เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล 157.2

Now you are reading เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล Chapter 157.2 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เล่ม 4 บทที่ 157.2

จนถึงตอนนี้ยังไม่มีใครรู้ความจริงเรื่องที่กลุ่มก่อสร้างลอมบาร์เดียยังไม่ได้รับเงินค่าก่อสร้างกลับคืนมา

ดังนั้นในสายตาของพวกเขาจึงมองเห็นแค่ว่า การร่วมมือกันระหว่างลอมบาร์เดียกับอังเกนัสเป็นเรื่องที่มั่นคงยิ่ง

อีกอย่าง เบเจอร์ยังเที่ยวป่าวประกาศไปทั่วว่าตัวเองได้นำเงินส่วนตัวออกมาร่วมลงทุนในโครงการพัฒนาตะวันตกของจักรพรรดินี

ไม่ได้รู้ความจริงเลยว่าตัวเองได้ย่างเท้าเดินลงไปในกับดักที่เธอวางไว้อย่างงดงามราวกับคนโง่เขลา

“เทีย เจ้าเป็นยังไงบ้าง เบเจอร์ ลอมบาร์เดียร่วมลงทุนในกิจการพัฒนาตะวันตกแบบนั้น ตำแหน่งของเจ้าจะไม่มีปัญหาหรือ”

เด็กนี่คิดว่าเธอเป็นใครหา!

“แค่เงินที่ข้าได้จากกิจการไปรษณีย์ที่ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลามก็มากมายอยู่”

กิจการไปรษณีย์ลอมบาร์เดียประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ทั้งเข้ายึดครองตลาดและกอบโกยเงินทองอย่างคุ้มค่า

คลังก์ เดวอนยังถึงกับกรีดร้องด้วยความดีใจ เมื่อเห็นกิจการไปรษณีย์เติบโตขึ้นเรื่อยๆ ในทุกวันเลยละ

หากจะบอกว่า เงินที่เบเจอร์ละลายทิ้งไปกับโครงการพัฒนาตะวันตกนั่น ไปรษณีย์ลอมบาร์เดียและกลุ่มการค้าลอมบาร์เดียที่ได้ยอดขายเพิ่มขึ้นไปพร้อมกับการเติบโตของกิจการไปรษณีย์ กำลังช่วยอุดรอยรั่วให้อยู่ก็ไม่ผิดนัก

ไปรษณีย์ลอมบาร์เดียได้กลายเป็นรากฐานสำคัญและแข็งแกร่งกิจการหนึ่งของตระกูลไปแล้ว

“ยังไม่มีผลกระทบอะไรกับข้าหรอก ไม่เป็นไร”

แถมเธอยังมีแผนการขั้นต่อไปที่จะใช้โจมตีพวกนั้นไว้เรียบร้อยแล้วด้วยเธอพูดอย่างผ่อนคลายพลางจิบเหล้าลงคออีกอึกแต่แล้วในตอนนั้นเอง สายตาของเธอก็พลันสบเข้ากับเจ้าตระกูลเซอเชาว์ที่กำลังมองตรงมาที่เธอจากไกลๆ

สายตานั่นมันแรงกล้ามาก จนไม่อาจแสร้งเมินเฉยทำเป็นมองไม่เห็น

“…กำลังมาทางนี้?” เจ้าตระกูลเซอเชาว์กำลังขยับเท้าเดินตรงมาหาเธอกับเฟเรสอย่างช้าๆ

แน่นอนว่าสายตาของผู้คนมากมายย่อมมองตามเจ้าตระกูลเซอเชาว์ที่กำลังเดินมาหาพวกเราด้วย

เธอรีบขยับเท้าเขยิบไปด้านข้าง เว้นระยะห่างกับเฟเรสให้กว้างขึ้น

เจ้าตระกูลเซอเชาว์เดินตรงดิ่งเข้ามาอย่างมั่นใจ แล้วจึงเป็นฝ่ายกล่าวทักทายเฟเรสก่อนด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

“ถวายบังคมพ่ะย่ะค่ะเจ้าชายลำดับที่สอง ไม่ได้พบกันเสียนานเลยพ่ะย่ะค่ะ” มันเป็นแค่การทักทายทั่วไป

คนคนนี้เดิมทีเป็นถึงหัวหน้ากองกำลังอัศวินประจำราชวงศ์ ดังนั้นจะเคยพบหน้าเฟเรสบ้างก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร

แต่ปัญหาคือ ท่าทีของเจ้าตระกูลเซอเชาว์ต่างหากมันดูแข็งกร้าวและก้าวร้าวเกินกว่าจะปฏิบัติต่อคนเป็นเจ้าชายก็ไม่ได้มีตรงไหนผิดไปจากธรรมเนียมมารยาทหรอก แต่อีกฝ่ายตั้งใจแสดงออกแบบนั้นแน่ๆ

“…ไม่ได้พบกันนานนะครับ เจ้าตระกูลเซอเชาว์”

เฟเรสมองหน้าเจ้าตระกูลเซอเชาว์ ในขณะที่เอ่ยตอบด้วยเสียงกระด้าง

และในวินาทีนั้นเอง เธอก็เริ่มรู้สึกได้ว่าอุณหภูมิรอบตัวของคนทั้งสองมันลดต่ำลงฮวบไปหลายองศา

สาเหตุเป็นเพราะเจ้าตระกูลเซอเชาว์กับเฟเรสที่เอาแต่ยืนจ้องหน้ากันเขม็ง

มันเป็นการต่อสู้กันด้วยจิตวิญญาณระหว่างเฟเรสซึ่งเป็นมาสเตอร์ในเรื่องออร่า และชานตั้น เซอเชาว์ซึ่งเคยเป็นหัวหน้ากองกำลังอัศวินส่วนพระองค์

เธอหันไปมองรอบๆ บรรดาชนชั้นสูงกำลังส่งเสียงฮือฮากันให้แซ่ด

มีคนจำนวนไม่น้อยเลยที่กำลังมองท่าทางของเฟเรสกับเจ้าตระกูลเซอเชาว์ด้วยนัยน์ตาระยิบระยับด้วยความใคร่รู้

บางทีหลังจบงานเลี้ยงวันนี้ เรื่องที่เกิดขึ้นในงานอาจจะถูกเอาไปพูดกันให้ทั่วแวดวงสังคมเลยก็ได้

และเธอก็เลื่อนสายตาไปมองท่าทีของจักรพรรดินี

“หึ”

จักรพรรดินียกยิ้มด้วยความภาคภูมิ นางกำลังมองชานตั้น เซอเชาว์ที่กำลังเปิดศึกใช้พลังต่อสู้กับเฟเรสอยู่ตรงนี้ด้วยความภาคภูมิใจเป็นอย่างมากแค่ท่าทางที่แสดงออกในตอนนี้ก็ทำให้เธอแน่ใจได้แล้วว่า คุณค่าของเจ้าตระกูลเซอเชาว์ในหัวสมองของจักรพรรดินีกำลังเพิ่มขึ้นสูงทีเดียว

แค่เดินเข้ามาทักทายเฟเรสต่อหน้าสายตาของผู้คนมากมาย ชานตั้น เซอเชาว์ก็ประสบความสำเร็จในการทำให้ทุกคนได้รู้ว่าตัวเขาอยู่คนละฝ่ายกับเฟเรส

เธอมองเฟเรสกับชานตั้น เซอเชาว์ที่กำลังใช้พลังกดข่มกันอยู่ไม่หยุดยั้ง พลางลอบยิ้มในใจอยู่เงียบๆ

‘เฟเรส เจ้านี่ฉลาดจริงๆ’

เธอปลีกตัวหลบสายตาของผู้คนออกมาเงียบๆ แล้วเดินขึ้นไปยังชั้น 2 ที่คนบางตากว่า

“สวัสดีค่ะ อาจารย์”

“มาแล้วหรือครับ ท่านฟีเรนเทีย” เครย์ลีบันกำลังรอเธออยู่ตรงนั้นอย่างที่ตกลงกันไว้ล่วงหน้า

เครย์ลีบันเชิญเธออย่างนอบน้อม พวกเรากลายเป็นอาจารย์กับลูกศิษย์ทั่วไป ในขณะที่พากันเดินไปทั่วงานเลี้ยง

เพียงไม่นานบรรดาชนชั้นสูงหลายคนที่มองพวกเราอยู่ตั้งแต่แรก ก็เริ่มเบื่อหน่ายหมดความสนใจ แล้วหันกลับไปสนทนากันเองต่อ

หลังจากมั่นใจแล้วว่าไม่มีใครสนใจ เธอก็เอ่ยถามเสียงแผ่ว

“คนอื่นๆ ว่ายังไงบ้างคะ”

เครย์ลีบันคอยตามเก็บข้อมูลเล็กๆ น้อยๆ จากการสนทนากับผู้คนมากมายที่มาร่วมงานเลี้ยงวันนี้

“ท่านฟีเรนเทียคาดการณ์ได้ถูกต้องแล้วครับ เพราะไม้ทรีบ้าที่หาซื้อได้ยาก พวกเขาจึงใช้ไม้จากป่าทางใต้ของเซอเชาว์ในการก่อสร้างแทนครับ”

“ถ้าอย่างนั้นอังเกนัสก็คงจะติดหนี้เซอเชาว์มากเลยสินะคะ”

“ตรงกับข้อมูลของคุณเบ๊ตครับพวกอังเกนัสขายเขตแดนตะวันตกบางส่วนให้กับตระกูลเซอเชาว์เพื่อหาเงินมาจ่ายค่าชดเชย”

“กลายเป็นว่าอังเกนัสถูกผูกมัดไว้กับเซอเชาว์ด้วยเงินอย่างสมบูรณ์แบบเลยสินะคะเนี่ย”

เครย์ลีบันพยักหน้าทักทายขุนนางที่เดินผ่านไปด้านข้างด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ก่อนจะตอบคำถามเธอ

“คงจะคิดง่ายๆ ว่า ใช้รายได้จากกิจการท่องเที่ยวตะวันตกมาจ่ายคืนก็คงจะพอหรือเปล่าครับ”

“พวกชนชั้นสูงให้ความสนใจในกิจการท่องเที่ยวตะวันตกมากเหรอคะ”

“ส่วนใหญ่ก็สนใจนะครับ พวกชนชั้นสูงอย่างไรก็มีเงินมากมาย แต่ไม่มีอะไรทำกันอยู่แล้วไม่ใช่หรือครับ ไม่ว่าจะเรื่องอะไร ถ้าช่วยลดความเบื่อลงได้ ก็คงยินดีทั้งนั้นแหละครับ”

เธอหยุดเดิน แล้วหันไปมองหน้าเครย์ลีบัน

และแสยะยิ้มเจ้าเล่ห์ในขณะที่เอ่ยขึ้นว่า “ตอนนี้ก็น่าจะถึงเวลาแล้วสินะคะ”

เครย์ลีบันเองก็ยิ้มอย่างมีเลศนัยเช่นกัน ก่อนจะเอ่ยตอบ “ครับ ท่านฟีเรนเทีย”

เครย์ลีบันผู้ลงมือลงแรงในงานครั้งนี้ด้วยตัวเองมาโดยตลอด ดูเหมือนจะคันไม้คันมือจนแทบจะอดใจไม่ไหว

บางทีเธอเองก็คงจะกำลังแสดงสีหน้าไม่ต่างกับเขานักหรอก

เอนกายพิงราวระเบียงชั้นสองแล้วมองลงไปชั้นล่าง จากตรงนี้สามารถมองเห็นเหล่าชนชั้นสูงที่รวมตัวกันอยู่หนาแน่นในบริเวณชั้นหนึ่งได้ในปราดเดียว

มองคนพวกนั้นเป็นเหมือนปลาที่ถูกขังเอาไว้ในบ่อปลาของเธอ

ปลาที่มีเงินเยอะเสียด้วย

เธอพยักหน้าให้เครย์ลีบัน แล้วเอ่ยขึ้นว่า

“ถ้าอย่างนั้นก็เดินเครื่องกันให้เต็มกำลังเลยดีมั้ยคะ อาจารย์”

มันเป็นสัญญาณโอเคให้เดินหน้าตามแผนการสุดกำลัง

* * *

หลังกลับจากงานเลี้ยงของจักรพรรดินี เธอก็เริ่มลงมือทันทีเรื่องแรกคือ เรียกตัวอาบีน็อกซ์มาที่คฤหาสน์ลอมบาร์เดีย

เพราะในระหว่างที่เจ้าตระกูลรูมันเดินทางกลับไปยังเขตแดนตะวันออกอีกครั้ง อาบีน็อกซ์ก็รับหน้าที่ตัวแทนเจ้าตระกูลรูมันอย่างเป็นทางการอยู่ในเมืองหลวง

ดังนั้นมันจึงเป็นแค่การเชิญมาพบปะอย่างเป็นทางการทั่วไป

เธอเลือกเวลานัดเป็นช่วงสายก่อนเวลามื้อเที่ยง เพื่อที่จะได้ใช้เวลาดื่มชาด้วยกันอย่างผ่อนคลาย

หลังจากเตรียมทุกอย่างเสร็จแล้ว เธอก็มานั่งเล่นอยู่ที่ห้องรับรองในบ้านของตัวเอง เรียบเรียงเรื่องที่จะถามอาบีน็อกซ์อยู่ในหัว

ในตอนนั้นเอง

ก๊อก ก๊อกเสียงเคาะประตูดังขึ้นพร้อมกับเสียงพ่อบ้านประจำปีกคฤหาสน์

“ท่านอาบีน็อกซ์ รูมันมาถึงแล้วครับ คุณหนู”

“ให้เข้ามาได้เลยค่ะ” เธอบอกพ่อบ้าน แล้วลุกขึ้นจากที่นั่งเพื่อต้อนรับอาบีน็อกซ์

ประตูเปิดออก ก่อนอาบีน็อกซ์จะเดินเข้ามาข้างในก็ได้ยินเสียงทักทายมาก่อนตัว

“สวัสดีครับ ท่านฟีเรนเทีย”

โหว แสบตา!เธอยกมือทั้งสองขึ้นบังตาโดยไม่รู้ตัว

เพราะผมบลอนด์แพลทินัมสว่าง นัยน์ตาดูลึกลับมีเสน่ห์คู่นั้น และนิสัยร่าเริงสดใสอันเป็นเอกลักษณ์ของอาบีน็อกซ์ทุกครั้งที่ได้พบหน้า เธอจึงคิดอยู่เสมอว่าเขาเป็น ‘เหมือนพระอาทิตย์’

แต่วันนี้อาบีน็อกซ์กลับดูเปล่งประกายยิ่งกว่าเดิม

“ขอบคุณที่เรียกข้ามานะครับ”

เธอเห็นแล้ว

วงแหวนแห่งเทพเหนือศีรษะที่สามารถมองเห็นได้ในเวลาที่พบหน้าดารานักร้องคนดัง มันกำลังเปล่งแสงออกมาจากอาบีน็อกซ์ที่แต่งตัวมาเสียเต็มยศในขณะเดียวกันก็ตระหนักขึ้นมาได้ว่าอาบีน็อกซ์ไม่มีทางแต่งตัวเต็มยศตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าแบบนี้ แค่เพื่อเดินทางมาพบเธอเฉยๆ แน่

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล 157.2

Now you are reading เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล Chapter 157.2 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เล่ม 4 บทที่ 157.2

จนถึงตอนนี้ยังไม่มีใครรู้ความจริงเรื่องที่กลุ่มก่อสร้างลอมบาร์เดียยังไม่ได้รับเงินค่าก่อสร้างกลับคืนมา

ดังนั้นในสายตาของพวกเขาจึงมองเห็นแค่ว่า การร่วมมือกันระหว่างลอมบาร์เดียกับอังเกนัสเป็นเรื่องที่มั่นคงยิ่ง

อีกอย่าง เบเจอร์ยังเที่ยวป่าวประกาศไปทั่วว่าตัวเองได้นำเงินส่วนตัวออกมาร่วมลงทุนในโครงการพัฒนาตะวันตกของจักรพรรดินี

ไม่ได้รู้ความจริงเลยว่าตัวเองได้ย่างเท้าเดินลงไปในกับดักที่เธอวางไว้อย่างงดงามราวกับคนโง่เขลา

“เทีย เจ้าเป็นยังไงบ้าง เบเจอร์ ลอมบาร์เดียร่วมลงทุนในกิจการพัฒนาตะวันตกแบบนั้น ตำแหน่งของเจ้าจะไม่มีปัญหาหรือ”

เด็กนี่คิดว่าเธอเป็นใครหา!

“แค่เงินที่ข้าได้จากกิจการไปรษณีย์ที่ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลามก็มากมายอยู่”

กิจการไปรษณีย์ลอมบาร์เดียประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ทั้งเข้ายึดครองตลาดและกอบโกยเงินทองอย่างคุ้มค่า

คลังก์ เดวอนยังถึงกับกรีดร้องด้วยความดีใจ เมื่อเห็นกิจการไปรษณีย์เติบโตขึ้นเรื่อยๆ ในทุกวันเลยละ

หากจะบอกว่า เงินที่เบเจอร์ละลายทิ้งไปกับโครงการพัฒนาตะวันตกนั่น ไปรษณีย์ลอมบาร์เดียและกลุ่มการค้าลอมบาร์เดียที่ได้ยอดขายเพิ่มขึ้นไปพร้อมกับการเติบโตของกิจการไปรษณีย์ กำลังช่วยอุดรอยรั่วให้อยู่ก็ไม่ผิดนัก

ไปรษณีย์ลอมบาร์เดียได้กลายเป็นรากฐานสำคัญและแข็งแกร่งกิจการหนึ่งของตระกูลไปแล้ว

“ยังไม่มีผลกระทบอะไรกับข้าหรอก ไม่เป็นไร”

แถมเธอยังมีแผนการขั้นต่อไปที่จะใช้โจมตีพวกนั้นไว้เรียบร้อยแล้วด้วยเธอพูดอย่างผ่อนคลายพลางจิบเหล้าลงคออีกอึกแต่แล้วในตอนนั้นเอง สายตาของเธอก็พลันสบเข้ากับเจ้าตระกูลเซอเชาว์ที่กำลังมองตรงมาที่เธอจากไกลๆ

สายตานั่นมันแรงกล้ามาก จนไม่อาจแสร้งเมินเฉยทำเป็นมองไม่เห็น

“…กำลังมาทางนี้?” เจ้าตระกูลเซอเชาว์กำลังขยับเท้าเดินตรงมาหาเธอกับเฟเรสอย่างช้าๆ

แน่นอนว่าสายตาของผู้คนมากมายย่อมมองตามเจ้าตระกูลเซอเชาว์ที่กำลังเดินมาหาพวกเราด้วย

เธอรีบขยับเท้าเขยิบไปด้านข้าง เว้นระยะห่างกับเฟเรสให้กว้างขึ้น

เจ้าตระกูลเซอเชาว์เดินตรงดิ่งเข้ามาอย่างมั่นใจ แล้วจึงเป็นฝ่ายกล่าวทักทายเฟเรสก่อนด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

“ถวายบังคมพ่ะย่ะค่ะเจ้าชายลำดับที่สอง ไม่ได้พบกันเสียนานเลยพ่ะย่ะค่ะ” มันเป็นแค่การทักทายทั่วไป

คนคนนี้เดิมทีเป็นถึงหัวหน้ากองกำลังอัศวินประจำราชวงศ์ ดังนั้นจะเคยพบหน้าเฟเรสบ้างก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร

แต่ปัญหาคือ ท่าทีของเจ้าตระกูลเซอเชาว์ต่างหากมันดูแข็งกร้าวและก้าวร้าวเกินกว่าจะปฏิบัติต่อคนเป็นเจ้าชายก็ไม่ได้มีตรงไหนผิดไปจากธรรมเนียมมารยาทหรอก แต่อีกฝ่ายตั้งใจแสดงออกแบบนั้นแน่ๆ

“…ไม่ได้พบกันนานนะครับ เจ้าตระกูลเซอเชาว์”

เฟเรสมองหน้าเจ้าตระกูลเซอเชาว์ ในขณะที่เอ่ยตอบด้วยเสียงกระด้าง

และในวินาทีนั้นเอง เธอก็เริ่มรู้สึกได้ว่าอุณหภูมิรอบตัวของคนทั้งสองมันลดต่ำลงฮวบไปหลายองศา

สาเหตุเป็นเพราะเจ้าตระกูลเซอเชาว์กับเฟเรสที่เอาแต่ยืนจ้องหน้ากันเขม็ง

มันเป็นการต่อสู้กันด้วยจิตวิญญาณระหว่างเฟเรสซึ่งเป็นมาสเตอร์ในเรื่องออร่า และชานตั้น เซอเชาว์ซึ่งเคยเป็นหัวหน้ากองกำลังอัศวินส่วนพระองค์

เธอหันไปมองรอบๆ บรรดาชนชั้นสูงกำลังส่งเสียงฮือฮากันให้แซ่ด

มีคนจำนวนไม่น้อยเลยที่กำลังมองท่าทางของเฟเรสกับเจ้าตระกูลเซอเชาว์ด้วยนัยน์ตาระยิบระยับด้วยความใคร่รู้

บางทีหลังจบงานเลี้ยงวันนี้ เรื่องที่เกิดขึ้นในงานอาจจะถูกเอาไปพูดกันให้ทั่วแวดวงสังคมเลยก็ได้

และเธอก็เลื่อนสายตาไปมองท่าทีของจักรพรรดินี

“หึ”

จักรพรรดินียกยิ้มด้วยความภาคภูมิ นางกำลังมองชานตั้น เซอเชาว์ที่กำลังเปิดศึกใช้พลังต่อสู้กับเฟเรสอยู่ตรงนี้ด้วยความภาคภูมิใจเป็นอย่างมากแค่ท่าทางที่แสดงออกในตอนนี้ก็ทำให้เธอแน่ใจได้แล้วว่า คุณค่าของเจ้าตระกูลเซอเชาว์ในหัวสมองของจักรพรรดินีกำลังเพิ่มขึ้นสูงทีเดียว

แค่เดินเข้ามาทักทายเฟเรสต่อหน้าสายตาของผู้คนมากมาย ชานตั้น เซอเชาว์ก็ประสบความสำเร็จในการทำให้ทุกคนได้รู้ว่าตัวเขาอยู่คนละฝ่ายกับเฟเรส

เธอมองเฟเรสกับชานตั้น เซอเชาว์ที่กำลังใช้พลังกดข่มกันอยู่ไม่หยุดยั้ง พลางลอบยิ้มในใจอยู่เงียบๆ

‘เฟเรส เจ้านี่ฉลาดจริงๆ’

เธอปลีกตัวหลบสายตาของผู้คนออกมาเงียบๆ แล้วเดินขึ้นไปยังชั้น 2 ที่คนบางตากว่า

“สวัสดีค่ะ อาจารย์”

“มาแล้วหรือครับ ท่านฟีเรนเทีย” เครย์ลีบันกำลังรอเธออยู่ตรงนั้นอย่างที่ตกลงกันไว้ล่วงหน้า

เครย์ลีบันเชิญเธออย่างนอบน้อม พวกเรากลายเป็นอาจารย์กับลูกศิษย์ทั่วไป ในขณะที่พากันเดินไปทั่วงานเลี้ยง

เพียงไม่นานบรรดาชนชั้นสูงหลายคนที่มองพวกเราอยู่ตั้งแต่แรก ก็เริ่มเบื่อหน่ายหมดความสนใจ แล้วหันกลับไปสนทนากันเองต่อ

หลังจากมั่นใจแล้วว่าไม่มีใครสนใจ เธอก็เอ่ยถามเสียงแผ่ว

“คนอื่นๆ ว่ายังไงบ้างคะ”

เครย์ลีบันคอยตามเก็บข้อมูลเล็กๆ น้อยๆ จากการสนทนากับผู้คนมากมายที่มาร่วมงานเลี้ยงวันนี้

“ท่านฟีเรนเทียคาดการณ์ได้ถูกต้องแล้วครับ เพราะไม้ทรีบ้าที่หาซื้อได้ยาก พวกเขาจึงใช้ไม้จากป่าทางใต้ของเซอเชาว์ในการก่อสร้างแทนครับ”

“ถ้าอย่างนั้นอังเกนัสก็คงจะติดหนี้เซอเชาว์มากเลยสินะคะ”

“ตรงกับข้อมูลของคุณเบ๊ตครับพวกอังเกนัสขายเขตแดนตะวันตกบางส่วนให้กับตระกูลเซอเชาว์เพื่อหาเงินมาจ่ายค่าชดเชย”

“กลายเป็นว่าอังเกนัสถูกผูกมัดไว้กับเซอเชาว์ด้วยเงินอย่างสมบูรณ์แบบเลยสินะคะเนี่ย”

เครย์ลีบันพยักหน้าทักทายขุนนางที่เดินผ่านไปด้านข้างด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ก่อนจะตอบคำถามเธอ

“คงจะคิดง่ายๆ ว่า ใช้รายได้จากกิจการท่องเที่ยวตะวันตกมาจ่ายคืนก็คงจะพอหรือเปล่าครับ”

“พวกชนชั้นสูงให้ความสนใจในกิจการท่องเที่ยวตะวันตกมากเหรอคะ”

“ส่วนใหญ่ก็สนใจนะครับ พวกชนชั้นสูงอย่างไรก็มีเงินมากมาย แต่ไม่มีอะไรทำกันอยู่แล้วไม่ใช่หรือครับ ไม่ว่าจะเรื่องอะไร ถ้าช่วยลดความเบื่อลงได้ ก็คงยินดีทั้งนั้นแหละครับ”

เธอหยุดเดิน แล้วหันไปมองหน้าเครย์ลีบัน

และแสยะยิ้มเจ้าเล่ห์ในขณะที่เอ่ยขึ้นว่า “ตอนนี้ก็น่าจะถึงเวลาแล้วสินะคะ”

เครย์ลีบันเองก็ยิ้มอย่างมีเลศนัยเช่นกัน ก่อนจะเอ่ยตอบ “ครับ ท่านฟีเรนเทีย”

เครย์ลีบันผู้ลงมือลงแรงในงานครั้งนี้ด้วยตัวเองมาโดยตลอด ดูเหมือนจะคันไม้คันมือจนแทบจะอดใจไม่ไหว

บางทีเธอเองก็คงจะกำลังแสดงสีหน้าไม่ต่างกับเขานักหรอก

เอนกายพิงราวระเบียงชั้นสองแล้วมองลงไปชั้นล่าง จากตรงนี้สามารถมองเห็นเหล่าชนชั้นสูงที่รวมตัวกันอยู่หนาแน่นในบริเวณชั้นหนึ่งได้ในปราดเดียว

มองคนพวกนั้นเป็นเหมือนปลาที่ถูกขังเอาไว้ในบ่อปลาของเธอ

ปลาที่มีเงินเยอะเสียด้วย

เธอพยักหน้าให้เครย์ลีบัน แล้วเอ่ยขึ้นว่า

“ถ้าอย่างนั้นก็เดินเครื่องกันให้เต็มกำลังเลยดีมั้ยคะ อาจารย์”

มันเป็นสัญญาณโอเคให้เดินหน้าตามแผนการสุดกำลัง

* * *

หลังกลับจากงานเลี้ยงของจักรพรรดินี เธอก็เริ่มลงมือทันทีเรื่องแรกคือ เรียกตัวอาบีน็อกซ์มาที่คฤหาสน์ลอมบาร์เดีย

เพราะในระหว่างที่เจ้าตระกูลรูมันเดินทางกลับไปยังเขตแดนตะวันออกอีกครั้ง อาบีน็อกซ์ก็รับหน้าที่ตัวแทนเจ้าตระกูลรูมันอย่างเป็นทางการอยู่ในเมืองหลวง

ดังนั้นมันจึงเป็นแค่การเชิญมาพบปะอย่างเป็นทางการทั่วไป

เธอเลือกเวลานัดเป็นช่วงสายก่อนเวลามื้อเที่ยง เพื่อที่จะได้ใช้เวลาดื่มชาด้วยกันอย่างผ่อนคลาย

หลังจากเตรียมทุกอย่างเสร็จแล้ว เธอก็มานั่งเล่นอยู่ที่ห้องรับรองในบ้านของตัวเอง เรียบเรียงเรื่องที่จะถามอาบีน็อกซ์อยู่ในหัว

ในตอนนั้นเอง

ก๊อก ก๊อกเสียงเคาะประตูดังขึ้นพร้อมกับเสียงพ่อบ้านประจำปีกคฤหาสน์

“ท่านอาบีน็อกซ์ รูมันมาถึงแล้วครับ คุณหนู”

“ให้เข้ามาได้เลยค่ะ” เธอบอกพ่อบ้าน แล้วลุกขึ้นจากที่นั่งเพื่อต้อนรับอาบีน็อกซ์

ประตูเปิดออก ก่อนอาบีน็อกซ์จะเดินเข้ามาข้างในก็ได้ยินเสียงทักทายมาก่อนตัว

“สวัสดีครับ ท่านฟีเรนเทีย”

โหว แสบตา!เธอยกมือทั้งสองขึ้นบังตาโดยไม่รู้ตัว

เพราะผมบลอนด์แพลทินัมสว่าง นัยน์ตาดูลึกลับมีเสน่ห์คู่นั้น และนิสัยร่าเริงสดใสอันเป็นเอกลักษณ์ของอาบีน็อกซ์ทุกครั้งที่ได้พบหน้า เธอจึงคิดอยู่เสมอว่าเขาเป็น ‘เหมือนพระอาทิตย์’

แต่วันนี้อาบีน็อกซ์กลับดูเปล่งประกายยิ่งกว่าเดิม

“ขอบคุณที่เรียกข้ามานะครับ”

เธอเห็นแล้ว

วงแหวนแห่งเทพเหนือศีรษะที่สามารถมองเห็นได้ในเวลาที่พบหน้าดารานักร้องคนดัง มันกำลังเปล่งแสงออกมาจากอาบีน็อกซ์ที่แต่งตัวมาเสียเต็มยศในขณะเดียวกันก็ตระหนักขึ้นมาได้ว่าอาบีน็อกซ์ไม่มีทางแต่งตัวเต็มยศตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าแบบนี้ แค่เพื่อเดินทางมาพบเธอเฉยๆ แน่

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+