เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล 159.1

Now you are reading เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล Chapter 159.1 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เล่ม 4 บทที่ 159.1

ตอนที่ 159

ตกใจหมด

ใช่แล้วละสารภาพตามตรง ตอนได้เห็นภาพของลาลาเน่กับอาบีน็อกซ์เมื่อครู่นี้ มันชวนให้เธอนึกถึงเฟเรสขึ้นมา

แต่ก็เป็นเพียงแค่ครู่เดียวเท่านั้นเอง

“เทีย”

พอเห็นเธอหยุดนิ่ง ไม่ยอมเข้ามาใกล้เขาไปมากกว่านั้น เฟเรสก็เป็นฝ่ายเดินตรงมาหาเธอแทนและมองสำรวจสีหน้าของเธออยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะลอบยิ้ม แล้วเอ่ยถามขึ้น

“ว่าแล้วเชียว กำลังคิดถึงข้าอยู่พอดีสินะ”

“มะ ไม่ใช่สักหน่อย!” จบกันดันปฏิเสธออกไปซะเว่อร์เกินควรเสียได้

ไม่สิ เด็กหนุ่มผู้ไม่เคยแสดงอารมณ์ความรู้สึกออกมาเหมือนตุ๊กตาที่นั่งอยู่นิ่งๆ คนนี้ ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่อ่านใจของคนอื่นออกได้แบบนี้น่ะ!

คำปฏิเสธหนักแน่นทำให้เฟเรสเบิกตากว้างเล็กน้อย แต่เพียงไม่นานก็ยิ้มจนตาหยีอีกครั้ง

“มะ มาทำไมเนี่ย”

เฟเรสยกกล่องเค้กที่ถือไว้ในมือข้างหนึ่งขึ้นมาชูให้เห็น เป็นการตอบคำถามของเธอ

“พอดีจะแวะไปทำธุระ แล้วระหว่างทางก็นึกถึงเทียขึ้นมาน่ะ”

“เจ้ามักจะเชื่อมโยงข้ากับของหวานอยู่เรื่อยเลยนะเนี่ย เฟเรส ถึงข้าจะชอบของหวานก็จริงเถอะ แต่นี่…”

พูดออกไปแล้ว จู่ๆ ก็นึกสงสัยขึ้นมา

“แล้วจะไปที่ไหนล่ะ ถึงผ่านคฤหาสน์ลอมบาร์เดียได้”

“ไปพบสหายที่สนิทกันในอะคาเดมี”

เท่าที่เธอรู้ คนที่เด็กหนุ่มให้ความสนิทสนมมากที่สุดในอะคาเดมีก็คือริกนีเต้ รูมัน หรือก็คือน้องชายของอาบีน็อกซ์ถ้าอย่างนั้นก็หมายความว่ากำลังจะไปที่กลุ่มการค้าโมนัคน่ะสิ

แต่สำนักงานของกลุ่มการค้าโมนัคตั้งอยู่ในเมืองหลวงแถมยังอยู่ใกล้พระราชวังมากด้วย

เธอหรี่ตาลง แล้วถามย้ำอีกครั้ง “แน่ใจเหรอว่ากำลังจะไปธุระจริงๆ”

พอเธอถามจี้จุดเข้าให้ เฟเรสก็ปิดปากแน่น เอาแต่ยิ้มลูกเดียว

นั่นเป็นใบหน้าที่เด็กหนุ่มมักจะใช้เป็นประจำเวลาที่ไม่อาจโกหกเธอได้

“ช่างเถอะ เจ้าเองก็คงจะมีเรื่องที่บอกคนอื่นได้ลำบากอยู่เหมือนกันแหละ”

เธอยักไหล่ไม่สนใจท่าทีของเขาพลางเอ่ยว่า

“ขอบใจนะ ข้าจะกินให้อร่อยเลย”

กล่องเค้กที่รับมาจากเฟเรสค่อนข้างหนักพอสมควร

“มือเติบเชียว” ทั้งหมดนี่ไม่มีทางกินคนเดียวหมดแหง

เธอชี้ไปยังประตูที่ปิดแน่น ในขณะเดียวกันก็เอ่ยชวนเฟเรส

“ดื่มชาสักหน่อยแล้วค่อยไปดีมั้ย จะได้กินเค้กด้วย”

“…ได้เหรอ”

เฟเรสเลิกคิ้วขึ้นราวกับนี่เป็นเรื่องเหนือความคาดหมาย

“อะไรกัน เฟเรส ทำไมมีปฏิกิริยาแบบนั้นเนี่ย”

“ก็มาโดยไม่ได้นัดไว้ก่อนนี่นา”

เป็นเพราะเมื่อเนิ่นนานก่อนหน้านี้ เธอเคยบอกเขาเอาไว้ว่า ‘ช่วงนี้ข้ายุ่ง ถ้าจะมาก็ให้ติดต่อมาก่อน’ อย่างนั้นเหรอ

เธอถอนหายใจเสียงแผ่ว ยกมือกวักเป็นสัญญาณบอกให้เขาตามเธอเข้าไปในบ้าน พลางเปิดประตูบ้านออก

“…มีแขกเหรอ”

เฟเรสมองชุดน้ำชาสำหรับสองคนที่ยังคงวางทิ้งไว้บนโต๊ะ ก่อนจะเอ่ยถาม

“อาบีน็อกซ์รูมันแวะมาน่ะ”

“อาบีน็อกซ์ มาทำไม”

“พอดีรู้มาว่าคนที่อาบีน็อกซ์กำลังคบหาด้วยเป็นลาลาเน่น่ะสิ นี่เป็นความลับห้ามบอกใครนะ”

ถึงแม้มันจะเป็นความจริงที่บังเอิญได้รู้จากการเชิญตัวมาปรึกษาเรื่องกิจการตะวันออกก็เถอะ

เธอพูดโดยแอบเลี่ยงเรื่องสำคัญ

“อา…”

เฟเรสพยักหน้าอย่างรวดเร็วทั้งๆ ที่ยังคงตกใจอยู่บ้าง

เธอเลือกใบชามาชงอีกครั้ง

“ว่าแล้วเชียว ขนมหวานของคาราเมล อเวนิวเยี่ยมที่สุดแล้ว”

ตักครีมคัสตาร์ดรสหอมหวานพูนช้อนยัดใส่ปาก มันให้ความรู้สึกเหมือนความเหนื่อยล้าทั้งหมดผ่อนคลายลงในทันทีเลย

เฟเรสเองก็ตักเค้กชิ้นเดียวกับเธอ แล้วก็พยักหน้าลงเป็นการเห็นด้วย

พวกเรานั่งกินเค้กไปเรื่อยๆ อย่างสบายๆ ไม่ได้รีบร้อนอะไร

สุดท้ายบนโต๊ะก็เหลือเพียงแค่พายครีมชิ้นเล็กวางอยู่ชิ้นเดียว

รู้สึกละอายใจจริงๆ ที่ตำหนิเขาว่าซื้อมาเยอะเกินไป

เธอกำลังลูบท้องป่องๆ ของตัวเองด้วยความพอใจ แล้วจู่ๆ เฟเรสก็เอ่ยขึ้นว่า

“เทีย ปากเลอะหมดแล้ว”

“อ๊ะ เหรอ”

เธอรีบหันไปมองรอบๆ ห้องทันที แต่ก็หาของที่พอจะใช้เช็ดปากไม่เจอเลย

คิดอยู่ว่าหรือจะใช้แขนเสื้อเช็ดมันไปก่อนดี

“ข้าเช็ดให้” เฟเรสยื่นมือออกมา ก่อนจะใช้ปลายนิ้วลูบริมฝีปากของเธอ

มันดูเป็นธรรมชาติมากเสียจนเธอพลาดจังหวะที่จะห้ามปรามเขาตกใจจนได้แต่เหม่อมองหน้าเฟเรส

รู้สึกได้ถึงนิ้วของเฟเรสที่กำลังลูบริมฝีปากของเธออย่างอ้อยอิ่ง

ในวินาทีนั้นเอง เธอก็พลันนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นที่ไอบันขึ้นมาได้ราวกับไฟกะพริบติด เรื่องบนเตียงในวันนั้น

ไม่ต้องส่องกระจกก็รู้ ใบหน้าของเธอคงจะแดงไปหมดแล้วแน่เลย

เวลาที่ครีมเลอะปากผู้หญิง การใช้ปลายนิ้วช่วยเช็ดให้มันเป็นเรื่องที่ธรรมดามาก

อย่างน้อยในทีวีหรือหนังสือนิยายโรแมนติกส่วนใหญ่ก็มักจะเป็นแบบนั้น

ใช่แล้ว มันเป็นเรื่องธรรมดาทั่วไป เป็นแค่ฉากฉากหนึ่งอันแสนหวานเลี่ยนจนน่าขนลุกเท่านั้นเอง

หัวใจของเธอที่กำลังมองสบตากับเฟเรสอยู่ในตอนนี้ มันเต้นโครมครามเสียงดังกระหน่ำแทบทะลุอก

ริมฝีปากที่ถูกปลายนิ้วของเฟเรสไล้ผ่านเองก็ร้อนผ่าวราวกับไฟลุก ไม่อาจละสายตาไปจากครีมขาวที่ถูกเฟเรสช่วงชิงไปเลียใส่ปากตัวเองได้เลย

เด็กนี่ต้องรู้แน่ๆ ดูจากรอยยิ้มจางที่แต่งแต้มอยู่บนริมฝีปากสีแดงสดนั่น

“อึก”

เธอหยิบส้อมที่วางทิ้งเอาไว้ขึ้นมาถือ แล้วรีบตักขนมที่เหลือกินไม่หยุด

ได้ยินเสียงเฟเรสหัวเราะแผ่วเบาดังขึ้นจากข้างๆ แต่เธอก็พยายามที่จะโฟกัสอยู่ที่ขนมเท่านั้น

แน่นอนว่าพยายามที่จะระมัดระวังไม่ให้คราวนี้มีอะไรเลอะติดปากได้อีก

* * *

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล 159.1

Now you are reading เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล Chapter 159.1 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เล่ม 4 บทที่ 159.1

ตอนที่ 159

ตกใจหมด

ใช่แล้วละสารภาพตามตรง ตอนได้เห็นภาพของลาลาเน่กับอาบีน็อกซ์เมื่อครู่นี้ มันชวนให้เธอนึกถึงเฟเรสขึ้นมา

แต่ก็เป็นเพียงแค่ครู่เดียวเท่านั้นเอง

“เทีย”

พอเห็นเธอหยุดนิ่ง ไม่ยอมเข้ามาใกล้เขาไปมากกว่านั้น เฟเรสก็เป็นฝ่ายเดินตรงมาหาเธอแทนและมองสำรวจสีหน้าของเธออยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะลอบยิ้ม แล้วเอ่ยถามขึ้น

“ว่าแล้วเชียว กำลังคิดถึงข้าอยู่พอดีสินะ”

“มะ ไม่ใช่สักหน่อย!” จบกันดันปฏิเสธออกไปซะเว่อร์เกินควรเสียได้

ไม่สิ เด็กหนุ่มผู้ไม่เคยแสดงอารมณ์ความรู้สึกออกมาเหมือนตุ๊กตาที่นั่งอยู่นิ่งๆ คนนี้ ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่อ่านใจของคนอื่นออกได้แบบนี้น่ะ!

คำปฏิเสธหนักแน่นทำให้เฟเรสเบิกตากว้างเล็กน้อย แต่เพียงไม่นานก็ยิ้มจนตาหยีอีกครั้ง

“มะ มาทำไมเนี่ย”

เฟเรสยกกล่องเค้กที่ถือไว้ในมือข้างหนึ่งขึ้นมาชูให้เห็น เป็นการตอบคำถามของเธอ

“พอดีจะแวะไปทำธุระ แล้วระหว่างทางก็นึกถึงเทียขึ้นมาน่ะ”

“เจ้ามักจะเชื่อมโยงข้ากับของหวานอยู่เรื่อยเลยนะเนี่ย เฟเรส ถึงข้าจะชอบของหวานก็จริงเถอะ แต่นี่…”

พูดออกไปแล้ว จู่ๆ ก็นึกสงสัยขึ้นมา

“แล้วจะไปที่ไหนล่ะ ถึงผ่านคฤหาสน์ลอมบาร์เดียได้”

“ไปพบสหายที่สนิทกันในอะคาเดมี”

เท่าที่เธอรู้ คนที่เด็กหนุ่มให้ความสนิทสนมมากที่สุดในอะคาเดมีก็คือริกนีเต้ รูมัน หรือก็คือน้องชายของอาบีน็อกซ์ถ้าอย่างนั้นก็หมายความว่ากำลังจะไปที่กลุ่มการค้าโมนัคน่ะสิ

แต่สำนักงานของกลุ่มการค้าโมนัคตั้งอยู่ในเมืองหลวงแถมยังอยู่ใกล้พระราชวังมากด้วย

เธอหรี่ตาลง แล้วถามย้ำอีกครั้ง “แน่ใจเหรอว่ากำลังจะไปธุระจริงๆ”

พอเธอถามจี้จุดเข้าให้ เฟเรสก็ปิดปากแน่น เอาแต่ยิ้มลูกเดียว

นั่นเป็นใบหน้าที่เด็กหนุ่มมักจะใช้เป็นประจำเวลาที่ไม่อาจโกหกเธอได้

“ช่างเถอะ เจ้าเองก็คงจะมีเรื่องที่บอกคนอื่นได้ลำบากอยู่เหมือนกันแหละ”

เธอยักไหล่ไม่สนใจท่าทีของเขาพลางเอ่ยว่า

“ขอบใจนะ ข้าจะกินให้อร่อยเลย”

กล่องเค้กที่รับมาจากเฟเรสค่อนข้างหนักพอสมควร

“มือเติบเชียว” ทั้งหมดนี่ไม่มีทางกินคนเดียวหมดแหง

เธอชี้ไปยังประตูที่ปิดแน่น ในขณะเดียวกันก็เอ่ยชวนเฟเรส

“ดื่มชาสักหน่อยแล้วค่อยไปดีมั้ย จะได้กินเค้กด้วย”

“…ได้เหรอ”

เฟเรสเลิกคิ้วขึ้นราวกับนี่เป็นเรื่องเหนือความคาดหมาย

“อะไรกัน เฟเรส ทำไมมีปฏิกิริยาแบบนั้นเนี่ย”

“ก็มาโดยไม่ได้นัดไว้ก่อนนี่นา”

เป็นเพราะเมื่อเนิ่นนานก่อนหน้านี้ เธอเคยบอกเขาเอาไว้ว่า ‘ช่วงนี้ข้ายุ่ง ถ้าจะมาก็ให้ติดต่อมาก่อน’ อย่างนั้นเหรอ

เธอถอนหายใจเสียงแผ่ว ยกมือกวักเป็นสัญญาณบอกให้เขาตามเธอเข้าไปในบ้าน พลางเปิดประตูบ้านออก

“…มีแขกเหรอ”

เฟเรสมองชุดน้ำชาสำหรับสองคนที่ยังคงวางทิ้งไว้บนโต๊ะ ก่อนจะเอ่ยถาม

“อาบีน็อกซ์รูมันแวะมาน่ะ”

“อาบีน็อกซ์ มาทำไม”

“พอดีรู้มาว่าคนที่อาบีน็อกซ์กำลังคบหาด้วยเป็นลาลาเน่น่ะสิ นี่เป็นความลับห้ามบอกใครนะ”

ถึงแม้มันจะเป็นความจริงที่บังเอิญได้รู้จากการเชิญตัวมาปรึกษาเรื่องกิจการตะวันออกก็เถอะ

เธอพูดโดยแอบเลี่ยงเรื่องสำคัญ

“อา…”

เฟเรสพยักหน้าอย่างรวดเร็วทั้งๆ ที่ยังคงตกใจอยู่บ้าง

เธอเลือกใบชามาชงอีกครั้ง

“ว่าแล้วเชียว ขนมหวานของคาราเมล อเวนิวเยี่ยมที่สุดแล้ว”

ตักครีมคัสตาร์ดรสหอมหวานพูนช้อนยัดใส่ปาก มันให้ความรู้สึกเหมือนความเหนื่อยล้าทั้งหมดผ่อนคลายลงในทันทีเลย

เฟเรสเองก็ตักเค้กชิ้นเดียวกับเธอ แล้วก็พยักหน้าลงเป็นการเห็นด้วย

พวกเรานั่งกินเค้กไปเรื่อยๆ อย่างสบายๆ ไม่ได้รีบร้อนอะไร

สุดท้ายบนโต๊ะก็เหลือเพียงแค่พายครีมชิ้นเล็กวางอยู่ชิ้นเดียว

รู้สึกละอายใจจริงๆ ที่ตำหนิเขาว่าซื้อมาเยอะเกินไป

เธอกำลังลูบท้องป่องๆ ของตัวเองด้วยความพอใจ แล้วจู่ๆ เฟเรสก็เอ่ยขึ้นว่า

“เทีย ปากเลอะหมดแล้ว”

“อ๊ะ เหรอ”

เธอรีบหันไปมองรอบๆ ห้องทันที แต่ก็หาของที่พอจะใช้เช็ดปากไม่เจอเลย

คิดอยู่ว่าหรือจะใช้แขนเสื้อเช็ดมันไปก่อนดี

“ข้าเช็ดให้” เฟเรสยื่นมือออกมา ก่อนจะใช้ปลายนิ้วลูบริมฝีปากของเธอ

มันดูเป็นธรรมชาติมากเสียจนเธอพลาดจังหวะที่จะห้ามปรามเขาตกใจจนได้แต่เหม่อมองหน้าเฟเรส

รู้สึกได้ถึงนิ้วของเฟเรสที่กำลังลูบริมฝีปากของเธออย่างอ้อยอิ่ง

ในวินาทีนั้นเอง เธอก็พลันนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นที่ไอบันขึ้นมาได้ราวกับไฟกะพริบติด เรื่องบนเตียงในวันนั้น

ไม่ต้องส่องกระจกก็รู้ ใบหน้าของเธอคงจะแดงไปหมดแล้วแน่เลย

เวลาที่ครีมเลอะปากผู้หญิง การใช้ปลายนิ้วช่วยเช็ดให้มันเป็นเรื่องที่ธรรมดามาก

อย่างน้อยในทีวีหรือหนังสือนิยายโรแมนติกส่วนใหญ่ก็มักจะเป็นแบบนั้น

ใช่แล้ว มันเป็นเรื่องธรรมดาทั่วไป เป็นแค่ฉากฉากหนึ่งอันแสนหวานเลี่ยนจนน่าขนลุกเท่านั้นเอง

หัวใจของเธอที่กำลังมองสบตากับเฟเรสอยู่ในตอนนี้ มันเต้นโครมครามเสียงดังกระหน่ำแทบทะลุอก

ริมฝีปากที่ถูกปลายนิ้วของเฟเรสไล้ผ่านเองก็ร้อนผ่าวราวกับไฟลุก ไม่อาจละสายตาไปจากครีมขาวที่ถูกเฟเรสช่วงชิงไปเลียใส่ปากตัวเองได้เลย

เด็กนี่ต้องรู้แน่ๆ ดูจากรอยยิ้มจางที่แต่งแต้มอยู่บนริมฝีปากสีแดงสดนั่น

“อึก”

เธอหยิบส้อมที่วางทิ้งเอาไว้ขึ้นมาถือ แล้วรีบตักขนมที่เหลือกินไม่หยุด

ได้ยินเสียงเฟเรสหัวเราะแผ่วเบาดังขึ้นจากข้างๆ แต่เธอก็พยายามที่จะโฟกัสอยู่ที่ขนมเท่านั้น

แน่นอนว่าพยายามที่จะระมัดระวังไม่ให้คราวนี้มีอะไรเลอะติดปากได้อีก

* * *

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+