เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล 191.2

Now you are reading เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล Chapter 191.2 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เล่ม 5 บทที่ 191.2

ท่านพ่อเหม่อมองใบหน้าของเธอนิ่ง ก่อนจะเอ่ยต่อ

“ลูกไม่จำเป็นต้องทำถึงขนาดนี้ก็ได้ เทีย”

ท่านพ่อกำลังทุกข์ทรมาน

“หมั้นหมายเพื่อตระกูล แล้วยังเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้เพราะเรื่องพวกนั้น…”

ท่านพ่อทราบดีอยู่แล้วว่า เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้เป็นเพราะสาเหตุใดกันแน่

“ก่อนอื่น เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้พ่อสั่งเอาไว้แล้วว่า ห้ามไม่ให้รู้ไปถึงหูท่านปู่เด็ดขาด แต่ก็คงเก็บเป็นความลับต่อไปได้ไม่นานนักหรอก ในเมื่อจักรพรรดินีกล้าส่งนักฆ่าบุกเข้ามาในเขตแดนของลอมบาร์เดียแบบนี้”

กระทั่งน้ำเสียงก็ยังกดต่ำลงจนน่ากลัว

“แต่ถึงขนาดกล้าส่งคนเข้ามาในเขตแดนลอมบาร์เดียแบบนี้ แสดงว่าจักรพรรดินีกำลังจนตรอกแล้วจริงๆ เพราะฉะนั้นในเมื่อคราวนี้นางลงมือไม่สำเร็จ ย่อมต้องมีครั้งหน้าอีกแน่ และจะยิ่งรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะนางสามารถทำได้ทุกอย่างเพื่อผลักดันให้โอรสของตัวเองขึ้นเป็นจักรพรรดิ”

ท่านพ่อเองก็ประเมินได้อย่างแม่นยำว่า จักรพรรดินีราวีนีเป็นคนแบบใด

“เทีย”

นัยน์ตาอ่อนโยนของท่านพ่อเปี่ยมไปด้วยความกังวล

“ไปเชซายูกับพ่อเถอะ”

“…คะ?”

“เชซายูกำลังพัฒนาขึ้นมากในแต่ละวัน ท่าเรือเองก็เริ่มทรงตัวแล้ว มันเป็นสถานที่ที่มีโอกาสพัฒนาต่อไปได้อีกมากทีเดียว เทีย เจ้าเองก็จะต้องถูกใจที่นั่นมากแน่”

“หมายความว่า จะให้เดินทางไปจากลอมบาร์เดียเหรอคะ”

ท่านพ่อยิ้มขมขื่นตอบคำถามเธอ

“ลอมบาร์เดียเป็นตระกูลที่ยิ่งใหญ่มากใช่มั้ย”

ท่านพ่อพูดพลางเงยหน้าขึ้นมองต้นไม้โลกที่ถูกแกะสลักเป็นลวดลายอย่างงดงามอยู่บนเพดาน

“แต่ความยิ่งใหญ่ที่ว่านั่นกลับกลืนกินผู้คนที่ช่วยสร้างตระกูลให้เติบใหญ่อยู่เสมอ ครอบครัวสูญสิ้นสายสัมพันธ์อันดี คู่สามีภริยาไม่เคยได้รู้จักความรัก”

นัยน์ตาสีเขียวของท่านพ่อหันกลับมามองเธออีกครั้ง

“เทีย พ่อแค่อยากให้เจ้าได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขก็พอแล้ว ไม่ต้องกลายเป็นปุ๋ยที่ยอมสละตัวเองเพื่อให้ต้นไม้โลกนี่เจริญงอกงาม แต่เป็นปุ๋ยที่พัฒนารากฐานของเจ้าเพียงผู้เดียว”

“พ่อ…”

“ไปเชซายูด้วยกันกับพ่อเถอะนะ เทีย”

เธอเพิ่งเคยเห็นท่านพ่อเป็นแบบนี้ครั้งแรก

ท่านพ่อกำลังหวาดกลัว

“พ่อไม่อาจใช้ชีวิตต่อไปได้หากต้องสูญเสียเจ้าไปอีกคน”

มองหน้าท่านพ่อแล้ว นี่เป็นครั้งแรกหลังจากย้อนอดีตกลับมาที่เธอรู้สึกลังเลที่จะตัดสินใจ

อยากจะจับมือของท่านพ่อที่กำลังหวาดกลัวว่าจะเกิดเรื่องอันตรายใดกับเธอขึ้นอีกเอาไว้ให้มั่น แล้วหนีไปตั้งหลักปักฐานอยู่ในที่ที่ปลอดภัยและสงบสุขสำหรับพวกเราเหลือเกิน

ใจมันเอาแต่ครุ่นคิดเอนเอียงอยากจะทำเช่นนั้น

แต่พอเงยหน้าขึ้นมองต้นไม้โลกบนเพดานที่เมื่อครู่นี้ท่านพ่อเหม่อมองอยู่ ก็พลันนึกถึงความทรงจำบางอย่างที่เผลอลืมเลือนไปชั่วครู่ขึ้นมาได้

ประตูคฤหาสน์ที่ถูกลงกุญแจปิดตายด้วยน้ำมือของพลทหารประจำราชวงศ์ในชีวิตก่อน

ภาพตัวเธอที่ได้แต่ยืนนิ่งด้วยความเฉื่อยชาไม่แยแสสิ่งใดต่อหน้าเหตุการณ์ในวันนั้น

ความโกรธในใจที่ไม่อาจปกป้องตระกูลเอาไว้ได้

เธอละสายตาจากต้นไม้โลก แล้วหันกลับมามองหน้าท่านพ่อ ก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า

“พ่อคะ ข้าจะเป็นเจ้าตระกูลลอมบาร์เดียค่ะ”

นัยน์ตาสีเขียวของท่านพ่อซึ่งคล้ายกับนัยน์ตาของเธอสั่นเทาไม่หยุด

“ข้าตั้งใจจะสืบทอดตระกูลต่อจากท่านปู่ค่ะ”

“เทีย เรื่องนั้น…”

“ท่านป้าชานาเนสยืนกรานหนักแน่นหลายหนแล้วว่าไม่คิดที่จะสืบทอดตระกูล ท่านเลือกเช่นนั้นเพื่อพวกแฝด เหมือนอย่างที่พ่อกำลังทำอยู่เพื่อข้า”

ปากของท่านพ่อที่อ้าออกเล็กน้อยปิดลงอีกครั้ง

“แต่พ่อสืบทอดลอมบาร์เดียไม่ได้ไม่ใช่เหรอคะ เพราะพ่อมีเชซายูแล้ว”

ท่านพ่อไม่ได้ปฏิเสธอะไร

แตกต่างจากลอมบาร์เดีย เชซายูในตอนนี้ไม่ต่างอะไรจากเด็กเล็กที่เพิ่งจะเริ่มหัดเดินเป็นครั้งแรก

แค่ต้องคอยดูแลพัฒนาเชซายู ท่านพ่อก็ยุ่งจนไม่มีเวลาว่างลืมหูลืมตาแล้ว

“ถ้าอย่างนั้นก็เหลือแค่ท่านลุงเบเจอร์”

เธอคงทนดูไม่ไหวหรอกนะ แบบนั้นน่ะ

“ขอโทษนะคะ พ่อ แต่ข้าจะเป็นเจ้าตระกูลลอมบาร์เดียค่ะ”

เธอพูดเน้นย้ำอย่างชัดถ้อยชัดคำอีกครั้ง

ท่านพ่อเองก็ดูจะไม่ได้แปลกใจอะไร

“เทีย ถ้าเป็นเจ้า พ่อรู้ดีว่าคงไม่ได้คิดเพียงแค่ผิวเผินโดยไม่ได้ไตร่ตรองแน่ แต่ว่า…”

ท่านพ่อเหม่อมองเธอด้วยนัยน์ตาเศร้าหมองอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะยิ้มอ่อนระโหยอย่างไร้เรี่ยวแรง

คงจะตระหนักได้เป็นอย่างดีว่า ไม่ว่าจะห้ามปรามยังไงก็ไม่มีทางบั่นทอนความมุ่งมั่นของเธอได้อยู่ดี

“งั้นหรือ ลูกสาวพ่อใฝ่ฝันเช่นนั้นนี่เอง”

ท่านพ่อพึมพำเสียงทุ้ม ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองสบตาเธอ แล้วเอ่ยต่อว่า

“หากเป็นเจ้าละก็ ย่อมต้องกลายเป็นเจ้าตระกูลที่ยอดเยี่ยมได้แน่ เทีย ลูกสาวของพ่อจะต้องนำพาลอมบาร์เดียให้ยิ่งใหญ่ได้มากกว่าใคร”

ตึ้กตั้ก

คำพูดของท่านพ่อทำให้หัวใจของเธอเต้นกระหน่ำ

มันเป็นครั้งแรกเลยที่มีใครสักคนพูดแบบนี้กับเธอ

จะต้องนำพาลอมบาร์เดียให้ยิ่งใหญ่ได้แน่

สำหรับเธอแล้วคำพูดนั้นมันหวานหูยิ่งกว่าคำพูดใดๆ บนโลก

ไม่อาจอดกลั้นรอยยิ้มที่พยายามเก็บซ่อนเอาไว้ไม่ให้ผุดขึ้นบนริมฝีปากได้เลย

“ขอบคุณค่ะ พ่อ”

เธอพูดพลางส่งยิ้มไปให้ท่านพ่อ

“ขอบคุณที่เชื่อในตัวข้า”

ท่านพ่อเอื้อมมือมาลูบศีรษะเธอที่นอนนิ่งอยู่บนเตียง

มือคู่นั้นยังคงอบอุ่นและอ่อนโยนเหมือนสมัยเด็กไม่เปลี่ยนแปลง

* * *

ณ ห้องข้างๆ ห้องทำงานของเจ้าตระกูลลอมบาร์เดีย

ภายในห้องประชุมใหญ่เต็มไปด้วยผู้คนอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาเสียนาน

นี่เป็นการเปิดประชุมโดยมีบรรดาผู้ใต้บังคับบัญชาตระกูลลอมบาร์เดียทั้งหมดมารวมตัวกัน

ถึงแม้จะมีหลายคนนั่งรวมกลุ่มกันอยู่ แต่ภายในห้องประชุมนั้นตกอยู่ในความเงียบสนิท

เหล่าผู้ใต้บังคับบัญชานั่งล้อมวงกันอยู่ที่โต๊ะตัวยาว ต่างพากันมองหน้ารูลลักที่กำลังเอ่ยปากอยู่ในตอนนี้

“ขอบคุณทุกคนที่มากันทั้งๆ ที่งานกำลังยุ่ง”

รูลลักกวาดสายตามองใบหน้าคุ้นเคยทีละหน้า

ในห้องนี้มีตั้งแต่คนที่ยังหนุ่มยังแน่น ไปจนถึงคนแก่เฒ่าที่มีริ้วรอยเหี่ยวย่นเต็มใบหน้า

พวกเขาคือบุคคลที่มีส่วนช่วยสร้างลอมบาร์เดียให้เป็นลอมบาร์เดียในทุกวันนี้

รูลลักประกาศก้องเสียงดัง

“ข้าอยากได้ยินความเห็นจากใจจริงเกี่ยวกับผู้สืบทอดตำแหน่งเจ้าตระกูล จึงเรียกพวกเจ้าทุกคนมาร่วมประชุมกันในวันนี้”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล 191.2

Now you are reading เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล Chapter 191.2 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เล่ม 5 บทที่ 191.2

ท่านพ่อเหม่อมองใบหน้าของเธอนิ่ง ก่อนจะเอ่ยต่อ

“ลูกไม่จำเป็นต้องทำถึงขนาดนี้ก็ได้ เทีย”

ท่านพ่อกำลังทุกข์ทรมาน

“หมั้นหมายเพื่อตระกูล แล้วยังเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้เพราะเรื่องพวกนั้น…”

ท่านพ่อทราบดีอยู่แล้วว่า เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้เป็นเพราะสาเหตุใดกันแน่

“ก่อนอื่น เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้พ่อสั่งเอาไว้แล้วว่า ห้ามไม่ให้รู้ไปถึงหูท่านปู่เด็ดขาด แต่ก็คงเก็บเป็นความลับต่อไปได้ไม่นานนักหรอก ในเมื่อจักรพรรดินีกล้าส่งนักฆ่าบุกเข้ามาในเขตแดนของลอมบาร์เดียแบบนี้”

กระทั่งน้ำเสียงก็ยังกดต่ำลงจนน่ากลัว

“แต่ถึงขนาดกล้าส่งคนเข้ามาในเขตแดนลอมบาร์เดียแบบนี้ แสดงว่าจักรพรรดินีกำลังจนตรอกแล้วจริงๆ เพราะฉะนั้นในเมื่อคราวนี้นางลงมือไม่สำเร็จ ย่อมต้องมีครั้งหน้าอีกแน่ และจะยิ่งรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะนางสามารถทำได้ทุกอย่างเพื่อผลักดันให้โอรสของตัวเองขึ้นเป็นจักรพรรดิ”

ท่านพ่อเองก็ประเมินได้อย่างแม่นยำว่า จักรพรรดินีราวีนีเป็นคนแบบใด

“เทีย”

นัยน์ตาอ่อนโยนของท่านพ่อเปี่ยมไปด้วยความกังวล

“ไปเชซายูกับพ่อเถอะ”

“…คะ?”

“เชซายูกำลังพัฒนาขึ้นมากในแต่ละวัน ท่าเรือเองก็เริ่มทรงตัวแล้ว มันเป็นสถานที่ที่มีโอกาสพัฒนาต่อไปได้อีกมากทีเดียว เทีย เจ้าเองก็จะต้องถูกใจที่นั่นมากแน่”

“หมายความว่า จะให้เดินทางไปจากลอมบาร์เดียเหรอคะ”

ท่านพ่อยิ้มขมขื่นตอบคำถามเธอ

“ลอมบาร์เดียเป็นตระกูลที่ยิ่งใหญ่มากใช่มั้ย”

ท่านพ่อพูดพลางเงยหน้าขึ้นมองต้นไม้โลกที่ถูกแกะสลักเป็นลวดลายอย่างงดงามอยู่บนเพดาน

“แต่ความยิ่งใหญ่ที่ว่านั่นกลับกลืนกินผู้คนที่ช่วยสร้างตระกูลให้เติบใหญ่อยู่เสมอ ครอบครัวสูญสิ้นสายสัมพันธ์อันดี คู่สามีภริยาไม่เคยได้รู้จักความรัก”

นัยน์ตาสีเขียวของท่านพ่อหันกลับมามองเธออีกครั้ง

“เทีย พ่อแค่อยากให้เจ้าได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขก็พอแล้ว ไม่ต้องกลายเป็นปุ๋ยที่ยอมสละตัวเองเพื่อให้ต้นไม้โลกนี่เจริญงอกงาม แต่เป็นปุ๋ยที่พัฒนารากฐานของเจ้าเพียงผู้เดียว”

“พ่อ…”

“ไปเชซายูด้วยกันกับพ่อเถอะนะ เทีย”

เธอเพิ่งเคยเห็นท่านพ่อเป็นแบบนี้ครั้งแรก

ท่านพ่อกำลังหวาดกลัว

“พ่อไม่อาจใช้ชีวิตต่อไปได้หากต้องสูญเสียเจ้าไปอีกคน”

มองหน้าท่านพ่อแล้ว นี่เป็นครั้งแรกหลังจากย้อนอดีตกลับมาที่เธอรู้สึกลังเลที่จะตัดสินใจ

อยากจะจับมือของท่านพ่อที่กำลังหวาดกลัวว่าจะเกิดเรื่องอันตรายใดกับเธอขึ้นอีกเอาไว้ให้มั่น แล้วหนีไปตั้งหลักปักฐานอยู่ในที่ที่ปลอดภัยและสงบสุขสำหรับพวกเราเหลือเกิน

ใจมันเอาแต่ครุ่นคิดเอนเอียงอยากจะทำเช่นนั้น

แต่พอเงยหน้าขึ้นมองต้นไม้โลกบนเพดานที่เมื่อครู่นี้ท่านพ่อเหม่อมองอยู่ ก็พลันนึกถึงความทรงจำบางอย่างที่เผลอลืมเลือนไปชั่วครู่ขึ้นมาได้

ประตูคฤหาสน์ที่ถูกลงกุญแจปิดตายด้วยน้ำมือของพลทหารประจำราชวงศ์ในชีวิตก่อน

ภาพตัวเธอที่ได้แต่ยืนนิ่งด้วยความเฉื่อยชาไม่แยแสสิ่งใดต่อหน้าเหตุการณ์ในวันนั้น

ความโกรธในใจที่ไม่อาจปกป้องตระกูลเอาไว้ได้

เธอละสายตาจากต้นไม้โลก แล้วหันกลับมามองหน้าท่านพ่อ ก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า

“พ่อคะ ข้าจะเป็นเจ้าตระกูลลอมบาร์เดียค่ะ”

นัยน์ตาสีเขียวของท่านพ่อซึ่งคล้ายกับนัยน์ตาของเธอสั่นเทาไม่หยุด

“ข้าตั้งใจจะสืบทอดตระกูลต่อจากท่านปู่ค่ะ”

“เทีย เรื่องนั้น…”

“ท่านป้าชานาเนสยืนกรานหนักแน่นหลายหนแล้วว่าไม่คิดที่จะสืบทอดตระกูล ท่านเลือกเช่นนั้นเพื่อพวกแฝด เหมือนอย่างที่พ่อกำลังทำอยู่เพื่อข้า”

ปากของท่านพ่อที่อ้าออกเล็กน้อยปิดลงอีกครั้ง

“แต่พ่อสืบทอดลอมบาร์เดียไม่ได้ไม่ใช่เหรอคะ เพราะพ่อมีเชซายูแล้ว”

ท่านพ่อไม่ได้ปฏิเสธอะไร

แตกต่างจากลอมบาร์เดีย เชซายูในตอนนี้ไม่ต่างอะไรจากเด็กเล็กที่เพิ่งจะเริ่มหัดเดินเป็นครั้งแรก

แค่ต้องคอยดูแลพัฒนาเชซายู ท่านพ่อก็ยุ่งจนไม่มีเวลาว่างลืมหูลืมตาแล้ว

“ถ้าอย่างนั้นก็เหลือแค่ท่านลุงเบเจอร์”

เธอคงทนดูไม่ไหวหรอกนะ แบบนั้นน่ะ

“ขอโทษนะคะ พ่อ แต่ข้าจะเป็นเจ้าตระกูลลอมบาร์เดียค่ะ”

เธอพูดเน้นย้ำอย่างชัดถ้อยชัดคำอีกครั้ง

ท่านพ่อเองก็ดูจะไม่ได้แปลกใจอะไร

“เทีย ถ้าเป็นเจ้า พ่อรู้ดีว่าคงไม่ได้คิดเพียงแค่ผิวเผินโดยไม่ได้ไตร่ตรองแน่ แต่ว่า…”

ท่านพ่อเหม่อมองเธอด้วยนัยน์ตาเศร้าหมองอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะยิ้มอ่อนระโหยอย่างไร้เรี่ยวแรง

คงจะตระหนักได้เป็นอย่างดีว่า ไม่ว่าจะห้ามปรามยังไงก็ไม่มีทางบั่นทอนความมุ่งมั่นของเธอได้อยู่ดี

“งั้นหรือ ลูกสาวพ่อใฝ่ฝันเช่นนั้นนี่เอง”

ท่านพ่อพึมพำเสียงทุ้ม ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองสบตาเธอ แล้วเอ่ยต่อว่า

“หากเป็นเจ้าละก็ ย่อมต้องกลายเป็นเจ้าตระกูลที่ยอดเยี่ยมได้แน่ เทีย ลูกสาวของพ่อจะต้องนำพาลอมบาร์เดียให้ยิ่งใหญ่ได้มากกว่าใคร”

ตึ้กตั้ก

คำพูดของท่านพ่อทำให้หัวใจของเธอเต้นกระหน่ำ

มันเป็นครั้งแรกเลยที่มีใครสักคนพูดแบบนี้กับเธอ

จะต้องนำพาลอมบาร์เดียให้ยิ่งใหญ่ได้แน่

สำหรับเธอแล้วคำพูดนั้นมันหวานหูยิ่งกว่าคำพูดใดๆ บนโลก

ไม่อาจอดกลั้นรอยยิ้มที่พยายามเก็บซ่อนเอาไว้ไม่ให้ผุดขึ้นบนริมฝีปากได้เลย

“ขอบคุณค่ะ พ่อ”

เธอพูดพลางส่งยิ้มไปให้ท่านพ่อ

“ขอบคุณที่เชื่อในตัวข้า”

ท่านพ่อเอื้อมมือมาลูบศีรษะเธอที่นอนนิ่งอยู่บนเตียง

มือคู่นั้นยังคงอบอุ่นและอ่อนโยนเหมือนสมัยเด็กไม่เปลี่ยนแปลง

* * *

ณ ห้องข้างๆ ห้องทำงานของเจ้าตระกูลลอมบาร์เดีย

ภายในห้องประชุมใหญ่เต็มไปด้วยผู้คนอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาเสียนาน

นี่เป็นการเปิดประชุมโดยมีบรรดาผู้ใต้บังคับบัญชาตระกูลลอมบาร์เดียทั้งหมดมารวมตัวกัน

ถึงแม้จะมีหลายคนนั่งรวมกลุ่มกันอยู่ แต่ภายในห้องประชุมนั้นตกอยู่ในความเงียบสนิท

เหล่าผู้ใต้บังคับบัญชานั่งล้อมวงกันอยู่ที่โต๊ะตัวยาว ต่างพากันมองหน้ารูลลักที่กำลังเอ่ยปากอยู่ในตอนนี้

“ขอบคุณทุกคนที่มากันทั้งๆ ที่งานกำลังยุ่ง”

รูลลักกวาดสายตามองใบหน้าคุ้นเคยทีละหน้า

ในห้องนี้มีตั้งแต่คนที่ยังหนุ่มยังแน่น ไปจนถึงคนแก่เฒ่าที่มีริ้วรอยเหี่ยวย่นเต็มใบหน้า

พวกเขาคือบุคคลที่มีส่วนช่วยสร้างลอมบาร์เดียให้เป็นลอมบาร์เดียในทุกวันนี้

รูลลักประกาศก้องเสียงดัง

“ข้าอยากได้ยินความเห็นจากใจจริงเกี่ยวกับผู้สืบทอดตำแหน่งเจ้าตระกูล จึงเรียกพวกเจ้าทุกคนมาร่วมประชุมกันในวันนี้”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล 191.2

Now you are reading เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล Chapter 191.2 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เล่ม 5 บทที่ 191.2

ท่านพ่อเหม่อมองใบหน้าของเธอนิ่ง ก่อนจะเอ่ยต่อ

“ลูกไม่จำเป็นต้องทำถึงขนาดนี้ก็ได้ เทีย”

ท่านพ่อกำลังทุกข์ทรมาน

“หมั้นหมายเพื่อตระกูล แล้วยังเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้เพราะเรื่องพวกนั้น…”

ท่านพ่อทราบดีอยู่แล้วว่า เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้เป็นเพราะสาเหตุใดกันแน่

“ก่อนอื่น เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้พ่อสั่งเอาไว้แล้วว่า ห้ามไม่ให้รู้ไปถึงหูท่านปู่เด็ดขาด แต่ก็คงเก็บเป็นความลับต่อไปได้ไม่นานนักหรอก ในเมื่อจักรพรรดินีกล้าส่งนักฆ่าบุกเข้ามาในเขตแดนของลอมบาร์เดียแบบนี้”

กระทั่งน้ำเสียงก็ยังกดต่ำลงจนน่ากลัว

“แต่ถึงขนาดกล้าส่งคนเข้ามาในเขตแดนลอมบาร์เดียแบบนี้ แสดงว่าจักรพรรดินีกำลังจนตรอกแล้วจริงๆ เพราะฉะนั้นในเมื่อคราวนี้นางลงมือไม่สำเร็จ ย่อมต้องมีครั้งหน้าอีกแน่ และจะยิ่งรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะนางสามารถทำได้ทุกอย่างเพื่อผลักดันให้โอรสของตัวเองขึ้นเป็นจักรพรรดิ”

ท่านพ่อเองก็ประเมินได้อย่างแม่นยำว่า จักรพรรดินีราวีนีเป็นคนแบบใด

“เทีย”

นัยน์ตาอ่อนโยนของท่านพ่อเปี่ยมไปด้วยความกังวล

“ไปเชซายูกับพ่อเถอะ”

“…คะ?”

“เชซายูกำลังพัฒนาขึ้นมากในแต่ละวัน ท่าเรือเองก็เริ่มทรงตัวแล้ว มันเป็นสถานที่ที่มีโอกาสพัฒนาต่อไปได้อีกมากทีเดียว เทีย เจ้าเองก็จะต้องถูกใจที่นั่นมากแน่”

“หมายความว่า จะให้เดินทางไปจากลอมบาร์เดียเหรอคะ”

ท่านพ่อยิ้มขมขื่นตอบคำถามเธอ

“ลอมบาร์เดียเป็นตระกูลที่ยิ่งใหญ่มากใช่มั้ย”

ท่านพ่อพูดพลางเงยหน้าขึ้นมองต้นไม้โลกที่ถูกแกะสลักเป็นลวดลายอย่างงดงามอยู่บนเพดาน

“แต่ความยิ่งใหญ่ที่ว่านั่นกลับกลืนกินผู้คนที่ช่วยสร้างตระกูลให้เติบใหญ่อยู่เสมอ ครอบครัวสูญสิ้นสายสัมพันธ์อันดี คู่สามีภริยาไม่เคยได้รู้จักความรัก”

นัยน์ตาสีเขียวของท่านพ่อหันกลับมามองเธออีกครั้ง

“เทีย พ่อแค่อยากให้เจ้าได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขก็พอแล้ว ไม่ต้องกลายเป็นปุ๋ยที่ยอมสละตัวเองเพื่อให้ต้นไม้โลกนี่เจริญงอกงาม แต่เป็นปุ๋ยที่พัฒนารากฐานของเจ้าเพียงผู้เดียว”

“พ่อ…”

“ไปเชซายูด้วยกันกับพ่อเถอะนะ เทีย”

เธอเพิ่งเคยเห็นท่านพ่อเป็นแบบนี้ครั้งแรก

ท่านพ่อกำลังหวาดกลัว

“พ่อไม่อาจใช้ชีวิตต่อไปได้หากต้องสูญเสียเจ้าไปอีกคน”

มองหน้าท่านพ่อแล้ว นี่เป็นครั้งแรกหลังจากย้อนอดีตกลับมาที่เธอรู้สึกลังเลที่จะตัดสินใจ

อยากจะจับมือของท่านพ่อที่กำลังหวาดกลัวว่าจะเกิดเรื่องอันตรายใดกับเธอขึ้นอีกเอาไว้ให้มั่น แล้วหนีไปตั้งหลักปักฐานอยู่ในที่ที่ปลอดภัยและสงบสุขสำหรับพวกเราเหลือเกิน

ใจมันเอาแต่ครุ่นคิดเอนเอียงอยากจะทำเช่นนั้น

แต่พอเงยหน้าขึ้นมองต้นไม้โลกบนเพดานที่เมื่อครู่นี้ท่านพ่อเหม่อมองอยู่ ก็พลันนึกถึงความทรงจำบางอย่างที่เผลอลืมเลือนไปชั่วครู่ขึ้นมาได้

ประตูคฤหาสน์ที่ถูกลงกุญแจปิดตายด้วยน้ำมือของพลทหารประจำราชวงศ์ในชีวิตก่อน

ภาพตัวเธอที่ได้แต่ยืนนิ่งด้วยความเฉื่อยชาไม่แยแสสิ่งใดต่อหน้าเหตุการณ์ในวันนั้น

ความโกรธในใจที่ไม่อาจปกป้องตระกูลเอาไว้ได้

เธอละสายตาจากต้นไม้โลก แล้วหันกลับมามองหน้าท่านพ่อ ก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า

“พ่อคะ ข้าจะเป็นเจ้าตระกูลลอมบาร์เดียค่ะ”

นัยน์ตาสีเขียวของท่านพ่อซึ่งคล้ายกับนัยน์ตาของเธอสั่นเทาไม่หยุด

“ข้าตั้งใจจะสืบทอดตระกูลต่อจากท่านปู่ค่ะ”

“เทีย เรื่องนั้น…”

“ท่านป้าชานาเนสยืนกรานหนักแน่นหลายหนแล้วว่าไม่คิดที่จะสืบทอดตระกูล ท่านเลือกเช่นนั้นเพื่อพวกแฝด เหมือนอย่างที่พ่อกำลังทำอยู่เพื่อข้า”

ปากของท่านพ่อที่อ้าออกเล็กน้อยปิดลงอีกครั้ง

“แต่พ่อสืบทอดลอมบาร์เดียไม่ได้ไม่ใช่เหรอคะ เพราะพ่อมีเชซายูแล้ว”

ท่านพ่อไม่ได้ปฏิเสธอะไร

แตกต่างจากลอมบาร์เดีย เชซายูในตอนนี้ไม่ต่างอะไรจากเด็กเล็กที่เพิ่งจะเริ่มหัดเดินเป็นครั้งแรก

แค่ต้องคอยดูแลพัฒนาเชซายู ท่านพ่อก็ยุ่งจนไม่มีเวลาว่างลืมหูลืมตาแล้ว

“ถ้าอย่างนั้นก็เหลือแค่ท่านลุงเบเจอร์”

เธอคงทนดูไม่ไหวหรอกนะ แบบนั้นน่ะ

“ขอโทษนะคะ พ่อ แต่ข้าจะเป็นเจ้าตระกูลลอมบาร์เดียค่ะ”

เธอพูดเน้นย้ำอย่างชัดถ้อยชัดคำอีกครั้ง

ท่านพ่อเองก็ดูจะไม่ได้แปลกใจอะไร

“เทีย ถ้าเป็นเจ้า พ่อรู้ดีว่าคงไม่ได้คิดเพียงแค่ผิวเผินโดยไม่ได้ไตร่ตรองแน่ แต่ว่า…”

ท่านพ่อเหม่อมองเธอด้วยนัยน์ตาเศร้าหมองอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะยิ้มอ่อนระโหยอย่างไร้เรี่ยวแรง

คงจะตระหนักได้เป็นอย่างดีว่า ไม่ว่าจะห้ามปรามยังไงก็ไม่มีทางบั่นทอนความมุ่งมั่นของเธอได้อยู่ดี

“งั้นหรือ ลูกสาวพ่อใฝ่ฝันเช่นนั้นนี่เอง”

ท่านพ่อพึมพำเสียงทุ้ม ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองสบตาเธอ แล้วเอ่ยต่อว่า

“หากเป็นเจ้าละก็ ย่อมต้องกลายเป็นเจ้าตระกูลที่ยอดเยี่ยมได้แน่ เทีย ลูกสาวของพ่อจะต้องนำพาลอมบาร์เดียให้ยิ่งใหญ่ได้มากกว่าใคร”

ตึ้กตั้ก

คำพูดของท่านพ่อทำให้หัวใจของเธอเต้นกระหน่ำ

มันเป็นครั้งแรกเลยที่มีใครสักคนพูดแบบนี้กับเธอ

จะต้องนำพาลอมบาร์เดียให้ยิ่งใหญ่ได้แน่

สำหรับเธอแล้วคำพูดนั้นมันหวานหูยิ่งกว่าคำพูดใดๆ บนโลก

ไม่อาจอดกลั้นรอยยิ้มที่พยายามเก็บซ่อนเอาไว้ไม่ให้ผุดขึ้นบนริมฝีปากได้เลย

“ขอบคุณค่ะ พ่อ”

เธอพูดพลางส่งยิ้มไปให้ท่านพ่อ

“ขอบคุณที่เชื่อในตัวข้า”

ท่านพ่อเอื้อมมือมาลูบศีรษะเธอที่นอนนิ่งอยู่บนเตียง

มือคู่นั้นยังคงอบอุ่นและอ่อนโยนเหมือนสมัยเด็กไม่เปลี่ยนแปลง

* * *

ณ ห้องข้างๆ ห้องทำงานของเจ้าตระกูลลอมบาร์เดีย

ภายในห้องประชุมใหญ่เต็มไปด้วยผู้คนอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาเสียนาน

นี่เป็นการเปิดประชุมโดยมีบรรดาผู้ใต้บังคับบัญชาตระกูลลอมบาร์เดียทั้งหมดมารวมตัวกัน

ถึงแม้จะมีหลายคนนั่งรวมกลุ่มกันอยู่ แต่ภายในห้องประชุมนั้นตกอยู่ในความเงียบสนิท

เหล่าผู้ใต้บังคับบัญชานั่งล้อมวงกันอยู่ที่โต๊ะตัวยาว ต่างพากันมองหน้ารูลลักที่กำลังเอ่ยปากอยู่ในตอนนี้

“ขอบคุณทุกคนที่มากันทั้งๆ ที่งานกำลังยุ่ง”

รูลลักกวาดสายตามองใบหน้าคุ้นเคยทีละหน้า

ในห้องนี้มีตั้งแต่คนที่ยังหนุ่มยังแน่น ไปจนถึงคนแก่เฒ่าที่มีริ้วรอยเหี่ยวย่นเต็มใบหน้า

พวกเขาคือบุคคลที่มีส่วนช่วยสร้างลอมบาร์เดียให้เป็นลอมบาร์เดียในทุกวันนี้

รูลลักประกาศก้องเสียงดัง

“ข้าอยากได้ยินความเห็นจากใจจริงเกี่ยวกับผู้สืบทอดตำแหน่งเจ้าตระกูล จึงเรียกพวกเจ้าทุกคนมาร่วมประชุมกันในวันนี้”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+