เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล 172.1

Now you are reading เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล Chapter 172.1 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เล่ม 5 บทที่ 172.1

ตอนที่ 172

เพราะไม่อาจส่งเสียงดัง พวกเราจึงไม่สามารถควบม้าให้สุดฝีเท้ากันได้

“ฮู่ว”

มันเป็นวินาทีที่ทั้งตึงเครียดทั้งยังรีบร้อนที่สุดแล้ว

เธอเหลียวหลังหันไปมองคฤหาสน์ที่ยังคงเงียบสงัด

กลัวว่าเบเจอร์หรือเซรัลจะจับสังเกตได้ถึงความผิดปกติ แล้วไล่ตามหลังมา

“ไม่เป็นไร เทีย”

ดูเหมือนเฟเรสจะรับรู้ได้ถึงความไม่สบายใจของเธอ เขาช่วยปลอบโยนด้วยเสียงทุ้มต่ำ

เพราะพวกเราอยู่ใกล้ชิดกันมาก เสียงของเขาจึงกลายเป็นเสียงกระซิบจั๊กจี้อยู่ข้างใบหู ถึงแม้เสียงของเฟเรสเองก็ไม่ได้ผ่อนคลายอะไรขนาดนั้น แต่เป็นเพราะเขา เธอเลยตั้งสติขึ้นมาได้

เธอจะเผยท่าทีกระวนกระวายใจออกมาต่อหน้าลาลาเน่ไม่ได้เด็ดขาด

และในตอนที่พวกเรามาถึงหน้าประตูคฤหาสน์

“ไม่มีใครเลย”

ท่านปู่รักษาสัญญาที่ให้ไว้กับเธอจริงๆ

ประตูรั้วคฤหาสน์ที่ควรจะมีกองกำลังอัศวินลอมบาร์เดียและทหารเฝ้าเวรยามอย่างเข้มงวด ตอนนี้กลับว่างเปล่าไร้วี่แววของผู้คน

“ประตูเองก็เปิดแง้มอยู่นิดหน่อย”

อีกทั้งประตูยังไม่ได้ถูกคล้องไว้ด้วยกุญแจ มันเปิดแง้มกว้างพอที่จะให้คนเดินเข้าเดินออกได้สบาย

“หรือว่า…”

คนที่สามารถสั่งการให้กองกำลังอัศวินลอมบาร์เดียและทหารยามหายไปจากป้อมเวรยามได้ มีเพียงแค่คนเดียวเท่านั้น

แค่ท่านปู่เพียงผู้เดียว

ลาลาเน่เบิกตากว้างหันมามองหน้าเธอ เพราะนางเองก็คงจะทราบความจริงเรื่องดังกล่าวดีอยู่แล้ว

“คนที่อยากให้ลาลาเน่มีความสุขน่ะ ไม่ได้มีแต่ข้าหรอกนะ”

ที่จริงแล้วก็เพราะแบบนี้แหละ เธอถึงได้ไหว้วานพวกแฝดให้จัดเตรียมม้าให้

จะปล่อยให้เธอลงมือจัดการทุกเรื่องเองมันก็ได้อยู่หรอก

แต่ถึงแม้ลาลาเน่จะโชคร้ายต้องเกิดมาพบบิดามารดาอย่างเซรัลกับเบเจอร์ แต่เธอก็ยังอยากให้ลาลาเน่ได้รับรู้ว่า ที่ลอมบาร์เดียแห่งนี้ยังมีผู้คนมากมายที่รักและคอยเป็นกำลังใจให้

ก็แค่ไม่อยากให้ลาลาเน่มีแต่ความทรงจำอันแสนขมขื่น กระทั่งวันที่ต้องไปจากลอมบาร์เดียเช่นนี้เท่านั้นเอง

“ทุกคน…”

ลาลาเน่พูดอะไรไม่ออก

เธอเองก็จงใจไม่พูดอะไรออกไป

เพราะลาลาเน่เองก็คงต้องการเวลาในการเรียบเรียงความคิดของตัวเอง

โล่งอกที่พวกเราหนีออกมาจากคฤหาสน์ได้อย่างปลอดภัย จนกระทั่งมาถึงสถานที่นัดหมายได้ในที่สุด

ลาลาเน่กำลังควบม้า ใบหน้างดงามยิ้มกว้าง

“ท่านลาลาเน่!”

อาบีน็อกซ์เดินวนไปวนมาอยู่รอบๆ รถม้าที่จัดเตรียมเอาไว้ล่วงหน้า ทันทีที่เห็นลาลาเน่ เขาก็รีบวิ่งตรงเข้ามาทันที

“ท่านอาบีน็อกซ์!”

ลาลาเน่ร้อนใจแทบจะกระโดดลงจากหลังม้า แล้วนางก็ถูกอาบีน็อกซ์ดึงเข้าไปกอดในอ้อมอก

คู่รักที่ได้พบหน้ากันอีกครั้งหลังต้องเผชิญช่วงเวลาอันแสนยากลำบากต่างก็สวมกอดกันและกันเอาไว้แน่น

“รับนี่ไป”

เธอเดินเข้าไปหาทั้งสองคน ก่อนจะยื่นซองซองหนึ่งให้

“นี่ตั๋วโดยสาร”

“ตั๋วโดยสาร…?”

“ตอนนี้ทั้งสองคนรีบไปที่เชซายูให้เร็วที่สุดเลยนะ ไปที่นั่นแล้วขึ้นเรือสำราญตะวันออกของร้านค้าเพลเลสซะ”

“เรือสำราญ…ตะวันออก อ๊ะ!”

ลาลาเน่เปิดซองมองตั๋วโดยสาร ก่อนจะเบิกตากว้าง

ถ้านั่งเรือสำราญไปละก็ จะสามารถเดินทางถึงตะวันออกได้ในระยะเวลาหนึ่งสัปดาห์

เป็นเส้นทางที่รวดเร็วและปลอดภัยมากกว่าการหนีไปทางบกมาก

“ถ้าไปถึงท่าเรือเชซายูแล้ว ท่านพ่อจะรอพวกเจ้าอยู่ที่นั่น ข้าบอกเอาไว้ให้แล้ว”

เธอหยุดยืนหน้าลาลาเน่

และกอดร่างที่ผอมบางลงไปมากในช่วงเวลาแค่ไม่กี่วันแน่น

“ไปใช้ชีวิตอย่างมีความสุขที่ตะวันออกเถอะนะ ลาลาเน่ ลืมเรื่องที่ลอมบาร์เดียไปบ้างก็ดี”

“เทีย…”

“แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่จำเป็นต้องฝืนตัวเองหรอก ถ้ามีเรื่องลำบากหรือต้องการความช่วยเหลือ ก็ส่งจดหมายหาข้าได้ทุกเมื่อ เข้าใจมั้ย”

“ขะ…ขอบใจนะ… ขอบใจมากจริงๆ เทีย”

สุดท้ายลาลาเน่ก็ร้องไห้ออกมาจนได้

เธอหยิบผ้าเช็ดหน้าช่วยซับน้ำตารอบนัยน์ตาของลาลาเน่ หลังจากนั้นจึงเอ่ยพูดต่อ

“แล้วถ้าเลือกวันแต่งงานกันได้แล้ว ก็ส่งคนไปที่ร้านค้าเพลเลสด้วยล่ะ ข้าจะช่วยลาลาเน่ให้ได้จัดงานแต่งงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดจนไม่ต้องอายใครหน้าไหนทั้งสิ้น”

“ร้านค้า…เพลเลส?”

แววตาของลาลาเน่ยามมองเธอสลับกับตั๋วโดยสารอยู่ครู่หนึ่งสั่นระริก ราวกับตระหนักได้ถึงเรื่องบางอย่างขึ้นมา

“หรือว่า…”

เธอส่งยิ้มกว้างให้ลาลาเน่ที่ทำท่าจะถามอะไรออกมา

“ห้องพักของท่านอาบีน็อกซ์กับลาลาเน่ ข้าสั่งให้คนเตรียมห้องสวีทที่ดีที่สุดบนเรือสำราญเอาไว้ให้เป็นพิเศษเลยนะ”

มีเวลาให้ตกใจก็เพียงครู่เดียว

ลาลาเน่กระโจนเข้ากอดเธอแน่น ก่อนจะร้องห่มร้องไห้ออกมาเสียงดัง

“ขอบใจ ขอบใจนะ เทีย”

“กับพี่สาวลูกพี่ลูกน้องก็ต้องทำแบบนี้อยู่แล้วสิ แหม แล้วก็ ท่านอาบีน็อกซ์”

นัยน์ตาคมดุของเธอทำเอาอาบีน็อกซ์รีบตอบด้วยความกระวนกระวายใจ

“ครับ ท่านฟีเรนเทีย”

“ถ้าทำให้นัยน์ตาของลาลาเน่ต้องหลั่งน้ำตาแม้แต่หยดเดียว ข้าจะจัดการตัดเส้นทางเดินเรือการค้าตะวันออกให้หมด”

“มะ…ไม่ต้องห่วงครับ!”

หลังจากจ้องอาบีน็อกซ์ทิ้งท้ายเป็นการเตือน เธอก็ดันหลังลาลาเน่ให้เดินไปยังรถม้าเบาๆ

“รีบไปเถอะ เจ้าต้องไปให้ถึงที่นั่นก่อนวันที่ที่ระบุไว้บนตั๋วโดยสาร เวลาไม่คอยท่าแล้ว”

“ขอบคุณครับ ท่านฟีเรนเทีย แล้วก็เจ้าชายด้วยพ่ะย่ะค่ะ”

อาบีน็อกซ์โค้งศีรษะลาเธอกับเฟเรส ก่อนจะเป็นฝ่ายก้าวขึ้นรถม้าไปก่อน

“งั้นข้าไปนะ”

ลาลาเน่จับแขนเสื้อเธอเอาไว้แน่นจนถึงที่สุด พลางเอ่ยขึ้น

“ถ้าถึงตระกูลรูมันแล้ว ข้าจะส่งจดหมายมาหานะ แล้วก็เจ้าชายเพคะ”

จู่ๆ ลาลาเน่ก็หันไปหาเฟเรส แล้วเอ่ยพูดขึ้น

“ฝากเทียด้วยนะเพคะ”

“ลาลาเน่!พูดอะไรเนี่ย! เฟเรส แล้วนี่เจ้าจะพยักหน้าทำไม!”

ลาลาเน่ยิ้มอย่างมีเลศนัยแทนคำตอบ ก่อนจะก้าวหายผลุบเข้าไปในรถม้า

จังหวะก้าวเดินของนางเบาสบายกว่าเดิมมาก

เสียงประตูปิดดังแกรก ล้อรถม้าเริ่มหมุนตัวเคลื่อนไปอย่างเชื่องช้า

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล 172.1

Now you are reading เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล Chapter 172.1 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เล่ม 5 บทที่ 172.1

ตอนที่ 172

เพราะไม่อาจส่งเสียงดัง พวกเราจึงไม่สามารถควบม้าให้สุดฝีเท้ากันได้

“ฮู่ว”

มันเป็นวินาทีที่ทั้งตึงเครียดทั้งยังรีบร้อนที่สุดแล้ว

เธอเหลียวหลังหันไปมองคฤหาสน์ที่ยังคงเงียบสงัด

กลัวว่าเบเจอร์หรือเซรัลจะจับสังเกตได้ถึงความผิดปกติ แล้วไล่ตามหลังมา

“ไม่เป็นไร เทีย”

ดูเหมือนเฟเรสจะรับรู้ได้ถึงความไม่สบายใจของเธอ เขาช่วยปลอบโยนด้วยเสียงทุ้มต่ำ

เพราะพวกเราอยู่ใกล้ชิดกันมาก เสียงของเขาจึงกลายเป็นเสียงกระซิบจั๊กจี้อยู่ข้างใบหู ถึงแม้เสียงของเฟเรสเองก็ไม่ได้ผ่อนคลายอะไรขนาดนั้น แต่เป็นเพราะเขา เธอเลยตั้งสติขึ้นมาได้

เธอจะเผยท่าทีกระวนกระวายใจออกมาต่อหน้าลาลาเน่ไม่ได้เด็ดขาด

และในตอนที่พวกเรามาถึงหน้าประตูคฤหาสน์

“ไม่มีใครเลย”

ท่านปู่รักษาสัญญาที่ให้ไว้กับเธอจริงๆ

ประตูรั้วคฤหาสน์ที่ควรจะมีกองกำลังอัศวินลอมบาร์เดียและทหารเฝ้าเวรยามอย่างเข้มงวด ตอนนี้กลับว่างเปล่าไร้วี่แววของผู้คน

“ประตูเองก็เปิดแง้มอยู่นิดหน่อย”

อีกทั้งประตูยังไม่ได้ถูกคล้องไว้ด้วยกุญแจ มันเปิดแง้มกว้างพอที่จะให้คนเดินเข้าเดินออกได้สบาย

“หรือว่า…”

คนที่สามารถสั่งการให้กองกำลังอัศวินลอมบาร์เดียและทหารยามหายไปจากป้อมเวรยามได้ มีเพียงแค่คนเดียวเท่านั้น

แค่ท่านปู่เพียงผู้เดียว

ลาลาเน่เบิกตากว้างหันมามองหน้าเธอ เพราะนางเองก็คงจะทราบความจริงเรื่องดังกล่าวดีอยู่แล้ว

“คนที่อยากให้ลาลาเน่มีความสุขน่ะ ไม่ได้มีแต่ข้าหรอกนะ”

ที่จริงแล้วก็เพราะแบบนี้แหละ เธอถึงได้ไหว้วานพวกแฝดให้จัดเตรียมม้าให้

จะปล่อยให้เธอลงมือจัดการทุกเรื่องเองมันก็ได้อยู่หรอก

แต่ถึงแม้ลาลาเน่จะโชคร้ายต้องเกิดมาพบบิดามารดาอย่างเซรัลกับเบเจอร์ แต่เธอก็ยังอยากให้ลาลาเน่ได้รับรู้ว่า ที่ลอมบาร์เดียแห่งนี้ยังมีผู้คนมากมายที่รักและคอยเป็นกำลังใจให้

ก็แค่ไม่อยากให้ลาลาเน่มีแต่ความทรงจำอันแสนขมขื่น กระทั่งวันที่ต้องไปจากลอมบาร์เดียเช่นนี้เท่านั้นเอง

“ทุกคน…”

ลาลาเน่พูดอะไรไม่ออก

เธอเองก็จงใจไม่พูดอะไรออกไป

เพราะลาลาเน่เองก็คงต้องการเวลาในการเรียบเรียงความคิดของตัวเอง

โล่งอกที่พวกเราหนีออกมาจากคฤหาสน์ได้อย่างปลอดภัย จนกระทั่งมาถึงสถานที่นัดหมายได้ในที่สุด

ลาลาเน่กำลังควบม้า ใบหน้างดงามยิ้มกว้าง

“ท่านลาลาเน่!”

อาบีน็อกซ์เดินวนไปวนมาอยู่รอบๆ รถม้าที่จัดเตรียมเอาไว้ล่วงหน้า ทันทีที่เห็นลาลาเน่ เขาก็รีบวิ่งตรงเข้ามาทันที

“ท่านอาบีน็อกซ์!”

ลาลาเน่ร้อนใจแทบจะกระโดดลงจากหลังม้า แล้วนางก็ถูกอาบีน็อกซ์ดึงเข้าไปกอดในอ้อมอก

คู่รักที่ได้พบหน้ากันอีกครั้งหลังต้องเผชิญช่วงเวลาอันแสนยากลำบากต่างก็สวมกอดกันและกันเอาไว้แน่น

“รับนี่ไป”

เธอเดินเข้าไปหาทั้งสองคน ก่อนจะยื่นซองซองหนึ่งให้

“นี่ตั๋วโดยสาร”

“ตั๋วโดยสาร…?”

“ตอนนี้ทั้งสองคนรีบไปที่เชซายูให้เร็วที่สุดเลยนะ ไปที่นั่นแล้วขึ้นเรือสำราญตะวันออกของร้านค้าเพลเลสซะ”

“เรือสำราญ…ตะวันออก อ๊ะ!”

ลาลาเน่เปิดซองมองตั๋วโดยสาร ก่อนจะเบิกตากว้าง

ถ้านั่งเรือสำราญไปละก็ จะสามารถเดินทางถึงตะวันออกได้ในระยะเวลาหนึ่งสัปดาห์

เป็นเส้นทางที่รวดเร็วและปลอดภัยมากกว่าการหนีไปทางบกมาก

“ถ้าไปถึงท่าเรือเชซายูแล้ว ท่านพ่อจะรอพวกเจ้าอยู่ที่นั่น ข้าบอกเอาไว้ให้แล้ว”

เธอหยุดยืนหน้าลาลาเน่

และกอดร่างที่ผอมบางลงไปมากในช่วงเวลาแค่ไม่กี่วันแน่น

“ไปใช้ชีวิตอย่างมีความสุขที่ตะวันออกเถอะนะ ลาลาเน่ ลืมเรื่องที่ลอมบาร์เดียไปบ้างก็ดี”

“เทีย…”

“แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่จำเป็นต้องฝืนตัวเองหรอก ถ้ามีเรื่องลำบากหรือต้องการความช่วยเหลือ ก็ส่งจดหมายหาข้าได้ทุกเมื่อ เข้าใจมั้ย”

“ขะ…ขอบใจนะ… ขอบใจมากจริงๆ เทีย”

สุดท้ายลาลาเน่ก็ร้องไห้ออกมาจนได้

เธอหยิบผ้าเช็ดหน้าช่วยซับน้ำตารอบนัยน์ตาของลาลาเน่ หลังจากนั้นจึงเอ่ยพูดต่อ

“แล้วถ้าเลือกวันแต่งงานกันได้แล้ว ก็ส่งคนไปที่ร้านค้าเพลเลสด้วยล่ะ ข้าจะช่วยลาลาเน่ให้ได้จัดงานแต่งงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดจนไม่ต้องอายใครหน้าไหนทั้งสิ้น”

“ร้านค้า…เพลเลส?”

แววตาของลาลาเน่ยามมองเธอสลับกับตั๋วโดยสารอยู่ครู่หนึ่งสั่นระริก ราวกับตระหนักได้ถึงเรื่องบางอย่างขึ้นมา

“หรือว่า…”

เธอส่งยิ้มกว้างให้ลาลาเน่ที่ทำท่าจะถามอะไรออกมา

“ห้องพักของท่านอาบีน็อกซ์กับลาลาเน่ ข้าสั่งให้คนเตรียมห้องสวีทที่ดีที่สุดบนเรือสำราญเอาไว้ให้เป็นพิเศษเลยนะ”

มีเวลาให้ตกใจก็เพียงครู่เดียว

ลาลาเน่กระโจนเข้ากอดเธอแน่น ก่อนจะร้องห่มร้องไห้ออกมาเสียงดัง

“ขอบใจ ขอบใจนะ เทีย”

“กับพี่สาวลูกพี่ลูกน้องก็ต้องทำแบบนี้อยู่แล้วสิ แหม แล้วก็ ท่านอาบีน็อกซ์”

นัยน์ตาคมดุของเธอทำเอาอาบีน็อกซ์รีบตอบด้วยความกระวนกระวายใจ

“ครับ ท่านฟีเรนเทีย”

“ถ้าทำให้นัยน์ตาของลาลาเน่ต้องหลั่งน้ำตาแม้แต่หยดเดียว ข้าจะจัดการตัดเส้นทางเดินเรือการค้าตะวันออกให้หมด”

“มะ…ไม่ต้องห่วงครับ!”

หลังจากจ้องอาบีน็อกซ์ทิ้งท้ายเป็นการเตือน เธอก็ดันหลังลาลาเน่ให้เดินไปยังรถม้าเบาๆ

“รีบไปเถอะ เจ้าต้องไปให้ถึงที่นั่นก่อนวันที่ที่ระบุไว้บนตั๋วโดยสาร เวลาไม่คอยท่าแล้ว”

“ขอบคุณครับ ท่านฟีเรนเทีย แล้วก็เจ้าชายด้วยพ่ะย่ะค่ะ”

อาบีน็อกซ์โค้งศีรษะลาเธอกับเฟเรส ก่อนจะเป็นฝ่ายก้าวขึ้นรถม้าไปก่อน

“งั้นข้าไปนะ”

ลาลาเน่จับแขนเสื้อเธอเอาไว้แน่นจนถึงที่สุด พลางเอ่ยขึ้น

“ถ้าถึงตระกูลรูมันแล้ว ข้าจะส่งจดหมายมาหานะ แล้วก็เจ้าชายเพคะ”

จู่ๆ ลาลาเน่ก็หันไปหาเฟเรส แล้วเอ่ยพูดขึ้น

“ฝากเทียด้วยนะเพคะ”

“ลาลาเน่!พูดอะไรเนี่ย! เฟเรส แล้วนี่เจ้าจะพยักหน้าทำไม!”

ลาลาเน่ยิ้มอย่างมีเลศนัยแทนคำตอบ ก่อนจะก้าวหายผลุบเข้าไปในรถม้า

จังหวะก้าวเดินของนางเบาสบายกว่าเดิมมาก

เสียงประตูปิดดังแกรก ล้อรถม้าเริ่มหมุนตัวเคลื่อนไปอย่างเชื่องช้า

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+