เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล 135.2

Now you are reading เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล Chapter 135.2 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

แกรก

เมื่อได้ยินเสียงประตูปิดลงดังตามหลังมา โรมาเชียร์ก็หันไปมองรอบๆ เพื่อตรวจเช็กให้แน่ใจว่าไม่มีใครอยู่ในบริเวณนี้ เขาจับไหล่เครย์ลีบันแล้วลากตัวบุตรชายไปยังมุมหนึ่ง

“จริงหรือ เป็นเรื่องจริงหรือ”

เสียงทุ้มต่ำแผ่วเบาราวกับกลัวคนด้านในจะได้ยินเข้า

“นี่ยังไม่เชื่อใจท่านฟีเรนเทียอีกหรือไงครับ”

เครย์ลีบันปัดมือที่จับไหล่ของตนออกด้วยความเย็นชากึ่งไม่พอใจนัก ก่อนจะเอ่ยถามกลับไป

พฤติกรรมที่เพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรกจากบุตรชายที่ตัวเขาเองก็รู้ดีว่าเป็นคนเย็นชาแค่ไหน ทำให้หัวหน้ากลุ่มการค้าลอมบาร์เดียอ้ำอึ้งพูดอะไรไม่ออก

กลับกลายเป็นเครย์ลีบันเสียอีกที่เป็นฝ่ายพูดคล้ายกล่าวเตือน

“ท่านฟีเรนเทียยอมเปิดเผยความลับของตัวเอง ก็เพราะเชื่อใจในตัวท่านหัวหน้ากลุ่มการค้านะครับ อย่าได้คิดทำลายความไว้วางใจของคุณหนู”

โรมาเชียร์ ดิลลาร์ดพยักหน้าลงอย่างเชื่องช้า

ตอนนี้เขาได้ทราบแล้วว่า บุตรสาวของแคลอฮันที่เพิ่งจะอายุได้แค่สิบแปดปีคนนั้น เป็นถึงเจ้าของร้านค้าเพลเลสตัวจริง

บอกคนอื่นไปแล้วยังไง ใครมันจะไปเชื่อเขากันล่ะ

“อีกเรื่องหนึ่ง คุณหนูทราบความสัมพันธ์ระหว่างข้ากับท่านหัวหน้ากลุ่มการค้าอยู่แล้วครับ”

“เจ้าเป็นคนบอกเองหรือ”

โรมาเชียร์ ดิลลาร์ดตกใจมากจริงๆ

เครย์ลีบันเก็บเรื่องที่ตัวเองเป็นบุตรนอกสมรสของเขาไว้เป็นความลับมาโดยตลอด ไม่เคยคิดที่จะเปิดเผยให้ใครได้รู้

ไม่ใช่เพราะเขาเป็นฝ่ายห้าม แต่เครย์ลีบันเป็นคนยืนกรานว่าต้องการเช่นนั้นเอง

แต่ถ้าหากถึงขนาดยอมเล่าเรื่องที่เป็นจุดอ่อนของตัวเองออกไปแบบนั้น แสดงว่าบุตรชายของเขาจะต้องให้ความไว้วางใจในตัวฟีเรนเทียสูงมาก

เจ้าตระกูลดิลลาร์ดพยักหน้ากับตัวเองเงียบๆ เมื่อได้ข้อสรุป

เขาพอจะเดาได้บ้างแล้วว่าความเชื่อใจในตัวกันและกันระหว่างเครย์ลีบันกับฟีเรนเทียมีมากในระดับใด

หลังจากนั้นเครย์ลีบันก็เดินออกไปส่งโรมาเชียร์ด้านนอกถึงรถม้า

ในระหว่างที่ข้ารับใช้ประจำคฤหาสน์กำลังเคลื่อนไหวอย่างแข็งขัน ปัดฝุ่นช่วยทำความสะอาดภายในรถม้า จู่ๆ เครย์ลีบันก็เปิดปากพูดขึ้น

“ท่านหัวหน้ากลุ่มการค้าเคยบอกข้าไม่ใช่หรือครับ วันที่ได้ทราบถึงความสามารถและความทะเยอทะยานของเจ้าตระกูลลอมบาร์เดียคนปัจจุบันในวัยเยาว์ เมื่อยามที่ท่านยังอยู่ในระหว่างการแข่งขันแย่งชิงตำแหน่งผู้สืบทอด”

คำพูดของเครย์ลีบันทำให้โรมาเชียร์หันหน้ากลับไปมองบุตรชาย

“ท่านหัวหน้ากลุ่มการค้าบอกข้าว่า ต่อให้ต้องอุทิศทุกสิ่ง ก็อยากจะร่วมก้าวไปด้วยกันกับคนคนนั้น”

“…ใช่ ใช่แล้ว”

“ในวันที่ได้ทราบว่าท่านฟีเรนเทียเป็นคนเช่นไร ข้าก็สามารถเข้าใจได้ในทันทีเลยละครับ ว่าในวันนั้นหัวหน้ากลุ่มการค้ารู้สึกยังไง”

รอยยิ้มจางปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเครย์ลีบัน

“เพราะอย่างนั้นข้าถึงได้ใช้ข้ออ้างของการเป็นอาจารย์ คอยเกาะติดอยู่ข้างกายคุณหนู ไม่ยอมแยกห่างไปไหนครับ”

เสียงหัวเราะหลังพูดจบประโยคนั่น ทำให้ได้รู้ว่าเครย์ลีบันมีความสุขค่อนข้างมาก

โรมาเชียร์เบิกตากว้างเล็กน้อย เพราะเขาเพิ่งเคยเห็นภาพลักษณ์เช่นนี้ของเครย์ลีบันเป็นครั้งแรก

“ต่อไปในอนาคตท่านฟีเรนเทียจะทำให้ลอมบาร์เดียยิ่งใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ไปทีละก้าวครับ”

นัยน์ตาสีฟ้าของเครย์ลีบันยามกล่าวเช่นนั้น เต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจเหมือนกับฟีเรนเทียเมื่อครู่นี้

“ถ้าหากตระกูลดิลลาร์ดไม่อยากถูกคลื่นนั่นฝังกลบไปละก็ คว้าโอกาสนี้เอาไว้จะดีกว่านะครับ”

เครย์ลีบันพูดทิ้งท้ายเป็นการให้ข้อแนะนำ ก่อนจะก้าวถอยห่างไปหนึ่งก้าว แล้วกล่าวลาสั้นๆ

โรมาเชียร์เหม่อมองแผ่นหลังของบุตรชายที่เดินห่างออกไปอย่างไม่ลังเล บุตรชายของเขาที่ไม่เคยพึ่งพาโรมาเชียร์หรือตระกูลดิลลาร์ดคนนั้น รอยยิ้มก็พลันแต่งแต้มขึ้นที่มุมปากของโรมาเชียร์

“ใช่แล้ว ข้าเองก็เคยมีวันเช่นนั้นเหมือนกันนี่นะ”

โรมาเชียร์นึกถึงเรื่องในวันนั้นที่เครย์ลีบันพูดถึงขึ้นมา

ภาพของรูลลักยามบอกเป้าหมายและความฝันของลอมบาร์เดียที่ตัวเองโอบกอดเอาไว้ให้เขาฟังด้วยนัยน์ตาเป็นประกายเหมือนเด็กคนนั้น ยังคงเด่นชัดอยู่ตรงหน้าเขา

ใช่แล้ว นางช่างเหมือนกับท่านเจ้าตระกูลไม่มีผิด

โรมาเชียร์นึกถึงหลานสาวกับผู้เป็นปู่ที่ถอดแบบกันมาไม่มีผิดเพี้ยนราวกับพิมพ์เดียวกัน ก่อนจะพึมพำด้วยความรู้สึกสนุกขึ้นมาแล้ว

“โอกาสนี้คงต้องคว้าไว้ให้ได้แล้วสินะเนี่ย”

ราวกับความกระตือรือร้นของเครย์ลีบันเองก็ส่งต่อมาถึงเขาด้วย

หัวใจที่ไม่เคยส่งเสียงรบกวนให้ความรำคาญอีกต่อไปเมื่อโรมาเชียร์อายุเพิ่มมากขึ้น มันกลับกำลังเต้นกระหน่ำเสียงดังตึกตักชวนทำให้รู้สึกอารมณ์ดีเสียแล้ว

* * *

ไหนๆ ก็ได้มีเวลาว่างหลังจากงานยุ่งมาหลายวัน เธอเลยถือโอกาสนี้ใช้เวลาร่วมกันกับลาลาเน่

สถานที่ที่เปี่ยมไปด้วยกลิ่นหญ้าให้ความสดชื่นกับกลิ่นหอมของดอกไม้

ช่วงนี้ลาลาเน่ใช้เวลาแทบจะทั้งหมดอยู่แต่ในเรือนกระจกหลังเล็ก ที่ตั้งอยู่ในมุมหนึ่งของคฤหาสน์หลังใหญ่

เพราะมันตั้งอยู่ในซอกหลืบ จึงเป็นสถานที่ที่แทบจะไม่มีผู้คนเดินผ่าน สถานที่แห่งนี้เลยกลายเป็นพื้นที่ส่วนตัวของลาลาเน่แต่เพียงผู้เดียว

อีกอย่างนางคงจะใช้เวลาทุ่มเทกับมันเป็นอย่างมาก ดอกไม้ทุกดอกถึงได้เบ่งบานดูสดใสกันมากขนาดนี้

“เอ้า นี่ วันนี้ข้าให้ดอกลิลี่เป็นของขวัญนะ เทีย”

ลาลาเน่ส่งช่อดอกลิลี่ที่ถูกผูกไว้อย่างงดงามด้วยริบบิ้นสีเหลืองให้เธอ

“ว้าวขอบใจนะ! เพราะลาลาเน่แท้ๆ ห้องของข้าไม่เคยมีวันไหนไม่มีกลิ่นหอมของดอกไม้เลยละ”

“ข้าดีใจนะที่มีประโยชน์กับเจ้า ถึงจะเป็นเรื่องแค่นี้ก็เถอะ”

ลาลาเน่พูดเช่นนั้นพลางแย้มรอยยิ้มที่งดงามเสียยิ่งกว่าดอกไม้มาให้

แต่เบื้องหลังรอยยิ้มนั่นมันกลับดูเหมือนดอกลิลี่ที่ถูกเด็ดจนร่วงโรยเสียได้ ทำให้เธอรู้สึกตงิดใจแปลกๆ

“มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นเหรอ ลาลาเน่”

“หืม? ปะ เปล่า…”

แต่ถึงจะพูดแบบนั้น ลาลาเน่ก็ยังเหม่อลอยนิ่งเงียบไป ไม่ยอมพูดอะไรต่อจากนั้น

“ถ้าระบายออกมา น่าจะช่วยให้เจ้าสบายใจขึ้นได้บ้างนะ”

ลาลาเน่กะพริบตากลมโตอย่างเชื่องช้าเมื่อได้ยินคำพูดของเธอ ก่อนจะเอ่ยเสียงแผ่ว

“ก็แค่ อิจฉาเทียนิดหน่อยน่ะ”

“ข้าเหรอ”

ลาลาเน่ยิ้มอย่างไร้เรี่ยวแรง แล้วพยักหน้าลง

“พูดออกไปอาจจะฟังดูน่าอาย แต่ช่วงนี้ข้ารู้สึกอึดอัดตัวเองน่ะ เพราะฉะนั้นก็เลยคิดเช่นนี้อยู่บ่อยๆ ถ้าข้าเป็นคนมั่นใจในตัวเอง สามารถทำเรื่องใหญ่ได้เหมือนกับเทีย แล้วจะเป็นยังไง”

“เรื่องใหญ่…หมายถึงกิจการเหรอ”

“อื้อ ข้าคิดว่ามันเท่มากจริงๆ”

“หรือว่าลาลาเน่ก็มีธุรกิจที่อยากทำอยู่หรือเปล่า”

คำถามของเธอทำให้ลาลาเน่ครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนจะส่ายหน้า

ผมหน้าม้าที่ปรกลงมาข้างหน้าสั่นกระเพื่อมเล็กน้อยไปตามแรงขยับของใบหน้า

“เปล่าหรอก คงไม่ใช่แบบนั้น ข้าน่ะ แค่ได้ดูแลดอกไม้แบบนี้ก็มีความสุขดีแล้ว แต่พ่อแม่ของข้า…”

อ่า…เบเจอร์กับเซรัล นี่ลาลาเน่เกิดมาจากสองคนนั่นได้ยังไงกันนะเนี่ย

นี่เป็นเรื่องลึกลับน่าพิศวงของลอมบาร์เดียจริงๆ

“พ่อแม่ของข้าน่ะ เทียเองก็รู้นี่นา…”

ลาลาเน่ได้แต่ยิ้มขมขื่น พูดอะไรต่อไม่ออก

“เพราะอย่างนั้นละมั้งถึงได้คิดแบบนั้น ถ้าหากข้าเป็นคนรู้จักทำงานสร้างกิจการบ้างล่ะ จะเป็นยังไง”

ลาลาเน่ที่พูดแบบนั้นยิ้มๆ ในวันนี้ ดูแล้วช่างอ่อนแอมากเหลือเกิน

เธอเอื้อมมือออกไปกุมมือของลาลาเน่ที่เลอะเปรอะเศษดินเล็กน้อย

“ถ้ามีเรื่องที่เจ้าอยากทำ ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็บอกนะ ลาลาเน่ ข้าจะช่วยเจ้าเอง แต่ไม่จำเป็นที่จะต้องทำธุรกิจเหมือนอย่างทุกคนหรอก ลาลาเน่แค่มองหางานที่ตัวเองทำแล้วมีความสุขก็พอแล้ว”

“….งานที่ทำแล้วมีความสุข”

ถึงจะเบาบางมาก แต่บนริมฝีปากของลาลาเน่ที่พึมพำเช่นนั้นกลับแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้ม คล้ายกับมีความสุขมากจริงๆ เมื่อได้คิดแบบนั้น

และเงยหน้าขึ้นสบตาเธอ

ลาลาแน่เอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าขึ้นสีแดงระเรื่อเล็กน้อย ดูเหมือนจะเขินอายอยู่บ้าง

“…ไว้ข้าจะบอกเจ้านะ”

หลังจากนั้นก็รีบร้อนเปลี่ยนเรื่องทันทีด้วยความร้อนใจ

“ว่าแต่นี่ก็พรุ่งนี้แล้วสินะ ข้าจะไปร่วมงานด้วยนะ เทีย”

“ครอบครัวของลาลาเน่บอกว่าจะไม่มากันเลยสักคน จะไม่เป็นไรเหรอ”

ลาลาเน่พยักหน้าตอบคำถามเธอ

“ถ้าแวะไปแค่ครู่เดียวท่านแม่คงไม่ทราบหรอก ไม่เป็นไร งานเปิดตัวนำเสนอกิจการแรกของเทียเชียวนะ ข้าอยากเข้าร่วมให้ได้”

“ถ้าเจ้ามาร่วมงานได้ย่อมเป็นเกียรติของข้ามากกว่า”

เธอพูดเช่นนั้นก่อนจะสูดกลิ่นหอมของดอกลิลี่ที่ลาลาเน่มอบให้เข้าเต็มปอด

ตอนนี้ก็เข้าสู่ฤดูร้อนที่อากาศร้อนถึงขีดสุดกันแล้ว

งานเปิดตัวนำเสนอกิจการใหม่ของกลุ่มคมนาคมลอมบาร์เดียเองก็กำลังใกล้เข้ามาแล้วเช่นกัน เหลือเวลาอีกเพียงแค่วันเดียวเท่านั้น

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล 135.2

Now you are reading เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล Chapter 135.2 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

แกรก

เมื่อได้ยินเสียงประตูปิดลงดังตามหลังมา โรมาเชียร์ก็หันไปมองรอบๆ เพื่อตรวจเช็กให้แน่ใจว่าไม่มีใครอยู่ในบริเวณนี้ เขาจับไหล่เครย์ลีบันแล้วลากตัวบุตรชายไปยังมุมหนึ่ง

“จริงหรือ เป็นเรื่องจริงหรือ”

เสียงทุ้มต่ำแผ่วเบาราวกับกลัวคนด้านในจะได้ยินเข้า

“นี่ยังไม่เชื่อใจท่านฟีเรนเทียอีกหรือไงครับ”

เครย์ลีบันปัดมือที่จับไหล่ของตนออกด้วยความเย็นชากึ่งไม่พอใจนัก ก่อนจะเอ่ยถามกลับไป

พฤติกรรมที่เพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรกจากบุตรชายที่ตัวเขาเองก็รู้ดีว่าเป็นคนเย็นชาแค่ไหน ทำให้หัวหน้ากลุ่มการค้าลอมบาร์เดียอ้ำอึ้งพูดอะไรไม่ออก

กลับกลายเป็นเครย์ลีบันเสียอีกที่เป็นฝ่ายพูดคล้ายกล่าวเตือน

“ท่านฟีเรนเทียยอมเปิดเผยความลับของตัวเอง ก็เพราะเชื่อใจในตัวท่านหัวหน้ากลุ่มการค้านะครับ อย่าได้คิดทำลายความไว้วางใจของคุณหนู”

โรมาเชียร์ ดิลลาร์ดพยักหน้าลงอย่างเชื่องช้า

ตอนนี้เขาได้ทราบแล้วว่า บุตรสาวของแคลอฮันที่เพิ่งจะอายุได้แค่สิบแปดปีคนนั้น เป็นถึงเจ้าของร้านค้าเพลเลสตัวจริง

บอกคนอื่นไปแล้วยังไง ใครมันจะไปเชื่อเขากันล่ะ

“อีกเรื่องหนึ่ง คุณหนูทราบความสัมพันธ์ระหว่างข้ากับท่านหัวหน้ากลุ่มการค้าอยู่แล้วครับ”

“เจ้าเป็นคนบอกเองหรือ”

โรมาเชียร์ ดิลลาร์ดตกใจมากจริงๆ

เครย์ลีบันเก็บเรื่องที่ตัวเองเป็นบุตรนอกสมรสของเขาไว้เป็นความลับมาโดยตลอด ไม่เคยคิดที่จะเปิดเผยให้ใครได้รู้

ไม่ใช่เพราะเขาเป็นฝ่ายห้าม แต่เครย์ลีบันเป็นคนยืนกรานว่าต้องการเช่นนั้นเอง

แต่ถ้าหากถึงขนาดยอมเล่าเรื่องที่เป็นจุดอ่อนของตัวเองออกไปแบบนั้น แสดงว่าบุตรชายของเขาจะต้องให้ความไว้วางใจในตัวฟีเรนเทียสูงมาก

เจ้าตระกูลดิลลาร์ดพยักหน้ากับตัวเองเงียบๆ เมื่อได้ข้อสรุป

เขาพอจะเดาได้บ้างแล้วว่าความเชื่อใจในตัวกันและกันระหว่างเครย์ลีบันกับฟีเรนเทียมีมากในระดับใด

หลังจากนั้นเครย์ลีบันก็เดินออกไปส่งโรมาเชียร์ด้านนอกถึงรถม้า

ในระหว่างที่ข้ารับใช้ประจำคฤหาสน์กำลังเคลื่อนไหวอย่างแข็งขัน ปัดฝุ่นช่วยทำความสะอาดภายในรถม้า จู่ๆ เครย์ลีบันก็เปิดปากพูดขึ้น

“ท่านหัวหน้ากลุ่มการค้าเคยบอกข้าไม่ใช่หรือครับ วันที่ได้ทราบถึงความสามารถและความทะเยอทะยานของเจ้าตระกูลลอมบาร์เดียคนปัจจุบันในวัยเยาว์ เมื่อยามที่ท่านยังอยู่ในระหว่างการแข่งขันแย่งชิงตำแหน่งผู้สืบทอด”

คำพูดของเครย์ลีบันทำให้โรมาเชียร์หันหน้ากลับไปมองบุตรชาย

“ท่านหัวหน้ากลุ่มการค้าบอกข้าว่า ต่อให้ต้องอุทิศทุกสิ่ง ก็อยากจะร่วมก้าวไปด้วยกันกับคนคนนั้น”

“…ใช่ ใช่แล้ว”

“ในวันที่ได้ทราบว่าท่านฟีเรนเทียเป็นคนเช่นไร ข้าก็สามารถเข้าใจได้ในทันทีเลยละครับ ว่าในวันนั้นหัวหน้ากลุ่มการค้ารู้สึกยังไง”

รอยยิ้มจางปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเครย์ลีบัน

“เพราะอย่างนั้นข้าถึงได้ใช้ข้ออ้างของการเป็นอาจารย์ คอยเกาะติดอยู่ข้างกายคุณหนู ไม่ยอมแยกห่างไปไหนครับ”

เสียงหัวเราะหลังพูดจบประโยคนั่น ทำให้ได้รู้ว่าเครย์ลีบันมีความสุขค่อนข้างมาก

โรมาเชียร์เบิกตากว้างเล็กน้อย เพราะเขาเพิ่งเคยเห็นภาพลักษณ์เช่นนี้ของเครย์ลีบันเป็นครั้งแรก

“ต่อไปในอนาคตท่านฟีเรนเทียจะทำให้ลอมบาร์เดียยิ่งใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ไปทีละก้าวครับ”

นัยน์ตาสีฟ้าของเครย์ลีบันยามกล่าวเช่นนั้น เต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจเหมือนกับฟีเรนเทียเมื่อครู่นี้

“ถ้าหากตระกูลดิลลาร์ดไม่อยากถูกคลื่นนั่นฝังกลบไปละก็ คว้าโอกาสนี้เอาไว้จะดีกว่านะครับ”

เครย์ลีบันพูดทิ้งท้ายเป็นการให้ข้อแนะนำ ก่อนจะก้าวถอยห่างไปหนึ่งก้าว แล้วกล่าวลาสั้นๆ

โรมาเชียร์เหม่อมองแผ่นหลังของบุตรชายที่เดินห่างออกไปอย่างไม่ลังเล บุตรชายของเขาที่ไม่เคยพึ่งพาโรมาเชียร์หรือตระกูลดิลลาร์ดคนนั้น รอยยิ้มก็พลันแต่งแต้มขึ้นที่มุมปากของโรมาเชียร์

“ใช่แล้ว ข้าเองก็เคยมีวันเช่นนั้นเหมือนกันนี่นะ”

โรมาเชียร์นึกถึงเรื่องในวันนั้นที่เครย์ลีบันพูดถึงขึ้นมา

ภาพของรูลลักยามบอกเป้าหมายและความฝันของลอมบาร์เดียที่ตัวเองโอบกอดเอาไว้ให้เขาฟังด้วยนัยน์ตาเป็นประกายเหมือนเด็กคนนั้น ยังคงเด่นชัดอยู่ตรงหน้าเขา

ใช่แล้ว นางช่างเหมือนกับท่านเจ้าตระกูลไม่มีผิด

โรมาเชียร์นึกถึงหลานสาวกับผู้เป็นปู่ที่ถอดแบบกันมาไม่มีผิดเพี้ยนราวกับพิมพ์เดียวกัน ก่อนจะพึมพำด้วยความรู้สึกสนุกขึ้นมาแล้ว

“โอกาสนี้คงต้องคว้าไว้ให้ได้แล้วสินะเนี่ย”

ราวกับความกระตือรือร้นของเครย์ลีบันเองก็ส่งต่อมาถึงเขาด้วย

หัวใจที่ไม่เคยส่งเสียงรบกวนให้ความรำคาญอีกต่อไปเมื่อโรมาเชียร์อายุเพิ่มมากขึ้น มันกลับกำลังเต้นกระหน่ำเสียงดังตึกตักชวนทำให้รู้สึกอารมณ์ดีเสียแล้ว

* * *

ไหนๆ ก็ได้มีเวลาว่างหลังจากงานยุ่งมาหลายวัน เธอเลยถือโอกาสนี้ใช้เวลาร่วมกันกับลาลาเน่

สถานที่ที่เปี่ยมไปด้วยกลิ่นหญ้าให้ความสดชื่นกับกลิ่นหอมของดอกไม้

ช่วงนี้ลาลาเน่ใช้เวลาแทบจะทั้งหมดอยู่แต่ในเรือนกระจกหลังเล็ก ที่ตั้งอยู่ในมุมหนึ่งของคฤหาสน์หลังใหญ่

เพราะมันตั้งอยู่ในซอกหลืบ จึงเป็นสถานที่ที่แทบจะไม่มีผู้คนเดินผ่าน สถานที่แห่งนี้เลยกลายเป็นพื้นที่ส่วนตัวของลาลาเน่แต่เพียงผู้เดียว

อีกอย่างนางคงจะใช้เวลาทุ่มเทกับมันเป็นอย่างมาก ดอกไม้ทุกดอกถึงได้เบ่งบานดูสดใสกันมากขนาดนี้

“เอ้า นี่ วันนี้ข้าให้ดอกลิลี่เป็นของขวัญนะ เทีย”

ลาลาเน่ส่งช่อดอกลิลี่ที่ถูกผูกไว้อย่างงดงามด้วยริบบิ้นสีเหลืองให้เธอ

“ว้าวขอบใจนะ! เพราะลาลาเน่แท้ๆ ห้องของข้าไม่เคยมีวันไหนไม่มีกลิ่นหอมของดอกไม้เลยละ”

“ข้าดีใจนะที่มีประโยชน์กับเจ้า ถึงจะเป็นเรื่องแค่นี้ก็เถอะ”

ลาลาเน่พูดเช่นนั้นพลางแย้มรอยยิ้มที่งดงามเสียยิ่งกว่าดอกไม้มาให้

แต่เบื้องหลังรอยยิ้มนั่นมันกลับดูเหมือนดอกลิลี่ที่ถูกเด็ดจนร่วงโรยเสียได้ ทำให้เธอรู้สึกตงิดใจแปลกๆ

“มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นเหรอ ลาลาเน่”

“หืม? ปะ เปล่า…”

แต่ถึงจะพูดแบบนั้น ลาลาเน่ก็ยังเหม่อลอยนิ่งเงียบไป ไม่ยอมพูดอะไรต่อจากนั้น

“ถ้าระบายออกมา น่าจะช่วยให้เจ้าสบายใจขึ้นได้บ้างนะ”

ลาลาเน่กะพริบตากลมโตอย่างเชื่องช้าเมื่อได้ยินคำพูดของเธอ ก่อนจะเอ่ยเสียงแผ่ว

“ก็แค่ อิจฉาเทียนิดหน่อยน่ะ”

“ข้าเหรอ”

ลาลาเน่ยิ้มอย่างไร้เรี่ยวแรง แล้วพยักหน้าลง

“พูดออกไปอาจจะฟังดูน่าอาย แต่ช่วงนี้ข้ารู้สึกอึดอัดตัวเองน่ะ เพราะฉะนั้นก็เลยคิดเช่นนี้อยู่บ่อยๆ ถ้าข้าเป็นคนมั่นใจในตัวเอง สามารถทำเรื่องใหญ่ได้เหมือนกับเทีย แล้วจะเป็นยังไง”

“เรื่องใหญ่…หมายถึงกิจการเหรอ”

“อื้อ ข้าคิดว่ามันเท่มากจริงๆ”

“หรือว่าลาลาเน่ก็มีธุรกิจที่อยากทำอยู่หรือเปล่า”

คำถามของเธอทำให้ลาลาเน่ครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนจะส่ายหน้า

ผมหน้าม้าที่ปรกลงมาข้างหน้าสั่นกระเพื่อมเล็กน้อยไปตามแรงขยับของใบหน้า

“เปล่าหรอก คงไม่ใช่แบบนั้น ข้าน่ะ แค่ได้ดูแลดอกไม้แบบนี้ก็มีความสุขดีแล้ว แต่พ่อแม่ของข้า…”

อ่า…เบเจอร์กับเซรัล นี่ลาลาเน่เกิดมาจากสองคนนั่นได้ยังไงกันนะเนี่ย

นี่เป็นเรื่องลึกลับน่าพิศวงของลอมบาร์เดียจริงๆ

“พ่อแม่ของข้าน่ะ เทียเองก็รู้นี่นา…”

ลาลาเน่ได้แต่ยิ้มขมขื่น พูดอะไรต่อไม่ออก

“เพราะอย่างนั้นละมั้งถึงได้คิดแบบนั้น ถ้าหากข้าเป็นคนรู้จักทำงานสร้างกิจการบ้างล่ะ จะเป็นยังไง”

ลาลาเน่ที่พูดแบบนั้นยิ้มๆ ในวันนี้ ดูแล้วช่างอ่อนแอมากเหลือเกิน

เธอเอื้อมมือออกไปกุมมือของลาลาเน่ที่เลอะเปรอะเศษดินเล็กน้อย

“ถ้ามีเรื่องที่เจ้าอยากทำ ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็บอกนะ ลาลาเน่ ข้าจะช่วยเจ้าเอง แต่ไม่จำเป็นที่จะต้องทำธุรกิจเหมือนอย่างทุกคนหรอก ลาลาเน่แค่มองหางานที่ตัวเองทำแล้วมีความสุขก็พอแล้ว”

“….งานที่ทำแล้วมีความสุข”

ถึงจะเบาบางมาก แต่บนริมฝีปากของลาลาเน่ที่พึมพำเช่นนั้นกลับแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้ม คล้ายกับมีความสุขมากจริงๆ เมื่อได้คิดแบบนั้น

และเงยหน้าขึ้นสบตาเธอ

ลาลาแน่เอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าขึ้นสีแดงระเรื่อเล็กน้อย ดูเหมือนจะเขินอายอยู่บ้าง

“…ไว้ข้าจะบอกเจ้านะ”

หลังจากนั้นก็รีบร้อนเปลี่ยนเรื่องทันทีด้วยความร้อนใจ

“ว่าแต่นี่ก็พรุ่งนี้แล้วสินะ ข้าจะไปร่วมงานด้วยนะ เทีย”

“ครอบครัวของลาลาเน่บอกว่าจะไม่มากันเลยสักคน จะไม่เป็นไรเหรอ”

ลาลาเน่พยักหน้าตอบคำถามเธอ

“ถ้าแวะไปแค่ครู่เดียวท่านแม่คงไม่ทราบหรอก ไม่เป็นไร งานเปิดตัวนำเสนอกิจการแรกของเทียเชียวนะ ข้าอยากเข้าร่วมให้ได้”

“ถ้าเจ้ามาร่วมงานได้ย่อมเป็นเกียรติของข้ามากกว่า”

เธอพูดเช่นนั้นก่อนจะสูดกลิ่นหอมของดอกลิลี่ที่ลาลาเน่มอบให้เข้าเต็มปอด

ตอนนี้ก็เข้าสู่ฤดูร้อนที่อากาศร้อนถึงขีดสุดกันแล้ว

งานเปิดตัวนำเสนอกิจการใหม่ของกลุ่มคมนาคมลอมบาร์เดียเองก็กำลังใกล้เข้ามาแล้วเช่นกัน เหลือเวลาอีกเพียงแค่วันเดียวเท่านั้น

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+