เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล 149.1

Now you are reading เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล Chapter 149.1 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 149

มือเธอนี่มัน!…บ้าไปแล้วเหรอ

ทำไมถึงได้อยากจะจับมือของเฟเรสเอาไว้ขนาดนั้นล่ะ

หัวใจของเธอ นี่ก็บ้าไปด้วยแล้วหรือไง

ทำไมถึงได้เต้นกระหน่ำขนาดนี้ล่ะเนี่ย!

แต่แล้วในตอนที่เธอกำลังจะสติแตก เพราะอวัยวะของร่างกายที่ดันทำงานไม่สัมพันธ์กับความคิดของตัวเอง

“เทีย” แค่เพียงเท่านั้นเอง

เฟเรสก็แค่เรียกชื่อเธอออกมา

ตึกตัก ตึกตัก

แต่นั่นกลับทำให้หัวใจของเธอยิ่งเต้นแรงผิดจังหวะ

และนัยน์ตาของเธอก็เอาแต่มองใบหน้าของเฟเรสอยู่เรื่อย

ไม่สิ พูดให้ถูกคือ จ้องมองริมฝีปากนั่นต่างหาก

ราวกับถูกแม่เหล็กดึงดูดเข้าหา เอาแต่เหม่อมองริมฝีปากของเขาอยู่อย่างนั้น

เฟเรสเองก็สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงเช่นนั้นของเธออย่างเห็นได้ชัด

สายตาของเขาที่จับจ้องมาที่สายตาของเธอมันร้อนรุ่มราวกับไฟ

เธอได้แต่ยืนนิ่งไม่อาจขยับเขยื้อนกายได้ราวกับถูกสายตาของเขาสะกดเอาไว้

ฟึบ

ปลายนิ้วของเด็กหนุ่มฉวยจังหวะที่เธอไม่ทันได้ตั้งตัว แทรกเข้ามาในเรือนผมของเธอส่วนมืออีกข้างประสานกอบกุมมือของเธอเอาไว้

“…หึ”

ครั้งนี้เองก็เหมือนกัน

เพียงแค่ใกล้ชิดกันเกินไปหน่อยแค่นั้นแท้ๆ แต่เธอกลับไม่อาจผลักไสเขาออกไปได้

“เกินไปแล้ว…”

หล่อเกินไปแล้วไม่ใช่หรือไง

ใช่แล้ว ทั้งหมดนี่ก็เป็นเพราะรูปร่างหน้าตาหล่อเหลาของเฟเรสนั่นแหละ

เธอหลับตาทั้งสองข้างแน่นก่อนอื่นคงต้องไม่เห็นหน้าเฟเรส สติของเธอถึงจะกลับมาเป็นปกติได้ละมั้ง

“ฟะ เฟเรส”

“…อื้อ?”

เธอผิดไปแล้วสินะพอหลับตาลง กลับกลายเป็นยิ่งทำให้เสียงของเฟเรสเด่นชัดขึ้นจนขนลุกชัน

เธอลืมตาขึ้น พยายามรวบรวมสติของตัวเองที่คราวนี้หล่นลงไปกองอยู่กับพื้นจนไม่เหลือแล้วจริงๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า

“พวกเราทำแบบนี้ไม่ได้นะ”

“แบบนี้คืออะไรเหรอ”

“อ๊า ก็รู้ไม่ใช่เหรอ!แบบนี้น่ะ!”

เธอยกมือที่ยังคงจับประสานกันเอาไว้ขึ้นมา ก่อนจะตะโกนเสียงดัง

“เจ้ามีคนที่คบหากันอยู่ไม่ใช่หรือไง! ขะ ข้าไม่ได้มีนิสัยแย่ขนาดจะแย่งผู้ชายที่มีเจ้าของแล้วหรอกนะ!”

นะ นะ นะ…

เสียงตะโกนของเธอดังก้องสะท้อนไปทั่วโถงทางเดิน

เฟเรสก้มหน้ามองเธอ คิ้วเข้มขมวดลงเล็กน้อย

“…คนที่คบหา?”

เสียงทุ้มต่ำดูจะแฝงไว้ด้วยความไม่พอใจอะไรบางอย่าง

เฟเรสครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยถามเธอ

“…เจ้า?”

“ไม่สิ ไม่ใช่ข้า!คะ คนนั้น…”

เฟเรสไม่รู้ว่าเธอรู้เรื่องราโมนา

ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอรู้กระทั่งเรื่องที่เฟเรสเกี่ยวข้องกับกลุ่มการค้าโมนัคตั้งแต่แรก

ถ้าหากเฟเรสเกิดถามเธอขึ้นมาตรงนี้ว่า ‘เจ้ารู้เรื่องราโมนาได้ยังไง’ แล้วเธอจะตอบออกไปอย่างไรดีล่ะ

จะตอบไปว่า ‘อันที่จริงไวโอเล็ตที่แข่งกันแย่งชิงต้นทรีบ้ากับราโมนาอย่างดุเดือด เป็นคนของข้าเองแหละ’ หรือจะตอบว่า ‘อันที่จริงข้าเดินทางย้อนเวลามาจากอนาคตที่เจ้ากับราโมนาเป็นคู่รักแห่งอาณาจักรไง’

สุดท้ายเธอก็ได้แต่ถามคำถามออกไปแทน

“ผะ ผู้หญิงที่พบกันที่อะคาเดมี?”

“ไม่มีหรอก เรื่องแบบนั้น” เฟเรสตอบทันที

“แต่ก็มีเพื่อนร่วมคลาสผู้หญิงที่พบกันที่อะคาเดมีอยู่เหมือนกัน”

มือที่ประสานกันบีบแรงขึ้นเล็กน้อยด้วยความลุ้นระทึก

“ไม่มี…?”

“ไม่มี” เฟเรสยืนกรานหนักแน่น

ดูจากท่าทางแล้วเหมือนว่าเขาจะไม่ได้โกหกจริงๆ

ไม่สิ เดิมทีเฟเรสก็ไม่เคยโกหกเธออยู่แล้ว

จู่ๆ ความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมาเหนือความเชื่อใจ เธอจึงเงยหน้าขึ้นมองเขา

ถ้างั้นหรือว่าความสัมพันธ์ยังไปไม่ถึงขั้นนั้น

ขณะเดียวกันก็รู้สึกได้ถึงความโล่งอกที่ช่วยให้ใจรู้สึกปลอดโปร่ง

ในตอนนั้นเอง ใครบางคนก็เอ่ยเรียกพวกเราจากอีกฟากของโถงทางเดิน

“เจ้าชายท่านฟีเรนเทีย”

อาบีน็อกซ์ส่งยิ้มสดใสเบิกบานทั่วใบหน้า

“ไม่เข้าไปข้างใน ทำอะไรกันอยู่หรือครับ”

เธอหมุนตัวหันไปทางฝั่งที่อาบีน็อกซ์กำลังเดินมา สะบัดมือที่จับมือของเฟเรสเอาไว้ทิ้งอย่างรวดเร็ว

รู้สึกได้ถึงสายตาของเฟเรสที่ยังคงมองเธอจากด้านข้าง

“พอดีหยุดคุยกันครู่หนึ่งก่อนจะเข้าไปข้างในค่ะ คุณอาบีน็อกซ์”

“อย่างนั้นหรือครับ เช่นนั้นถ้าสนทนาจบแล้ว เข้าไปข้างในพร้อมกันเลยดีมั้ยครับ”

“เอาอย่างนั้นหรือคะ”

เธอสะกิดแขนเฟเรส ส่งสายตาให้เขาเป็นนัยๆ บอกให้เข้าไปข้างในกันได้แล้ว

“…อืม”

เธอเดินเข้าไปในงานเลี้ยงมื้อเย็นโดยมีเฟเรสเดินตามมาทางด้านซ้าย ส่วนด้านขวาถูกประกบด้วยอาบีน็อกซ์

แต่ในหัวสมองของเธอตอนนี้กลับเต็มไปด้วยความคิดเพียงเรื่องเดียว

ทำไมเธอถึงได้รู้สึกโล่งใจกันนะ

* * *

งานเลี้ยงมื้อเย็นจบลงในเวลาอันแสนสั้น

วันนี้เจ้าตระกูลไอบันก็ยังคงไม่มาร่วมโต๊ะเหมือนเคย บุตรชายอย่างมิเคนเต้จึงคอยดูแลพวกเราแทน

แต่หลังจากรับประทานอาหารกันเสร็จแล้ว มิเคนเต้ ไอบันเองก็ไม่ได้รั้งรออยู่ร่วมโต๊ะนานนัก

เขาสนทนาเรื่องอะไรบางอย่างกับเฟเรสในมุมหนึ่งเพียงครู่เดียว หลังจากนั้นก็กล่าวลาบอกให้พวกเรา ‘พักผ่อนกันตามสบาย’ แล้วก็ปลีกตัวไปจากงานเลี้ยงทันที

“ถ้าอย่างนั้นข้าขอตัวก่อน…”

เธอเองก็รู้สึกเหนื่อยมาก เพราะเอาแต่กระวนกระวายใจเรื่องของเฟเรสอยู่เรื่อย

เธอวางผ้าเช็ดปากลงบนโต๊ะ เปิดปากพูดขึ้นด้วยตั้งใจจะปลีกตัวลุกออกไปจากโต๊ะ

หมับ

ใครบางคนจับมือของเธอที่ยังไม่ทันได้วางผ้าเช็ดปากลง

“…ท่านอาบีน็อกซ์?”

“ท่านฟีเรนเทีย…”

ใครเอาเหล้าให้เด็กนี่ล่ะเนี่ยอาบีน็อกซ์เมาจนตาเยิ้ม ใบหน้าขึ้นสีแดงก่ำด้วยฤทธิ์เหล้าและซ้ำร้ายไปกว่านั้น

“…ฮึก”

ใครกัน! ใครมันกล้าเอาเหล้าให้เด็กนี่ดื่ม!

นัยน์ตาของอาบีน็อกซ์เอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำตาและค่อยๆ ไหลหล่นลงมา เขากำลังร้องไห้สะอึกสะอื้น

แตกต่างจากปกติที่มักจะมีภาพลักษณ์สดใสดั่งดวงอาทิตย์อย่างสุดขั้ว

แบบนี้มีแต่จะยิ่งน่ารำคาญใจไม่ใช่หรือไงกัน

ไอ้ท่าทางร้องห่มร้องไห้เป็นลูกหมาหงอยนี่ ดูยังไงก็เป็นเสียงร้องคร่ำครวญอยากได้คนให้คำปรึกษาชัดๆ !

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล 149.1

Now you are reading เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล Chapter 149.1 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 149

มือเธอนี่มัน!…บ้าไปแล้วเหรอ

ทำไมถึงได้อยากจะจับมือของเฟเรสเอาไว้ขนาดนั้นล่ะ

หัวใจของเธอ นี่ก็บ้าไปด้วยแล้วหรือไง

ทำไมถึงได้เต้นกระหน่ำขนาดนี้ล่ะเนี่ย!

แต่แล้วในตอนที่เธอกำลังจะสติแตก เพราะอวัยวะของร่างกายที่ดันทำงานไม่สัมพันธ์กับความคิดของตัวเอง

“เทีย” แค่เพียงเท่านั้นเอง

เฟเรสก็แค่เรียกชื่อเธอออกมา

ตึกตัก ตึกตัก

แต่นั่นกลับทำให้หัวใจของเธอยิ่งเต้นแรงผิดจังหวะ

และนัยน์ตาของเธอก็เอาแต่มองใบหน้าของเฟเรสอยู่เรื่อย

ไม่สิ พูดให้ถูกคือ จ้องมองริมฝีปากนั่นต่างหาก

ราวกับถูกแม่เหล็กดึงดูดเข้าหา เอาแต่เหม่อมองริมฝีปากของเขาอยู่อย่างนั้น

เฟเรสเองก็สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงเช่นนั้นของเธออย่างเห็นได้ชัด

สายตาของเขาที่จับจ้องมาที่สายตาของเธอมันร้อนรุ่มราวกับไฟ

เธอได้แต่ยืนนิ่งไม่อาจขยับเขยื้อนกายได้ราวกับถูกสายตาของเขาสะกดเอาไว้

ฟึบ

ปลายนิ้วของเด็กหนุ่มฉวยจังหวะที่เธอไม่ทันได้ตั้งตัว แทรกเข้ามาในเรือนผมของเธอส่วนมืออีกข้างประสานกอบกุมมือของเธอเอาไว้

“…หึ”

ครั้งนี้เองก็เหมือนกัน

เพียงแค่ใกล้ชิดกันเกินไปหน่อยแค่นั้นแท้ๆ แต่เธอกลับไม่อาจผลักไสเขาออกไปได้

“เกินไปแล้ว…”

หล่อเกินไปแล้วไม่ใช่หรือไง

ใช่แล้ว ทั้งหมดนี่ก็เป็นเพราะรูปร่างหน้าตาหล่อเหลาของเฟเรสนั่นแหละ

เธอหลับตาทั้งสองข้างแน่นก่อนอื่นคงต้องไม่เห็นหน้าเฟเรส สติของเธอถึงจะกลับมาเป็นปกติได้ละมั้ง

“ฟะ เฟเรส”

“…อื้อ?”

เธอผิดไปแล้วสินะพอหลับตาลง กลับกลายเป็นยิ่งทำให้เสียงของเฟเรสเด่นชัดขึ้นจนขนลุกชัน

เธอลืมตาขึ้น พยายามรวบรวมสติของตัวเองที่คราวนี้หล่นลงไปกองอยู่กับพื้นจนไม่เหลือแล้วจริงๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า

“พวกเราทำแบบนี้ไม่ได้นะ”

“แบบนี้คืออะไรเหรอ”

“อ๊า ก็รู้ไม่ใช่เหรอ!แบบนี้น่ะ!”

เธอยกมือที่ยังคงจับประสานกันเอาไว้ขึ้นมา ก่อนจะตะโกนเสียงดัง

“เจ้ามีคนที่คบหากันอยู่ไม่ใช่หรือไง! ขะ ข้าไม่ได้มีนิสัยแย่ขนาดจะแย่งผู้ชายที่มีเจ้าของแล้วหรอกนะ!”

นะ นะ นะ…

เสียงตะโกนของเธอดังก้องสะท้อนไปทั่วโถงทางเดิน

เฟเรสก้มหน้ามองเธอ คิ้วเข้มขมวดลงเล็กน้อย

“…คนที่คบหา?”

เสียงทุ้มต่ำดูจะแฝงไว้ด้วยความไม่พอใจอะไรบางอย่าง

เฟเรสครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยถามเธอ

“…เจ้า?”

“ไม่สิ ไม่ใช่ข้า!คะ คนนั้น…”

เฟเรสไม่รู้ว่าเธอรู้เรื่องราโมนา

ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอรู้กระทั่งเรื่องที่เฟเรสเกี่ยวข้องกับกลุ่มการค้าโมนัคตั้งแต่แรก

ถ้าหากเฟเรสเกิดถามเธอขึ้นมาตรงนี้ว่า ‘เจ้ารู้เรื่องราโมนาได้ยังไง’ แล้วเธอจะตอบออกไปอย่างไรดีล่ะ

จะตอบไปว่า ‘อันที่จริงไวโอเล็ตที่แข่งกันแย่งชิงต้นทรีบ้ากับราโมนาอย่างดุเดือด เป็นคนของข้าเองแหละ’ หรือจะตอบว่า ‘อันที่จริงข้าเดินทางย้อนเวลามาจากอนาคตที่เจ้ากับราโมนาเป็นคู่รักแห่งอาณาจักรไง’

สุดท้ายเธอก็ได้แต่ถามคำถามออกไปแทน

“ผะ ผู้หญิงที่พบกันที่อะคาเดมี?”

“ไม่มีหรอก เรื่องแบบนั้น” เฟเรสตอบทันที

“แต่ก็มีเพื่อนร่วมคลาสผู้หญิงที่พบกันที่อะคาเดมีอยู่เหมือนกัน”

มือที่ประสานกันบีบแรงขึ้นเล็กน้อยด้วยความลุ้นระทึก

“ไม่มี…?”

“ไม่มี” เฟเรสยืนกรานหนักแน่น

ดูจากท่าทางแล้วเหมือนว่าเขาจะไม่ได้โกหกจริงๆ

ไม่สิ เดิมทีเฟเรสก็ไม่เคยโกหกเธออยู่แล้ว

จู่ๆ ความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมาเหนือความเชื่อใจ เธอจึงเงยหน้าขึ้นมองเขา

ถ้างั้นหรือว่าความสัมพันธ์ยังไปไม่ถึงขั้นนั้น

ขณะเดียวกันก็รู้สึกได้ถึงความโล่งอกที่ช่วยให้ใจรู้สึกปลอดโปร่ง

ในตอนนั้นเอง ใครบางคนก็เอ่ยเรียกพวกเราจากอีกฟากของโถงทางเดิน

“เจ้าชายท่านฟีเรนเทีย”

อาบีน็อกซ์ส่งยิ้มสดใสเบิกบานทั่วใบหน้า

“ไม่เข้าไปข้างใน ทำอะไรกันอยู่หรือครับ”

เธอหมุนตัวหันไปทางฝั่งที่อาบีน็อกซ์กำลังเดินมา สะบัดมือที่จับมือของเฟเรสเอาไว้ทิ้งอย่างรวดเร็ว

รู้สึกได้ถึงสายตาของเฟเรสที่ยังคงมองเธอจากด้านข้าง

“พอดีหยุดคุยกันครู่หนึ่งก่อนจะเข้าไปข้างในค่ะ คุณอาบีน็อกซ์”

“อย่างนั้นหรือครับ เช่นนั้นถ้าสนทนาจบแล้ว เข้าไปข้างในพร้อมกันเลยดีมั้ยครับ”

“เอาอย่างนั้นหรือคะ”

เธอสะกิดแขนเฟเรส ส่งสายตาให้เขาเป็นนัยๆ บอกให้เข้าไปข้างในกันได้แล้ว

“…อืม”

เธอเดินเข้าไปในงานเลี้ยงมื้อเย็นโดยมีเฟเรสเดินตามมาทางด้านซ้าย ส่วนด้านขวาถูกประกบด้วยอาบีน็อกซ์

แต่ในหัวสมองของเธอตอนนี้กลับเต็มไปด้วยความคิดเพียงเรื่องเดียว

ทำไมเธอถึงได้รู้สึกโล่งใจกันนะ

* * *

งานเลี้ยงมื้อเย็นจบลงในเวลาอันแสนสั้น

วันนี้เจ้าตระกูลไอบันก็ยังคงไม่มาร่วมโต๊ะเหมือนเคย บุตรชายอย่างมิเคนเต้จึงคอยดูแลพวกเราแทน

แต่หลังจากรับประทานอาหารกันเสร็จแล้ว มิเคนเต้ ไอบันเองก็ไม่ได้รั้งรออยู่ร่วมโต๊ะนานนัก

เขาสนทนาเรื่องอะไรบางอย่างกับเฟเรสในมุมหนึ่งเพียงครู่เดียว หลังจากนั้นก็กล่าวลาบอกให้พวกเรา ‘พักผ่อนกันตามสบาย’ แล้วก็ปลีกตัวไปจากงานเลี้ยงทันที

“ถ้าอย่างนั้นข้าขอตัวก่อน…”

เธอเองก็รู้สึกเหนื่อยมาก เพราะเอาแต่กระวนกระวายใจเรื่องของเฟเรสอยู่เรื่อย

เธอวางผ้าเช็ดปากลงบนโต๊ะ เปิดปากพูดขึ้นด้วยตั้งใจจะปลีกตัวลุกออกไปจากโต๊ะ

หมับ

ใครบางคนจับมือของเธอที่ยังไม่ทันได้วางผ้าเช็ดปากลง

“…ท่านอาบีน็อกซ์?”

“ท่านฟีเรนเทีย…”

ใครเอาเหล้าให้เด็กนี่ล่ะเนี่ยอาบีน็อกซ์เมาจนตาเยิ้ม ใบหน้าขึ้นสีแดงก่ำด้วยฤทธิ์เหล้าและซ้ำร้ายไปกว่านั้น

“…ฮึก”

ใครกัน! ใครมันกล้าเอาเหล้าให้เด็กนี่ดื่ม!

นัยน์ตาของอาบีน็อกซ์เอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำตาและค่อยๆ ไหลหล่นลงมา เขากำลังร้องไห้สะอึกสะอื้น

แตกต่างจากปกติที่มักจะมีภาพลักษณ์สดใสดั่งดวงอาทิตย์อย่างสุดขั้ว

แบบนี้มีแต่จะยิ่งน่ารำคาญใจไม่ใช่หรือไงกัน

ไอ้ท่าทางร้องห่มร้องไห้เป็นลูกหมาหงอยนี่ ดูยังไงก็เป็นเสียงร้องคร่ำครวญอยากได้คนให้คำปรึกษาชัดๆ !

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+