เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล 106.1

Now you are reading เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล Chapter 106.1 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ถ้าข้าเป็นคาวาเลียร์ จะไม่มีเรื่องให้เทียต้องลำบากใช่มั้ยครับ”

ตอนที่หัวหน้านางกำนัลอิมพีกร้ามาหาเขาที่วังโฟอิรัค แล้วยื่นข้อเสนอให้เขาเป็นคาวาเลียร์ นั่นคือคำถามแรกที่เฟเรสถามขึ้นมา

“เพคะ…?”

หัวหน้านางกำนัลอิมพีกร้าตื่นตระหนกไปครู่หนึ่ง นัยน์ตาเต็มไปด้วยริ้วรอยกะพริบปริบ

เพราะนางนึกไม่ถึงว่านั่นจะเป็นคำตอบที่ได้รับกลับมา หลังจากที่นางบอกออกไปว่า ‘มันเป็นโอกาสที่ดีที่จะมอบความประทับใจให้เหล่าชนชั้นสูงมากมาย โดยไม่ต้องเกรงใจจักรพรรดินีและเจ้าชายลำดับที่หนึ่งอีกต่อไป’

แต่เพียงครู่เดียวหัวหน้านางกำนัลอิมพีกร้าก็กลับมาสงบนิ่งเหมือนเดิม ก่อนจะถามเสียงเรียบ

“ขออภัยเพคะ เจ้าชาย หม่อมฉันไม่ค่อยเข้าใจที่เจ้าชายตรัสนัก รบกวนช่วยตรัสอีกครั้งได้มั้ยเพคะ”

“ตอนที่กลายมาเป็นเพื่อนเล่นกับข้า เทียเคยเกือบจะต้องลำบากเพราะตำแหน่งของข้าน่ะครับ”

เฟเรสตอบด้วยน้ำเสียงค่อนข้างเยือกเย็น

“ข้าทราบดีว่า การเป็นคาวาเลียร์ให้นางเป็นเรื่องที่ดีสำหรับข้า แต่หากทำให้เทียเสียหายเพราะความโลภของข้าอีกครั้ง ข้าก็จะไม่ทำมันเด็ดขาด”

หัวหน้านางกำนัลอิมพีกร้าเลือกคำพูดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเปิดปากพูด

“ทั้งสองท่านเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันมากจริงๆ เลยนะเพคะ”

“…”

เฟเรสไม่ตอบคำพูดนั้น

แต่โยนคำถามอื่นออกไปแทน

“ถ้าข้าได้รับเลือกเป็นคาวาเลียร์ ตำแหน่งหัวหน้านางกำนัลคงจะลำบากแท้ๆ แล้วเหตุใดถึงได้ให้โอกาสข้าล่ะครับ”

หัวหน้านางกำนัลผงะไปครู่หนึ่ง แต่เพียงไม่นานก็ถอนหายใจเสียงแผ่วพลางส่ายศีรษะ

“ดูเหมือนพวกข้ารับใช้จะพูดอะไรไร้สาระกับพระองค์สินะเพคะ”

“ข้าเพียงแค่ไม่มีอำนาจทางฝั่งมารดาเท่านั้น ไม่ใช่ว่าไม่มีตาไม่มีหูเสียหน่อยครับ”

“อืมม…”

ริ้วรอยของหัวหน้านางกำนัลอิมพีกร้าที่พึมพำเสียงต่ำกับตัวเองยิ่งดูลึกเด่นชัดขึ้น

“หม่อมฉันเป็นเพียงหญิงชราที่รู้จักเพียงแต่งานดูแลพระราชวังเท่านั้นก็จริง แต่เรื่องอย่างงานเลี้ยงเปิดตัวประจำราชวงศ์นั้น เป็นสิทธิ์ขาดของหม่อมฉันเพคะเจ้าชายไม่ต้องเป็นห่วงก็ได้เพคะ”

“แต่ว่า…”

เฟเรสมองหัวหน้านางกำนัลอิมพีกร้าด้วยนัยน์ตาสีแดงเข้มไม่บ่งบอกความรู้สึก

พระอาทิตย์นอกหน้าต่างเริ่มคล้อยต่ำลง มันยิ่งย้อมนัยน์ตาของเฟเรสให้ดูแดงสดขึ้น

ภาพที่เห็นทำให้อิมพีกร้าเผลอนึกถึงใครบางคนขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว

“เจ้าชายลำดับที่สองช่างเหมือนกับอดีตจักรพรรดิมากจริงๆ เพคะ”

“…ข้าเองก็เคยได้ยินคนบอกเช่นนั้นเหมือนกันครับ”

รูลลัก ลอมบาร์เดียเคยกล่าวเช่นนั้น

ว่าเฟเรสคล้ายกับอดีตจักรพรรดิมากกว่าจักรพรรดิโยบาเนสผู้เป็นบิดา

หัวหน้านางกำนัลอิมพีกร้ามองเฟเรสด้วยใบหน้าอาลัยเพียงครู่ ก่อนจะพูดขึ้น

“ในเมื่อเจ้าชายกับคุณหนูลอมบาร์เดียเองก็เป็นสหายกัน หากจะเป็นพาร์ตเนอร์ให้ในงานเปิดตัว หม่อมฉันคิดว่าก็คงจะไม่มีข่าวลือเสียหายอะไรหรอกเพคะ พระองค์คิดเห็นเช่นไรเพคะ”

เฟเรสลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงค่อยพยักหน้าลง

“ข้าจะเป็นคาวาเลียร์ครับ”

ในขณะที่กล่าวเช่นนั้น มุมปากของเฟเรสก็ยกยิ้มออกมาให้เห็นเป็นครั้งแรก

หัวหน้านางกำนัลอิมพีกร้าครุ่นคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อหลายวันก่อน นางวางปากกาลง แล้วปิดสมุดบันทึกงาน

ในตอนนั้นเองก็มีใครบางคนเคาะประตูห้องทำงานเสียงดัง

“องค์จักรพรรดินีเรียกหาค่ะ”

หนึ่งในนางกำนัลประจำวังจักรพรรดินี ช่วงหนึ่งเด็กสาวนางนี้เคยเป็นหนึ่งในนางกำนัลที่หัวหน้านางกำนัลอย่างนางให้ความเอ็นดู

“…ได้ ไปสิ”

หัวหน้านางกำนัลหยัดกายที่เมื่อยล้าลุกขึ้นยืน

ระยะทางจากห้องทำงานของนางที่วังจักรพรรดิแห่งนี้ไปจนถึงวังจักรพรรดินีหากจะให้นางเดินไปด้วยสภาพร่างกายในปัจจุบัน มันเป็นระยะทางที่ถือว่าลำบากพอควร

ทั้งๆ ที่รู้อย่างนั้น แต่ก็ยังไม่จัดเตรียมรถม้าไว้ให้นางล่วงหน้า เจตนาของนางกำนัลประจำวังจักรพรรดินีคืออะไร แค่นี้ก็เห็นได้ชัดอยู่แล้ว

หัวหน้านางกำนัลอิมพีกร้าพยายามไม่แสดงสีหน้าเหน็ดเหนื่อยออกมาให้เห็น แต่ก็ไม่อาจเก็บซ่อนหยาดเหงื่อเย็นเฉียบ และใบหน้าซีดเซียวยามเดินมาถึงวังจักรพรรดินีได้

“เชิญค่ะ หัวหน้านางกำนัลอิมพีกร้า”

ขนาดเห็นมือที่จับไม้เท้าสั่นเทา จักรพรรดินีก็ยังไม่เอ่ยปากอนุญาตให้นางได้นั่ง

“ข้าทราบดีว่ากำลังยุ่งจากการเตรียมงานราตรีเปิดตัว แต่พอดีมีเรื่องอยากแนะนำก็เลยเรียกหัวหน้านางกำนัลมาพบ”

“…เชิญตรัสได้เลยเพคะ”

“เปลี่ยนเจ้าชายลำดับที่สองให้เป็นคาวาเลียร์ของคุณหนูแคมโพเลียเถอะค่ะ”

หัวหน้านางกำนัลอิมพีกร้าใช้ผ้าเช็ดหน้าซับหยาดเหงื่อที่ไหลอาบแก้มเงียบๆ

จักรพรรดินีเป็นคนที่งดงามและมีความทะเยอทะยานเป็นอย่างยิ่ง

แต่ความทะเยอทะยานนั่นถูกเก็บงำซ่อนเอาไว้จนแทบจะมองไม่เห็น

“ไม่ได้หรอกเพคะ”

อิมพีกร้าส่ายหน้าหนักแน่น

เพราะภาพของเจ้าชายลำดับที่สองยามเรียกคุณหนูลอมบาร์เดียว่า ‘เทีย’ ทั้งยังปฏิบัติตัวด้วยความหวงแหนรักใคร่ ยังคงเด่นชัดอยู่ตรงหน้าของนางอยู่เลย

ถึงจะเป็นเพียงแค่ลางสังหรณ์ของนางฝ่ายเดียว แต่ถ้าหากไม่ได้เป็นคาวาเลียร์ของคุณหนูลอมบาร์เดียแล้วละก็ นางคิดว่างานเลี้ยงเปิดตัวก็คงจะกลายเป็นเรื่องไร้ความหมายสำหรับเจ้าชายลำดับที่สอง

“งานเลี้ยงเปิดตัวประจำราชวงศ์อยู่ภายใต้อำนาจการจัดการของพอนต้า อิมพีกร้าคนนี้…”

“ได้ยินว่าเมื่อไม่นานมานี้เป็นลมในห้องทำงานจนแพทย์ต้องมาพบใช่มั้ยคะ”

จักรพรรดินีหัวเราะเล็กน้อยยามกล่าวเช่นนั้น

“หากฝ่าบาททรงทราบเรื่องนั้น งานเปิดตัวปีนี้คงจะกลายเป็นงานเปิดตัวครั้งสุดท้ายของหัวหน้านางกำนัลกระมังคะ ถึงเป็นเช่นนั้นก็ไม่เป็นอะไรหรือคะ”

หัวหน้านางกำนัลอิมพีกร้าไม่ต่างอะไรไปจากย่าสำหรับองค์จักรพรรดิ

หากโยบาเนสทราบว่าสุขภาพของหัวหน้านางกำนัลคนนี้เริ่มย่ำแย่ลงเรื่อยๆ ไปทุกวัน พระองค์จะต้องมีรับสั่งให้เกษียณไปรักษาตัวในทันทีเป็นแน่

“หากเกษียณแล้ว ต่อไปก็คงไม่อาจใช้ชีวิตอยู่ในพระราชวังได้อีก…”

สำหรับหัวหน้านางกำนัลอิมพีกร้าแล้ว บ้านเพียงหลังเดียวของนางคือพระราชวังแห่งนี้

จักรพรรดินีย่อมทราบความรู้สึกของนางดี ถึงได้เฝ้ารอให้อีกฝ่ายยอมจำนนต่อตัวเองแต่โดยดีอย่างผ่อนคลาย

แต่คำพูดประโยคถัดมาของหัวหน้านางกำนัลกลับทำให้ใบหน้างดงามของจักรพรรดินีบิดเบี้ยวไม่น่ามอง

“ในเมื่อมันเป็นงานเลี้ยงเปิดตัวครั้งสุดท้ายของหม่อมฉัน ถ้าอย่างนั้นงานเปิดตัวปีนี้ก็คงต้องอุทิศกายใจให้มากกว่าเดิมแล้วละเพคะ เช่นนั้นหม่อมฉันขอตัวกลับไปจัดการงานต่อก่อนนะเพคะ”

“นี่ หัวหน้านางกำนัลอิมพีกร้า!”

จักรพรรดินีนึกว่าหัวหน้านางกำนัลจะยอมแพ้ง่ายกว่านี้ จึงลุกพรวดขึ้นจากที่นั่งตะโกนเสียงแหลม

แต่หัวหน้านางกำนัลอิมพีกร้ากลับมองจักรพรรดินีที่ทำท่าเช่นนั้นด้วยนัยน์ตาสมเพช แล้วพูดขึ้น

“เวรกรรมมันขึ้นอยู่กับการกระทำนะเพคะ องค์จักรพรรดินี โปรดจำใส่ใจเอาไว้ด้วยเพคะ”

“สามหาว…!”

จักรพรรดินีหวีดตะโกนเสียงแหลม แต่หัวหน้านางกำนัลอิมพีกร้ายังคงเดินต่อไป ไม่หยุดชะงักแม้แต่ก้าวเดียว

ถ้าหากงานเลี้ยงเปิดตัวครั้งนี้จะกลายเป็นงานเปิดตัวครั้งสุดท้ายของนาง เช่นนั้นก็ไม่มีอะไรให้ต้องกลัวอีกต่อไปแล้ว

* * *

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล 106.1

Now you are reading เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล Chapter 106.1 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ถ้าข้าเป็นคาวาเลียร์ จะไม่มีเรื่องให้เทียต้องลำบากใช่มั้ยครับ”

ตอนที่หัวหน้านางกำนัลอิมพีกร้ามาหาเขาที่วังโฟอิรัค แล้วยื่นข้อเสนอให้เขาเป็นคาวาเลียร์ นั่นคือคำถามแรกที่เฟเรสถามขึ้นมา

“เพคะ…?”

หัวหน้านางกำนัลอิมพีกร้าตื่นตระหนกไปครู่หนึ่ง นัยน์ตาเต็มไปด้วยริ้วรอยกะพริบปริบ

เพราะนางนึกไม่ถึงว่านั่นจะเป็นคำตอบที่ได้รับกลับมา หลังจากที่นางบอกออกไปว่า ‘มันเป็นโอกาสที่ดีที่จะมอบความประทับใจให้เหล่าชนชั้นสูงมากมาย โดยไม่ต้องเกรงใจจักรพรรดินีและเจ้าชายลำดับที่หนึ่งอีกต่อไป’

แต่เพียงครู่เดียวหัวหน้านางกำนัลอิมพีกร้าก็กลับมาสงบนิ่งเหมือนเดิม ก่อนจะถามเสียงเรียบ

“ขออภัยเพคะ เจ้าชาย หม่อมฉันไม่ค่อยเข้าใจที่เจ้าชายตรัสนัก รบกวนช่วยตรัสอีกครั้งได้มั้ยเพคะ”

“ตอนที่กลายมาเป็นเพื่อนเล่นกับข้า เทียเคยเกือบจะต้องลำบากเพราะตำแหน่งของข้าน่ะครับ”

เฟเรสตอบด้วยน้ำเสียงค่อนข้างเยือกเย็น

“ข้าทราบดีว่า การเป็นคาวาเลียร์ให้นางเป็นเรื่องที่ดีสำหรับข้า แต่หากทำให้เทียเสียหายเพราะความโลภของข้าอีกครั้ง ข้าก็จะไม่ทำมันเด็ดขาด”

หัวหน้านางกำนัลอิมพีกร้าเลือกคำพูดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเปิดปากพูด

“ทั้งสองท่านเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันมากจริงๆ เลยนะเพคะ”

“…”

เฟเรสไม่ตอบคำพูดนั้น

แต่โยนคำถามอื่นออกไปแทน

“ถ้าข้าได้รับเลือกเป็นคาวาเลียร์ ตำแหน่งหัวหน้านางกำนัลคงจะลำบากแท้ๆ แล้วเหตุใดถึงได้ให้โอกาสข้าล่ะครับ”

หัวหน้านางกำนัลผงะไปครู่หนึ่ง แต่เพียงไม่นานก็ถอนหายใจเสียงแผ่วพลางส่ายศีรษะ

“ดูเหมือนพวกข้ารับใช้จะพูดอะไรไร้สาระกับพระองค์สินะเพคะ”

“ข้าเพียงแค่ไม่มีอำนาจทางฝั่งมารดาเท่านั้น ไม่ใช่ว่าไม่มีตาไม่มีหูเสียหน่อยครับ”

“อืมม…”

ริ้วรอยของหัวหน้านางกำนัลอิมพีกร้าที่พึมพำเสียงต่ำกับตัวเองยิ่งดูลึกเด่นชัดขึ้น

“หม่อมฉันเป็นเพียงหญิงชราที่รู้จักเพียงแต่งานดูแลพระราชวังเท่านั้นก็จริง แต่เรื่องอย่างงานเลี้ยงเปิดตัวประจำราชวงศ์นั้น เป็นสิทธิ์ขาดของหม่อมฉันเพคะเจ้าชายไม่ต้องเป็นห่วงก็ได้เพคะ”

“แต่ว่า…”

เฟเรสมองหัวหน้านางกำนัลอิมพีกร้าด้วยนัยน์ตาสีแดงเข้มไม่บ่งบอกความรู้สึก

พระอาทิตย์นอกหน้าต่างเริ่มคล้อยต่ำลง มันยิ่งย้อมนัยน์ตาของเฟเรสให้ดูแดงสดขึ้น

ภาพที่เห็นทำให้อิมพีกร้าเผลอนึกถึงใครบางคนขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว

“เจ้าชายลำดับที่สองช่างเหมือนกับอดีตจักรพรรดิมากจริงๆ เพคะ”

“…ข้าเองก็เคยได้ยินคนบอกเช่นนั้นเหมือนกันครับ”

รูลลัก ลอมบาร์เดียเคยกล่าวเช่นนั้น

ว่าเฟเรสคล้ายกับอดีตจักรพรรดิมากกว่าจักรพรรดิโยบาเนสผู้เป็นบิดา

หัวหน้านางกำนัลอิมพีกร้ามองเฟเรสด้วยใบหน้าอาลัยเพียงครู่ ก่อนจะพูดขึ้น

“ในเมื่อเจ้าชายกับคุณหนูลอมบาร์เดียเองก็เป็นสหายกัน หากจะเป็นพาร์ตเนอร์ให้ในงานเปิดตัว หม่อมฉันคิดว่าก็คงจะไม่มีข่าวลือเสียหายอะไรหรอกเพคะ พระองค์คิดเห็นเช่นไรเพคะ”

เฟเรสลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงค่อยพยักหน้าลง

“ข้าจะเป็นคาวาเลียร์ครับ”

ในขณะที่กล่าวเช่นนั้น มุมปากของเฟเรสก็ยกยิ้มออกมาให้เห็นเป็นครั้งแรก

หัวหน้านางกำนัลอิมพีกร้าครุ่นคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อหลายวันก่อน นางวางปากกาลง แล้วปิดสมุดบันทึกงาน

ในตอนนั้นเองก็มีใครบางคนเคาะประตูห้องทำงานเสียงดัง

“องค์จักรพรรดินีเรียกหาค่ะ”

หนึ่งในนางกำนัลประจำวังจักรพรรดินี ช่วงหนึ่งเด็กสาวนางนี้เคยเป็นหนึ่งในนางกำนัลที่หัวหน้านางกำนัลอย่างนางให้ความเอ็นดู

“…ได้ ไปสิ”

หัวหน้านางกำนัลหยัดกายที่เมื่อยล้าลุกขึ้นยืน

ระยะทางจากห้องทำงานของนางที่วังจักรพรรดิแห่งนี้ไปจนถึงวังจักรพรรดินีหากจะให้นางเดินไปด้วยสภาพร่างกายในปัจจุบัน มันเป็นระยะทางที่ถือว่าลำบากพอควร

ทั้งๆ ที่รู้อย่างนั้น แต่ก็ยังไม่จัดเตรียมรถม้าไว้ให้นางล่วงหน้า เจตนาของนางกำนัลประจำวังจักรพรรดินีคืออะไร แค่นี้ก็เห็นได้ชัดอยู่แล้ว

หัวหน้านางกำนัลอิมพีกร้าพยายามไม่แสดงสีหน้าเหน็ดเหนื่อยออกมาให้เห็น แต่ก็ไม่อาจเก็บซ่อนหยาดเหงื่อเย็นเฉียบ และใบหน้าซีดเซียวยามเดินมาถึงวังจักรพรรดินีได้

“เชิญค่ะ หัวหน้านางกำนัลอิมพีกร้า”

ขนาดเห็นมือที่จับไม้เท้าสั่นเทา จักรพรรดินีก็ยังไม่เอ่ยปากอนุญาตให้นางได้นั่ง

“ข้าทราบดีว่ากำลังยุ่งจากการเตรียมงานราตรีเปิดตัว แต่พอดีมีเรื่องอยากแนะนำก็เลยเรียกหัวหน้านางกำนัลมาพบ”

“…เชิญตรัสได้เลยเพคะ”

“เปลี่ยนเจ้าชายลำดับที่สองให้เป็นคาวาเลียร์ของคุณหนูแคมโพเลียเถอะค่ะ”

หัวหน้านางกำนัลอิมพีกร้าใช้ผ้าเช็ดหน้าซับหยาดเหงื่อที่ไหลอาบแก้มเงียบๆ

จักรพรรดินีเป็นคนที่งดงามและมีความทะเยอทะยานเป็นอย่างยิ่ง

แต่ความทะเยอทะยานนั่นถูกเก็บงำซ่อนเอาไว้จนแทบจะมองไม่เห็น

“ไม่ได้หรอกเพคะ”

อิมพีกร้าส่ายหน้าหนักแน่น

เพราะภาพของเจ้าชายลำดับที่สองยามเรียกคุณหนูลอมบาร์เดียว่า ‘เทีย’ ทั้งยังปฏิบัติตัวด้วยความหวงแหนรักใคร่ ยังคงเด่นชัดอยู่ตรงหน้าของนางอยู่เลย

ถึงจะเป็นเพียงแค่ลางสังหรณ์ของนางฝ่ายเดียว แต่ถ้าหากไม่ได้เป็นคาวาเลียร์ของคุณหนูลอมบาร์เดียแล้วละก็ นางคิดว่างานเลี้ยงเปิดตัวก็คงจะกลายเป็นเรื่องไร้ความหมายสำหรับเจ้าชายลำดับที่สอง

“งานเลี้ยงเปิดตัวประจำราชวงศ์อยู่ภายใต้อำนาจการจัดการของพอนต้า อิมพีกร้าคนนี้…”

“ได้ยินว่าเมื่อไม่นานมานี้เป็นลมในห้องทำงานจนแพทย์ต้องมาพบใช่มั้ยคะ”

จักรพรรดินีหัวเราะเล็กน้อยยามกล่าวเช่นนั้น

“หากฝ่าบาททรงทราบเรื่องนั้น งานเปิดตัวปีนี้คงจะกลายเป็นงานเปิดตัวครั้งสุดท้ายของหัวหน้านางกำนัลกระมังคะ ถึงเป็นเช่นนั้นก็ไม่เป็นอะไรหรือคะ”

หัวหน้านางกำนัลอิมพีกร้าไม่ต่างอะไรไปจากย่าสำหรับองค์จักรพรรดิ

หากโยบาเนสทราบว่าสุขภาพของหัวหน้านางกำนัลคนนี้เริ่มย่ำแย่ลงเรื่อยๆ ไปทุกวัน พระองค์จะต้องมีรับสั่งให้เกษียณไปรักษาตัวในทันทีเป็นแน่

“หากเกษียณแล้ว ต่อไปก็คงไม่อาจใช้ชีวิตอยู่ในพระราชวังได้อีก…”

สำหรับหัวหน้านางกำนัลอิมพีกร้าแล้ว บ้านเพียงหลังเดียวของนางคือพระราชวังแห่งนี้

จักรพรรดินีย่อมทราบความรู้สึกของนางดี ถึงได้เฝ้ารอให้อีกฝ่ายยอมจำนนต่อตัวเองแต่โดยดีอย่างผ่อนคลาย

แต่คำพูดประโยคถัดมาของหัวหน้านางกำนัลกลับทำให้ใบหน้างดงามของจักรพรรดินีบิดเบี้ยวไม่น่ามอง

“ในเมื่อมันเป็นงานเลี้ยงเปิดตัวครั้งสุดท้ายของหม่อมฉัน ถ้าอย่างนั้นงานเปิดตัวปีนี้ก็คงต้องอุทิศกายใจให้มากกว่าเดิมแล้วละเพคะ เช่นนั้นหม่อมฉันขอตัวกลับไปจัดการงานต่อก่อนนะเพคะ”

“นี่ หัวหน้านางกำนัลอิมพีกร้า!”

จักรพรรดินีนึกว่าหัวหน้านางกำนัลจะยอมแพ้ง่ายกว่านี้ จึงลุกพรวดขึ้นจากที่นั่งตะโกนเสียงแหลม

แต่หัวหน้านางกำนัลอิมพีกร้ากลับมองจักรพรรดินีที่ทำท่าเช่นนั้นด้วยนัยน์ตาสมเพช แล้วพูดขึ้น

“เวรกรรมมันขึ้นอยู่กับการกระทำนะเพคะ องค์จักรพรรดินี โปรดจำใส่ใจเอาไว้ด้วยเพคะ”

“สามหาว…!”

จักรพรรดินีหวีดตะโกนเสียงแหลม แต่หัวหน้านางกำนัลอิมพีกร้ายังคงเดินต่อไป ไม่หยุดชะงักแม้แต่ก้าวเดียว

ถ้าหากงานเลี้ยงเปิดตัวครั้งนี้จะกลายเป็นงานเปิดตัวครั้งสุดท้ายของนาง เช่นนั้นก็ไม่มีอะไรให้ต้องกลัวอีกต่อไปแล้ว

* * *

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+