เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล 125.2

Now you are reading เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล Chapter 125.2 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

คิดจะใช้สถานการณ์รอบด้านกดดันเธออย่างนั้นเหรอ เรื่องนั้นอาจจะมีโอกาสเป็นไปได้สูงก็จริง แต่ไม่ใช่กับเธอ

เธอรีบกวาดสายตาหันไปมองรอบๆ อย่างรวดเร็ว

แล้วก็มองเห็นคนที่เธอกำลังตามหาอยู่ห่างออกไปไม่ไกลพอดี

ภายในงานเลี้ยงแห่งนี้ในตอนนี้ ไม่ได้มีแค่ท่านปู่เท่านั้นที่จักรพรรดินีต่อกรด้วยได้ยากหรอกนะ

เธอกระแอมไอเคลียลำคอเสียงดัง ‘ฮึ่ม ๆ ’ หลังจากนั้นก็ตะโกนขึ้นด้วยเสียงที่ดังเล็กน้อย

“ถวายบังคมเพคะ เจ้าชายลำดับที่สอง! ”

เธอส่งยิ้มกว้างไปทางเฟเรสที่มีปฏิกิริยากับเสียงของเธออย่างรวดเร็ว เขาหันหน้ามาทางนี้แล้ว เธอจึงยกมือขึ้นโบกให้เขา

คิดทำให้เธอยุ่งยากใจอย่างนั้นเหรอ

งั้นเธอจะทำให้ต้องเจอกับสถานการณ์ที่ยุ่งยากกว่าบ้างก็แล้วกัน จักรพรรดินีราวีนี่

ทัศนียภาพตรงหน้ากว้างขึ้นมาก เมื่อเฟเรสเริ่มเดินตรงเข้ามาหาเธอ

เพราะบรรดาชนชั้นสูงที่ยืนมุงกันอยู่ตรงกลางช่วยหลีกทางให้เฟเรสราวกับทะเลแหวกเป็นสองฝั่ง

ไม่ได้มีใครสั่งให้พวกนางถอยหรือหลีกทางให้ทั้งนั้น

พวกเขาเฝ้ามองเฟเรสตั้งแต่ที่อีกฝ่ายมาปรากฏตัวที่งานเลี้ยงอยู่ก่อนแล้ว จึงยอมขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวกันด้วยตัวเอง

และปลายทางเดินที่เกิดขึ้นกลางงานเลี้ยงนั่น ก็มีเธอยืนอยู่

เฟเรสไม่พูดอะไรทั้งสิ้น เขามองแต่เธอที่ยืนอยู่ปลายทางเดิน และสาวเท้าก้าวเดินเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว

ราวกับคนที่ไม่รู้สึกถึงสายตาของใครหน้าไหนทั้งสิ้น

ตึกๆ

เฟเรสเดินมาหยุดตรงหน้าเธอพร้อมกับเสียงส้นรองเท้าหนากระทบพื้น

และพูดเสียงทุ้มต่ำ

“ไม่ได้พบกันเสียนานเลยนะครับ คุณหนูฟีเรนเทีย ลอมบาร์เดีย”

“…ขอบพระทัยที่เสด็จมาร่วมงานวันเกิดของหม่อมฉันเพคะ”

อันที่จริงเธอเองก็ตกใจเล็กน้อยเหมือนกัน

ชั่วขณะ เธอเผลอนึกว่าเฟเรสจะพูดว่า ‘เทีย’ หรือไม่ก็ ‘อยู่ที่นี่เองเหรอ’ อะไรแบบนี้เสียอีก

ก็ปกติเขามีนิสัยไม่สนใจคนอื่นๆ เลยสักนิดไม่ใช่หรือไง

แต่น่าตกใจที่เฟเรสเรียกเธอว่า ‘คุณหนูฟีเรนเทีย ลอมบาร์เดีย’

มันเป็นครั้งแรก

อีกทั้งยังเล่นละครออกมาได้อย่างเป็นธรรมชาติ เหมือนกับพวกเราเพิ่งได้พบกันเป็นครั้งแรกในรอบหกปีจริงๆ

น่าภูมิใจชะมัด

นี่คือความรู้สึกของอาจารย์ที่เฝ้ามองลูกศิษย์ที่เติบใหญ่เป็นอย่างดีหรือเปล่านะ

เธอยิ้มกว้างต้อนรับเฟเรส ไม่คิดหันไปมองทางด้านจักรพรรดินีราวีนี่เลยสักนิด แล้วพูดกับเขา

“ได้ยินว่าจบการศึกษาจากอะคาเดมีด้วยคะแนนยอดเยี่ยมมากๆ ทั้งยังจบการศึกษาจากทั้งทางด้านพลเรือนและด้านการทหารในเวลาแค่ห้าปีด้วย! น่าทึ่งมากเลยนะเพคะ!”

เธอจงใจพูดให้ฟังดูน่าตื่นเต้นมากขึ้น

เหล่าชนชั้นสูงรอบๆ เองก็พยักหน้ายิ้มๆ เห็นด้วยกับคำพูดของเธอ

คนที่มีสีหน้าบึ้งตึงมีเพียงแค่จักรพรรดินีกับกลุ่มของนางเท่านั้น

“ก็แค่โชคดีน่ะครับ มันเป็นเพียงแค่ผลที่ได้จากการพยายามอย่างหนักเท่านั้นเอง”

เฟเรสตอบอย่างสุภาพ ในขณะเดียวกันก็ไม่ลืมที่จะถ่อมเนื้อถ่อมตัว ยิ่งทำให้เหล่าชนชั้นสูงรู้สึกดีกับเขามากขึ้นไปอีก

หลังจากนั้นเฟเรสจึงค่อยเบนหน้าหันไปมองจักรพรรดินีราวีนี่

“ถวายบังคมจักรพรรดินีพ่ะย่ะค่ะ”

ไม่พูดอะไรมากไปกว่านั้น มันเป็นเพียงแค่คำทักทายราบเรียบสั้นๆ

จะเรียกว่าเป็นการทักทายที่ไม่เคารพต่อจักรพรรดินีที่ไม่ได้พบหน้ากันมานานหลายปีก็ได้

แต่จักรพรรดินีก็ยังคงเก็บซ่อนความไม่พอใจเอาไว้ นางกล่าวกับเฟเรสด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเหมือนเดิม

“ยินดีด้วยที่เรียนจบนะคะ เจ้าชาย”

แต่ก็เพียงแค่ครู่เดียวเท่านั้น

เพียงไม่นานจักรพรรดินีก็หลุบตาลง แสร้งแสดงสีหน้าเหมือนคนได้รับความเจ็บปวดทางใจ

นี่คือการปะทะกันระหว่างเฟเรสกับจักรพรรดินีสินะ

น่าสนใจดีเหมือนกันนะเนี่ย

“แต่น่าเสียใจจังเลยนะคะ เจ้าชายกลับมาในรอบหกปี แต่กลับได้พบหน้ากันครั้งแรกในงานเลี้ยงเสียได้”

อา ถ้าเป็นเธอคงไม่พูดแบบนั้นออกมาหรอก!

เพราะว่า

“ขออภัยพ่ะย่ะค่ะ เมื่อวานกว่ากระหม่อมจะกลับถึงวังก็ดึกแล้ว กระทั่งกับฝ่าบาทเองยังต้องแวะไปทักทายระหว่างการประชุมเลยด้วยซ้ำ อย่าเสียใจมากไปเลยพ่ะย่ะค่ะ”

เพราะเฟเรสอาจจะพูดเรื่องเกี่ยวกับการประชุมออกมาได้แบบนี้ยังไงล่ะ

และถ้าเป็นเช่นนั้นละก็

“อ๊ะ! ได้ยินหลายท่านพูดกันอยู่เหมือนกันเพคะได้ยินว่าตั้งแต่การประชุมใหญ่ครั้งต่อไป เจ้าชายก็จะเข้าร่วมการประชุมด้วยสินะเพคะ เจ้าชายลำดับที่สอง”

แล้วเธอเองก็สามารถพูดรับส่งกับเขาแบบนี้ได้เช่นกัน

“ประชุมใหญ่…?”

“นั่นมันสุดยอดไปเลยไม่ใช่เหรอ”

มันเป็นเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานตอนเย็น ทำให้ยังมีชนชั้นสูงอยู่หลายคนทีเดียวที่ยังไม่ได้ยินข่าวเรื่องที่ว่า

พวกเขาตกใจเหลือบมองจักรพรรดินี แล้วกระซิบกระซาบกันในทันที

คนมากมายที่จักรพรรดินีจงใจดึงเข้ามาเพื่อใช้กดดันให้เธอต้องข้องเกี่ยวกับนางในตอนแรก และผู้คนทั้งหลายที่มารวมตัวกันจากการปรากฏตัวของเฟเรส

ถ้ารวมกับผู้คนที่เฝ้ามองสถานการณ์ที่เกิดขึ้นตรงนี้อยู่ห่างๆ ด้วยละก็ กลายเป็นว่ามีชนชั้นสูงหลายสิบคนได้ทราบความจริงแล้วว่า ต่อไปเฟเรสเองก็จะได้เข้าร่วมการประชุมใหญ่เช่นเดียวกันกับอาสทาน่า

“ใช่แล้วครับ”

พอเห็นเฟเรสพยักหน้ายอมรับอย่างเรียบง่าย เสียงฮือฮาของทุกคนก็ยิ่งดังขึ้นกว่าเดิม

โธ่เอ้ย ติดกับจนได้

เธอพยายามอดกลั้นไม่ให้เผลอระเบิดเสียงหัวเราะออกไป

ถ้าคิดจะมายุ่งกับเธอสุ่มสี่สุ่มห้าละก็ มันจะกลายเป็นแบบนี้ยังไงล่ะ จักรพรรดินีราวีนี่

หลังจากให้เวลาจักรพรรดินีราวีนี่ได้โมโหเสียจนเปลือกตาสั่นระริก และให้เวลาชนชั้นสูงทั้งหลายได้ตกใจกันมากพอแล้ว เธอก็เดินไปหยุดอยู่ข้างกายเฟเรส แล้วพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

“หม่อมฉันอยากแนะนำให้เจ้าชายลำดับที่สองได้รู้จักกับคนรอบๆ เพคะ องค์จักรพรรดินีเจ้าชายไม่ได้กลับมาเมืองหลวงตั้งหกปี คงมีคนอยากรู้จักพระองค์มากทีเดียว”

เธอยื่นข้อเสนอที่เปี่ยมไปด้วยความเอาใจใส่ จนอีกฝ่ายไม่อาจหาข้อโต้แย้งได้

ดังนั้นจักรพรรดินีจึงสามารถตอบได้เพียงแค่คำพูดเดียวเท่านั้น

“…ทำตามนั้นเถอะค่ะ คุณหนูลอมบาร์เดีย”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล 125.2

Now you are reading เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล Chapter 125.2 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

คิดจะใช้สถานการณ์รอบด้านกดดันเธออย่างนั้นเหรอ เรื่องนั้นอาจจะมีโอกาสเป็นไปได้สูงก็จริง แต่ไม่ใช่กับเธอ

เธอรีบกวาดสายตาหันไปมองรอบๆ อย่างรวดเร็ว

แล้วก็มองเห็นคนที่เธอกำลังตามหาอยู่ห่างออกไปไม่ไกลพอดี

ภายในงานเลี้ยงแห่งนี้ในตอนนี้ ไม่ได้มีแค่ท่านปู่เท่านั้นที่จักรพรรดินีต่อกรด้วยได้ยากหรอกนะ

เธอกระแอมไอเคลียลำคอเสียงดัง ‘ฮึ่ม ๆ ’ หลังจากนั้นก็ตะโกนขึ้นด้วยเสียงที่ดังเล็กน้อย

“ถวายบังคมเพคะ เจ้าชายลำดับที่สอง! ”

เธอส่งยิ้มกว้างไปทางเฟเรสที่มีปฏิกิริยากับเสียงของเธออย่างรวดเร็ว เขาหันหน้ามาทางนี้แล้ว เธอจึงยกมือขึ้นโบกให้เขา

คิดทำให้เธอยุ่งยากใจอย่างนั้นเหรอ

งั้นเธอจะทำให้ต้องเจอกับสถานการณ์ที่ยุ่งยากกว่าบ้างก็แล้วกัน จักรพรรดินีราวีนี่

ทัศนียภาพตรงหน้ากว้างขึ้นมาก เมื่อเฟเรสเริ่มเดินตรงเข้ามาหาเธอ

เพราะบรรดาชนชั้นสูงที่ยืนมุงกันอยู่ตรงกลางช่วยหลีกทางให้เฟเรสราวกับทะเลแหวกเป็นสองฝั่ง

ไม่ได้มีใครสั่งให้พวกนางถอยหรือหลีกทางให้ทั้งนั้น

พวกเขาเฝ้ามองเฟเรสตั้งแต่ที่อีกฝ่ายมาปรากฏตัวที่งานเลี้ยงอยู่ก่อนแล้ว จึงยอมขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวกันด้วยตัวเอง

และปลายทางเดินที่เกิดขึ้นกลางงานเลี้ยงนั่น ก็มีเธอยืนอยู่

เฟเรสไม่พูดอะไรทั้งสิ้น เขามองแต่เธอที่ยืนอยู่ปลายทางเดิน และสาวเท้าก้าวเดินเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว

ราวกับคนที่ไม่รู้สึกถึงสายตาของใครหน้าไหนทั้งสิ้น

ตึกๆ

เฟเรสเดินมาหยุดตรงหน้าเธอพร้อมกับเสียงส้นรองเท้าหนากระทบพื้น

และพูดเสียงทุ้มต่ำ

“ไม่ได้พบกันเสียนานเลยนะครับ คุณหนูฟีเรนเทีย ลอมบาร์เดีย”

“…ขอบพระทัยที่เสด็จมาร่วมงานวันเกิดของหม่อมฉันเพคะ”

อันที่จริงเธอเองก็ตกใจเล็กน้อยเหมือนกัน

ชั่วขณะ เธอเผลอนึกว่าเฟเรสจะพูดว่า ‘เทีย’ หรือไม่ก็ ‘อยู่ที่นี่เองเหรอ’ อะไรแบบนี้เสียอีก

ก็ปกติเขามีนิสัยไม่สนใจคนอื่นๆ เลยสักนิดไม่ใช่หรือไง

แต่น่าตกใจที่เฟเรสเรียกเธอว่า ‘คุณหนูฟีเรนเทีย ลอมบาร์เดีย’

มันเป็นครั้งแรก

อีกทั้งยังเล่นละครออกมาได้อย่างเป็นธรรมชาติ เหมือนกับพวกเราเพิ่งได้พบกันเป็นครั้งแรกในรอบหกปีจริงๆ

น่าภูมิใจชะมัด

นี่คือความรู้สึกของอาจารย์ที่เฝ้ามองลูกศิษย์ที่เติบใหญ่เป็นอย่างดีหรือเปล่านะ

เธอยิ้มกว้างต้อนรับเฟเรส ไม่คิดหันไปมองทางด้านจักรพรรดินีราวีนี่เลยสักนิด แล้วพูดกับเขา

“ได้ยินว่าจบการศึกษาจากอะคาเดมีด้วยคะแนนยอดเยี่ยมมากๆ ทั้งยังจบการศึกษาจากทั้งทางด้านพลเรือนและด้านการทหารในเวลาแค่ห้าปีด้วย! น่าทึ่งมากเลยนะเพคะ!”

เธอจงใจพูดให้ฟังดูน่าตื่นเต้นมากขึ้น

เหล่าชนชั้นสูงรอบๆ เองก็พยักหน้ายิ้มๆ เห็นด้วยกับคำพูดของเธอ

คนที่มีสีหน้าบึ้งตึงมีเพียงแค่จักรพรรดินีกับกลุ่มของนางเท่านั้น

“ก็แค่โชคดีน่ะครับ มันเป็นเพียงแค่ผลที่ได้จากการพยายามอย่างหนักเท่านั้นเอง”

เฟเรสตอบอย่างสุภาพ ในขณะเดียวกันก็ไม่ลืมที่จะถ่อมเนื้อถ่อมตัว ยิ่งทำให้เหล่าชนชั้นสูงรู้สึกดีกับเขามากขึ้นไปอีก

หลังจากนั้นเฟเรสจึงค่อยเบนหน้าหันไปมองจักรพรรดินีราวีนี่

“ถวายบังคมจักรพรรดินีพ่ะย่ะค่ะ”

ไม่พูดอะไรมากไปกว่านั้น มันเป็นเพียงแค่คำทักทายราบเรียบสั้นๆ

จะเรียกว่าเป็นการทักทายที่ไม่เคารพต่อจักรพรรดินีที่ไม่ได้พบหน้ากันมานานหลายปีก็ได้

แต่จักรพรรดินีก็ยังคงเก็บซ่อนความไม่พอใจเอาไว้ นางกล่าวกับเฟเรสด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเหมือนเดิม

“ยินดีด้วยที่เรียนจบนะคะ เจ้าชาย”

แต่ก็เพียงแค่ครู่เดียวเท่านั้น

เพียงไม่นานจักรพรรดินีก็หลุบตาลง แสร้งแสดงสีหน้าเหมือนคนได้รับความเจ็บปวดทางใจ

นี่คือการปะทะกันระหว่างเฟเรสกับจักรพรรดินีสินะ

น่าสนใจดีเหมือนกันนะเนี่ย

“แต่น่าเสียใจจังเลยนะคะ เจ้าชายกลับมาในรอบหกปี แต่กลับได้พบหน้ากันครั้งแรกในงานเลี้ยงเสียได้”

อา ถ้าเป็นเธอคงไม่พูดแบบนั้นออกมาหรอก!

เพราะว่า

“ขออภัยพ่ะย่ะค่ะ เมื่อวานกว่ากระหม่อมจะกลับถึงวังก็ดึกแล้ว กระทั่งกับฝ่าบาทเองยังต้องแวะไปทักทายระหว่างการประชุมเลยด้วยซ้ำ อย่าเสียใจมากไปเลยพ่ะย่ะค่ะ”

เพราะเฟเรสอาจจะพูดเรื่องเกี่ยวกับการประชุมออกมาได้แบบนี้ยังไงล่ะ

และถ้าเป็นเช่นนั้นละก็

“อ๊ะ! ได้ยินหลายท่านพูดกันอยู่เหมือนกันเพคะได้ยินว่าตั้งแต่การประชุมใหญ่ครั้งต่อไป เจ้าชายก็จะเข้าร่วมการประชุมด้วยสินะเพคะ เจ้าชายลำดับที่สอง”

แล้วเธอเองก็สามารถพูดรับส่งกับเขาแบบนี้ได้เช่นกัน

“ประชุมใหญ่…?”

“นั่นมันสุดยอดไปเลยไม่ใช่เหรอ”

มันเป็นเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานตอนเย็น ทำให้ยังมีชนชั้นสูงอยู่หลายคนทีเดียวที่ยังไม่ได้ยินข่าวเรื่องที่ว่า

พวกเขาตกใจเหลือบมองจักรพรรดินี แล้วกระซิบกระซาบกันในทันที

คนมากมายที่จักรพรรดินีจงใจดึงเข้ามาเพื่อใช้กดดันให้เธอต้องข้องเกี่ยวกับนางในตอนแรก และผู้คนทั้งหลายที่มารวมตัวกันจากการปรากฏตัวของเฟเรส

ถ้ารวมกับผู้คนที่เฝ้ามองสถานการณ์ที่เกิดขึ้นตรงนี้อยู่ห่างๆ ด้วยละก็ กลายเป็นว่ามีชนชั้นสูงหลายสิบคนได้ทราบความจริงแล้วว่า ต่อไปเฟเรสเองก็จะได้เข้าร่วมการประชุมใหญ่เช่นเดียวกันกับอาสทาน่า

“ใช่แล้วครับ”

พอเห็นเฟเรสพยักหน้ายอมรับอย่างเรียบง่าย เสียงฮือฮาของทุกคนก็ยิ่งดังขึ้นกว่าเดิม

โธ่เอ้ย ติดกับจนได้

เธอพยายามอดกลั้นไม่ให้เผลอระเบิดเสียงหัวเราะออกไป

ถ้าคิดจะมายุ่งกับเธอสุ่มสี่สุ่มห้าละก็ มันจะกลายเป็นแบบนี้ยังไงล่ะ จักรพรรดินีราวีนี่

หลังจากให้เวลาจักรพรรดินีราวีนี่ได้โมโหเสียจนเปลือกตาสั่นระริก และให้เวลาชนชั้นสูงทั้งหลายได้ตกใจกันมากพอแล้ว เธอก็เดินไปหยุดอยู่ข้างกายเฟเรส แล้วพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

“หม่อมฉันอยากแนะนำให้เจ้าชายลำดับที่สองได้รู้จักกับคนรอบๆ เพคะ องค์จักรพรรดินีเจ้าชายไม่ได้กลับมาเมืองหลวงตั้งหกปี คงมีคนอยากรู้จักพระองค์มากทีเดียว”

เธอยื่นข้อเสนอที่เปี่ยมไปด้วยความเอาใจใส่ จนอีกฝ่ายไม่อาจหาข้อโต้แย้งได้

ดังนั้นจักรพรรดินีจึงสามารถตอบได้เพียงแค่คำพูดเดียวเท่านั้น

“…ทำตามนั้นเถอะค่ะ คุณหนูลอมบาร์เดีย”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+