เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล 114.2

Now you are reading เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล Chapter 114.2 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เหล่าเจ้าตระกูลของตระกูลใต้บังคับบัญชาเป็นบุคคลที่งานรัดตัวเป็นอย่างมาก

แค่กิจการของลอมบาร์เดียที่พวกเขารับผิดชอบบริหารจัดการก็มีจำนวนมากแล้ว ไหนจะต้องดูแลงานของตระกูลตัวเองกันอีก

เพราะอย่างนั้นเจ้าตระกูลทั้งหลายจึงไม่เคยลงมือเคลื่อนไหวด้วยตัวเองกับเรื่องไร้สาระ

นอกจากการประชุมตามวาระที่จัดขึ้นเดือนละครั้งแล้ว พวกเขาจะมักส่งตัวแทนไป หรือไม่ก็ส่งเอกสารไปให้รูลลักอนุมัติเท่านั้น

อย่างไรก็ตามหลังจากผ่านมาหลายวัน เหล่าเจ้าตระกูลใต้บังคับบัญชาทั้งหลายต่างก็ตระหนักได้ว่า พวกเขาจะทำงานกับเบเจอร์ด้วยวิธีการเดิมๆ ไม่ได้เด็ดขาด

ไม่รู้ว่าอ่านเอกสารที่พวกเขารายงานส่งไปไม่รู้เรื่องหรืออย่างไร เอกสารอนุมัติที่ได้รับกลับมาจึงไม่มีตราประทับ แต่กลับเป็นคำพูดไร้สาระเขียนเอาไว้

บางครั้งยังสั่งงานใหม่อย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย แทนที่จะจัดการงานที่ได้เตรียมการกันมาตั้งนานแล้วอีกด้วย

ถึงแม้จะเป็นรักษาการเจ้าตระกูลแค่ระยะเวลาหนึ่งเดือน ในระหว่างที่เจ้าตระกูลพักรักษาตัว แต่เบเจอร์กลับทำตัวราวกับตัวเองกลายเป็นเจ้าตระกูลคนถัดไปเสียแล้ว

“ฮู่ว…”

คลังก์ เดวอนถอนหายใจในขณะที่เดินออกจากห้องทำงาน เขาสบตาเข้ากับก็อดดริก เบรย์ บุตรชายคนโตของตระกูลเบรย์ซึ่งยืนรออยู่หน้าประตูเหมือนตัวเขาเมื่อครู่

ชายคนนี้รับหน้าที่บริหารธนาคารลอมบาร์เดียแทนเจ้าตระกูลเบรย์ที่ชรามากแล้ว ดูเหมือนอีกฝ่ายก็ประเมินสถานการณ์ออกเช่นกัน ถึงได้วิ่งมารายงานเรื่องกิจการด้วยตัวเอง

“เป็นเช่นไรบ้างครับ”

“…รีบเข้าไปเถอะครับ เตรียมใจไว้หน่อยก็ดีนะครับ”

“นี่มัน…”

ก็อดดริกมองใบหน้าของคลังก์ เดวอน ที่ใต้ตาหมองคล้ำ เขาได้แต่พึมพำกับตัวเอง แล้วกระแอมไอสั้นๆ ก่อนจะเดินเข้าไปข้างในห้องทำงาน

เขาดันมีเรื่องด่วนต้องปรึกษาท่านเจ้าตระกูลพอดี แต่ในช่วงเวลาแบบนี้ เบเจอร์กลับกลายเป็นรักษาการตำแหน่งเจ้าตระกูลเสียได้

จังหวะไม่ดีเอาเสียเลย

พ่อบ้านโยฮันเดินเข้ามาทักเขาแทนเบเจอร์ที่ไม่แม้แต่จะทักทายกันด้วยซ้ำ

โยฮันได้รับคำสั่งจากรูลลักให้คอยช่วยเหลืองานของเบเจอร์

“รับชาอะไรดี…”

แต่ก่อนที่โยฮันจะได้ถามจบประโยค เบเจอร์ก็ถามก็อดดริกแทรกขึ้นมาอย่างไร้มารยาท

“เรื่องเงินกู้ที่ข้าช่วยแนะนำให้เมื่อคราวก่อน เป็นยังไงบ้าง”

เมื่อหลายสัปดาห์ก่อน เบเจอร์ได้เข้ามาเป็นคนกลาง แนะนำคนสนิทให้มากู้ยืมเงินธนาคารอยู่หลายราย

“อา เรื่องนั้น…”

“พวกเขาเชื่อมั่นในตัวข้า ถึงได้ตัดสินใจรับเงินกู้จากธนาคารลอมบาร์เดียแท้ๆ แต่กลับมีแต่คำพูดว่าอนุมัติล่าช้าอยู่เรื่อยเนี่ยนะ! ”

แต่ไหนแต่ไรก็ไม่มีธนาคารใดในอาณาจักรแลมบลู ที่ผู้คนให้ความไว้วางใจจนเข้ามาติดต่อทำการค้าด้วยได้เท่าธนาคารลอมบาร์เดียอยู่แล้ว

ดังนั้นต่อให้เบเจอร์ไม่ทำตัวเป็นคนกลางแนะนำลูกค้าเข้ามา ก็ยังมีผู้คนมากมายที่อยากจะขอกู้ยืมเงินจากธนาคารลอมบาร์เดีย ทั้งยังถือว่าเป็นโชคดีของพวกเขาเหล่านั้นด้วยซ้ำไป ถ้าหากกู้ได้สำเร็จ

และเงินกู้ยอดใหญ่ก็ย่อมเป็นที่แน่นอนอยู่แล้วว่าจะต้องผ่านขั้นตอนการตรวจสอบซึ่งใช้เวลาหลายเดือน

อีกอย่างผลลัพธ์ที่ก็อดดริกตรวจสอบมาได้ ในบรรดาคนเหล่านั้นยังมีอยู่หลายคนที่เครดิตไม่พอ ธุรกิจก็ไปแทบไม่รอด ไม่เหมาะสมเลยสักนิดที่จะได้รับเงินกู้จากทางธนาคาร

นี่ถือว่าเบเจอร์โยนพวกขยะน่าปวดหัวมาให้ธนาคารลอมบาร์เดียด้วยซ้ำไป

“…ข้ากำลังทำการตรวจสอบใบขอกู้เงินด้วยตัวเอง ดังนั้นอีกไม่นาน…”

“ข้าแนะนำเฉพาะคนที่ข้ารู้จักดี และยังเป็นพวกขยันขันแข็งทำงานไม่ใช่หรือไง! รีบๆ อนุมัติให้เสร็จสิ้น พวกเขาจะได้จ่ายดอกเบี้ยให้เร็วขึ้นสักเดือนยังไงล่ะ”

ทำแบบนั้นเงินที่ให้กู้คงได้ปลิวหายไป กลายเป็นหนี้สูญที่ไม่มีวันได้กลับคืนมาน่ะสิ ไอ้โง่นี่!

ก็อดดริกอยากจะตะโกนใส่หน้าเบเจอร์ออกไปแบบนั้นเหลือเกิน

“…ครับ ทราบแล้วครับ”

อดทนเพียงแค่เดือนเดียวเท่านั้น

ก็อดดริกคิดเช่นนั้นในขณะที่ข่มความโกรธเอาไว้

และเขาก็รายงานเกี่ยวกับผลการดำเนินกิจการธนาคารลอมบาร์เดียในช่วงครึ่งปีแรกต่ออีกพักใหญ่

ขั้นตอนที่ปกติแล้วไม่ได้ใช้เวลามากนัก กลับกินเวลายืดเยื้อไม่จบเสียที

เพราะเบเจอร์ไม่เพียงแต่ฟังรอบเดียวไม่เข้าใจจนเขาต้องอธิบายซ้ำอีกรอบ แต่ยังเรียกร้องในเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เพิ่มเติมอีกด้วย

“อ๊ะ แล้วก็อีกเรื่อง…”

“มีอะไรอีกล่ะ”

เบเจอร์หาววอด ถามออกไปด้วยความเหนื่อยล้า

“เมื่อวานทางเราพบเช็คปลอมครับ”

“ของปลอม?”

“ครับ พูดให้ชัดเจนก็คือ เช็คเงินฝากน่ะครับ”

ในเวลาที่บุคคลหรือกิจการต้องการชำระเงิน พวกเขามักจะใช้เช็คเงินฝากที่ได้รับล่วงหน้าจากธนาคารแทนเงินสดในการชำระเงิน

หลังจากนั้นคนที่ได้รับเช็คใบนั้นก็จะเดินทางมายังธนาคารลอมบาร์เดีย เพื่อรับยอดเงินจำนวนเท่ากับที่ระบุเอาไว้บนเช็ค

“แล้วจะปลอมกันทำไมล่ะนั่น”

“มันเหมือนมากจนตรวจสอบด้วยตาเปล่าไม่ได้เลยครับ ละเอียดมากกระทั่งกระดาษเองก็ยังเหมือนกันไม่มีผิด”

ก็อดดริกอธิบายให้ฟังอย่างใจเย็น

“ปกติถ้าเช็คเข้ามาที่ธนาคาร ทางเราก็ต้องมอบเงินให้ก่อน หลังจากนั้นจึงจัดการเก็บรวบรวมเช็คที่ได้รับในแต่ละสัปดาห์ แล้วถึงค่อยมาตรวจสอบกับบัญชีน่ะครับ ถ้ามันเหมือนกันมากขนาดนั้น คงจะจับเช็คปลอมแบบคาหนังคาเขาได้ยากครับ”

ในขณะที่พูดออกไป ก็อดดริกก็ยังสงสัยว่า เบเจอร์เข้าใจเรื่องทั้งหมดที่เขากำลังกล่าวอยู่บ้างหรือเปล่า

“อะแฮ่ม… แล้วเช็คปลอมที่ว่านั่นมีกี่ใบ”

“หนึ่งใบครับ”

“หา? หนึ่งใบ? แค่หนึ่งใบเนี่ยนะ! ข้านึกว่าจะมีสักสิบใบอะไรแบบนั้นเสียอีก!”

“ท่านเบเจอร์ นี่ไม่ใช่ปัญหาที่จะปล่อยผ่านไปได้ง่ายๆ นะครับถ้าหากทางนั้นทราบว่าเช็คปลอมที่ตัวเองทำขึ้นถูกปล่อยผ่านแล้วละก็…”

“โอ๊ย ช่างเถอะ!”

เบเจอร์โบกมือไล่ด้วยความรำคาญ เขาตัดประโยคของก็อดดริกทิ้ง

“ไว้มีเช็คปลอมเข้ามาสิบใบค่อยมาพูด!”

“…”

ก็อดดริกพูดอะไรไม่ออก

เขาอยากจะวิ่งไปยังห้องนอนของท่านเจ้าตระกูลมันเสียประเดี๋ยวนี้ แต่ก็ตัดสินใจอดทนไว้

เพราะเขาได้แต่โทษตัวเองที่รูลลักล้มหมดสติไปเช่นนั้น

ไม่ใช่แค่ก็อดดริกเท่านั้น

เหล่าเจ้าตระกูลที่อยู่ใต้บังคับบัญชาทุกคนต่างก็คิดเช่นเดียวกัน

เพราะพวกเขาไม่เก่งพอที่จะช่วยงานท่านเจ้าตระกูลให้ดีได้

ก็อดดริกเก็บคำพูดทั้งหลายแหล่ที่อยากจะพูดออกไปกลับลงคอ เขากล่าวลาเบเจอร์ ก่อนจะเดินออกไปจากห้องทำงาน

“ถ้ามีเวลาว่างมากจนมานั่งใส่ใจเรื่องเช็คใบเดียว ก็รีบๆ แก้ปัญหาเรื่องเงินกู้ให้มันไวๆ หน่อย!”

เบเจอร์ตะโกนไล่ตามหลังก็อดดริกออกไปเช่นนั้น

แกรก

ประตูถูกปิดลง เบเจอร์ที่เหลืออยู่ในห้องคนเดียวยังคงพร่ำบ่นต่อไปไม่หยุด

ในตอนนั้นเองพ่อบ้านโยฮันก็เดินเข้ามาเงียบๆ แล้วพูดขึ้น

“เช่นนั้นข้าจะไปเตรียมมื้อเย็นก่อน ขอตัวลงไปห้องอาหารนะครับ”

“หืม? อืมไปเถอะ”

โยฮันออกมาจากห้องทำงาน แต่เขาไม่ได้เดินมุ่งหน้าไปยังห้องอาหารแต่อย่างใด

เขาเดินมุ่งหน้าไปยังห้องนอนของเจ้าตระกูลอย่างไม่เร่งรีบ ด้วยจังหวะฝีเท้าเงียบเชียบสม่ำเสมอ

ก๊อก ก๊อก

“เข้ามาได้”

รูลลักตอบจากข้างในห้องนอน ราวกับรอการมาของโยฮันอยู่ก่อนแล้ว

รูลลักนั่งอ่านหนังสืออยู่บนเตียงเฉยๆ ไม่ทำอะไรตามที่เอสทีร่าสั่ง เขาเอ่ยต้อนรับโยฮัน

“เป็นยังไงบ้าง”

“ลำบากครับ”

“ฮ่าฮ่า เจ้าถึงกับพูดว่าลำบากได้เช่นนี้ แปลกเสียจริง”

รูลลักหัวเราะ

“เพราะฉะนั้นรีบฟื้นตัวให้หาย แล้วกลับมายังห้องทำงานเถอะครับ”

“ได้ ต้องทำเช่นนั้นอยู่แล้วละ”

บทสนทนาเรื่อยเปื่อยจบลงเพียงเท่านี้

รอยยิ้มเลือนหายไปจากใบหน้าของรูลลัก เขาถามพ่อบ้านโยฮัน

“แล้ววันนี้ทั้งวัน เบเจอร์ทำอะไร และตัดสินใจเรื่องอะไรไปบ้างล่ะ”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล 114.2

Now you are reading เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล Chapter 114.2 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เหล่าเจ้าตระกูลของตระกูลใต้บังคับบัญชาเป็นบุคคลที่งานรัดตัวเป็นอย่างมาก

แค่กิจการของลอมบาร์เดียที่พวกเขารับผิดชอบบริหารจัดการก็มีจำนวนมากแล้ว ไหนจะต้องดูแลงานของตระกูลตัวเองกันอีก

เพราะอย่างนั้นเจ้าตระกูลทั้งหลายจึงไม่เคยลงมือเคลื่อนไหวด้วยตัวเองกับเรื่องไร้สาระ

นอกจากการประชุมตามวาระที่จัดขึ้นเดือนละครั้งแล้ว พวกเขาจะมักส่งตัวแทนไป หรือไม่ก็ส่งเอกสารไปให้รูลลักอนุมัติเท่านั้น

อย่างไรก็ตามหลังจากผ่านมาหลายวัน เหล่าเจ้าตระกูลใต้บังคับบัญชาทั้งหลายต่างก็ตระหนักได้ว่า พวกเขาจะทำงานกับเบเจอร์ด้วยวิธีการเดิมๆ ไม่ได้เด็ดขาด

ไม่รู้ว่าอ่านเอกสารที่พวกเขารายงานส่งไปไม่รู้เรื่องหรืออย่างไร เอกสารอนุมัติที่ได้รับกลับมาจึงไม่มีตราประทับ แต่กลับเป็นคำพูดไร้สาระเขียนเอาไว้

บางครั้งยังสั่งงานใหม่อย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย แทนที่จะจัดการงานที่ได้เตรียมการกันมาตั้งนานแล้วอีกด้วย

ถึงแม้จะเป็นรักษาการเจ้าตระกูลแค่ระยะเวลาหนึ่งเดือน ในระหว่างที่เจ้าตระกูลพักรักษาตัว แต่เบเจอร์กลับทำตัวราวกับตัวเองกลายเป็นเจ้าตระกูลคนถัดไปเสียแล้ว

“ฮู่ว…”

คลังก์ เดวอนถอนหายใจในขณะที่เดินออกจากห้องทำงาน เขาสบตาเข้ากับก็อดดริก เบรย์ บุตรชายคนโตของตระกูลเบรย์ซึ่งยืนรออยู่หน้าประตูเหมือนตัวเขาเมื่อครู่

ชายคนนี้รับหน้าที่บริหารธนาคารลอมบาร์เดียแทนเจ้าตระกูลเบรย์ที่ชรามากแล้ว ดูเหมือนอีกฝ่ายก็ประเมินสถานการณ์ออกเช่นกัน ถึงได้วิ่งมารายงานเรื่องกิจการด้วยตัวเอง

“เป็นเช่นไรบ้างครับ”

“…รีบเข้าไปเถอะครับ เตรียมใจไว้หน่อยก็ดีนะครับ”

“นี่มัน…”

ก็อดดริกมองใบหน้าของคลังก์ เดวอน ที่ใต้ตาหมองคล้ำ เขาได้แต่พึมพำกับตัวเอง แล้วกระแอมไอสั้นๆ ก่อนจะเดินเข้าไปข้างในห้องทำงาน

เขาดันมีเรื่องด่วนต้องปรึกษาท่านเจ้าตระกูลพอดี แต่ในช่วงเวลาแบบนี้ เบเจอร์กลับกลายเป็นรักษาการตำแหน่งเจ้าตระกูลเสียได้

จังหวะไม่ดีเอาเสียเลย

พ่อบ้านโยฮันเดินเข้ามาทักเขาแทนเบเจอร์ที่ไม่แม้แต่จะทักทายกันด้วยซ้ำ

โยฮันได้รับคำสั่งจากรูลลักให้คอยช่วยเหลืองานของเบเจอร์

“รับชาอะไรดี…”

แต่ก่อนที่โยฮันจะได้ถามจบประโยค เบเจอร์ก็ถามก็อดดริกแทรกขึ้นมาอย่างไร้มารยาท

“เรื่องเงินกู้ที่ข้าช่วยแนะนำให้เมื่อคราวก่อน เป็นยังไงบ้าง”

เมื่อหลายสัปดาห์ก่อน เบเจอร์ได้เข้ามาเป็นคนกลาง แนะนำคนสนิทให้มากู้ยืมเงินธนาคารอยู่หลายราย

“อา เรื่องนั้น…”

“พวกเขาเชื่อมั่นในตัวข้า ถึงได้ตัดสินใจรับเงินกู้จากธนาคารลอมบาร์เดียแท้ๆ แต่กลับมีแต่คำพูดว่าอนุมัติล่าช้าอยู่เรื่อยเนี่ยนะ! ”

แต่ไหนแต่ไรก็ไม่มีธนาคารใดในอาณาจักรแลมบลู ที่ผู้คนให้ความไว้วางใจจนเข้ามาติดต่อทำการค้าด้วยได้เท่าธนาคารลอมบาร์เดียอยู่แล้ว

ดังนั้นต่อให้เบเจอร์ไม่ทำตัวเป็นคนกลางแนะนำลูกค้าเข้ามา ก็ยังมีผู้คนมากมายที่อยากจะขอกู้ยืมเงินจากธนาคารลอมบาร์เดีย ทั้งยังถือว่าเป็นโชคดีของพวกเขาเหล่านั้นด้วยซ้ำไป ถ้าหากกู้ได้สำเร็จ

และเงินกู้ยอดใหญ่ก็ย่อมเป็นที่แน่นอนอยู่แล้วว่าจะต้องผ่านขั้นตอนการตรวจสอบซึ่งใช้เวลาหลายเดือน

อีกอย่างผลลัพธ์ที่ก็อดดริกตรวจสอบมาได้ ในบรรดาคนเหล่านั้นยังมีอยู่หลายคนที่เครดิตไม่พอ ธุรกิจก็ไปแทบไม่รอด ไม่เหมาะสมเลยสักนิดที่จะได้รับเงินกู้จากทางธนาคาร

นี่ถือว่าเบเจอร์โยนพวกขยะน่าปวดหัวมาให้ธนาคารลอมบาร์เดียด้วยซ้ำไป

“…ข้ากำลังทำการตรวจสอบใบขอกู้เงินด้วยตัวเอง ดังนั้นอีกไม่นาน…”

“ข้าแนะนำเฉพาะคนที่ข้ารู้จักดี และยังเป็นพวกขยันขันแข็งทำงานไม่ใช่หรือไง! รีบๆ อนุมัติให้เสร็จสิ้น พวกเขาจะได้จ่ายดอกเบี้ยให้เร็วขึ้นสักเดือนยังไงล่ะ”

ทำแบบนั้นเงินที่ให้กู้คงได้ปลิวหายไป กลายเป็นหนี้สูญที่ไม่มีวันได้กลับคืนมาน่ะสิ ไอ้โง่นี่!

ก็อดดริกอยากจะตะโกนใส่หน้าเบเจอร์ออกไปแบบนั้นเหลือเกิน

“…ครับ ทราบแล้วครับ”

อดทนเพียงแค่เดือนเดียวเท่านั้น

ก็อดดริกคิดเช่นนั้นในขณะที่ข่มความโกรธเอาไว้

และเขาก็รายงานเกี่ยวกับผลการดำเนินกิจการธนาคารลอมบาร์เดียในช่วงครึ่งปีแรกต่ออีกพักใหญ่

ขั้นตอนที่ปกติแล้วไม่ได้ใช้เวลามากนัก กลับกินเวลายืดเยื้อไม่จบเสียที

เพราะเบเจอร์ไม่เพียงแต่ฟังรอบเดียวไม่เข้าใจจนเขาต้องอธิบายซ้ำอีกรอบ แต่ยังเรียกร้องในเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เพิ่มเติมอีกด้วย

“อ๊ะ แล้วก็อีกเรื่อง…”

“มีอะไรอีกล่ะ”

เบเจอร์หาววอด ถามออกไปด้วยความเหนื่อยล้า

“เมื่อวานทางเราพบเช็คปลอมครับ”

“ของปลอม?”

“ครับ พูดให้ชัดเจนก็คือ เช็คเงินฝากน่ะครับ”

ในเวลาที่บุคคลหรือกิจการต้องการชำระเงิน พวกเขามักจะใช้เช็คเงินฝากที่ได้รับล่วงหน้าจากธนาคารแทนเงินสดในการชำระเงิน

หลังจากนั้นคนที่ได้รับเช็คใบนั้นก็จะเดินทางมายังธนาคารลอมบาร์เดีย เพื่อรับยอดเงินจำนวนเท่ากับที่ระบุเอาไว้บนเช็ค

“แล้วจะปลอมกันทำไมล่ะนั่น”

“มันเหมือนมากจนตรวจสอบด้วยตาเปล่าไม่ได้เลยครับ ละเอียดมากกระทั่งกระดาษเองก็ยังเหมือนกันไม่มีผิด”

ก็อดดริกอธิบายให้ฟังอย่างใจเย็น

“ปกติถ้าเช็คเข้ามาที่ธนาคาร ทางเราก็ต้องมอบเงินให้ก่อน หลังจากนั้นจึงจัดการเก็บรวบรวมเช็คที่ได้รับในแต่ละสัปดาห์ แล้วถึงค่อยมาตรวจสอบกับบัญชีน่ะครับ ถ้ามันเหมือนกันมากขนาดนั้น คงจะจับเช็คปลอมแบบคาหนังคาเขาได้ยากครับ”

ในขณะที่พูดออกไป ก็อดดริกก็ยังสงสัยว่า เบเจอร์เข้าใจเรื่องทั้งหมดที่เขากำลังกล่าวอยู่บ้างหรือเปล่า

“อะแฮ่ม… แล้วเช็คปลอมที่ว่านั่นมีกี่ใบ”

“หนึ่งใบครับ”

“หา? หนึ่งใบ? แค่หนึ่งใบเนี่ยนะ! ข้านึกว่าจะมีสักสิบใบอะไรแบบนั้นเสียอีก!”

“ท่านเบเจอร์ นี่ไม่ใช่ปัญหาที่จะปล่อยผ่านไปได้ง่ายๆ นะครับถ้าหากทางนั้นทราบว่าเช็คปลอมที่ตัวเองทำขึ้นถูกปล่อยผ่านแล้วละก็…”

“โอ๊ย ช่างเถอะ!”

เบเจอร์โบกมือไล่ด้วยความรำคาญ เขาตัดประโยคของก็อดดริกทิ้ง

“ไว้มีเช็คปลอมเข้ามาสิบใบค่อยมาพูด!”

“…”

ก็อดดริกพูดอะไรไม่ออก

เขาอยากจะวิ่งไปยังห้องนอนของท่านเจ้าตระกูลมันเสียประเดี๋ยวนี้ แต่ก็ตัดสินใจอดทนไว้

เพราะเขาได้แต่โทษตัวเองที่รูลลักล้มหมดสติไปเช่นนั้น

ไม่ใช่แค่ก็อดดริกเท่านั้น

เหล่าเจ้าตระกูลที่อยู่ใต้บังคับบัญชาทุกคนต่างก็คิดเช่นเดียวกัน

เพราะพวกเขาไม่เก่งพอที่จะช่วยงานท่านเจ้าตระกูลให้ดีได้

ก็อดดริกเก็บคำพูดทั้งหลายแหล่ที่อยากจะพูดออกไปกลับลงคอ เขากล่าวลาเบเจอร์ ก่อนจะเดินออกไปจากห้องทำงาน

“ถ้ามีเวลาว่างมากจนมานั่งใส่ใจเรื่องเช็คใบเดียว ก็รีบๆ แก้ปัญหาเรื่องเงินกู้ให้มันไวๆ หน่อย!”

เบเจอร์ตะโกนไล่ตามหลังก็อดดริกออกไปเช่นนั้น

แกรก

ประตูถูกปิดลง เบเจอร์ที่เหลืออยู่ในห้องคนเดียวยังคงพร่ำบ่นต่อไปไม่หยุด

ในตอนนั้นเองพ่อบ้านโยฮันก็เดินเข้ามาเงียบๆ แล้วพูดขึ้น

“เช่นนั้นข้าจะไปเตรียมมื้อเย็นก่อน ขอตัวลงไปห้องอาหารนะครับ”

“หืม? อืมไปเถอะ”

โยฮันออกมาจากห้องทำงาน แต่เขาไม่ได้เดินมุ่งหน้าไปยังห้องอาหารแต่อย่างใด

เขาเดินมุ่งหน้าไปยังห้องนอนของเจ้าตระกูลอย่างไม่เร่งรีบ ด้วยจังหวะฝีเท้าเงียบเชียบสม่ำเสมอ

ก๊อก ก๊อก

“เข้ามาได้”

รูลลักตอบจากข้างในห้องนอน ราวกับรอการมาของโยฮันอยู่ก่อนแล้ว

รูลลักนั่งอ่านหนังสืออยู่บนเตียงเฉยๆ ไม่ทำอะไรตามที่เอสทีร่าสั่ง เขาเอ่ยต้อนรับโยฮัน

“เป็นยังไงบ้าง”

“ลำบากครับ”

“ฮ่าฮ่า เจ้าถึงกับพูดว่าลำบากได้เช่นนี้ แปลกเสียจริง”

รูลลักหัวเราะ

“เพราะฉะนั้นรีบฟื้นตัวให้หาย แล้วกลับมายังห้องทำงานเถอะครับ”

“ได้ ต้องทำเช่นนั้นอยู่แล้วละ”

บทสนทนาเรื่อยเปื่อยจบลงเพียงเท่านี้

รอยยิ้มเลือนหายไปจากใบหน้าของรูลลัก เขาถามพ่อบ้านโยฮัน

“แล้ววันนี้ทั้งวัน เบเจอร์ทำอะไร และตัดสินใจเรื่องอะไรไปบ้างล่ะ”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+