เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล 113.2

Now you are reading เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล Chapter 113.2 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เช้าวันถัดมา

เบเจอร์พาเซรัลผู้เป็นภริยา และลาลาเน่กับเบเลซักเข้าไปยังห้องทำงานของเจ้าตระกูล

เบเจอร์เดินตรงไปยังโต๊ะทำงานของเจ้าตระกูลอย่างเชื่องช้า ราวกับตั้งใจจะดื่มด่ำกับช่วงเวลานี้เอาไว้ให้ได้นานที่สุด เขากระแทกตัวนั่งลงบนเก้าอี้ หัวเราะเสียงดังลั่น

“นี่สินะ ความรู้สึกนี้นี่เอง!”

ช่วงเวลาที่เขาปรารถนาและโหยหามาโดยตลอด คืบคลานเข้ามาหาเขาเร็วกว่าที่คิดไว้เสียอีก

ถึงแม้จะเป็นเพียงแค่ตำแหน่งชั่วคราว กินระยะเวลาเพียงแค่หนึ่งเดือนก็ตาม แต่เขาไม่สนใจหรอก

การได้สัมผัสรสชาติของตำแหน่งที่วันหนึ่งมันจะกลายเป็นของตนเช่นนี้ ช่างน่าพึงพอใจจริงๆ

“ยินดีด้วยนะคะ ที่รัก”

เซรัลโอบไหล่ของเบเจอร์อย่างอ่อนโยนในขณะที่พูดขึ้น

“เรื่องที่ท่านพ่อหมดสติไป ไม่นึกเลยว่าเรื่องร้ายจะเปลี่ยนกลายเป็นโชคดีแบบนี้นะคะเนี่ย”

“นั่นน่ะสิ สวรรค์ต้องช่วยเหลือข้าไม่ผิดแน่”

“บางทีท่านปู่อาจจะถอยไปจากตำแหน่งตลอดกาลเลยก็ได้ไม่ใช่หรือครับ”

เบเลซักเอ่ยแทรกขึ้น

เบเจอร์ส่งสายตามองไปยังบุตรชายของตน ก่อนจะยกยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดขึ้น

“จะให้คงอยู่ตลอดไปคงไม่ได้หรอก ท่านพ่อเองก็อายุมากแล้ว เมื่อถึงเวลาก็ย่อมต้องอยากพักใช้เวลาที่เหลืออย่างผ่อนคลายเช่นกัน”

ในตอนนั้นเองสายตาของเบเจอร์ก็พลันสังเกตเห็นลาลาเน่ที่กำลังยืนทำหน้าไม่ค่อยพอใจนัก

ตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อน นางเริ่มสนิทสนมกับฟีเรนเทียมากขึ้นเรื่อยๆ ช่วงนี้ก็เอาแต่แสดงพฤติกรรมที่เขาไม่ค่อยจะพอใจเสียเท่าไหร่นัก

“เช่นนั้นเจ้าสองคนก็ออกไปก่อนเถอะ”

เบเจอร์ไม่อยากให้สิ่งใดมาทำลายช่วงเวลาอันแสนสุขของตน เขาจึงออกปากไล่เบเลซักกับลาลาเน่ออกไปจากห้อง

เมื่อถูกบิดาไล่ เบเลซักก็เบ้ปากด้วยความแง่งอน ยังไงก็ใกล้ถึงเวลาที่อาจารย์สอนฟันดาบจะมาถึงแล้ว เขาจึงยอมออกไปจากห้องทำงานอย่างว่าง่าย

และแสยะยิ้มพลางพูดขึ้น

“ได้ยินว่าฟีเรนเทีย นังนั่นเจ็บหนักเลยสินะหึ สมน้ำหน้า”

หลังจากเกือบกลายเป็นอาหารนกเมื่อคราวก่อน เบเลซักก็ได้แต่กัดฟันทน โดยหวังอยู่เสมอว่าสักวันเขาจะได้แก้แค้นฟีเรนเทีย

มันเป็นเรื่องแปลกประหลาดนัก

เรื่องที่เขากลัวนกมันเป็นความลับที่ไม่มีใครรู้เลยสักคนชัดๆ

แล้วนังนั่นไปรู้เรื่องนั้นมาได้ยังไงกัน

ในระหว่างที่เขาลอบวางแผน ตั้งใจว่าหากสบโอกาสจนทำให้นังนั่นหวาดกลัวได้แล้วละก็ เขาจะต้องจัดการเค้นเรื่องนั้นออกมาให้ได้เป็นอย่างแรก กลับได้ยินข่าวดีขึ้นมาเสียก่อน

ฟีเรนเทียช่วยท่านปู่เอาไว้จนกลิ้งตกบันได

มีข่าวลือกระทั่งว่าเลือดสาดกระจายไปทั่ว จนขนาดข้ารับใช้ที่ไปทำความสะอาดบริเวณนั้นยังต้องร้องไห้โฮเสียงดังเลยทีเดียว

“สภาพนั้นข้าควรได้เห็นแท้ๆ !”

ทำไมเรื่องสนุกแบบนั้นต้องเกิดขึ้นในวันที่เขาเข้าวังด้วยนะ

เบเลซักยิ้มเจ้าเล่ห์

“ในเมื่อขยับไม่ได้อีกพักใหญ่ก็ถือว่าดี…”

“เบเลซัก! ”

จู่ๆ ก็มีเสียงตวาดลั่นดังขึ้นจากด้านข้าง

“พะ พี่?”

เบเลซักเบิกตากว้าง เขาแทบไม่อยากเชื่อว่าคนที่ตวาดเสียงดังใส่ตนจะเป็นลาลาเน่ที่เดินอยู่ข้างกายเขา

“เจ้า พูดจาแบบนั้นได้ยังไงกัน!”

ลาลาเน่กำหมัดทั้งสองข้างแน่น นางโมโหมากเสียจนใบหน้าแดงก่ำ

ตั้งแต่เกิดมา เบเลซักเพิ่งเคยเห็นพี่สาวของเขาเป็นเช่นนี้

ลาลาเน่เป็นคนที่จะไม่มีวันโมโหขนาดนั้นเด็ดขาด

“ต่อให้เกลียดเทียแค่ไหนก็เถอะ! แต่นี่เทียช่วยท่านปู่เอาไว้ ถึงได้บาดเจ็บเช่นนั้นนะ!”

นัยน์ตาของลาลาเน่ถึงกับมีน้ำตาเอ่อคลอขึ้นมาเล็กน้อย

“ตอนนี้ก็น่าเป็นห่วงจะแย่ ไม่รู้ว่าเจ็บหนักแค่ไหน! แต่เจ้ากลับ…!”

ลาลาเน่ยกนิ้วขึ้นมาชี้ขู่เบเลซักในขณะที่เดินเข้าไปใกล้เด็กชาย

เบเลซักเผลอก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว

“ระหว่างที่เทียบาดเจ็บ ลองเจ้าเสนอหน้าไปยุ่งกับเทียสิ ถ้าเจ้าทำเช่นนั้น เบเลซัก เจ้า…”

ลาลาเน่หรี่ตาลง นางจ้องเบเลซักเขม็งในขณะที่พูดต่อ

“จบแน่”

เบเลซักพูดอะไรไม่ออก ในระหว่างที่เขาได้แต่อ้าปาก ‘พะงาบ ๆ’ ลาลาเน่ก็หมุนตัวเดินจากไปไกล ทิ้งไว้เพียงแค่สายลมเย็นยะเยือกที่พัดผ่าน

* * *

พรวด!

“ท่านฟีเรนเทีย! ท่านฟีเรนเทียอยู่ที่ไหนครับ!”

เสียงประตูถูกเปิดออกอย่างแรงดังขึ้น พร้อมกับเสียงของเครย์ลีบันที่ร้องตะโกนตามหาเธออย่างร้อนรน

“ข้าอยู่นี่ค่ะ เครย์ลีบัน! ห้องนอนค่ะ!”

ได้ยินเสียงฝีเท้าดังตึง ตึง โดยที่เธอยังตอบไม่ทันจบประโยค เครย์ลีบันก็มาปรากฏตัวขึ้นที่หน้าประตูห้อง

“ท่านฟีเรนเทีย!”

เครย์ลีบันวิ่งเข้ามาในห้อง ใบหน้าของเขาซีดเผือด เหงื่อเย็นเฉียบผุดขึ้นทั่วใบหน้า

“มาแล้วหรือคะ”

เธอยกมือข้างที่เป็นปกติดีขึ้นโบกทักทายเครย์ลีบัน

“มาแล้วหรือคะท่านพี่ คุณหนูทานผลไม้อีกชิ้นนะคะ”

“อื้อ ขอบใจนะ ลอรีล”

เครย์ลีบันยืนดูท่าทางผ่อนคลายไร้กังวลของเธอ ที่กำลังนั่งกินผลไม้ที่ลอรีลช่วยหั่นให้เป็นชิ้นขนาดพอดีคำ ก่อนจะเดินเข้ามาใกล้แล้วถามขึ้น

“เป็นอะไรหรือเปล่าครับ ได้ยินว่าช่วยท่านเจ้าตระกูลไว้จนกลิ้งตกจากบันได เลยรีบวิ่งมาหา…”

“กลิ้งตก? ดูเหมือนเรื่องราวเติมสีใส่ไข่ไปกันใหญ่แล้วนะเนี่ย”

“ถะ ถ้างั้นบริเวณที่บาดเจ็บ…”

“ก็เจ็บอยู่เหมือนกันค่ะ ที่ไหล่ข้างขวา แล้วก็มีแผลฉีกขาดก็อย่างที่เห็นแหละค่ะ เลยเคลื่อนไหวไม่สะดวกนัก”

“อา ว่าแล้วเชียว…”

เครย์ลีบันเดินตัวเซเข้ามาด้วยใบหน้าแทบจะร้องไห้อยู่รอมร่อ ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งข้างเตียง

“แต่ไม่ได้เป็นหนักขนาดในข่าวลือหรอกนะคะ เอาละ ทานผลไม้หน่อยเถอะค่ะ”

เธอใช้ส้อมจิ้มผลไม้ขึ้นมาหนึ่งชิ้น แล้วจัดการยัดมันใส่มือของเครย์ลีบัน

เครย์ลีบันมองเธอสลับกับผลไม้ในมือไปมาอยู่ครู่หนึ่ง เขาถอนหายใจเสียงแผ่ว แล้วกัดผลไม้ชิ้นนั้นหนึ่งคำอย่างเลี่ยงไม่ได้

“มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกันแน่ครับ ท่านฟีเรนเทีย”

แต่ถึงยังไงก็ได้เห็นกับตาแล้วว่าเธอเป็นปกติดี เครย์ลีบันถึงได้คลายความกังวลลงไปได้บ้าง เขาถามเธอด้วยสีหน้าดีกว่าเดิมมาก

“ตอนนั้นข้ากำลังจะลงไปทานอาหารด้วยกันกับท่านปู่…”

เธอเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้เขาฟังคร่าวๆ

เครย์ลีบันฟังเธอเงียบๆ ไม่พูดอะไร เขาพยักหน้ารับฟังเรื่องราวแล้วจึงเปิดปากพูด

“ถึงยังไงก็โล่งอกไปทีนะครับ ท่านฟีเรนเทียเองก็ไม่ได้บาดเจ็บหนักอะไร ทั้งยังค้นพบโรคของท่านเจ้าตระกูลได้เร็วแบบนี้ด้วย…”

“ทั้งสองท่านไม่กังวลกันเลยเหรอคะ”

คนที่ถามผสมเสียงถอนหายใจคือลอรีลที่เพิ่งไปปลอกผลไม้มาเพิ่มให้

“เบเจอร์คนนั้นได้เป็นรักษาการเจ้าตระกูลแท้ๆ ตอนนี้ลูกจ้างในตระกูลต่างก็ตื่นตกใจกันทั้งนั้นนะคะ แล้วทั้งสองท่านทำไมยังสงบแบบนี้ได้อีกล่ะคะ”

คำถามของลอรีลทำให้เธอกับเครย์ลีบันต้องหันไปมองหน้ากันและกัน

และเครย์ลีบันก็ตอบด้วยเสียงไม่แยแสอะไรนัก

“ข้าคิดว่าเบเจอร์ได้เป็นรักษาการเจ้าตระกูลแบบนี้ ถือว่าน่าโล่งอกแล้วละครับ”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล 113.2

Now you are reading เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล Chapter 113.2 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เช้าวันถัดมา

เบเจอร์พาเซรัลผู้เป็นภริยา และลาลาเน่กับเบเลซักเข้าไปยังห้องทำงานของเจ้าตระกูล

เบเจอร์เดินตรงไปยังโต๊ะทำงานของเจ้าตระกูลอย่างเชื่องช้า ราวกับตั้งใจจะดื่มด่ำกับช่วงเวลานี้เอาไว้ให้ได้นานที่สุด เขากระแทกตัวนั่งลงบนเก้าอี้ หัวเราะเสียงดังลั่น

“นี่สินะ ความรู้สึกนี้นี่เอง!”

ช่วงเวลาที่เขาปรารถนาและโหยหามาโดยตลอด คืบคลานเข้ามาหาเขาเร็วกว่าที่คิดไว้เสียอีก

ถึงแม้จะเป็นเพียงแค่ตำแหน่งชั่วคราว กินระยะเวลาเพียงแค่หนึ่งเดือนก็ตาม แต่เขาไม่สนใจหรอก

การได้สัมผัสรสชาติของตำแหน่งที่วันหนึ่งมันจะกลายเป็นของตนเช่นนี้ ช่างน่าพึงพอใจจริงๆ

“ยินดีด้วยนะคะ ที่รัก”

เซรัลโอบไหล่ของเบเจอร์อย่างอ่อนโยนในขณะที่พูดขึ้น

“เรื่องที่ท่านพ่อหมดสติไป ไม่นึกเลยว่าเรื่องร้ายจะเปลี่ยนกลายเป็นโชคดีแบบนี้นะคะเนี่ย”

“นั่นน่ะสิ สวรรค์ต้องช่วยเหลือข้าไม่ผิดแน่”

“บางทีท่านปู่อาจจะถอยไปจากตำแหน่งตลอดกาลเลยก็ได้ไม่ใช่หรือครับ”

เบเลซักเอ่ยแทรกขึ้น

เบเจอร์ส่งสายตามองไปยังบุตรชายของตน ก่อนจะยกยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดขึ้น

“จะให้คงอยู่ตลอดไปคงไม่ได้หรอก ท่านพ่อเองก็อายุมากแล้ว เมื่อถึงเวลาก็ย่อมต้องอยากพักใช้เวลาที่เหลืออย่างผ่อนคลายเช่นกัน”

ในตอนนั้นเองสายตาของเบเจอร์ก็พลันสังเกตเห็นลาลาเน่ที่กำลังยืนทำหน้าไม่ค่อยพอใจนัก

ตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อน นางเริ่มสนิทสนมกับฟีเรนเทียมากขึ้นเรื่อยๆ ช่วงนี้ก็เอาแต่แสดงพฤติกรรมที่เขาไม่ค่อยจะพอใจเสียเท่าไหร่นัก

“เช่นนั้นเจ้าสองคนก็ออกไปก่อนเถอะ”

เบเจอร์ไม่อยากให้สิ่งใดมาทำลายช่วงเวลาอันแสนสุขของตน เขาจึงออกปากไล่เบเลซักกับลาลาเน่ออกไปจากห้อง

เมื่อถูกบิดาไล่ เบเลซักก็เบ้ปากด้วยความแง่งอน ยังไงก็ใกล้ถึงเวลาที่อาจารย์สอนฟันดาบจะมาถึงแล้ว เขาจึงยอมออกไปจากห้องทำงานอย่างว่าง่าย

และแสยะยิ้มพลางพูดขึ้น

“ได้ยินว่าฟีเรนเทีย นังนั่นเจ็บหนักเลยสินะหึ สมน้ำหน้า”

หลังจากเกือบกลายเป็นอาหารนกเมื่อคราวก่อน เบเลซักก็ได้แต่กัดฟันทน โดยหวังอยู่เสมอว่าสักวันเขาจะได้แก้แค้นฟีเรนเทีย

มันเป็นเรื่องแปลกประหลาดนัก

เรื่องที่เขากลัวนกมันเป็นความลับที่ไม่มีใครรู้เลยสักคนชัดๆ

แล้วนังนั่นไปรู้เรื่องนั้นมาได้ยังไงกัน

ในระหว่างที่เขาลอบวางแผน ตั้งใจว่าหากสบโอกาสจนทำให้นังนั่นหวาดกลัวได้แล้วละก็ เขาจะต้องจัดการเค้นเรื่องนั้นออกมาให้ได้เป็นอย่างแรก กลับได้ยินข่าวดีขึ้นมาเสียก่อน

ฟีเรนเทียช่วยท่านปู่เอาไว้จนกลิ้งตกบันได

มีข่าวลือกระทั่งว่าเลือดสาดกระจายไปทั่ว จนขนาดข้ารับใช้ที่ไปทำความสะอาดบริเวณนั้นยังต้องร้องไห้โฮเสียงดังเลยทีเดียว

“สภาพนั้นข้าควรได้เห็นแท้ๆ !”

ทำไมเรื่องสนุกแบบนั้นต้องเกิดขึ้นในวันที่เขาเข้าวังด้วยนะ

เบเลซักยิ้มเจ้าเล่ห์

“ในเมื่อขยับไม่ได้อีกพักใหญ่ก็ถือว่าดี…”

“เบเลซัก! ”

จู่ๆ ก็มีเสียงตวาดลั่นดังขึ้นจากด้านข้าง

“พะ พี่?”

เบเลซักเบิกตากว้าง เขาแทบไม่อยากเชื่อว่าคนที่ตวาดเสียงดังใส่ตนจะเป็นลาลาเน่ที่เดินอยู่ข้างกายเขา

“เจ้า พูดจาแบบนั้นได้ยังไงกัน!”

ลาลาเน่กำหมัดทั้งสองข้างแน่น นางโมโหมากเสียจนใบหน้าแดงก่ำ

ตั้งแต่เกิดมา เบเลซักเพิ่งเคยเห็นพี่สาวของเขาเป็นเช่นนี้

ลาลาเน่เป็นคนที่จะไม่มีวันโมโหขนาดนั้นเด็ดขาด

“ต่อให้เกลียดเทียแค่ไหนก็เถอะ! แต่นี่เทียช่วยท่านปู่เอาไว้ ถึงได้บาดเจ็บเช่นนั้นนะ!”

นัยน์ตาของลาลาเน่ถึงกับมีน้ำตาเอ่อคลอขึ้นมาเล็กน้อย

“ตอนนี้ก็น่าเป็นห่วงจะแย่ ไม่รู้ว่าเจ็บหนักแค่ไหน! แต่เจ้ากลับ…!”

ลาลาเน่ยกนิ้วขึ้นมาชี้ขู่เบเลซักในขณะที่เดินเข้าไปใกล้เด็กชาย

เบเลซักเผลอก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว

“ระหว่างที่เทียบาดเจ็บ ลองเจ้าเสนอหน้าไปยุ่งกับเทียสิ ถ้าเจ้าทำเช่นนั้น เบเลซัก เจ้า…”

ลาลาเน่หรี่ตาลง นางจ้องเบเลซักเขม็งในขณะที่พูดต่อ

“จบแน่”

เบเลซักพูดอะไรไม่ออก ในระหว่างที่เขาได้แต่อ้าปาก ‘พะงาบ ๆ’ ลาลาเน่ก็หมุนตัวเดินจากไปไกล ทิ้งไว้เพียงแค่สายลมเย็นยะเยือกที่พัดผ่าน

* * *

พรวด!

“ท่านฟีเรนเทีย! ท่านฟีเรนเทียอยู่ที่ไหนครับ!”

เสียงประตูถูกเปิดออกอย่างแรงดังขึ้น พร้อมกับเสียงของเครย์ลีบันที่ร้องตะโกนตามหาเธออย่างร้อนรน

“ข้าอยู่นี่ค่ะ เครย์ลีบัน! ห้องนอนค่ะ!”

ได้ยินเสียงฝีเท้าดังตึง ตึง โดยที่เธอยังตอบไม่ทันจบประโยค เครย์ลีบันก็มาปรากฏตัวขึ้นที่หน้าประตูห้อง

“ท่านฟีเรนเทีย!”

เครย์ลีบันวิ่งเข้ามาในห้อง ใบหน้าของเขาซีดเผือด เหงื่อเย็นเฉียบผุดขึ้นทั่วใบหน้า

“มาแล้วหรือคะ”

เธอยกมือข้างที่เป็นปกติดีขึ้นโบกทักทายเครย์ลีบัน

“มาแล้วหรือคะท่านพี่ คุณหนูทานผลไม้อีกชิ้นนะคะ”

“อื้อ ขอบใจนะ ลอรีล”

เครย์ลีบันยืนดูท่าทางผ่อนคลายไร้กังวลของเธอ ที่กำลังนั่งกินผลไม้ที่ลอรีลช่วยหั่นให้เป็นชิ้นขนาดพอดีคำ ก่อนจะเดินเข้ามาใกล้แล้วถามขึ้น

“เป็นอะไรหรือเปล่าครับ ได้ยินว่าช่วยท่านเจ้าตระกูลไว้จนกลิ้งตกจากบันได เลยรีบวิ่งมาหา…”

“กลิ้งตก? ดูเหมือนเรื่องราวเติมสีใส่ไข่ไปกันใหญ่แล้วนะเนี่ย”

“ถะ ถ้างั้นบริเวณที่บาดเจ็บ…”

“ก็เจ็บอยู่เหมือนกันค่ะ ที่ไหล่ข้างขวา แล้วก็มีแผลฉีกขาดก็อย่างที่เห็นแหละค่ะ เลยเคลื่อนไหวไม่สะดวกนัก”

“อา ว่าแล้วเชียว…”

เครย์ลีบันเดินตัวเซเข้ามาด้วยใบหน้าแทบจะร้องไห้อยู่รอมร่อ ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งข้างเตียง

“แต่ไม่ได้เป็นหนักขนาดในข่าวลือหรอกนะคะ เอาละ ทานผลไม้หน่อยเถอะค่ะ”

เธอใช้ส้อมจิ้มผลไม้ขึ้นมาหนึ่งชิ้น แล้วจัดการยัดมันใส่มือของเครย์ลีบัน

เครย์ลีบันมองเธอสลับกับผลไม้ในมือไปมาอยู่ครู่หนึ่ง เขาถอนหายใจเสียงแผ่ว แล้วกัดผลไม้ชิ้นนั้นหนึ่งคำอย่างเลี่ยงไม่ได้

“มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกันแน่ครับ ท่านฟีเรนเทีย”

แต่ถึงยังไงก็ได้เห็นกับตาแล้วว่าเธอเป็นปกติดี เครย์ลีบันถึงได้คลายความกังวลลงไปได้บ้าง เขาถามเธอด้วยสีหน้าดีกว่าเดิมมาก

“ตอนนั้นข้ากำลังจะลงไปทานอาหารด้วยกันกับท่านปู่…”

เธอเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้เขาฟังคร่าวๆ

เครย์ลีบันฟังเธอเงียบๆ ไม่พูดอะไร เขาพยักหน้ารับฟังเรื่องราวแล้วจึงเปิดปากพูด

“ถึงยังไงก็โล่งอกไปทีนะครับ ท่านฟีเรนเทียเองก็ไม่ได้บาดเจ็บหนักอะไร ทั้งยังค้นพบโรคของท่านเจ้าตระกูลได้เร็วแบบนี้ด้วย…”

“ทั้งสองท่านไม่กังวลกันเลยเหรอคะ”

คนที่ถามผสมเสียงถอนหายใจคือลอรีลที่เพิ่งไปปลอกผลไม้มาเพิ่มให้

“เบเจอร์คนนั้นได้เป็นรักษาการเจ้าตระกูลแท้ๆ ตอนนี้ลูกจ้างในตระกูลต่างก็ตื่นตกใจกันทั้งนั้นนะคะ แล้วทั้งสองท่านทำไมยังสงบแบบนี้ได้อีกล่ะคะ”

คำถามของลอรีลทำให้เธอกับเครย์ลีบันต้องหันไปมองหน้ากันและกัน

และเครย์ลีบันก็ตอบด้วยเสียงไม่แยแสอะไรนัก

“ข้าคิดว่าเบเจอร์ได้เป็นรักษาการเจ้าตระกูลแบบนี้ ถือว่าน่าโล่งอกแล้วละครับ”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+