เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล 183.2

Now you are reading เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล Chapter 183.2 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เล่ม 5 บทที่ 183.2

ณ วังจักรพรรดินี

เครย์ลีบัน จักรพรรดินีราวีนี และเจ้าตระกูลอังเกนัสอย่างดิวอิจกำลังนั่งล้อมวงกันอยู่รอบโต๊ะ

“ประทับตราประจำตระกูลตรงนี้ก็เสร็จเรียบร้อยพ่ะย่ะค่ะ”

เครย์ลีบันพูดพลางชี้ไปยังมุมหนึ่งของกระดาษที่วางอยู่บนโต๊ะ

ที่ฟีเรนเทียพูดไว้เป็นความจริง

หลังจากส่งสารติดต่อไปยังร้านค้าเพลเลส งานก็ก้าวหน้าไปได้อย่างรวดเร็ว และวันนี้ก็เป็นวันลงนามในหนังสือสัญญาอย่างเป็นทางการ

หนี้สินที่ติดค้างลอมบาร์เดียหายไปหมดสิ้น ร้านค้าเพลเลสกลายเป็นผู้ถือพันธบัตรหุ้นกู้แทน

ดอกเบี้ยก็แทบไม่ต้องจ่าย แค่ใช้ที่ดินผืนเล็กเท่าปลายนิ้วในซอกหนึ่งของเขตตะวันตกเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันก็เพียงพอแล้ว

อีกอย่าง ชายที่มีนามว่าเครย์ลีบัน เพลเลส คนนี้ก็ต่างจากที่เคยได้ยินมามาก เป็นคนที่ถูกใจนางเสียจริง

แน่นอนว่ารูปร่างหน้าตาหล่อเหลาก็เป็นส่วนหนึ่ง แต่ท่าทางสุภาพมีมารยาทไม่เหมือนพวกพ่อค้าพวกนั้นเป็นจุดที่ทำให้เขาดูดียิ่งในสายตานาง

“ดูเหมือนที่ผ่านมาข้าจะเข้าใจเจ้าของร้านค้าเพลเลสผิดไปนะคะ”

จักรพรรดินีราวีนีแย้มยิ้มด้วยความพอใจ

นางนึกว่าร้านค้าเพลเลสจะจงรักภักดีอยู่ฝ่ายลอมบาร์เดียอย่างไร้เงื่อนไขเสียอีก

แต่พอได้อ่านหนังสือสัญญาที่อีกฝ่ายนำมาวันนี้แล้ว จักรพรรดินีราวีนีก็มั่นใจได้ทันที

ร้านค้าเพลเลสเองก็อยากจะทอดสะพานมาทางฝั่งอังเกนัสด้วยเช่นกัน

“เข้าใจผิดที่ว่า…”

“เห็นร้านค้าเพลเลสมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับลอมบาร์เดียเป็นอย่างมาก เลยเข้าใจว่าคงไม่อยากทำการค้ากับอังเกนัสน่ะค่ะ”

ราวีนีจงใจตอบกลับไปตรงๆ

จักรพรรดินีกล่าวถึงขนาดนี้แล้ว คนส่วนใหญ่ย่อมต้องตื่นตระหนกรีบหาข้อแก้ตัว

“แล้วก่อนหน้านี้ยังมีเรื่องไม้ทรีบ้าด้วย”

ทั้งยังตั้งใจขุดคุ้ยเรื่องในอดีตขึ้นมาพูด

“เรื่องนั้น…เป็นความจริงพ่ะย่ะค่ะ ที่ร้านค้าเพลเลสมาถึงจุดนี้ได้ก็เพราะได้รับความช่วยเหลือมากมายจากลอมบาร์เดีย แต่อย่างไรก็ไม่อาจปล่อยให้ลอมบาร์เดียเป็นผู้กุมบังเหียนต่อไปได้ตลอดอยู่แล้ว ส่วนเรื่องต้นทรีบ้าเองที่จริงแล้วก็ไม่ใช่ความตั้งใจจริงของกระหม่อมพ่ะย่ะค่ะ”

ว่าแล้วเชียว

คำพูดของเครย์ลีบันทำให้จักรพรรดินีลอบยิ้มในใจ

“อย่างไรเรื่องทั้งหมดนั่นก็ผ่านไปแล้ว ข้าไม่นำมาใส่ใจหรอกค่ะ”

“ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ องค์จักรพรรดินี”

ราวีนีพยักหน้าลง ก่อนจะหยิบตราประทับประจำตระกูลอังเกนัสขึ้นมาถือไว้

“เช่นนั้นก็ทำสัญญา…”

“อ๊ะ เดี๋ยวก่อน”

แต่จู่ๆ เครย์ลีบันกลับขวางจักรพรรดินีเอาไว้

“ท่านเจ้าตระกูลอังเกนัสต้องเป็นผู้ประทับตราพ่ะย่ะค่ะ”

ใบหน้าของจักรพรรดินีกระตุกเกร็งจนนิ่งขรึม

แต่เครย์ลีบันก็ไม่คิดที่จะถอยให้

“ขออภัยพ่ะย่ะค่ะ องค์จักรพรรดินี แต่ตราประทับจำเป็นต้องให้ผู้เป็นเจ้าตระกูลเป็นคนประทับตรา ถึงจะมีผลบังคับใช้”

“…หรือคะ”

จักรพรรดินีส่งตราประทับตระกูลอังเกนัสให้ดิวอิจด้วยสีหน้าเย็นชา

“เช่นนั้นเจ้าเป็นคนประทับก็แล้วกัน”

“อะแฮ่ม”

ดิวอิจ อังเกนัส รู้สึกกระอักกระอ่วนใจเล็กน้อย แต่ก็รับตราประทับมาถือไว้ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

“ประทับตรงนี้งั้นหรือ”

“ครับ ท่านเจ้าตระกูลอังเกนัส”

ดิวอิจประทับตราลงบนเอกสารย้ำๆ

พอเห็นว่าตราสัญลักษณ์ของตระกูลอังเกนัสเด่นชัดดูงดงามน่ามอง ก็แอบหัวเราะเล็กน้อยด้วยความพอใจ

“เรียบร้อยแล้วครับ”

เครย์ลีบันเก็บเอกสารสัญญาส่วนของตัวเองเอาไว้ ก่อนจะโค้งกายไปทางจักรพรรดินี แล้วกล่าวลา

“กระหม่อมจะรอวันที่จะได้พบพระองค์อีกครั้งพ่ะย่ะค่ะ องค์จักรพรรดินี”

แล้วหันไปพูดกับดิวอิจ อังเกนัส

“พอดีข้าเพิ่งเคยมาพระราชวังเป็นครั้งแรก หากไม่เป็นการรบกวนจะช่วยนำทางให้หน่อยได้มั้ยครับ”

คำไหว้วานของเครย์ลีบันทำให้ดิวอิจสะดุ้งตกใจเล็กน้อย แต่ก็พยักหน้าลงด้วยความยินดี

เพราะเขาเองก็ถูกใจเจ้าหนุ่มคนนี้มากเหมือนกัน

“ข้าเองก็กำลังจะกลับอยู่พอดี ไปด้วยกันเลยก็แล้วกัน”

ทั้งสองคนเดินไปตามโถงทางเดินโดยทิ้งจักรพรรดินีที่ยังคงมีสีหน้าเย็นชาเอาไว้ด้านหลัง

และในตอนที่เดินมาได้ถึงกลางทาง

จู่ๆ เครย์ลีบันก็หยิบเอาหนังสือสัญญาขึ้นมาดูครู่หนึ่ง แล้วสะดุ้งตกใจ

“นี่มัน!”

“ทำไม มีเรื่องอันใด”

“เป็นความสะเพร่าของข้าเองครับ ดันเขียนวันที่ในสัญญาผิดเสียได้ ตรงนี้น่ะครับ เขียนวันที่ผิดไปเป็นปีก่อน”

“ก็จริง แต่นั่นมันสำคัญด้วยหรือ”

“ครับ แบบนี้มันจะกลายเป็นสัญญาที่ไม่มีผลตามกฎหมายน่ะครับ ผู้รับมอบอำนาจอย่างข้าเองก็ไม่อาจแก้ไขวันที่เองได้…”

“ตายๆ …”

ดิวอิจ อังเกนัส เดาะลิ้นเสียงดังจิ๊จ๊ะในลำคอ ก่อนจะชี้กลับไปยังทิศที่พวกเขาเพิ่งเดินจากมา พลางเอ่ยพูดขึ้น

“ถ้าอย่างนั้นตอนนี้พวกเรารีบกลับไปแจ้งองค์จักรพรรดินี…”

“ไม่ครับ ไม่จำเป็นต้องทำถึงขนาดนั้นหรอกครับ”

เครย์ลีบันโบกมือปฏิเสธ

“ไม่ต้องไปทำให้องค์จักรพรรดินีรำคาญใจหรอกครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้ข้าเอาหนังสือสัญญาฉบับใหม่ไปพบที่คฤหาสน์อังเกนัสเองดีกว่า”

“ตะ…แต่ว่า”

ดิวอิจ อังเกนัส มีสีหน้าลำบากใจ

“จะทำสัญญาโดยไม่มีองค์จักรพรรดินีอยู่ด้วยมัน…”

แต่เครย์ลีบันกลับแค่ยักไหล่ไม่สนใจอะไร

“ความจริงแล้วจะมีหรือไม่มีองค์จักรพรรดินีก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญหรอกครับ”

“ไม่ใช่เรื่องสำคัญ?”

“วันนี้ก็แค่มาพระราชวังเพื่อที่จะรักษามารยาทเท่านั้นเอง คนที่ร้านค้าเพลเลสทำสัญญาด้วยคือตระกูลอังเกนัสต่างหาก ไม่ใช่องค์จักรพรรดินีเสียหน่อยนี่ครับ”

“เรื่องนั้น…”

ดิวอิจลากเสียงยาว แสร้งทำท่าเหมือนลำบากใจ ทั้งๆ ที่ในใจเขาพยักหน้าตกลงไปเรียบร้อยแล้ว

ใช่แล้ว

เจ้าตระกูลอังเกนัสไม่ใช่ท่านพี่ แต่เป็นเขาคนนี้

เครย์ลีบันพูดเสริมออกไปอีกประโยค

“ตามกฎมนเทียรบาลแล้ว องค์จักรพรรดินีไม่มีอำนาจใดๆ ในตระกูลอังเกนัสนี่ครับ”

ชั่วเสี้ยววินาที นัยน์ตาของดิวอิจ อังเกนัส ทอประกายวาววับขึ้นมา ถึงจะแค่ครู่เดียวจนแทบไม่มีใครสังเกตเห็นได้ทันก็เถอะ

เขาหัวเราะเสียงดัง พยักหน้าตกลง

“ใช่ ใช่ ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้ก็มาพบข้าที่คฤหาสน์แล้วกัน จะได้จัดการทำสัญญากันใหม่”

“ครับ ข้ารู้สึกผิดจริงๆ ที่ทำให้ท่านเจ้าตระกูลต้องยุ่งยากเพราะความผิดพลาดของข้า”

ทว่ามุมปากของเครย์ลีบันที่กล่าวเช่นนั้นพลางก้มหน้านิ่ง กลับแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มมีเลศนัย

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล 183.2

Now you are reading เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล Chapter 183.2 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เล่ม 5 บทที่ 183.2

ณ วังจักรพรรดินี

เครย์ลีบัน จักรพรรดินีราวีนี และเจ้าตระกูลอังเกนัสอย่างดิวอิจกำลังนั่งล้อมวงกันอยู่รอบโต๊ะ

“ประทับตราประจำตระกูลตรงนี้ก็เสร็จเรียบร้อยพ่ะย่ะค่ะ”

เครย์ลีบันพูดพลางชี้ไปยังมุมหนึ่งของกระดาษที่วางอยู่บนโต๊ะ

ที่ฟีเรนเทียพูดไว้เป็นความจริง

หลังจากส่งสารติดต่อไปยังร้านค้าเพลเลส งานก็ก้าวหน้าไปได้อย่างรวดเร็ว และวันนี้ก็เป็นวันลงนามในหนังสือสัญญาอย่างเป็นทางการ

หนี้สินที่ติดค้างลอมบาร์เดียหายไปหมดสิ้น ร้านค้าเพลเลสกลายเป็นผู้ถือพันธบัตรหุ้นกู้แทน

ดอกเบี้ยก็แทบไม่ต้องจ่าย แค่ใช้ที่ดินผืนเล็กเท่าปลายนิ้วในซอกหนึ่งของเขตตะวันตกเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันก็เพียงพอแล้ว

อีกอย่าง ชายที่มีนามว่าเครย์ลีบัน เพลเลส คนนี้ก็ต่างจากที่เคยได้ยินมามาก เป็นคนที่ถูกใจนางเสียจริง

แน่นอนว่ารูปร่างหน้าตาหล่อเหลาก็เป็นส่วนหนึ่ง แต่ท่าทางสุภาพมีมารยาทไม่เหมือนพวกพ่อค้าพวกนั้นเป็นจุดที่ทำให้เขาดูดียิ่งในสายตานาง

“ดูเหมือนที่ผ่านมาข้าจะเข้าใจเจ้าของร้านค้าเพลเลสผิดไปนะคะ”

จักรพรรดินีราวีนีแย้มยิ้มด้วยความพอใจ

นางนึกว่าร้านค้าเพลเลสจะจงรักภักดีอยู่ฝ่ายลอมบาร์เดียอย่างไร้เงื่อนไขเสียอีก

แต่พอได้อ่านหนังสือสัญญาที่อีกฝ่ายนำมาวันนี้แล้ว จักรพรรดินีราวีนีก็มั่นใจได้ทันที

ร้านค้าเพลเลสเองก็อยากจะทอดสะพานมาทางฝั่งอังเกนัสด้วยเช่นกัน

“เข้าใจผิดที่ว่า…”

“เห็นร้านค้าเพลเลสมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับลอมบาร์เดียเป็นอย่างมาก เลยเข้าใจว่าคงไม่อยากทำการค้ากับอังเกนัสน่ะค่ะ”

ราวีนีจงใจตอบกลับไปตรงๆ

จักรพรรดินีกล่าวถึงขนาดนี้แล้ว คนส่วนใหญ่ย่อมต้องตื่นตระหนกรีบหาข้อแก้ตัว

“แล้วก่อนหน้านี้ยังมีเรื่องไม้ทรีบ้าด้วย”

ทั้งยังตั้งใจขุดคุ้ยเรื่องในอดีตขึ้นมาพูด

“เรื่องนั้น…เป็นความจริงพ่ะย่ะค่ะ ที่ร้านค้าเพลเลสมาถึงจุดนี้ได้ก็เพราะได้รับความช่วยเหลือมากมายจากลอมบาร์เดีย แต่อย่างไรก็ไม่อาจปล่อยให้ลอมบาร์เดียเป็นผู้กุมบังเหียนต่อไปได้ตลอดอยู่แล้ว ส่วนเรื่องต้นทรีบ้าเองที่จริงแล้วก็ไม่ใช่ความตั้งใจจริงของกระหม่อมพ่ะย่ะค่ะ”

ว่าแล้วเชียว

คำพูดของเครย์ลีบันทำให้จักรพรรดินีลอบยิ้มในใจ

“อย่างไรเรื่องทั้งหมดนั่นก็ผ่านไปแล้ว ข้าไม่นำมาใส่ใจหรอกค่ะ”

“ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ องค์จักรพรรดินี”

ราวีนีพยักหน้าลง ก่อนจะหยิบตราประทับประจำตระกูลอังเกนัสขึ้นมาถือไว้

“เช่นนั้นก็ทำสัญญา…”

“อ๊ะ เดี๋ยวก่อน”

แต่จู่ๆ เครย์ลีบันกลับขวางจักรพรรดินีเอาไว้

“ท่านเจ้าตระกูลอังเกนัสต้องเป็นผู้ประทับตราพ่ะย่ะค่ะ”

ใบหน้าของจักรพรรดินีกระตุกเกร็งจนนิ่งขรึม

แต่เครย์ลีบันก็ไม่คิดที่จะถอยให้

“ขออภัยพ่ะย่ะค่ะ องค์จักรพรรดินี แต่ตราประทับจำเป็นต้องให้ผู้เป็นเจ้าตระกูลเป็นคนประทับตรา ถึงจะมีผลบังคับใช้”

“…หรือคะ”

จักรพรรดินีส่งตราประทับตระกูลอังเกนัสให้ดิวอิจด้วยสีหน้าเย็นชา

“เช่นนั้นเจ้าเป็นคนประทับก็แล้วกัน”

“อะแฮ่ม”

ดิวอิจ อังเกนัส รู้สึกกระอักกระอ่วนใจเล็กน้อย แต่ก็รับตราประทับมาถือไว้ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

“ประทับตรงนี้งั้นหรือ”

“ครับ ท่านเจ้าตระกูลอังเกนัส”

ดิวอิจประทับตราลงบนเอกสารย้ำๆ

พอเห็นว่าตราสัญลักษณ์ของตระกูลอังเกนัสเด่นชัดดูงดงามน่ามอง ก็แอบหัวเราะเล็กน้อยด้วยความพอใจ

“เรียบร้อยแล้วครับ”

เครย์ลีบันเก็บเอกสารสัญญาส่วนของตัวเองเอาไว้ ก่อนจะโค้งกายไปทางจักรพรรดินี แล้วกล่าวลา

“กระหม่อมจะรอวันที่จะได้พบพระองค์อีกครั้งพ่ะย่ะค่ะ องค์จักรพรรดินี”

แล้วหันไปพูดกับดิวอิจ อังเกนัส

“พอดีข้าเพิ่งเคยมาพระราชวังเป็นครั้งแรก หากไม่เป็นการรบกวนจะช่วยนำทางให้หน่อยได้มั้ยครับ”

คำไหว้วานของเครย์ลีบันทำให้ดิวอิจสะดุ้งตกใจเล็กน้อย แต่ก็พยักหน้าลงด้วยความยินดี

เพราะเขาเองก็ถูกใจเจ้าหนุ่มคนนี้มากเหมือนกัน

“ข้าเองก็กำลังจะกลับอยู่พอดี ไปด้วยกันเลยก็แล้วกัน”

ทั้งสองคนเดินไปตามโถงทางเดินโดยทิ้งจักรพรรดินีที่ยังคงมีสีหน้าเย็นชาเอาไว้ด้านหลัง

และในตอนที่เดินมาได้ถึงกลางทาง

จู่ๆ เครย์ลีบันก็หยิบเอาหนังสือสัญญาขึ้นมาดูครู่หนึ่ง แล้วสะดุ้งตกใจ

“นี่มัน!”

“ทำไม มีเรื่องอันใด”

“เป็นความสะเพร่าของข้าเองครับ ดันเขียนวันที่ในสัญญาผิดเสียได้ ตรงนี้น่ะครับ เขียนวันที่ผิดไปเป็นปีก่อน”

“ก็จริง แต่นั่นมันสำคัญด้วยหรือ”

“ครับ แบบนี้มันจะกลายเป็นสัญญาที่ไม่มีผลตามกฎหมายน่ะครับ ผู้รับมอบอำนาจอย่างข้าเองก็ไม่อาจแก้ไขวันที่เองได้…”

“ตายๆ …”

ดิวอิจ อังเกนัส เดาะลิ้นเสียงดังจิ๊จ๊ะในลำคอ ก่อนจะชี้กลับไปยังทิศที่พวกเขาเพิ่งเดินจากมา พลางเอ่ยพูดขึ้น

“ถ้าอย่างนั้นตอนนี้พวกเรารีบกลับไปแจ้งองค์จักรพรรดินี…”

“ไม่ครับ ไม่จำเป็นต้องทำถึงขนาดนั้นหรอกครับ”

เครย์ลีบันโบกมือปฏิเสธ

“ไม่ต้องไปทำให้องค์จักรพรรดินีรำคาญใจหรอกครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้ข้าเอาหนังสือสัญญาฉบับใหม่ไปพบที่คฤหาสน์อังเกนัสเองดีกว่า”

“ตะ…แต่ว่า”

ดิวอิจ อังเกนัส มีสีหน้าลำบากใจ

“จะทำสัญญาโดยไม่มีองค์จักรพรรดินีอยู่ด้วยมัน…”

แต่เครย์ลีบันกลับแค่ยักไหล่ไม่สนใจอะไร

“ความจริงแล้วจะมีหรือไม่มีองค์จักรพรรดินีก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญหรอกครับ”

“ไม่ใช่เรื่องสำคัญ?”

“วันนี้ก็แค่มาพระราชวังเพื่อที่จะรักษามารยาทเท่านั้นเอง คนที่ร้านค้าเพลเลสทำสัญญาด้วยคือตระกูลอังเกนัสต่างหาก ไม่ใช่องค์จักรพรรดินีเสียหน่อยนี่ครับ”

“เรื่องนั้น…”

ดิวอิจลากเสียงยาว แสร้งทำท่าเหมือนลำบากใจ ทั้งๆ ที่ในใจเขาพยักหน้าตกลงไปเรียบร้อยแล้ว

ใช่แล้ว

เจ้าตระกูลอังเกนัสไม่ใช่ท่านพี่ แต่เป็นเขาคนนี้

เครย์ลีบันพูดเสริมออกไปอีกประโยค

“ตามกฎมนเทียรบาลแล้ว องค์จักรพรรดินีไม่มีอำนาจใดๆ ในตระกูลอังเกนัสนี่ครับ”

ชั่วเสี้ยววินาที นัยน์ตาของดิวอิจ อังเกนัส ทอประกายวาววับขึ้นมา ถึงจะแค่ครู่เดียวจนแทบไม่มีใครสังเกตเห็นได้ทันก็เถอะ

เขาหัวเราะเสียงดัง พยักหน้าตกลง

“ใช่ ใช่ ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้ก็มาพบข้าที่คฤหาสน์แล้วกัน จะได้จัดการทำสัญญากันใหม่”

“ครับ ข้ารู้สึกผิดจริงๆ ที่ทำให้ท่านเจ้าตระกูลต้องยุ่งยากเพราะความผิดพลาดของข้า”

ทว่ามุมปากของเครย์ลีบันที่กล่าวเช่นนั้นพลางก้มหน้านิ่ง กลับแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มมีเลศนัย

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล 183.2

Now you are reading เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล Chapter 183.2 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เล่ม 5 บทที่ 183.2

ณ วังจักรพรรดินี

เครย์ลีบัน จักรพรรดินีราวีนี และเจ้าตระกูลอังเกนัสอย่างดิวอิจกำลังนั่งล้อมวงกันอยู่รอบโต๊ะ

“ประทับตราประจำตระกูลตรงนี้ก็เสร็จเรียบร้อยพ่ะย่ะค่ะ”

เครย์ลีบันพูดพลางชี้ไปยังมุมหนึ่งของกระดาษที่วางอยู่บนโต๊ะ

ที่ฟีเรนเทียพูดไว้เป็นความจริง

หลังจากส่งสารติดต่อไปยังร้านค้าเพลเลส งานก็ก้าวหน้าไปได้อย่างรวดเร็ว และวันนี้ก็เป็นวันลงนามในหนังสือสัญญาอย่างเป็นทางการ

หนี้สินที่ติดค้างลอมบาร์เดียหายไปหมดสิ้น ร้านค้าเพลเลสกลายเป็นผู้ถือพันธบัตรหุ้นกู้แทน

ดอกเบี้ยก็แทบไม่ต้องจ่าย แค่ใช้ที่ดินผืนเล็กเท่าปลายนิ้วในซอกหนึ่งของเขตตะวันตกเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันก็เพียงพอแล้ว

อีกอย่าง ชายที่มีนามว่าเครย์ลีบัน เพลเลส คนนี้ก็ต่างจากที่เคยได้ยินมามาก เป็นคนที่ถูกใจนางเสียจริง

แน่นอนว่ารูปร่างหน้าตาหล่อเหลาก็เป็นส่วนหนึ่ง แต่ท่าทางสุภาพมีมารยาทไม่เหมือนพวกพ่อค้าพวกนั้นเป็นจุดที่ทำให้เขาดูดียิ่งในสายตานาง

“ดูเหมือนที่ผ่านมาข้าจะเข้าใจเจ้าของร้านค้าเพลเลสผิดไปนะคะ”

จักรพรรดินีราวีนีแย้มยิ้มด้วยความพอใจ

นางนึกว่าร้านค้าเพลเลสจะจงรักภักดีอยู่ฝ่ายลอมบาร์เดียอย่างไร้เงื่อนไขเสียอีก

แต่พอได้อ่านหนังสือสัญญาที่อีกฝ่ายนำมาวันนี้แล้ว จักรพรรดินีราวีนีก็มั่นใจได้ทันที

ร้านค้าเพลเลสเองก็อยากจะทอดสะพานมาทางฝั่งอังเกนัสด้วยเช่นกัน

“เข้าใจผิดที่ว่า…”

“เห็นร้านค้าเพลเลสมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับลอมบาร์เดียเป็นอย่างมาก เลยเข้าใจว่าคงไม่อยากทำการค้ากับอังเกนัสน่ะค่ะ”

ราวีนีจงใจตอบกลับไปตรงๆ

จักรพรรดินีกล่าวถึงขนาดนี้แล้ว คนส่วนใหญ่ย่อมต้องตื่นตระหนกรีบหาข้อแก้ตัว

“แล้วก่อนหน้านี้ยังมีเรื่องไม้ทรีบ้าด้วย”

ทั้งยังตั้งใจขุดคุ้ยเรื่องในอดีตขึ้นมาพูด

“เรื่องนั้น…เป็นความจริงพ่ะย่ะค่ะ ที่ร้านค้าเพลเลสมาถึงจุดนี้ได้ก็เพราะได้รับความช่วยเหลือมากมายจากลอมบาร์เดีย แต่อย่างไรก็ไม่อาจปล่อยให้ลอมบาร์เดียเป็นผู้กุมบังเหียนต่อไปได้ตลอดอยู่แล้ว ส่วนเรื่องต้นทรีบ้าเองที่จริงแล้วก็ไม่ใช่ความตั้งใจจริงของกระหม่อมพ่ะย่ะค่ะ”

ว่าแล้วเชียว

คำพูดของเครย์ลีบันทำให้จักรพรรดินีลอบยิ้มในใจ

“อย่างไรเรื่องทั้งหมดนั่นก็ผ่านไปแล้ว ข้าไม่นำมาใส่ใจหรอกค่ะ”

“ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ องค์จักรพรรดินี”

ราวีนีพยักหน้าลง ก่อนจะหยิบตราประทับประจำตระกูลอังเกนัสขึ้นมาถือไว้

“เช่นนั้นก็ทำสัญญา…”

“อ๊ะ เดี๋ยวก่อน”

แต่จู่ๆ เครย์ลีบันกลับขวางจักรพรรดินีเอาไว้

“ท่านเจ้าตระกูลอังเกนัสต้องเป็นผู้ประทับตราพ่ะย่ะค่ะ”

ใบหน้าของจักรพรรดินีกระตุกเกร็งจนนิ่งขรึม

แต่เครย์ลีบันก็ไม่คิดที่จะถอยให้

“ขออภัยพ่ะย่ะค่ะ องค์จักรพรรดินี แต่ตราประทับจำเป็นต้องให้ผู้เป็นเจ้าตระกูลเป็นคนประทับตรา ถึงจะมีผลบังคับใช้”

“…หรือคะ”

จักรพรรดินีส่งตราประทับตระกูลอังเกนัสให้ดิวอิจด้วยสีหน้าเย็นชา

“เช่นนั้นเจ้าเป็นคนประทับก็แล้วกัน”

“อะแฮ่ม”

ดิวอิจ อังเกนัส รู้สึกกระอักกระอ่วนใจเล็กน้อย แต่ก็รับตราประทับมาถือไว้ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

“ประทับตรงนี้งั้นหรือ”

“ครับ ท่านเจ้าตระกูลอังเกนัส”

ดิวอิจประทับตราลงบนเอกสารย้ำๆ

พอเห็นว่าตราสัญลักษณ์ของตระกูลอังเกนัสเด่นชัดดูงดงามน่ามอง ก็แอบหัวเราะเล็กน้อยด้วยความพอใจ

“เรียบร้อยแล้วครับ”

เครย์ลีบันเก็บเอกสารสัญญาส่วนของตัวเองเอาไว้ ก่อนจะโค้งกายไปทางจักรพรรดินี แล้วกล่าวลา

“กระหม่อมจะรอวันที่จะได้พบพระองค์อีกครั้งพ่ะย่ะค่ะ องค์จักรพรรดินี”

แล้วหันไปพูดกับดิวอิจ อังเกนัส

“พอดีข้าเพิ่งเคยมาพระราชวังเป็นครั้งแรก หากไม่เป็นการรบกวนจะช่วยนำทางให้หน่อยได้มั้ยครับ”

คำไหว้วานของเครย์ลีบันทำให้ดิวอิจสะดุ้งตกใจเล็กน้อย แต่ก็พยักหน้าลงด้วยความยินดี

เพราะเขาเองก็ถูกใจเจ้าหนุ่มคนนี้มากเหมือนกัน

“ข้าเองก็กำลังจะกลับอยู่พอดี ไปด้วยกันเลยก็แล้วกัน”

ทั้งสองคนเดินไปตามโถงทางเดินโดยทิ้งจักรพรรดินีที่ยังคงมีสีหน้าเย็นชาเอาไว้ด้านหลัง

และในตอนที่เดินมาได้ถึงกลางทาง

จู่ๆ เครย์ลีบันก็หยิบเอาหนังสือสัญญาขึ้นมาดูครู่หนึ่ง แล้วสะดุ้งตกใจ

“นี่มัน!”

“ทำไม มีเรื่องอันใด”

“เป็นความสะเพร่าของข้าเองครับ ดันเขียนวันที่ในสัญญาผิดเสียได้ ตรงนี้น่ะครับ เขียนวันที่ผิดไปเป็นปีก่อน”

“ก็จริง แต่นั่นมันสำคัญด้วยหรือ”

“ครับ แบบนี้มันจะกลายเป็นสัญญาที่ไม่มีผลตามกฎหมายน่ะครับ ผู้รับมอบอำนาจอย่างข้าเองก็ไม่อาจแก้ไขวันที่เองได้…”

“ตายๆ …”

ดิวอิจ อังเกนัส เดาะลิ้นเสียงดังจิ๊จ๊ะในลำคอ ก่อนจะชี้กลับไปยังทิศที่พวกเขาเพิ่งเดินจากมา พลางเอ่ยพูดขึ้น

“ถ้าอย่างนั้นตอนนี้พวกเรารีบกลับไปแจ้งองค์จักรพรรดินี…”

“ไม่ครับ ไม่จำเป็นต้องทำถึงขนาดนั้นหรอกครับ”

เครย์ลีบันโบกมือปฏิเสธ

“ไม่ต้องไปทำให้องค์จักรพรรดินีรำคาญใจหรอกครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้ข้าเอาหนังสือสัญญาฉบับใหม่ไปพบที่คฤหาสน์อังเกนัสเองดีกว่า”

“ตะ…แต่ว่า”

ดิวอิจ อังเกนัส มีสีหน้าลำบากใจ

“จะทำสัญญาโดยไม่มีองค์จักรพรรดินีอยู่ด้วยมัน…”

แต่เครย์ลีบันกลับแค่ยักไหล่ไม่สนใจอะไร

“ความจริงแล้วจะมีหรือไม่มีองค์จักรพรรดินีก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญหรอกครับ”

“ไม่ใช่เรื่องสำคัญ?”

“วันนี้ก็แค่มาพระราชวังเพื่อที่จะรักษามารยาทเท่านั้นเอง คนที่ร้านค้าเพลเลสทำสัญญาด้วยคือตระกูลอังเกนัสต่างหาก ไม่ใช่องค์จักรพรรดินีเสียหน่อยนี่ครับ”

“เรื่องนั้น…”

ดิวอิจลากเสียงยาว แสร้งทำท่าเหมือนลำบากใจ ทั้งๆ ที่ในใจเขาพยักหน้าตกลงไปเรียบร้อยแล้ว

ใช่แล้ว

เจ้าตระกูลอังเกนัสไม่ใช่ท่านพี่ แต่เป็นเขาคนนี้

เครย์ลีบันพูดเสริมออกไปอีกประโยค

“ตามกฎมนเทียรบาลแล้ว องค์จักรพรรดินีไม่มีอำนาจใดๆ ในตระกูลอังเกนัสนี่ครับ”

ชั่วเสี้ยววินาที นัยน์ตาของดิวอิจ อังเกนัส ทอประกายวาววับขึ้นมา ถึงจะแค่ครู่เดียวจนแทบไม่มีใครสังเกตเห็นได้ทันก็เถอะ

เขาหัวเราะเสียงดัง พยักหน้าตกลง

“ใช่ ใช่ ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้ก็มาพบข้าที่คฤหาสน์แล้วกัน จะได้จัดการทำสัญญากันใหม่”

“ครับ ข้ารู้สึกผิดจริงๆ ที่ทำให้ท่านเจ้าตระกูลต้องยุ่งยากเพราะความผิดพลาดของข้า”

ทว่ามุมปากของเครย์ลีบันที่กล่าวเช่นนั้นพลางก้มหน้านิ่ง กลับแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มมีเลศนัย

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล 183.2

Now you are reading เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล Chapter 183.2 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เล่ม 5 บทที่ 183.2

ณ วังจักรพรรดินี

เครย์ลีบัน จักรพรรดินีราวีนี และเจ้าตระกูลอังเกนัสอย่างดิวอิจกำลังนั่งล้อมวงกันอยู่รอบโต๊ะ

“ประทับตราประจำตระกูลตรงนี้ก็เสร็จเรียบร้อยพ่ะย่ะค่ะ”

เครย์ลีบันพูดพลางชี้ไปยังมุมหนึ่งของกระดาษที่วางอยู่บนโต๊ะ

ที่ฟีเรนเทียพูดไว้เป็นความจริง

หลังจากส่งสารติดต่อไปยังร้านค้าเพลเลส งานก็ก้าวหน้าไปได้อย่างรวดเร็ว และวันนี้ก็เป็นวันลงนามในหนังสือสัญญาอย่างเป็นทางการ

หนี้สินที่ติดค้างลอมบาร์เดียหายไปหมดสิ้น ร้านค้าเพลเลสกลายเป็นผู้ถือพันธบัตรหุ้นกู้แทน

ดอกเบี้ยก็แทบไม่ต้องจ่าย แค่ใช้ที่ดินผืนเล็กเท่าปลายนิ้วในซอกหนึ่งของเขตตะวันตกเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันก็เพียงพอแล้ว

อีกอย่าง ชายที่มีนามว่าเครย์ลีบัน เพลเลส คนนี้ก็ต่างจากที่เคยได้ยินมามาก เป็นคนที่ถูกใจนางเสียจริง

แน่นอนว่ารูปร่างหน้าตาหล่อเหลาก็เป็นส่วนหนึ่ง แต่ท่าทางสุภาพมีมารยาทไม่เหมือนพวกพ่อค้าพวกนั้นเป็นจุดที่ทำให้เขาดูดียิ่งในสายตานาง

“ดูเหมือนที่ผ่านมาข้าจะเข้าใจเจ้าของร้านค้าเพลเลสผิดไปนะคะ”

จักรพรรดินีราวีนีแย้มยิ้มด้วยความพอใจ

นางนึกว่าร้านค้าเพลเลสจะจงรักภักดีอยู่ฝ่ายลอมบาร์เดียอย่างไร้เงื่อนไขเสียอีก

แต่พอได้อ่านหนังสือสัญญาที่อีกฝ่ายนำมาวันนี้แล้ว จักรพรรดินีราวีนีก็มั่นใจได้ทันที

ร้านค้าเพลเลสเองก็อยากจะทอดสะพานมาทางฝั่งอังเกนัสด้วยเช่นกัน

“เข้าใจผิดที่ว่า…”

“เห็นร้านค้าเพลเลสมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับลอมบาร์เดียเป็นอย่างมาก เลยเข้าใจว่าคงไม่อยากทำการค้ากับอังเกนัสน่ะค่ะ”

ราวีนีจงใจตอบกลับไปตรงๆ

จักรพรรดินีกล่าวถึงขนาดนี้แล้ว คนส่วนใหญ่ย่อมต้องตื่นตระหนกรีบหาข้อแก้ตัว

“แล้วก่อนหน้านี้ยังมีเรื่องไม้ทรีบ้าด้วย”

ทั้งยังตั้งใจขุดคุ้ยเรื่องในอดีตขึ้นมาพูด

“เรื่องนั้น…เป็นความจริงพ่ะย่ะค่ะ ที่ร้านค้าเพลเลสมาถึงจุดนี้ได้ก็เพราะได้รับความช่วยเหลือมากมายจากลอมบาร์เดีย แต่อย่างไรก็ไม่อาจปล่อยให้ลอมบาร์เดียเป็นผู้กุมบังเหียนต่อไปได้ตลอดอยู่แล้ว ส่วนเรื่องต้นทรีบ้าเองที่จริงแล้วก็ไม่ใช่ความตั้งใจจริงของกระหม่อมพ่ะย่ะค่ะ”

ว่าแล้วเชียว

คำพูดของเครย์ลีบันทำให้จักรพรรดินีลอบยิ้มในใจ

“อย่างไรเรื่องทั้งหมดนั่นก็ผ่านไปแล้ว ข้าไม่นำมาใส่ใจหรอกค่ะ”

“ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ องค์จักรพรรดินี”

ราวีนีพยักหน้าลง ก่อนจะหยิบตราประทับประจำตระกูลอังเกนัสขึ้นมาถือไว้

“เช่นนั้นก็ทำสัญญา…”

“อ๊ะ เดี๋ยวก่อน”

แต่จู่ๆ เครย์ลีบันกลับขวางจักรพรรดินีเอาไว้

“ท่านเจ้าตระกูลอังเกนัสต้องเป็นผู้ประทับตราพ่ะย่ะค่ะ”

ใบหน้าของจักรพรรดินีกระตุกเกร็งจนนิ่งขรึม

แต่เครย์ลีบันก็ไม่คิดที่จะถอยให้

“ขออภัยพ่ะย่ะค่ะ องค์จักรพรรดินี แต่ตราประทับจำเป็นต้องให้ผู้เป็นเจ้าตระกูลเป็นคนประทับตรา ถึงจะมีผลบังคับใช้”

“…หรือคะ”

จักรพรรดินีส่งตราประทับตระกูลอังเกนัสให้ดิวอิจด้วยสีหน้าเย็นชา

“เช่นนั้นเจ้าเป็นคนประทับก็แล้วกัน”

“อะแฮ่ม”

ดิวอิจ อังเกนัส รู้สึกกระอักกระอ่วนใจเล็กน้อย แต่ก็รับตราประทับมาถือไว้ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

“ประทับตรงนี้งั้นหรือ”

“ครับ ท่านเจ้าตระกูลอังเกนัส”

ดิวอิจประทับตราลงบนเอกสารย้ำๆ

พอเห็นว่าตราสัญลักษณ์ของตระกูลอังเกนัสเด่นชัดดูงดงามน่ามอง ก็แอบหัวเราะเล็กน้อยด้วยความพอใจ

“เรียบร้อยแล้วครับ”

เครย์ลีบันเก็บเอกสารสัญญาส่วนของตัวเองเอาไว้ ก่อนจะโค้งกายไปทางจักรพรรดินี แล้วกล่าวลา

“กระหม่อมจะรอวันที่จะได้พบพระองค์อีกครั้งพ่ะย่ะค่ะ องค์จักรพรรดินี”

แล้วหันไปพูดกับดิวอิจ อังเกนัส

“พอดีข้าเพิ่งเคยมาพระราชวังเป็นครั้งแรก หากไม่เป็นการรบกวนจะช่วยนำทางให้หน่อยได้มั้ยครับ”

คำไหว้วานของเครย์ลีบันทำให้ดิวอิจสะดุ้งตกใจเล็กน้อย แต่ก็พยักหน้าลงด้วยความยินดี

เพราะเขาเองก็ถูกใจเจ้าหนุ่มคนนี้มากเหมือนกัน

“ข้าเองก็กำลังจะกลับอยู่พอดี ไปด้วยกันเลยก็แล้วกัน”

ทั้งสองคนเดินไปตามโถงทางเดินโดยทิ้งจักรพรรดินีที่ยังคงมีสีหน้าเย็นชาเอาไว้ด้านหลัง

และในตอนที่เดินมาได้ถึงกลางทาง

จู่ๆ เครย์ลีบันก็หยิบเอาหนังสือสัญญาขึ้นมาดูครู่หนึ่ง แล้วสะดุ้งตกใจ

“นี่มัน!”

“ทำไม มีเรื่องอันใด”

“เป็นความสะเพร่าของข้าเองครับ ดันเขียนวันที่ในสัญญาผิดเสียได้ ตรงนี้น่ะครับ เขียนวันที่ผิดไปเป็นปีก่อน”

“ก็จริง แต่นั่นมันสำคัญด้วยหรือ”

“ครับ แบบนี้มันจะกลายเป็นสัญญาที่ไม่มีผลตามกฎหมายน่ะครับ ผู้รับมอบอำนาจอย่างข้าเองก็ไม่อาจแก้ไขวันที่เองได้…”

“ตายๆ …”

ดิวอิจ อังเกนัส เดาะลิ้นเสียงดังจิ๊จ๊ะในลำคอ ก่อนจะชี้กลับไปยังทิศที่พวกเขาเพิ่งเดินจากมา พลางเอ่ยพูดขึ้น

“ถ้าอย่างนั้นตอนนี้พวกเรารีบกลับไปแจ้งองค์จักรพรรดินี…”

“ไม่ครับ ไม่จำเป็นต้องทำถึงขนาดนั้นหรอกครับ”

เครย์ลีบันโบกมือปฏิเสธ

“ไม่ต้องไปทำให้องค์จักรพรรดินีรำคาญใจหรอกครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้ข้าเอาหนังสือสัญญาฉบับใหม่ไปพบที่คฤหาสน์อังเกนัสเองดีกว่า”

“ตะ…แต่ว่า”

ดิวอิจ อังเกนัส มีสีหน้าลำบากใจ

“จะทำสัญญาโดยไม่มีองค์จักรพรรดินีอยู่ด้วยมัน…”

แต่เครย์ลีบันกลับแค่ยักไหล่ไม่สนใจอะไร

“ความจริงแล้วจะมีหรือไม่มีองค์จักรพรรดินีก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญหรอกครับ”

“ไม่ใช่เรื่องสำคัญ?”

“วันนี้ก็แค่มาพระราชวังเพื่อที่จะรักษามารยาทเท่านั้นเอง คนที่ร้านค้าเพลเลสทำสัญญาด้วยคือตระกูลอังเกนัสต่างหาก ไม่ใช่องค์จักรพรรดินีเสียหน่อยนี่ครับ”

“เรื่องนั้น…”

ดิวอิจลากเสียงยาว แสร้งทำท่าเหมือนลำบากใจ ทั้งๆ ที่ในใจเขาพยักหน้าตกลงไปเรียบร้อยแล้ว

ใช่แล้ว

เจ้าตระกูลอังเกนัสไม่ใช่ท่านพี่ แต่เป็นเขาคนนี้

เครย์ลีบันพูดเสริมออกไปอีกประโยค

“ตามกฎมนเทียรบาลแล้ว องค์จักรพรรดินีไม่มีอำนาจใดๆ ในตระกูลอังเกนัสนี่ครับ”

ชั่วเสี้ยววินาที นัยน์ตาของดิวอิจ อังเกนัส ทอประกายวาววับขึ้นมา ถึงจะแค่ครู่เดียวจนแทบไม่มีใครสังเกตเห็นได้ทันก็เถอะ

เขาหัวเราะเสียงดัง พยักหน้าตกลง

“ใช่ ใช่ ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้ก็มาพบข้าที่คฤหาสน์แล้วกัน จะได้จัดการทำสัญญากันใหม่”

“ครับ ข้ารู้สึกผิดจริงๆ ที่ทำให้ท่านเจ้าตระกูลต้องยุ่งยากเพราะความผิดพลาดของข้า”

ทว่ามุมปากของเครย์ลีบันที่กล่าวเช่นนั้นพลางก้มหน้านิ่ง กลับแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มมีเลศนัย

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+