่างนั้นหรือ”

“ใช่ และมันก็ไม่ใช่เรื่องน่าตกใจอะไรเสียด้วยสิ”

“เฮ้ ท่านพี่! ”

เบเจอร์เกือบจะหลุดร้องเสียงดังอ๊ากออกมา เขาพ่นเสียงหัวเราะดัง ‘เหอะ’ กวาดสายตาไล่มองชานาเนสตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า

แล้วพูดขึ้นราวกับมันเป็นเรื่องน่าขันเสียเต็มประดา

“ผู้หญิงคิดอยากเป็นรักษาการเจ้าตระกูลอย่างนั้นหรือ จะฝันเฟื่องอะไรก็น่าจะมีขอบเขตบ้างนะครับ”

“เพราะข้าเป็นผู้หญิง จึงเป็นไปไม่ได้”

ชานาเนสเองก็ก้าวเท้าไปข้างหน้าอย่างไม่คิดยอมแพ้ นางเงยหน้าขึ้นสบตากับเบเจอร์ตรงๆ

“ได้ ถ้าอย่างนั้นนอกจากเรื่องที่ข้าเป็นหญิงแล้ว หากมีเรื่องใดที่ข้าเทียบเจ้าไม่ได้ ก็ลองพูดมาสิ เบเจอร์”

เบเจอร์เปิดปากราวกับจะพูดท้วงติงออกไปในทันที แต่กลับไม่มีเสียงใดดังออกมาจากปากของเขา

อีกทั้งใบหน้ากลับยิ่งแดงก่ำมากกว่าเมื่อครู่เสียอีก

ที่ผ่านมาเบเจอร์ไม่เคยพ่ายแพ้กับการโต้เถียงแบบนี้เลยแม้แต่ครั้งเดียว

เพียงแค่ชื่อ ‘ลอมบาร์เดีย’ ก็สามารถกดข่มทุกคนได้ในพริบตา ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นใครก็ตาม

แต่ไม่ใช่กับชานาเนส

ชานาเนสเองก็เป็นลอมบาร์เดียเช่นกัน

อีกอย่างก็เป็นตามที่ชานาเนสพูดจริงๆ ไม่มีด้านใดเลยที่เบเจอร์จะทำได้ดีกว่าชานาเนส

เพราะฉะนั้นเบเจอร์จึงพูดเสียดสีอีกครั้งด้วยใบหน้าแดงก่ำแทนคำตอบ

“คิดจะใช้วิธีนี้เพื่อเรียกร้องให้ได้เป็นตัวเลือกผู้สืบทอดลอมบาร์เดียในภายหลังสินะครับ”

แต่ชานาเนสก็ยังคงตอบกลับไปด้วยใบหน้านิ่งสงบ

“ดูเหมือนเจ้ายังไม่ตระหนักอีกสินะ ว่าจนถึงตอนนี้ข้ากำลังทำเรื่องอะไรอยู่”

มันเป็นคำพูดที่แฝงไว้ด้วยความเย้ยหยันอยู่เล็กน้อย

“ท่านพี่!”

สุดท้ายเบเจอร์ก็อดทนต่อไปอีกไม่ไหว เขาตะโกนเสียงดังอีกครั้ง

“ในอาณาจักรแลมบลูไม่มีตระกูลใดมีเจ้าตระกูลเป็นผู้หญิงครับ!”

“ตามกฎหมายอาณาจักรเองก็ไม่ได้มีข้อห้ามเสียหน่อย มันเป็นเพียงแค่เส้นทางที่ยังไม่มีใครลองเดินเท่านั้นเอง”

“นะ หน็อย…! ”

เบเจอร์หาคำพูดโต้เถียงกลับไปไม่ถูก เขาได้แต่กัดฟันกรอด

ในตอนนั้นเอง

เพียงแค่เรื่องเดียวเท่านั้น แต่เบเจอร์กลับนึกถึงจุดที่เขาดีกว่าชานาเนสขึ้นมาได้ในหัวสมอง

มันเป็นคำที่จะทิ่มแทงใจชานาเนสได้ดียิ่งกว่าคำไหนๆ เบเจอร์จึงไม่ลังเลเลยที่จะชักดาบเล่มนั้นออกมาถือไว้ในมือ

“ตระกูลที่มีเจ้าตระกูลเป็นหญิงแถมยังโดนไอ้โง่อย่างเวสตินล่อลวงจนต้องหย่ายังไม่พอ ยังคิดจะทำให้ลอมบาร์เดียต้องอับอายเป็นตัวตลกในสภาขุนนางอีกหรือไงครับ ท่านพี่”

หลังจากได้ยินบทสนทนาของทั้งสองคนบรรดาเจ้าตระกูลได้แต่ตกตะลึงจนพูดอะไรไม่ออก

“จะ เจ้า!”

มันแรงมากเสียจนแม้แต่รูลลักที่นั่งอยู่บนเตียงยังต้องหันไปมองรอบๆ เพื่อมองหาของสักอย่างที่สามารถใช้เขวี้ยงใส่เบเจอร์ได้

ชานาเนสพูดอะไรไม่ออกไปครู่หนึ่ง

เบเจอร์ยืนมองนางที่เป็นเช่นนั้น เขาลงมือเล่นงานบาดแผลที่เจ็บปวดที่สุดในชีวิตของนาง จากนั้นก็ยืนยิ้มด้วยความภาคภูมิใจ

“พวกเราลอมบาร์เดียต้องสนใจสายตาของชนชั้นสูงคนอื่นๆ ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”

จนกระทั่งชานาเนสถามกลับอย่างหนักแน่น ด้วยน้ำเสียงไม่สั่นคลอนเลยแม้แต่น้อย

“พวกขุนนางนินทาข้าหรือไร ถ้าอย่างนั้นก็ปล่อยให้พวกเขาทำไปสิ ข้าไม่ได้ทำอะไรผิด ไม่มีอะไรให้ต้องอับอายอยู่แล้ว แต่อย่าลืมเสียล่ะ เบเจอร์”

ความเป็นปรปักษ์ที่ไม่เคยปรากฏขึ้นบนนัยน์ตาของชานาเนส พลันลุกโชนขึ้นอย่างรุนแรง

“ทั้งๆ ที่เจ้ารู้จุดประสงค์ของเวสติน ชูลส์เป็นอย่างดี แต่ก็ยังเมินเฉยมองข้ามมันไป ทั้งยังแอบมอบบ้านเรือนให้หญิงชู้รักของเขาอีกด้วย”

ร่างกายของเบเจอร์ผวาเฮือกใหญ่

เพราะเขาไม่เคยนึกเลยว่าชานาเนสจะรู้ความจริงที่ว่านั่นด้วย

ชานาเนสจ้องหน้าเบเจอร์ด้วยความเย็นชาในขณะที่พูดขึ้น

“หากข้าเป็นตัวตลกของตระกูล แล้วเจ้าล่ะ เป็นตัวอะไร”

เสียงนั่นทำเอาเบเจอร์ขนลุกชันไปหมด

ชานาเนสรู้เรื่องทั้งหมดอยู่แล้ว แต่ทั้งๆ ที่รู้อยู่แบบนั้น นางก็ไม่เคยแสดงออกให้เห็นเลยแม้แต่น้อย

ดังนั้นโทสะที่สั่งสมพอกพูนมาโดยตลอด เมื่อแสดงออกมาให้เห็นต่อหน้าเบเจอร์ มันก็มากพอแล้วที่จะทำให้เขากลายเป็นพังพอนตัวหนึ่งที่ได้แต่หลบซ่อนตัวอยู่แต่ในโพรง

ชานาเนสกวาดสายตาไล่มองเบเจอร์ตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า เหมือนอย่างที่เบเจอร์ทำกับนางเมื่อครู่ แล้วพูดขึ้น

“ลอมบาร์เดียไม่ลดตัวลงไปยุ่งกับขุนนางของอาณาจักรพวกนั้นหรอก เพราะพวกเราเป็นคนควบคุมอยู่เหนือพวกนั้นยังไงล่ะ แต่เจ้าคงลืมความจริงที่ว่านั้นไปแล้วกระมัง”

ภาพชานาเนสยามแย้มรอยยิ้มจางในตอนนี้ ดูแล้วเข้มแข็งและงดงามมากเสียยิ่งกว่าตอนไหนๆ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล 118.1

Now you are reading เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล Chapter 118.1 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หินก้อนใหญ่ที่ชานาเนสโยนออกไปส่งผลก่อเกิดเป็นคลื่นลูกยักษ์

พายุแห่งความเงียบสงบพัดผ่านเข้ามากวาดล้างห้องนอนในพริบตา

“เฮือก…!”

มีเพียงแค่เสียงสูดลมหายใจของใครบางคนดังขึ้นเท่านั้น

ในวินาทีนั้นเอง

เบเจอร์ก็ฟิวส์ขาด ตะโกนเสียงดังลั่นด้วยใบหน้าแดงก่ำ

“พูดพล่ามบ้าอะไรกันครับ!”

“เบเจอร์! ”

รูลลักตะคอกเสียงดังเป็นการเตือน แต่มันกลับไม่อาจขวางเบเจอร์ที่ขาดสติไปแล้วได้

“ท่านพี่รู้ตัวหรือเปล่าครับว่าพูดอะไรออกมา!”

“ใช่แล้ว เบเจอร์ ข้ารู้ดีว่าตัวข้ากำลังพูดเรื่องอันใด”

เสียงสงบนิ่งเยือกเย็นของชานาเนส ดูแล้วช่างแตกต่างจากท่าทางของเบเจอร์ที่เดือดพล่านอย่างสิ้นเชิง

“ข้ากำลังบอกว่า ข้าจะขึ้นครองตำแหน่งนั่นแทนที่เจ้าที่ไร้ความสามารถยังไงล่ะ”

เปลวไฟแห่งความโกรธลุกโชนขึ้นในนัยน์ตาของเบเจอร์อีกครั้ง

เบเจอร์สาวท้าวพรวดเดินตรงเข้าไปใกล้ เขาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงข่มขู่ ราวกับต้องการจะจัดการชานาเนสมันเสียประเดี๋ยวนี้

“ข้าไร้ความสามารถอย่างนั้นหรือ”

“ใช่ และมันก็ไม่ใช่เรื่องน่าตกใจอะไรเสียด้วยสิ”

“เฮ้ ท่านพี่! ”

เบเจอร์เกือบจะหลุดร้องเสียงดังอ๊ากออกมา เขาพ่นเสียงหัวเราะดัง ‘เหอะ’ กวาดสายตาไล่มองชานาเนสตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า

แล้วพูดขึ้นราวกับมันเป็นเรื่องน่าขันเสียเต็มประดา

“ผู้หญิงคิดอยากเป็นรักษาการเจ้าตระกูลอย่างนั้นหรือ จะฝันเฟื่องอะไรก็น่าจะมีขอบเขตบ้างนะครับ”

“เพราะข้าเป็นผู้หญิง จึงเป็นไปไม่ได้”

ชานาเนสเองก็ก้าวเท้าไปข้างหน้าอย่างไม่คิดยอมแพ้ นางเงยหน้าขึ้นสบตากับเบเจอร์ตรงๆ

“ได้ ถ้าอย่างนั้นนอกจากเรื่องที่ข้าเป็นหญิงแล้ว หากมีเรื่องใดที่ข้าเทียบเจ้าไม่ได้ ก็ลองพูดมาสิ เบเจอร์”

เบเจอร์เปิดปากราวกับจะพูดท้วงติงออกไปในทันที แต่กลับไม่มีเสียงใดดังออกมาจากปากของเขา

อีกทั้งใบหน้ากลับยิ่งแดงก่ำมากกว่าเมื่อครู่เสียอีก

ที่ผ่านมาเบเจอร์ไม่เคยพ่ายแพ้กับการโต้เถียงแบบนี้เลยแม้แต่ครั้งเดียว

เพียงแค่ชื่อ ‘ลอมบาร์เดีย’ ก็สามารถกดข่มทุกคนได้ในพริบตา ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นใครก็ตาม

แต่ไม่ใช่กับชานาเนส

ชานาเนสเองก็เป็นลอมบาร์เดียเช่นกัน

อีกอย่างก็เป็นตามที่ชานาเนสพูดจริงๆ ไม่มีด้านใดเลยที่เบเจอร์จะทำได้ดีกว่าชานาเนส

เพราะฉะนั้นเบเจอร์จึงพูดเสียดสีอีกครั้งด้วยใบหน้าแดงก่ำแทนคำตอบ

“คิดจะใช้วิธีนี้เพื่อเรียกร้องให้ได้เป็นตัวเลือกผู้สืบทอดลอมบาร์เดียในภายหลังสินะครับ”

แต่ชานาเนสก็ยังคงตอบกลับไปด้วยใบหน้านิ่งสงบ

“ดูเหมือนเจ้ายังไม่ตระหนักอีกสินะ ว่าจนถึงตอนนี้ข้ากำลังทำเรื่องอะไรอยู่”

มันเป็นคำพูดที่แฝงไว้ด้วยความเย้ยหยันอยู่เล็กน้อย

“ท่านพี่!”

สุดท้ายเบเจอร์ก็อดทนต่อไปอีกไม่ไหว เขาตะโกนเสียงดังอีกครั้ง

“ในอาณาจักรแลมบลูไม่มีตระกูลใดมีเจ้าตระกูลเป็นผู้หญิงครับ!”

“ตามกฎหมายอาณาจักรเองก็ไม่ได้มีข้อห้ามเสียหน่อย มันเป็นเพียงแค่เส้นทางที่ยังไม่มีใครลองเดินเท่านั้นเอง”

“นะ หน็อย…! ”

เบเจอร์หาคำพูดโต้เถียงกลับไปไม่ถูก เขาได้แต่กัดฟันกรอด

ในตอนนั้นเอง

เพียงแค่เรื่องเดียวเท่านั้น แต่เบเจอร์กลับนึกถึงจุดที่เขาดีกว่าชานาเนสขึ้นมาได้ในหัวสมอง

มันเป็นคำที่จะทิ่มแทงใจชานาเนสได้ดียิ่งกว่าคำไหนๆ เบเจอร์จึงไม่ลังเลเลยที่จะชักดาบเล่มนั้นออกมาถือไว้ในมือ

“ตระกูลที่มีเจ้าตระกูลเป็นหญิงแถมยังโดนไอ้โง่อย่างเวสตินล่อลวงจนต้องหย่ายังไม่พอ ยังคิดจะทำให้ลอมบาร์เดียต้องอับอายเป็นตัวตลกในสภาขุนนางอีกหรือไงครับ ท่านพี่”

หลังจากได้ยินบทสนทนาของทั้งสองคนบรรดาเจ้าตระกูลได้แต่ตกตะลึงจนพูดอะไรไม่ออก

“จะ เจ้า!”

มันแรงมากเสียจนแม้แต่รูลลักที่นั่งอยู่บนเตียงยังต้องหันไปมองรอบๆ เพื่อมองหาของสักอย่างที่สามารถใช้เขวี้ยงใส่เบเจอร์ได้

ชานาเนสพูดอะไรไม่ออกไปครู่หนึ่ง

เบเจอร์ยืนมองนางที่เป็นเช่นนั้น เขาลงมือเล่นงานบาดแผลที่เจ็บปวดที่สุดในชีวิตของนาง จากนั้นก็ยืนยิ้มด้วยความภาคภูมิใจ

“พวกเราลอมบาร์เดียต้องสนใจสายตาของชนชั้นสูงคนอื่นๆ ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”

จนกระทั่งชานาเนสถามกลับอย่างหนักแน่น ด้วยน้ำเสียงไม่สั่นคลอนเลยแม้แต่น้อย

“พวกขุนนางนินทาข้าหรือไร ถ้าอย่างนั้นก็ปล่อยให้พวกเขาทำไปสิ ข้าไม่ได้ทำอะไรผิด ไม่มีอะไรให้ต้องอับอายอยู่แล้ว แต่อย่าลืมเสียล่ะ เบเจอร์”

ความเป็นปรปักษ์ที่ไม่เคยปรากฏขึ้นบนนัยน์ตาของชานาเนส พลันลุกโชนขึ้นอย่างรุนแรง

“ทั้งๆ ที่เจ้ารู้จุดประสงค์ของเวสติน ชูลส์เป็นอย่างดี แต่ก็ยังเมินเฉยมองข้ามมันไป ทั้งยังแอบมอบบ้านเรือนให้หญิงชู้รักของเขาอีกด้วย”

ร่างกายของเบเจอร์ผวาเฮือกใหญ่

เพราะเขาไม่เคยนึกเลยว่าชานาเนสจะรู้ความจริงที่ว่านั่นด้วย

ชานาเนสจ้องหน้าเบเจอร์ด้วยความเย็นชาในขณะที่พูดขึ้น

“หากข้าเป็นตัวตลกของตระกูล แล้วเจ้าล่ะ เป็นตัวอะไร”

เสียงนั่นทำเอาเบเจอร์ขนลุกชันไปหมด

ชานาเนสรู้เรื่องทั้งหมดอยู่แล้ว แต่ทั้งๆ ที่รู้อยู่แบบนั้น นางก็ไม่เคยแสดงออกให้เห็นเลยแม้แต่น้อย

ดังนั้นโทสะที่สั่งสมพอกพูนมาโดยตลอด เมื่อแสดงออกมาให้เห็นต่อหน้าเบเจอร์ มันก็มากพอแล้วที่จะทำให้เขากลายเป็นพังพอนตัวหนึ่งที่ได้แต่หลบซ่อนตัวอยู่แต่ในโพรง

ชานาเนสกวาดสายตาไล่มองเบเจอร์ตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า เหมือนอย่างที่เบเจอร์ทำกับนางเมื่อครู่ แล้วพูดขึ้น

“ลอมบาร์เดียไม่ลดตัวลงไปยุ่งกับขุนนางของอาณาจักรพวกนั้นหรอก เพราะพวกเราเป็นคนควบคุมอยู่เหนือพวกนั้นยังไงล่ะ แต่เจ้าคงลืมความจริงที่ว่านั้นไปแล้วกระมัง”

ภาพชานาเนสยามแย้มรอยยิ้มจางในตอนนี้ ดูแล้วเข้มแข็งและงดงามมากเสียยิ่งกว่าตอนไหนๆ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+