เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล 190.2

Now you are reading เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล Chapter 190.2 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เล่ม 5 บทที่ 190.2

ชานตั้น เซอเชาว์ เมินเฉยไม่สนใจ แล้วหันไปหยิบผ้าพันแผลขึ้นมาพันบาดแผลบริเวณต้นขาเอาไว้แทน

พอเห็นแบบนั้นอีกฝ่ายก็ยิ่งโมโหเดือด นักฆ่าเดินเข้าไปใกล้ชานตั้นอีกก้าว ในขณะเดียวกันก็ตำหนิเสียงดัง

“มีโอกาสอยู่เห็นๆ แต่พอจะลงมือสังหารเจ้าชายเข้าจริงๆ ก็กลับขี้ขลาดขึ้นมาเสียอย่างนั้น หรือว่าประสาทสัมผัสจะด้อยลงไปมากเสียจนไม่อาจสังเกตเห็นโอกาสที่ว่านั่น…”

แต่มือสังหารกลับไม่อาจพูดได้จนจบประโยค

ครืนนนน

เพราะปลายดาบห่อหุ้มไปด้วยออร่าสีน้ำเงินได้จ่อเข้าที่ปลายคางของตนเสียแล้ว

“เจ้า”

ชานตั้น เซอเชาว์ ถลึงตาจ้องมือสังหารเขม็ง

“ทำไมถึงได้ใช้ยาพิษ”

“…”

มือสังหารรู้สึกได้ถึงจิตสังหารรุนแรงจนขนลุกชันด้วยความหวาดกลัวจากสายตาเย็นยะเยือกที่ส่องประกายอำมหิตผ่านเรือนผมยุ่งเหยิงปรกลงมาไม่เป็นทรงนั่น

“มีโอกาสอย่างนั้นหรือ”

ชานตั้น เซอเชาว์ กรอกเหล้าเทใส่ปากอีกครั้ง ก่อนจะเอ่ยถามเสียงแหบแห้ง

“ว่ามาสิ มีโอกาสตอนไหนกัน”

“ตะ…ตอนที่เจ้าชายพยายามปกป้องนังนั่น…”

“เหอะ”

เจ้าตระกูลเซอเชาว์หัวเราะเย้ยหยันด้วยความสมเพช

ปลายนิ้วเสยผมที่ปรกลงมาข้างหน้าขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์ เลือดสีแดงเข้มที่เลอะเปรอะฝ่ามือใหญ่จึงพานทำให้ทั่วใบหน้าเลอะไปด้วยเลือด

“ตอนนั้นหากแกว่งดาบฟาดลงไป คงเป็นมือข้าที่จะถูกฟันขาด”

ชานตั้นเอ่ยพูดคล้ายเสียงคำรามต่ำ ขณะที่หันหน้าไปจ้องมือสังหารเขม็งอีกครั้ง

“ดูท่าเจ้าจะจับความรู้สึกไม่ได้เลยสินะ ว่าเจ้าชายลำดับที่สองเก่งกาจแค่ไหน”

ร่างกายที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสไม่ได้มีแค่เฉพาะต้นขาที่ถูกฟันด้วยออร่าเพียงอย่างเดียว

“ตอนนี้ข้ายังเจ็บร้าวไปถึงกระดูกอยู่เลยด้วยซ้ำ”

ชานตั้น เซอเชาว์ พึมพำเสียงแผ่ว เขาลองกำและแบมือข้างขวาที่ประดาบกับเจ้าชายลำดับที่สองอยู่หลายครั้ง

และพันผ้าพันแผลให้แน่นพลางเอ่ยพูด

“เจ้าไปบอกองค์จักรพรรดินีเสียว่าข้าชานตั้น เซอเชาว์ ได้ทำตามสัญญาแล้ว”

ไอ้สัญญาเฮงซวยนั่น

ชานตั้นกัดฟันกรอด

จักรพรรดินีราวีนีเป็นผู้หญิงที่มีเซนส์ไวดีจนน่าประหลาดใจจริงๆ

เพราะอย่างนั้นตอนนี้เขาถึงได้มีสภาพเละเทะจนดูไม่ได้แบบนี้

หน้ากากที่เคยใช้ปิดบังใบหน้าด้วยความขี้ขลาดกลิ้งตกอยู่บนพื้น

ชานตั้น เซอเชาว์ กระดกเหล้าลงคอ ความรู้สึกคลื่นเหียนด้วยความรังเกียจก็พลุ่งพล่านตีกลับขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อหันไปเห็นหน้ากากอันนั้น

“คำสั่งขององค์จักรพรรดินีคือสังหารเจ้าชายลำดับที่สองให้สิ้น แต่นี่กลับล้มเหลว…”

ฟิ้ว

จู่ๆ สายลมก็พัดแรงอย่างกะทันหันจนทำให้หน้ากากของนักฆ่าหลุดร่วงหล่นจากใบหน้า

“อึก…”

นั่นไม่ใช่สายลมทั่วไป

ภายในห้องสี่เหลี่ยมมิดชิดแห่งนี้ จะไปมีสายลมพัดแรงแบบนั้นได้ยังไงกัน

สายลมนั่นคือมานาของเจ้าตระกูลเซอเชาว์ที่พัดกระหน่ำกดทับกายของนักฆ่าเอาไว้อย่างหนักหน่วงต่างหากล่ะ

แรงกดดันที่กดทับร่างกายนั่น มันบีบรัดกระดูกซี่โครงของนักฆ่าจนทำให้แทบกระอักเลือด

“ไสหัวไปก่อนที่ข้าจะฆ่าเจ้า”

ชานตั้น เซอเชาว์ เอ่ยพูดพลางปลดปล่อยจิตสังหารออกมาอย่างรุนแรง

“กะ…กรอด…”

สุดท้ายนักฆ่าก็ถลาถอยไปอย่างทุลักทุเล แล้ววิ่งแจ้นหนีออกไปจากห้อง

ชานตั้น เซอเชาว์ มองตามแผ่นหลังน่าสมเพชนั่นไปจนลับสายตา ก่อนจะเก็บพลังมานากลับคืนไป

“เฮ้อ”

เขาถอนหายใจหนักอึ้ง

และในตอนที่เงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง ก็มองเห็นสภาพของตัวเองสะท้อนจากกระจกที่วางอยู่มุมหนึ่งของห้องนอน

จึ๊ก!

ดาบของเจ้าตระกูลเซอเชาว์บินพุ่งตรงไปปักอยู่กลางกระจกอย่างแม่นยำ

เพราะฝืนออกแรง เลือดที่ขาจึงไหลทะลักออกมาอีกครั้ง

แต่ชานตั้น เซอเชาว์ ก็ยังคงเอาแต่นั่งนิ่งอยู่ในห้องมืดมิด เหม่อมองสภาพของตัวเองในกระจกแตกร้าวอยู่อย่างนั้นไม่ขยับไปไหน

* * *

ในห้องนอนเงียบสงัด

“เฮือก!”

เฟเรสที่นอนนิ่งราวกับตายไปแล้วสะดุ้งสูดอากาศเข้าปอดเฮือกใหญ่ นัยน์ตาเบิกกว้างลืมขึ้น

สิ่งแรกที่ปรากฏเข้าสู่ห้วงสายตาคือ เพดานสลักลายต้นไม้แห่งโลกอันเป็นสัญลักษณ์ประจำตระกูลลอมบาร์เดีย

เมื่อตระหนักได้ว่าสถานที่ที่เขากำลังนอนอยู่คือคฤหาสน์ตระกูลลอมบาร์เดีย เฟเรสก็หยัดกายลุกขึ้นทันที

“อึก!”

เจ็บร้าวราวกับโดนดาบฟันลงมาอีกครั้ง แต่ของแค่นั้นไม่มีทางหยุดเฟเรสได้อยู่แล้ว

ในหัวของเขาคิดถึงแต่เพียงหญิงสาวเพียงคนเดียวเท่านั้น

“เทีย…!”

โครม

เพราะฝืนขยับร่างกายที่ยังอ่อนแรงจนไม่อาจลุกขึ้นได้ ร่างกายของเฟเรสจึงร่วงตกลงไปจากเตียงนอนจนได้

เขาไม่สามารถบังคับร่างกายให้เคลื่อนไหวได้อย่างที่ใจต้องการ

แต่เฟเรสก็ยังเอาแต่บังคับตัวเองให้ขยับ

ต่อให้ต้องคลานสี่เท้าเหมือนสัตว์ ยังไงเขาก็ต้องหาเทียให้เจอ

“อะ เจ้าชาย!”

เด็กหนุ่มคนหนึ่งเปิดประตูเข้ามาเจอเฟเรสที่กำลังคลานอยู่บนพื้นเข้าพอดี จึงรีบวิ่งเข้ามาด้วยความตกใจ

เด็กคนนี้น่าจะเป็นแพทย์คนหนึ่งในตระกูล ร่างกายถึงได้มีกลิ่นสมุนไพรคลุ้งไปหมด

“ยังขยับพระวรกายไม่ได้นะพ่ะย่ะค่ะ! เดี๋ยวแผลปริอีกรอบจะแย่ อ๊ะ!”

เลือดสีแดงเข้มไหลซึมผ้าพันแผลบ่งบอกได้ว่า บาดแผลบนแผ่นหลังที่เพิ่งถูกเย็บสมานตัวไปได้ไม่นานได้ปริออกอีกครั้งเสียแล้ว

“เทีย…อยู่ที่ใด”

เฟเรสเค้นเสียงถาม

“คุณหนูอยู่ห้องข้างๆ …เจ้าชายอย่าทำแบบนี้เลยพ่ะย่ะค่ะ กลับไปนอนพัก…อึก!”

โอเลียซึ่งเป็นเพื่อนร่วมงานหรือลูกศิษย์ของเอสทีร่าต้องหยุดชะงัก เมื่อถูกมือแกร่งกุมคอเสื้อของตนเอาไว้แน่น

“นำทางข้า…ไปหาเทีย”

ท่าทีร้อนรนนั่นทำให้โอเลียได้แต่ถอนหายใจเสียงแผ่ว

“พิงกระหม่อมไว้เถอะพ่ะย่ะค่ะ”

โอเลียพูดพลางขยับกายช่วยพยุงเฟเรส

“ยังไม่ได้รับยาแก้ปวด คงจะลำบากหน่อย…”

ร่างกายของเฟเรสท่วมไปด้วยเหงื่อเย็นเฉียบเป็นหลักฐานยืนยันคำพูดของโอเลียได้ดีเยี่ยม

ทว่าเฟเรสก็แค่กัดฟันแน่นฝืนทนเอาไว้ แล้วขยับเท้าก้าวเดินไปยังห้องข้างๆ ที่โอเลียบอกทันทีเท่านั้น

แกรก

ประตูห้องถูกเปิดออก เฟเรสมองตรงไปเห็นเทียที่กำลังนอนนิ่งอยู่บนเตียง

วินาทีนั้นเอง ความเจ็บปวดอันรุนแรงจากบาดแผลบนแผ่นหลังก็เทียบไม่ติด พลันถาโถมเข้าบีบรัดหัวใจของเขาอย่างรุนแรง

“…เทีย”

หญิงสาวไม่ได้เอ่ยตอบอะไรกลับมา

มีเพียงหน้าอกที่ขยับขึ้นลงเบาๆ ตามจังหวะหายใจเท่านั้นที่คอยปลอบโยนเฟเรสให้รู้ว่าเทียยังมีชีวิตอยู่

“เพียงแค่ได้รับบาดแผลเล็กๆ และโดนพิษเข้าสู่กระแสเลือดเท่านั้นพ่ะย่ะค่ะ ไม่ได้มีบาดแผลอื่นใด”

โอเลียรีบอธิบายด้วยกลัวว่าเฟเรสจะสลบไปอีกครั้ง

โซซัดโซเซ เฟเรสเดินกะโผลกกะเผลกตรงไปยังข้างเตียงอย่างยากลำบาก ก่อนจะทรุดกายนั่งลงบนเก้าอี้

แผ่นหลังที่พันผ้าพันแผลไว้แน่นอาบย้อมไปด้วยเลือดสีแดงจนท่วม มันเป็นแผ่นหลังที่ดูเหนื่อยล้า และต้องทนลำบากมามากเกินกว่าจะเรียกว่าเป็นแผ่นหลังของเจ้าชายแห่งอาณาจักร

“ดะ…เดี๋ยวก็ฟื้นแล้วพ่ะย่ะค่ะ อย่าทรงเป็นห่วงมากเลย”

ถึงแม้โอเลียจะพูดแบบนั้น แต่เฟเรสก็ยังคงไม่อาจละสายตาไปจากเทียได้อยู่ดี

เทียในตอนนี้ไม่หลงเหลือสภาพร่าเริงสดใสที่เขามักจะพบเห็นอยู่เป็นประจำเฉกเช่นทุกคราที่ได้เจอหน้านาง

ร่างกายของเทียที่สั่นเทาไม่หยุดด้วยความหวาดกลัวตอนอยู่บนหลังม้าที่วิ่งด้วยความเร็วนั้น ยังคงเด่นชัดอยู่ตรงหน้าเขาอยู่เลย

“ขอโทษ”

เฟเรสก้มหน้านิ่ง

ปลายนิ้วสั่นเทาเอื้อมไปสัมผัสลงบนแก้มของเทียอย่างอ่อนโยน

“ขอโทษนะ เทีย”

ติ๋ง

น้ำตาหยดลงมาจากนัยน์ตาของเฟเรสเป็นเสียงแผ่วเบา

“ขอโทษนะ ที่ทำให้เจ้าต้องติดร่างแหไปด้วย”

ไอ้สงครามสกปรกโสโครกนี่

ในนรก ระหว่างเขากับจักรพรรดินีคงต้องมีใครคนหนึ่งจบชีวิตลงถึงจะสิ้นสุดมันได้

หยาดน้ำตาเม็ดกลมไหลหยดลงมาจากนัยน์ตาของลูกผู้ชาย มันไหลซึมเหลือทิ้งไว้เพียงแค่จุดด่างบนผ้าปูที่นอนผืนหนึ่ง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล 190.2

Now you are reading เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล Chapter 190.2 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เล่ม 5 บทที่ 190.2

ชานตั้น เซอเชาว์ เมินเฉยไม่สนใจ แล้วหันไปหยิบผ้าพันแผลขึ้นมาพันบาดแผลบริเวณต้นขาเอาไว้แทน

พอเห็นแบบนั้นอีกฝ่ายก็ยิ่งโมโหเดือด นักฆ่าเดินเข้าไปใกล้ชานตั้นอีกก้าว ในขณะเดียวกันก็ตำหนิเสียงดัง

“มีโอกาสอยู่เห็นๆ แต่พอจะลงมือสังหารเจ้าชายเข้าจริงๆ ก็กลับขี้ขลาดขึ้นมาเสียอย่างนั้น หรือว่าประสาทสัมผัสจะด้อยลงไปมากเสียจนไม่อาจสังเกตเห็นโอกาสที่ว่านั่น…”

แต่มือสังหารกลับไม่อาจพูดได้จนจบประโยค

ครืนนนน

เพราะปลายดาบห่อหุ้มไปด้วยออร่าสีน้ำเงินได้จ่อเข้าที่ปลายคางของตนเสียแล้ว

“เจ้า”

ชานตั้น เซอเชาว์ ถลึงตาจ้องมือสังหารเขม็ง

“ทำไมถึงได้ใช้ยาพิษ”

“…”

มือสังหารรู้สึกได้ถึงจิตสังหารรุนแรงจนขนลุกชันด้วยความหวาดกลัวจากสายตาเย็นยะเยือกที่ส่องประกายอำมหิตผ่านเรือนผมยุ่งเหยิงปรกลงมาไม่เป็นทรงนั่น

“มีโอกาสอย่างนั้นหรือ”

ชานตั้น เซอเชาว์ กรอกเหล้าเทใส่ปากอีกครั้ง ก่อนจะเอ่ยถามเสียงแหบแห้ง

“ว่ามาสิ มีโอกาสตอนไหนกัน”

“ตะ…ตอนที่เจ้าชายพยายามปกป้องนังนั่น…”

“เหอะ”

เจ้าตระกูลเซอเชาว์หัวเราะเย้ยหยันด้วยความสมเพช

ปลายนิ้วเสยผมที่ปรกลงมาข้างหน้าขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์ เลือดสีแดงเข้มที่เลอะเปรอะฝ่ามือใหญ่จึงพานทำให้ทั่วใบหน้าเลอะไปด้วยเลือด

“ตอนนั้นหากแกว่งดาบฟาดลงไป คงเป็นมือข้าที่จะถูกฟันขาด”

ชานตั้นเอ่ยพูดคล้ายเสียงคำรามต่ำ ขณะที่หันหน้าไปจ้องมือสังหารเขม็งอีกครั้ง

“ดูท่าเจ้าจะจับความรู้สึกไม่ได้เลยสินะ ว่าเจ้าชายลำดับที่สองเก่งกาจแค่ไหน”

ร่างกายที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสไม่ได้มีแค่เฉพาะต้นขาที่ถูกฟันด้วยออร่าเพียงอย่างเดียว

“ตอนนี้ข้ายังเจ็บร้าวไปถึงกระดูกอยู่เลยด้วยซ้ำ”

ชานตั้น เซอเชาว์ พึมพำเสียงแผ่ว เขาลองกำและแบมือข้างขวาที่ประดาบกับเจ้าชายลำดับที่สองอยู่หลายครั้ง

และพันผ้าพันแผลให้แน่นพลางเอ่ยพูด

“เจ้าไปบอกองค์จักรพรรดินีเสียว่าข้าชานตั้น เซอเชาว์ ได้ทำตามสัญญาแล้ว”

ไอ้สัญญาเฮงซวยนั่น

ชานตั้นกัดฟันกรอด

จักรพรรดินีราวีนีเป็นผู้หญิงที่มีเซนส์ไวดีจนน่าประหลาดใจจริงๆ

เพราะอย่างนั้นตอนนี้เขาถึงได้มีสภาพเละเทะจนดูไม่ได้แบบนี้

หน้ากากที่เคยใช้ปิดบังใบหน้าด้วยความขี้ขลาดกลิ้งตกอยู่บนพื้น

ชานตั้น เซอเชาว์ กระดกเหล้าลงคอ ความรู้สึกคลื่นเหียนด้วยความรังเกียจก็พลุ่งพล่านตีกลับขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อหันไปเห็นหน้ากากอันนั้น

“คำสั่งขององค์จักรพรรดินีคือสังหารเจ้าชายลำดับที่สองให้สิ้น แต่นี่กลับล้มเหลว…”

ฟิ้ว

จู่ๆ สายลมก็พัดแรงอย่างกะทันหันจนทำให้หน้ากากของนักฆ่าหลุดร่วงหล่นจากใบหน้า

“อึก…”

นั่นไม่ใช่สายลมทั่วไป

ภายในห้องสี่เหลี่ยมมิดชิดแห่งนี้ จะไปมีสายลมพัดแรงแบบนั้นได้ยังไงกัน

สายลมนั่นคือมานาของเจ้าตระกูลเซอเชาว์ที่พัดกระหน่ำกดทับกายของนักฆ่าเอาไว้อย่างหนักหน่วงต่างหากล่ะ

แรงกดดันที่กดทับร่างกายนั่น มันบีบรัดกระดูกซี่โครงของนักฆ่าจนทำให้แทบกระอักเลือด

“ไสหัวไปก่อนที่ข้าจะฆ่าเจ้า”

ชานตั้น เซอเชาว์ เอ่ยพูดพลางปลดปล่อยจิตสังหารออกมาอย่างรุนแรง

“กะ…กรอด…”

สุดท้ายนักฆ่าก็ถลาถอยไปอย่างทุลักทุเล แล้ววิ่งแจ้นหนีออกไปจากห้อง

ชานตั้น เซอเชาว์ มองตามแผ่นหลังน่าสมเพชนั่นไปจนลับสายตา ก่อนจะเก็บพลังมานากลับคืนไป

“เฮ้อ”

เขาถอนหายใจหนักอึ้ง

และในตอนที่เงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง ก็มองเห็นสภาพของตัวเองสะท้อนจากกระจกที่วางอยู่มุมหนึ่งของห้องนอน

จึ๊ก!

ดาบของเจ้าตระกูลเซอเชาว์บินพุ่งตรงไปปักอยู่กลางกระจกอย่างแม่นยำ

เพราะฝืนออกแรง เลือดที่ขาจึงไหลทะลักออกมาอีกครั้ง

แต่ชานตั้น เซอเชาว์ ก็ยังคงเอาแต่นั่งนิ่งอยู่ในห้องมืดมิด เหม่อมองสภาพของตัวเองในกระจกแตกร้าวอยู่อย่างนั้นไม่ขยับไปไหน

* * *

ในห้องนอนเงียบสงัด

“เฮือก!”

เฟเรสที่นอนนิ่งราวกับตายไปแล้วสะดุ้งสูดอากาศเข้าปอดเฮือกใหญ่ นัยน์ตาเบิกกว้างลืมขึ้น

สิ่งแรกที่ปรากฏเข้าสู่ห้วงสายตาคือ เพดานสลักลายต้นไม้แห่งโลกอันเป็นสัญลักษณ์ประจำตระกูลลอมบาร์เดีย

เมื่อตระหนักได้ว่าสถานที่ที่เขากำลังนอนอยู่คือคฤหาสน์ตระกูลลอมบาร์เดีย เฟเรสก็หยัดกายลุกขึ้นทันที

“อึก!”

เจ็บร้าวราวกับโดนดาบฟันลงมาอีกครั้ง แต่ของแค่นั้นไม่มีทางหยุดเฟเรสได้อยู่แล้ว

ในหัวของเขาคิดถึงแต่เพียงหญิงสาวเพียงคนเดียวเท่านั้น

“เทีย…!”

โครม

เพราะฝืนขยับร่างกายที่ยังอ่อนแรงจนไม่อาจลุกขึ้นได้ ร่างกายของเฟเรสจึงร่วงตกลงไปจากเตียงนอนจนได้

เขาไม่สามารถบังคับร่างกายให้เคลื่อนไหวได้อย่างที่ใจต้องการ

แต่เฟเรสก็ยังเอาแต่บังคับตัวเองให้ขยับ

ต่อให้ต้องคลานสี่เท้าเหมือนสัตว์ ยังไงเขาก็ต้องหาเทียให้เจอ

“อะ เจ้าชาย!”

เด็กหนุ่มคนหนึ่งเปิดประตูเข้ามาเจอเฟเรสที่กำลังคลานอยู่บนพื้นเข้าพอดี จึงรีบวิ่งเข้ามาด้วยความตกใจ

เด็กคนนี้น่าจะเป็นแพทย์คนหนึ่งในตระกูล ร่างกายถึงได้มีกลิ่นสมุนไพรคลุ้งไปหมด

“ยังขยับพระวรกายไม่ได้นะพ่ะย่ะค่ะ! เดี๋ยวแผลปริอีกรอบจะแย่ อ๊ะ!”

เลือดสีแดงเข้มไหลซึมผ้าพันแผลบ่งบอกได้ว่า บาดแผลบนแผ่นหลังที่เพิ่งถูกเย็บสมานตัวไปได้ไม่นานได้ปริออกอีกครั้งเสียแล้ว

“เทีย…อยู่ที่ใด”

เฟเรสเค้นเสียงถาม

“คุณหนูอยู่ห้องข้างๆ …เจ้าชายอย่าทำแบบนี้เลยพ่ะย่ะค่ะ กลับไปนอนพัก…อึก!”

โอเลียซึ่งเป็นเพื่อนร่วมงานหรือลูกศิษย์ของเอสทีร่าต้องหยุดชะงัก เมื่อถูกมือแกร่งกุมคอเสื้อของตนเอาไว้แน่น

“นำทางข้า…ไปหาเทีย”

ท่าทีร้อนรนนั่นทำให้โอเลียได้แต่ถอนหายใจเสียงแผ่ว

“พิงกระหม่อมไว้เถอะพ่ะย่ะค่ะ”

โอเลียพูดพลางขยับกายช่วยพยุงเฟเรส

“ยังไม่ได้รับยาแก้ปวด คงจะลำบากหน่อย…”

ร่างกายของเฟเรสท่วมไปด้วยเหงื่อเย็นเฉียบเป็นหลักฐานยืนยันคำพูดของโอเลียได้ดีเยี่ยม

ทว่าเฟเรสก็แค่กัดฟันแน่นฝืนทนเอาไว้ แล้วขยับเท้าก้าวเดินไปยังห้องข้างๆ ที่โอเลียบอกทันทีเท่านั้น

แกรก

ประตูห้องถูกเปิดออก เฟเรสมองตรงไปเห็นเทียที่กำลังนอนนิ่งอยู่บนเตียง

วินาทีนั้นเอง ความเจ็บปวดอันรุนแรงจากบาดแผลบนแผ่นหลังก็เทียบไม่ติด พลันถาโถมเข้าบีบรัดหัวใจของเขาอย่างรุนแรง

“…เทีย”

หญิงสาวไม่ได้เอ่ยตอบอะไรกลับมา

มีเพียงหน้าอกที่ขยับขึ้นลงเบาๆ ตามจังหวะหายใจเท่านั้นที่คอยปลอบโยนเฟเรสให้รู้ว่าเทียยังมีชีวิตอยู่

“เพียงแค่ได้รับบาดแผลเล็กๆ และโดนพิษเข้าสู่กระแสเลือดเท่านั้นพ่ะย่ะค่ะ ไม่ได้มีบาดแผลอื่นใด”

โอเลียรีบอธิบายด้วยกลัวว่าเฟเรสจะสลบไปอีกครั้ง

โซซัดโซเซ เฟเรสเดินกะโผลกกะเผลกตรงไปยังข้างเตียงอย่างยากลำบาก ก่อนจะทรุดกายนั่งลงบนเก้าอี้

แผ่นหลังที่พันผ้าพันแผลไว้แน่นอาบย้อมไปด้วยเลือดสีแดงจนท่วม มันเป็นแผ่นหลังที่ดูเหนื่อยล้า และต้องทนลำบากมามากเกินกว่าจะเรียกว่าเป็นแผ่นหลังของเจ้าชายแห่งอาณาจักร

“ดะ…เดี๋ยวก็ฟื้นแล้วพ่ะย่ะค่ะ อย่าทรงเป็นห่วงมากเลย”

ถึงแม้โอเลียจะพูดแบบนั้น แต่เฟเรสก็ยังคงไม่อาจละสายตาไปจากเทียได้อยู่ดี

เทียในตอนนี้ไม่หลงเหลือสภาพร่าเริงสดใสที่เขามักจะพบเห็นอยู่เป็นประจำเฉกเช่นทุกคราที่ได้เจอหน้านาง

ร่างกายของเทียที่สั่นเทาไม่หยุดด้วยความหวาดกลัวตอนอยู่บนหลังม้าที่วิ่งด้วยความเร็วนั้น ยังคงเด่นชัดอยู่ตรงหน้าเขาอยู่เลย

“ขอโทษ”

เฟเรสก้มหน้านิ่ง

ปลายนิ้วสั่นเทาเอื้อมไปสัมผัสลงบนแก้มของเทียอย่างอ่อนโยน

“ขอโทษนะ เทีย”

ติ๋ง

น้ำตาหยดลงมาจากนัยน์ตาของเฟเรสเป็นเสียงแผ่วเบา

“ขอโทษนะ ที่ทำให้เจ้าต้องติดร่างแหไปด้วย”

ไอ้สงครามสกปรกโสโครกนี่

ในนรก ระหว่างเขากับจักรพรรดินีคงต้องมีใครคนหนึ่งจบชีวิตลงถึงจะสิ้นสุดมันได้

หยาดน้ำตาเม็ดกลมไหลหยดลงมาจากนัยน์ตาของลูกผู้ชาย มันไหลซึมเหลือทิ้งไว้เพียงแค่จุดด่างบนผ้าปูที่นอนผืนหนึ่ง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล 190.2

Now you are reading เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล Chapter 190.2 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เล่ม 5 บทที่ 190.2

ชานตั้น เซอเชาว์ เมินเฉยไม่สนใจ แล้วหันไปหยิบผ้าพันแผลขึ้นมาพันบาดแผลบริเวณต้นขาเอาไว้แทน

พอเห็นแบบนั้นอีกฝ่ายก็ยิ่งโมโหเดือด นักฆ่าเดินเข้าไปใกล้ชานตั้นอีกก้าว ในขณะเดียวกันก็ตำหนิเสียงดัง

“มีโอกาสอยู่เห็นๆ แต่พอจะลงมือสังหารเจ้าชายเข้าจริงๆ ก็กลับขี้ขลาดขึ้นมาเสียอย่างนั้น หรือว่าประสาทสัมผัสจะด้อยลงไปมากเสียจนไม่อาจสังเกตเห็นโอกาสที่ว่านั่น…”

แต่มือสังหารกลับไม่อาจพูดได้จนจบประโยค

ครืนนนน

เพราะปลายดาบห่อหุ้มไปด้วยออร่าสีน้ำเงินได้จ่อเข้าที่ปลายคางของตนเสียแล้ว

“เจ้า”

ชานตั้น เซอเชาว์ ถลึงตาจ้องมือสังหารเขม็ง

“ทำไมถึงได้ใช้ยาพิษ”

“…”

มือสังหารรู้สึกได้ถึงจิตสังหารรุนแรงจนขนลุกชันด้วยความหวาดกลัวจากสายตาเย็นยะเยือกที่ส่องประกายอำมหิตผ่านเรือนผมยุ่งเหยิงปรกลงมาไม่เป็นทรงนั่น

“มีโอกาสอย่างนั้นหรือ”

ชานตั้น เซอเชาว์ กรอกเหล้าเทใส่ปากอีกครั้ง ก่อนจะเอ่ยถามเสียงแหบแห้ง

“ว่ามาสิ มีโอกาสตอนไหนกัน”

“ตะ…ตอนที่เจ้าชายพยายามปกป้องนังนั่น…”

“เหอะ”

เจ้าตระกูลเซอเชาว์หัวเราะเย้ยหยันด้วยความสมเพช

ปลายนิ้วเสยผมที่ปรกลงมาข้างหน้าขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์ เลือดสีแดงเข้มที่เลอะเปรอะฝ่ามือใหญ่จึงพานทำให้ทั่วใบหน้าเลอะไปด้วยเลือด

“ตอนนั้นหากแกว่งดาบฟาดลงไป คงเป็นมือข้าที่จะถูกฟันขาด”

ชานตั้นเอ่ยพูดคล้ายเสียงคำรามต่ำ ขณะที่หันหน้าไปจ้องมือสังหารเขม็งอีกครั้ง

“ดูท่าเจ้าจะจับความรู้สึกไม่ได้เลยสินะ ว่าเจ้าชายลำดับที่สองเก่งกาจแค่ไหน”

ร่างกายที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสไม่ได้มีแค่เฉพาะต้นขาที่ถูกฟันด้วยออร่าเพียงอย่างเดียว

“ตอนนี้ข้ายังเจ็บร้าวไปถึงกระดูกอยู่เลยด้วยซ้ำ”

ชานตั้น เซอเชาว์ พึมพำเสียงแผ่ว เขาลองกำและแบมือข้างขวาที่ประดาบกับเจ้าชายลำดับที่สองอยู่หลายครั้ง

และพันผ้าพันแผลให้แน่นพลางเอ่ยพูด

“เจ้าไปบอกองค์จักรพรรดินีเสียว่าข้าชานตั้น เซอเชาว์ ได้ทำตามสัญญาแล้ว”

ไอ้สัญญาเฮงซวยนั่น

ชานตั้นกัดฟันกรอด

จักรพรรดินีราวีนีเป็นผู้หญิงที่มีเซนส์ไวดีจนน่าประหลาดใจจริงๆ

เพราะอย่างนั้นตอนนี้เขาถึงได้มีสภาพเละเทะจนดูไม่ได้แบบนี้

หน้ากากที่เคยใช้ปิดบังใบหน้าด้วยความขี้ขลาดกลิ้งตกอยู่บนพื้น

ชานตั้น เซอเชาว์ กระดกเหล้าลงคอ ความรู้สึกคลื่นเหียนด้วยความรังเกียจก็พลุ่งพล่านตีกลับขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อหันไปเห็นหน้ากากอันนั้น

“คำสั่งขององค์จักรพรรดินีคือสังหารเจ้าชายลำดับที่สองให้สิ้น แต่นี่กลับล้มเหลว…”

ฟิ้ว

จู่ๆ สายลมก็พัดแรงอย่างกะทันหันจนทำให้หน้ากากของนักฆ่าหลุดร่วงหล่นจากใบหน้า

“อึก…”

นั่นไม่ใช่สายลมทั่วไป

ภายในห้องสี่เหลี่ยมมิดชิดแห่งนี้ จะไปมีสายลมพัดแรงแบบนั้นได้ยังไงกัน

สายลมนั่นคือมานาของเจ้าตระกูลเซอเชาว์ที่พัดกระหน่ำกดทับกายของนักฆ่าเอาไว้อย่างหนักหน่วงต่างหากล่ะ

แรงกดดันที่กดทับร่างกายนั่น มันบีบรัดกระดูกซี่โครงของนักฆ่าจนทำให้แทบกระอักเลือด

“ไสหัวไปก่อนที่ข้าจะฆ่าเจ้า”

ชานตั้น เซอเชาว์ เอ่ยพูดพลางปลดปล่อยจิตสังหารออกมาอย่างรุนแรง

“กะ…กรอด…”

สุดท้ายนักฆ่าก็ถลาถอยไปอย่างทุลักทุเล แล้ววิ่งแจ้นหนีออกไปจากห้อง

ชานตั้น เซอเชาว์ มองตามแผ่นหลังน่าสมเพชนั่นไปจนลับสายตา ก่อนจะเก็บพลังมานากลับคืนไป

“เฮ้อ”

เขาถอนหายใจหนักอึ้ง

และในตอนที่เงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง ก็มองเห็นสภาพของตัวเองสะท้อนจากกระจกที่วางอยู่มุมหนึ่งของห้องนอน

จึ๊ก!

ดาบของเจ้าตระกูลเซอเชาว์บินพุ่งตรงไปปักอยู่กลางกระจกอย่างแม่นยำ

เพราะฝืนออกแรง เลือดที่ขาจึงไหลทะลักออกมาอีกครั้ง

แต่ชานตั้น เซอเชาว์ ก็ยังคงเอาแต่นั่งนิ่งอยู่ในห้องมืดมิด เหม่อมองสภาพของตัวเองในกระจกแตกร้าวอยู่อย่างนั้นไม่ขยับไปไหน

* * *

ในห้องนอนเงียบสงัด

“เฮือก!”

เฟเรสที่นอนนิ่งราวกับตายไปแล้วสะดุ้งสูดอากาศเข้าปอดเฮือกใหญ่ นัยน์ตาเบิกกว้างลืมขึ้น

สิ่งแรกที่ปรากฏเข้าสู่ห้วงสายตาคือ เพดานสลักลายต้นไม้แห่งโลกอันเป็นสัญลักษณ์ประจำตระกูลลอมบาร์เดีย

เมื่อตระหนักได้ว่าสถานที่ที่เขากำลังนอนอยู่คือคฤหาสน์ตระกูลลอมบาร์เดีย เฟเรสก็หยัดกายลุกขึ้นทันที

“อึก!”

เจ็บร้าวราวกับโดนดาบฟันลงมาอีกครั้ง แต่ของแค่นั้นไม่มีทางหยุดเฟเรสได้อยู่แล้ว

ในหัวของเขาคิดถึงแต่เพียงหญิงสาวเพียงคนเดียวเท่านั้น

“เทีย…!”

โครม

เพราะฝืนขยับร่างกายที่ยังอ่อนแรงจนไม่อาจลุกขึ้นได้ ร่างกายของเฟเรสจึงร่วงตกลงไปจากเตียงนอนจนได้

เขาไม่สามารถบังคับร่างกายให้เคลื่อนไหวได้อย่างที่ใจต้องการ

แต่เฟเรสก็ยังเอาแต่บังคับตัวเองให้ขยับ

ต่อให้ต้องคลานสี่เท้าเหมือนสัตว์ ยังไงเขาก็ต้องหาเทียให้เจอ

“อะ เจ้าชาย!”

เด็กหนุ่มคนหนึ่งเปิดประตูเข้ามาเจอเฟเรสที่กำลังคลานอยู่บนพื้นเข้าพอดี จึงรีบวิ่งเข้ามาด้วยความตกใจ

เด็กคนนี้น่าจะเป็นแพทย์คนหนึ่งในตระกูล ร่างกายถึงได้มีกลิ่นสมุนไพรคลุ้งไปหมด

“ยังขยับพระวรกายไม่ได้นะพ่ะย่ะค่ะ! เดี๋ยวแผลปริอีกรอบจะแย่ อ๊ะ!”

เลือดสีแดงเข้มไหลซึมผ้าพันแผลบ่งบอกได้ว่า บาดแผลบนแผ่นหลังที่เพิ่งถูกเย็บสมานตัวไปได้ไม่นานได้ปริออกอีกครั้งเสียแล้ว

“เทีย…อยู่ที่ใด”

เฟเรสเค้นเสียงถาม

“คุณหนูอยู่ห้องข้างๆ …เจ้าชายอย่าทำแบบนี้เลยพ่ะย่ะค่ะ กลับไปนอนพัก…อึก!”

โอเลียซึ่งเป็นเพื่อนร่วมงานหรือลูกศิษย์ของเอสทีร่าต้องหยุดชะงัก เมื่อถูกมือแกร่งกุมคอเสื้อของตนเอาไว้แน่น

“นำทางข้า…ไปหาเทีย”

ท่าทีร้อนรนนั่นทำให้โอเลียได้แต่ถอนหายใจเสียงแผ่ว

“พิงกระหม่อมไว้เถอะพ่ะย่ะค่ะ”

โอเลียพูดพลางขยับกายช่วยพยุงเฟเรส

“ยังไม่ได้รับยาแก้ปวด คงจะลำบากหน่อย…”

ร่างกายของเฟเรสท่วมไปด้วยเหงื่อเย็นเฉียบเป็นหลักฐานยืนยันคำพูดของโอเลียได้ดีเยี่ยม

ทว่าเฟเรสก็แค่กัดฟันแน่นฝืนทนเอาไว้ แล้วขยับเท้าก้าวเดินไปยังห้องข้างๆ ที่โอเลียบอกทันทีเท่านั้น

แกรก

ประตูห้องถูกเปิดออก เฟเรสมองตรงไปเห็นเทียที่กำลังนอนนิ่งอยู่บนเตียง

วินาทีนั้นเอง ความเจ็บปวดอันรุนแรงจากบาดแผลบนแผ่นหลังก็เทียบไม่ติด พลันถาโถมเข้าบีบรัดหัวใจของเขาอย่างรุนแรง

“…เทีย”

หญิงสาวไม่ได้เอ่ยตอบอะไรกลับมา

มีเพียงหน้าอกที่ขยับขึ้นลงเบาๆ ตามจังหวะหายใจเท่านั้นที่คอยปลอบโยนเฟเรสให้รู้ว่าเทียยังมีชีวิตอยู่

“เพียงแค่ได้รับบาดแผลเล็กๆ และโดนพิษเข้าสู่กระแสเลือดเท่านั้นพ่ะย่ะค่ะ ไม่ได้มีบาดแผลอื่นใด”

โอเลียรีบอธิบายด้วยกลัวว่าเฟเรสจะสลบไปอีกครั้ง

โซซัดโซเซ เฟเรสเดินกะโผลกกะเผลกตรงไปยังข้างเตียงอย่างยากลำบาก ก่อนจะทรุดกายนั่งลงบนเก้าอี้

แผ่นหลังที่พันผ้าพันแผลไว้แน่นอาบย้อมไปด้วยเลือดสีแดงจนท่วม มันเป็นแผ่นหลังที่ดูเหนื่อยล้า และต้องทนลำบากมามากเกินกว่าจะเรียกว่าเป็นแผ่นหลังของเจ้าชายแห่งอาณาจักร

“ดะ…เดี๋ยวก็ฟื้นแล้วพ่ะย่ะค่ะ อย่าทรงเป็นห่วงมากเลย”

ถึงแม้โอเลียจะพูดแบบนั้น แต่เฟเรสก็ยังคงไม่อาจละสายตาไปจากเทียได้อยู่ดี

เทียในตอนนี้ไม่หลงเหลือสภาพร่าเริงสดใสที่เขามักจะพบเห็นอยู่เป็นประจำเฉกเช่นทุกคราที่ได้เจอหน้านาง

ร่างกายของเทียที่สั่นเทาไม่หยุดด้วยความหวาดกลัวตอนอยู่บนหลังม้าที่วิ่งด้วยความเร็วนั้น ยังคงเด่นชัดอยู่ตรงหน้าเขาอยู่เลย

“ขอโทษ”

เฟเรสก้มหน้านิ่ง

ปลายนิ้วสั่นเทาเอื้อมไปสัมผัสลงบนแก้มของเทียอย่างอ่อนโยน

“ขอโทษนะ เทีย”

ติ๋ง

น้ำตาหยดลงมาจากนัยน์ตาของเฟเรสเป็นเสียงแผ่วเบา

“ขอโทษนะ ที่ทำให้เจ้าต้องติดร่างแหไปด้วย”

ไอ้สงครามสกปรกโสโครกนี่

ในนรก ระหว่างเขากับจักรพรรดินีคงต้องมีใครคนหนึ่งจบชีวิตลงถึงจะสิ้นสุดมันได้

หยาดน้ำตาเม็ดกลมไหลหยดลงมาจากนัยน์ตาของลูกผู้ชาย มันไหลซึมเหลือทิ้งไว้เพียงแค่จุดด่างบนผ้าปูที่นอนผืนหนึ่ง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+