เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล 116.2

Now you are reading เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล Chapter 116.2 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“เบ๊ต พกไม้ขีดมาด้วยใช่มั้ยคะ”

“ครับ พกมาครับ”

“เอาออกมาหน่อยสิคะ”

เบ๊ตเอียงคอด้วยความงุนงงเมื่อได้ยินคำสั่งของเธอ เขาหยิบเอาไม้ขีดกล่องหนึ่งออกมาจากกระเป๋ากางเกง

“ลองใช้มันเผาเช็คทีค่ะ”

“ครับ”

“เร็วเข้าสิคะ”

คำเรียกร้องอันน่าขันของเธอทำให้เบ๊ตต้องหันไปมองเครย์ลีบันกับไวโอเล็ต แต่แววตาของทั้งคู่กลับไม่สั่นไหวเลยแม้แต่น้อย

พวกเขาเชื่อมั่นในการตัดสินใจของเธออย่างสมบูรณ์

“…ทราบแล้วครับ”

เบ๊ตกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอ เขาจุดไม้ขีด จ่อมันเข้ากับเช็คอย่างระมัดระวัง

“อ๊ะ? โอ๊ะ…?”

เช็คที่ภายนอกดูเหมือนกันจนแยกไม่ออก ใบหนึ่งกลับให้เปลวไฟสีแดงส้ม อีกใบให้เปลวไฟสีน้ำเงิน

“ปะ แปลกจริง”

เบ๊ตเป่าลมฟู่รีบดับไฟอย่างรวดเร็ว เขาลองจุดไม้ขีดอีกครั้ง

ครั้งนี้ผลลัพธ์ที่ได้ก็ยังเป็นเหมือนเดิม

“นี่คือวิธีแยกแยะของจริงกับของปลอมค่ะ”

ในชีวิตก่อนเหล่าพนักงานธนาคารได้ทำการรวบรวมเช็คปลอมที่สุดท้ายก็หาวิธีแยกแยะไม่ได้ เพื่อที่จะจัดการทำลายมันทิ้ง และนี่ก็เป็นวิธีการที่พวกเขาค้นพบขึ้นในตอนที่จะเผากำจัดมัน

แต่ก็นะ กว่าจะรู้ได้มันก็สายเกินไปแล้วอยู่ดี

“ได้ยังไงกัน ทราบได้ยังไงครับ”

เบ๊ตเบิกตากว้าง ถามเธอด้วยความตกใจ

ข้างในนัยน์ตาสีอำพันที่เบิกกว้างคู่นั้น เปี่ยมไปด้วยความปลาบปลื้ม

เธอมองหน้าเบ๊ต แล้วตอบเขาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

“ความลับทางธุรกิจค่ะ”

“…ครับ”

“ความ.ลับ.ทาง.ธุรกิจ.ค่ะ”

“อ่า…”

เบ๊ตมีสีหน้าหมองหม่น

ทางฝั่งเธอต่างหากล่ะ ที่มีความลับทางธุรกิจที่ไม่มีวันแพร่งพรายให้ใครรู้ได้ทั้งนั้นอยู่

เธอปล่อยเบ๊ตทิ้งไว้แบบนั้น แล้วหันไปมองเครย์ลีบันแทน

“เครย์ลีบัน”

“เชิญกล่าวมาได้เลยครับ ท่านฟีเรนเทีย”

นัยน์ตาที่มองเธอคู่นั้นกะพริบปริบเป็นประกายวิบวับ

“นำวิธีที่ข้าแสดงให้ดูเมื่อครู่ไปแจ้งท่านชานาเนสทีนะคะ”

“ได้ครับ ข้าจะจัดการให้ครับ”

“ต้องไปให้เร็วหน่อย ถึงจะแค่วันเดียวก็ยังดีค่ะ ไวโอเล็ตช่วยไปเอา ‘ของสิ่งนั้น’ ที่ฝากไว้ในห้องนิรภัยของธนาคารลอมบาร์เดียทีนะคะ เสร็จแล้วอย่าลืมเอามันไปให้เครย์ลีบันด้วยค่ะ”

“ค่ะ ท่านฟีเรนเทีย เลิกประชุมแล้วข้าจะไปทันทีค่ะ”

“แล้วก็เบ๊ตคะ ข้ามีเรื่องอยากไหว้วานอยู่เรื่องหนึ่งค่ะ”

เบ๊ตที่เหม่อลอยไปเพราะคำพูดของเธอเมื่อก่อนหน้านี้สะดุ้งโหยงตื่นจากภวังค์ทันที

“ช่วยสืบข้อมูลของคนคนหนึ่งให้ทีค่ะ ชื่อว่า…”

เบ๊ตเอียงคอมองด้วยความงุนงง เมื่อจู่ๆ เธอก็ขอให้ช่วยสืบเรื่องคนคนหนึ่งให้

“เรื่องแค่นั้นไม่ได้ยากเย็นอะไรอยู่แล้วครับ แต่…”

เบ๊ตตั้งใจจะพูดอะไรบางอย่าง แต่จู่ๆ เขาก็หยุดพูด แล้วหันไปมองเครย์ลีบันกับไวโอเล็ต

แต่เพียงไม่นานก็พยักหน้าลงอย่างแข็งขัน ไม่รู้ว่าคิดเรื่องอะไรอยู่กันแน่

ท่าทางของเบ๊ตในตอนนี้ ดูแล้วคล้ายคลึงกับท่าทางของเครย์ลีบันกับไวโอเล็ตเวลาปฏิบัติต่อเธออย่างไรชอบกล

* * *

เย็นวันนั้น

ชานาเนสมาถึงห้องทำงานเจ้าตระกูลด้วยใบหน้าบึ้งตึง

ก๊อก ก๊อก

“เบเจอร์ ข้าเข้าไปสักครู่ได้หรือไม่”

นางถามตารางงานมาจากพ่อบ้านก่อนแล้วถึงได้ตั้งใจแวะมาหลังจากที่งานทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้ว

และไม่นานหลังจากนั้นก็ได้ยินคำตอบของเบเจอร์

“…เข้ามาสิครับ”

คำตอบนั่นฟังดูน่าสงสัยชอบกล แต่ชานาเนสไม่ได้คิดอะไรมาก

จนกระทั่งพบว่าเซรัลนั่งอยู่บนโซฟาในห้องทำงาน

“มาแล้วหรือครับ”

ทั้งสองคนกำลังนั่งกินขนมกันในห้องทำงาน ท่าทางจะสนุกกันมากทีเดียว

สีหน้าของเซรัลที่ถูกขัดจังหวะถึงได้ดูไม่ค่อยพอใจนัก

“ขอโทษด้วย พอดีข้ามีเรื่องอยากหารือกับเบเจอร์เสียหน่อย”

“…หารือหรือครับ”

เบเจอร์เป็นฝ่ายถามกลับไปด้วยเสียงกราดเกรี้ยวแทนเซรัล

“ท่านพี่มีเรื่องอะไรอยากหารือกับข้าที่เป็นรักษาการเจ้าตระกูลอย่างนั้นหรือครับ”

“…คุยกันตามลำพังแค่สองคนจะดีกว่ากระมัง”

ถึงแม้เบเจอร์จะพูดหยาบคายราวกับตั้งใจจะทำให้เสียศักดิ์ศรี แต่ชานาเนสก็ยังคงตอบกลับไปอย่างเยือกเย็น

เบเจอร์เหลือบมองเซรัลหนึ่งครั้ง ก่อนจะพูดเสียงห้วน

“ต่อหน้าภริยาของข้า ไม่มีเรื่องใดพูดไม่ได้หรอกครับ แล้วมีเรื่องอะไรล่ะครับ ที่จะพูด”

หลังจากได้เป็นรักษาการเจ้าตระกูล เบเจอร์ก็เปลี่ยนการพูดจาเป็นเย่อหยิ่งจองหองเป็นอย่างมาก

“…ได้ เห็นว่าช่วงนี้มีเช็คปลอมว่อนไปทั่ว เรื่องนั้นเจ้ารู้อยู่แล้วหรือเปล่า”

“เช็คปลอม?”

เบเจอร์ขมวดคิ้วแน่นเป็นปม

“ผู้จัดการธนาคาร เจ้านั่นมันไปหาท่านพี่อย่างนั้นหรือครับ”

“ไม่ใช่แบบนั้น…”

“กล้าดีเช่นไรถึงได้ข้ามหน้าข้ามตาข้าผู้เป็นรักษาการเจ้าตระกูล”

เบเจอร์ลุกพรวดขึ้นจากที่นั่งในขณะที่ตะโกนเสียงดัง

“เบเจอร์ ใจเย็นก่อน ฟังที่ข้าพูด…”

“ทำไมข้าจะต้องฟังคำพูดของท่านพี่ที่บังอาจเมินเฉยอำนาจรักษาการเจ้าตระกูล ที่ท่านพ่อเป็นคนมอบให้ข้าด้วยล่ะครับ! ”

“…บังอาจ?”

น้ำเสียงของชานาเนสเองก็เริ่มมีน้ำโหขึ้นมาแล้วเหมือนกัน

“การที่ท่านพ่อมอบตำแหน่งเจ้าตระกูลชั่วคราวให้เจ้า ไม่ได้หมายความว่าเจ้าจะใช้อำนาจนั่นได้ตามอำเภอใจ เลียนแบบเหมือนตัวเองเป็นเจ้าตระกูลหรอกนะ เบเจอร์”

“เลียนแบบเป็นเจ้าตระกูล? ข้าทำหน้าที่ของข้าได้อย่างดีไม่มีบกพร่องครับ! ตอนนี้ท่านพี่ไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะมาพูดพล่ามโน่นนี่กับข้าได้นะครับ! ”

“ข้าไม่รู้หรอกนะว่าในหัวของเจ้า รักษาการเจ้าตระกูลมันเป็นตำแหน่งแบบใด แต่ข้าคงได้รู้สิ่งหนึ่งอย่างชัดเจนทีเดียว เจ้าไม่ได้เข้าใจเลยด้วยซ้ำว่าเช็คปลอมนี่ มันเป็นปัญหาร้ายแรงขนาดไหน เจ้าโง่”

“ระวังคำพูดด้วยครับ! ต่อให้เป็นท่านพี่ก็เถอะ ยังไงท่านพี่ก็ไม่สามารถหยาบคายไร้มารยาทกับข้าผู้เป็นรักษาการเจ้าตระกูลได้นะครับ! ตอนนี้ข้าอยู่ในตำแหน่งแทนท่านพ่อครับ!”

ชานาเนสรู้สึกเวียนศีรษะไปหมด นี่มันเหมือนกับนางกำลังพูดกับกำแพงอย่างไรอย่างนั้น

สิ่งที่เบเจอร์สนใจมีเพียงแค่อำนาจและสิทธิในฐานะเจ้าตระกูลเท่านั้น

ดูจากการที่อีกฝ่ายเอาแต่นั่งอ้อยอิ่ง ทั้งๆ ที่นางพูดเรื่องเช็คปลอมก็รู้ได้แล้ว

“กับอีแค่เช็คปลอมไม่กี่แผ่นมันจะไปสำคัญอะไรนัก! ท่านพี่ต่างหากที่มัวแต่ยึดติดกับเรื่องหยุมหยิม แยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวไม่ออกไม่ใช่หรือครับ”

เบเจอร์พ่นลมหายใจทางจมูกเสียงดังหึ พลางพูดขึ้น

“คงจะอิจฉาที่ข้าได้เป็นรักษาการเจ้าตระกูลสินะครับ เพราะอย่างนั้นถึงได้จงใจหาข้ออ้างเข้ามาก้าวก่ายงานของข้า มันเห็นกันชัดๆ อยู่แล้วนี่ครับ!”

ชานาเนสหัวเราะเสียงแผ่วด้วยไม่อาจทนต่อไปได้ไหว

เบเจอร์เชื่อว่าเช็คปลอมเป็นเรื่องไร้สาระจริงๆ

และเบเจอร์คนนั้นยังมองว่าชานาเนสเป็นตัวขัดขวาง ผู้มีจิตใจชั่วร้ายอีกด้วย

“…ได้ เบเจอร์ ดูเหมือนข้าจะคาดหวังในตัวเจ้าสูงเกินไปเสียแล้ว”

ชานาเนสเหลือทิ้งไว้เพียงแค่คำพูดประโยคนั้น ก่อนจะหมุนตัวเดินจากไป

ได้ยินเสียงหัวเราะของเซรัลกับเบเจอร์ดังไล่ตามหลัง แต่ชานาเนสก็ไม่คิดที่จะเหลียวหลังหันกลับไปมอง

นางคิดว่าพรุ่งนี้เช้าคงจะต้องไปเข้าพบท่านพ่อทันทีเสียแล้ว

ชานาเนสกลับมายังบ้านของตัวเองด้วยใจที่หนาวเหน็บ แต่แล้วนางก็พบว่ามีใครบางคนกำลังรอนางอยู่หน้าประตูบ้าน

“ท่านชานาเนส ถึงแม้จะค่ำแล้ว แต่พอจะสนทนากันสักครู่ได้มั้ยครับ”

คนที่กล่าวทักทายด้วยความสุภาพ พร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้าหล่อเหลาคือ เครย์ลีบัน เพลเลส

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล 116.2

Now you are reading เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล Chapter 116.2 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“เบ๊ต พกไม้ขีดมาด้วยใช่มั้ยคะ”

“ครับ พกมาครับ”

“เอาออกมาหน่อยสิคะ”

เบ๊ตเอียงคอด้วยความงุนงงเมื่อได้ยินคำสั่งของเธอ เขาหยิบเอาไม้ขีดกล่องหนึ่งออกมาจากกระเป๋ากางเกง

“ลองใช้มันเผาเช็คทีค่ะ”

“ครับ”

“เร็วเข้าสิคะ”

คำเรียกร้องอันน่าขันของเธอทำให้เบ๊ตต้องหันไปมองเครย์ลีบันกับไวโอเล็ต แต่แววตาของทั้งคู่กลับไม่สั่นไหวเลยแม้แต่น้อย

พวกเขาเชื่อมั่นในการตัดสินใจของเธออย่างสมบูรณ์

“…ทราบแล้วครับ”

เบ๊ตกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอ เขาจุดไม้ขีด จ่อมันเข้ากับเช็คอย่างระมัดระวัง

“อ๊ะ? โอ๊ะ…?”

เช็คที่ภายนอกดูเหมือนกันจนแยกไม่ออก ใบหนึ่งกลับให้เปลวไฟสีแดงส้ม อีกใบให้เปลวไฟสีน้ำเงิน

“ปะ แปลกจริง”

เบ๊ตเป่าลมฟู่รีบดับไฟอย่างรวดเร็ว เขาลองจุดไม้ขีดอีกครั้ง

ครั้งนี้ผลลัพธ์ที่ได้ก็ยังเป็นเหมือนเดิม

“นี่คือวิธีแยกแยะของจริงกับของปลอมค่ะ”

ในชีวิตก่อนเหล่าพนักงานธนาคารได้ทำการรวบรวมเช็คปลอมที่สุดท้ายก็หาวิธีแยกแยะไม่ได้ เพื่อที่จะจัดการทำลายมันทิ้ง และนี่ก็เป็นวิธีการที่พวกเขาค้นพบขึ้นในตอนที่จะเผากำจัดมัน

แต่ก็นะ กว่าจะรู้ได้มันก็สายเกินไปแล้วอยู่ดี

“ได้ยังไงกัน ทราบได้ยังไงครับ”

เบ๊ตเบิกตากว้าง ถามเธอด้วยความตกใจ

ข้างในนัยน์ตาสีอำพันที่เบิกกว้างคู่นั้น เปี่ยมไปด้วยความปลาบปลื้ม

เธอมองหน้าเบ๊ต แล้วตอบเขาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

“ความลับทางธุรกิจค่ะ”

“…ครับ”

“ความ.ลับ.ทาง.ธุรกิจ.ค่ะ”

“อ่า…”

เบ๊ตมีสีหน้าหมองหม่น

ทางฝั่งเธอต่างหากล่ะ ที่มีความลับทางธุรกิจที่ไม่มีวันแพร่งพรายให้ใครรู้ได้ทั้งนั้นอยู่

เธอปล่อยเบ๊ตทิ้งไว้แบบนั้น แล้วหันไปมองเครย์ลีบันแทน

“เครย์ลีบัน”

“เชิญกล่าวมาได้เลยครับ ท่านฟีเรนเทีย”

นัยน์ตาที่มองเธอคู่นั้นกะพริบปริบเป็นประกายวิบวับ

“นำวิธีที่ข้าแสดงให้ดูเมื่อครู่ไปแจ้งท่านชานาเนสทีนะคะ”

“ได้ครับ ข้าจะจัดการให้ครับ”

“ต้องไปให้เร็วหน่อย ถึงจะแค่วันเดียวก็ยังดีค่ะ ไวโอเล็ตช่วยไปเอา ‘ของสิ่งนั้น’ ที่ฝากไว้ในห้องนิรภัยของธนาคารลอมบาร์เดียทีนะคะ เสร็จแล้วอย่าลืมเอามันไปให้เครย์ลีบันด้วยค่ะ”

“ค่ะ ท่านฟีเรนเทีย เลิกประชุมแล้วข้าจะไปทันทีค่ะ”

“แล้วก็เบ๊ตคะ ข้ามีเรื่องอยากไหว้วานอยู่เรื่องหนึ่งค่ะ”

เบ๊ตที่เหม่อลอยไปเพราะคำพูดของเธอเมื่อก่อนหน้านี้สะดุ้งโหยงตื่นจากภวังค์ทันที

“ช่วยสืบข้อมูลของคนคนหนึ่งให้ทีค่ะ ชื่อว่า…”

เบ๊ตเอียงคอมองด้วยความงุนงง เมื่อจู่ๆ เธอก็ขอให้ช่วยสืบเรื่องคนคนหนึ่งให้

“เรื่องแค่นั้นไม่ได้ยากเย็นอะไรอยู่แล้วครับ แต่…”

เบ๊ตตั้งใจจะพูดอะไรบางอย่าง แต่จู่ๆ เขาก็หยุดพูด แล้วหันไปมองเครย์ลีบันกับไวโอเล็ต

แต่เพียงไม่นานก็พยักหน้าลงอย่างแข็งขัน ไม่รู้ว่าคิดเรื่องอะไรอยู่กันแน่

ท่าทางของเบ๊ตในตอนนี้ ดูแล้วคล้ายคลึงกับท่าทางของเครย์ลีบันกับไวโอเล็ตเวลาปฏิบัติต่อเธออย่างไรชอบกล

* * *

เย็นวันนั้น

ชานาเนสมาถึงห้องทำงานเจ้าตระกูลด้วยใบหน้าบึ้งตึง

ก๊อก ก๊อก

“เบเจอร์ ข้าเข้าไปสักครู่ได้หรือไม่”

นางถามตารางงานมาจากพ่อบ้านก่อนแล้วถึงได้ตั้งใจแวะมาหลังจากที่งานทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้ว

และไม่นานหลังจากนั้นก็ได้ยินคำตอบของเบเจอร์

“…เข้ามาสิครับ”

คำตอบนั่นฟังดูน่าสงสัยชอบกล แต่ชานาเนสไม่ได้คิดอะไรมาก

จนกระทั่งพบว่าเซรัลนั่งอยู่บนโซฟาในห้องทำงาน

“มาแล้วหรือครับ”

ทั้งสองคนกำลังนั่งกินขนมกันในห้องทำงาน ท่าทางจะสนุกกันมากทีเดียว

สีหน้าของเซรัลที่ถูกขัดจังหวะถึงได้ดูไม่ค่อยพอใจนัก

“ขอโทษด้วย พอดีข้ามีเรื่องอยากหารือกับเบเจอร์เสียหน่อย”

“…หารือหรือครับ”

เบเจอร์เป็นฝ่ายถามกลับไปด้วยเสียงกราดเกรี้ยวแทนเซรัล

“ท่านพี่มีเรื่องอะไรอยากหารือกับข้าที่เป็นรักษาการเจ้าตระกูลอย่างนั้นหรือครับ”

“…คุยกันตามลำพังแค่สองคนจะดีกว่ากระมัง”

ถึงแม้เบเจอร์จะพูดหยาบคายราวกับตั้งใจจะทำให้เสียศักดิ์ศรี แต่ชานาเนสก็ยังคงตอบกลับไปอย่างเยือกเย็น

เบเจอร์เหลือบมองเซรัลหนึ่งครั้ง ก่อนจะพูดเสียงห้วน

“ต่อหน้าภริยาของข้า ไม่มีเรื่องใดพูดไม่ได้หรอกครับ แล้วมีเรื่องอะไรล่ะครับ ที่จะพูด”

หลังจากได้เป็นรักษาการเจ้าตระกูล เบเจอร์ก็เปลี่ยนการพูดจาเป็นเย่อหยิ่งจองหองเป็นอย่างมาก

“…ได้ เห็นว่าช่วงนี้มีเช็คปลอมว่อนไปทั่ว เรื่องนั้นเจ้ารู้อยู่แล้วหรือเปล่า”

“เช็คปลอม?”

เบเจอร์ขมวดคิ้วแน่นเป็นปม

“ผู้จัดการธนาคาร เจ้านั่นมันไปหาท่านพี่อย่างนั้นหรือครับ”

“ไม่ใช่แบบนั้น…”

“กล้าดีเช่นไรถึงได้ข้ามหน้าข้ามตาข้าผู้เป็นรักษาการเจ้าตระกูล”

เบเจอร์ลุกพรวดขึ้นจากที่นั่งในขณะที่ตะโกนเสียงดัง

“เบเจอร์ ใจเย็นก่อน ฟังที่ข้าพูด…”

“ทำไมข้าจะต้องฟังคำพูดของท่านพี่ที่บังอาจเมินเฉยอำนาจรักษาการเจ้าตระกูล ที่ท่านพ่อเป็นคนมอบให้ข้าด้วยล่ะครับ! ”

“…บังอาจ?”

น้ำเสียงของชานาเนสเองก็เริ่มมีน้ำโหขึ้นมาแล้วเหมือนกัน

“การที่ท่านพ่อมอบตำแหน่งเจ้าตระกูลชั่วคราวให้เจ้า ไม่ได้หมายความว่าเจ้าจะใช้อำนาจนั่นได้ตามอำเภอใจ เลียนแบบเหมือนตัวเองเป็นเจ้าตระกูลหรอกนะ เบเจอร์”

“เลียนแบบเป็นเจ้าตระกูล? ข้าทำหน้าที่ของข้าได้อย่างดีไม่มีบกพร่องครับ! ตอนนี้ท่านพี่ไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะมาพูดพล่ามโน่นนี่กับข้าได้นะครับ! ”

“ข้าไม่รู้หรอกนะว่าในหัวของเจ้า รักษาการเจ้าตระกูลมันเป็นตำแหน่งแบบใด แต่ข้าคงได้รู้สิ่งหนึ่งอย่างชัดเจนทีเดียว เจ้าไม่ได้เข้าใจเลยด้วยซ้ำว่าเช็คปลอมนี่ มันเป็นปัญหาร้ายแรงขนาดไหน เจ้าโง่”

“ระวังคำพูดด้วยครับ! ต่อให้เป็นท่านพี่ก็เถอะ ยังไงท่านพี่ก็ไม่สามารถหยาบคายไร้มารยาทกับข้าผู้เป็นรักษาการเจ้าตระกูลได้นะครับ! ตอนนี้ข้าอยู่ในตำแหน่งแทนท่านพ่อครับ!”

ชานาเนสรู้สึกเวียนศีรษะไปหมด นี่มันเหมือนกับนางกำลังพูดกับกำแพงอย่างไรอย่างนั้น

สิ่งที่เบเจอร์สนใจมีเพียงแค่อำนาจและสิทธิในฐานะเจ้าตระกูลเท่านั้น

ดูจากการที่อีกฝ่ายเอาแต่นั่งอ้อยอิ่ง ทั้งๆ ที่นางพูดเรื่องเช็คปลอมก็รู้ได้แล้ว

“กับอีแค่เช็คปลอมไม่กี่แผ่นมันจะไปสำคัญอะไรนัก! ท่านพี่ต่างหากที่มัวแต่ยึดติดกับเรื่องหยุมหยิม แยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวไม่ออกไม่ใช่หรือครับ”

เบเจอร์พ่นลมหายใจทางจมูกเสียงดังหึ พลางพูดขึ้น

“คงจะอิจฉาที่ข้าได้เป็นรักษาการเจ้าตระกูลสินะครับ เพราะอย่างนั้นถึงได้จงใจหาข้ออ้างเข้ามาก้าวก่ายงานของข้า มันเห็นกันชัดๆ อยู่แล้วนี่ครับ!”

ชานาเนสหัวเราะเสียงแผ่วด้วยไม่อาจทนต่อไปได้ไหว

เบเจอร์เชื่อว่าเช็คปลอมเป็นเรื่องไร้สาระจริงๆ

และเบเจอร์คนนั้นยังมองว่าชานาเนสเป็นตัวขัดขวาง ผู้มีจิตใจชั่วร้ายอีกด้วย

“…ได้ เบเจอร์ ดูเหมือนข้าจะคาดหวังในตัวเจ้าสูงเกินไปเสียแล้ว”

ชานาเนสเหลือทิ้งไว้เพียงแค่คำพูดประโยคนั้น ก่อนจะหมุนตัวเดินจากไป

ได้ยินเสียงหัวเราะของเซรัลกับเบเจอร์ดังไล่ตามหลัง แต่ชานาเนสก็ไม่คิดที่จะเหลียวหลังหันกลับไปมอง

นางคิดว่าพรุ่งนี้เช้าคงจะต้องไปเข้าพบท่านพ่อทันทีเสียแล้ว

ชานาเนสกลับมายังบ้านของตัวเองด้วยใจที่หนาวเหน็บ แต่แล้วนางก็พบว่ามีใครบางคนกำลังรอนางอยู่หน้าประตูบ้าน

“ท่านชานาเนส ถึงแม้จะค่ำแล้ว แต่พอจะสนทนากันสักครู่ได้มั้ยครับ”

คนที่กล่าวทักทายด้วยความสุภาพ พร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้าหล่อเหลาคือ เครย์ลีบัน เพลเลส

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+