เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล 203.2

Now you are reading เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล Chapter 203.2 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เล่ม 5 บทที่ 203.2

วันที่ 3 วันสุดท้ายของเทศกาลแข่งล่าสัตว์

“ตาย! ตาย!”

อาสทาน่ากระโดดขึ้นไปเหนือร่างของมอนสเตอร์ ก่อนจะปักดาบลงมา

เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ

ทุกครั้งที่อาสทาน่าขยับกาย จะมีเสียงน่าขนลุกดังขึ้นทุกครา

“เจ้าชาย…”

เบเลซักเอ่ยเรียกอาสทาน่า

แต่อาสทาน่าที่มัวแต่สนใจอยู่กับการไล่แทงมอนสเตอร์กลับไม่ได้ยินเสียงนั้น

มอนสเตอร์ที่อาสทาน่าล่าได้ตลอดระยะเวลา 3 วันมีเกินกว่าสี่สิบตัวแล้ว

นั่นคือผลลัพธ์ที่ได้จากการเอาแต่ล่าไม่หยุดตั้งแต่ก่อนพระอาทิตย์ขึ้นจนตกดินเหมือนคนโดนมนตร์สะกด

“เฮ้ นี่พวกเราควรจะห้ามเจ้าชายหรือเปล่า”

เบเลซักถามคนในกลุ่มอย่างระมัดระวัง

“…?”

แต่กลับไม่มีคำตอบใดดังกลับมา

พอหันกลับไปมอง ถึงได้พบว่าตำแหน่งที่บุตรชายคนโตของตระกูลเบลคเซนผู้เหลือเป็นคนสุดท้ายของกลุ่มกลับว่างเปล่าไปเสียแล้ว

คงจะยกธงขาวแอบหนีไปในระหว่างที่อาสทาน่าเอาแต่ไล่ล่าอย่างบ้าคลั่งเป็นแน่

อึก

เบเลซักกลืนน้ำลายแห้งหนืดลงคอ

ตอนนี้ที่เหลืออยู่ก็มีแค่อาสทาน่ากับเบเลซักสองคนเท่านั้น

‘ใช่แล้ว บางทีนี่อาจจะดีแล้วก็ได้’

เบเลซักคิดเช่นนั้น

ก่อนจะมาร่วมการแข่งล่าสัตว์นี่ ท่านแม่กล่าวไว้ว่า

“ยิ่งอันตรายมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีโอกาสสำหรับเจ้ามากเท่านั้น เข้าใจมั้ย เบเลซัก”

ในสถานการณ์ที่ทุกคนหนีหายกันไปหมด เขาจะต้องคอยปกป้องอยู่ข้างกายเจ้าชายให้ได้จนถึงที่สุด

หากนี่ไม่ได้เรียกว่าภักดีอย่างแท้จริง จะเรียกว่าอะไรได้อีก

“นี่เป็นโอกาสสุดท้ายที่เจ้าจะได้กลับไปทวงตำแหน่งคนสนิทของพระองค์คืนกลับมา!”

เบเลซักนึกถึงประโยคที่เซรัลเคยกล่าวเอาไว้ ขณะที่ลอบพยักหน้ากับตัวเอง

สภาพของอาสทาน่าอาจจะดูแตกต่างจากปกติไปเล็กน้อย แต่ก็คงแค่สนุกอยู่กับการล่าสัตว์นั่นแหละ จะเป็นอะไรไปได้กัน

อีกอย่าง ในสถานการณ์อย่างตอนนี้ เกิดเขาเสนอหน้าห้ามออกไป คงได้โดนเจ้าชายเกลียดขี้หน้ากันพอดี

เบเลซักจึงตัดสินใจที่จะนิ่งเงียบไม่พูดอะไรทั้งนั้น

ในตอนนั้นเอง

“เบเลซัก เอากระบอกน้ำมาหน่อย”

อาสทาน่าออกคำสั่ง

“พ่ะย่ะค่ะ อยู่นี่แล้วพ่ะย่ะค่ะ”

เบเลซักรีบขยับกายส่งกระบอกน้ำให้อย่างรวดเร็ว

กระบอกหนังเบามากเพราะของเหลวในกระบอกเหลืออยู่แค่ก้นกระบอกเท่านั้น

“เจ้าชายต้องชนะแน่พ่ะย่ะค่ะ”

เบเลซักยิ้มประจบประแจง เพราะคิดว่าอย่างไรอาสทาน่าจะต้องดีใจแน่

และก็เป็นไปอย่างที่เบเลซักคาดการณ์เอาไว้จริงๆ

อาสทาน่าแสยะยิ้ม ขณะเดียวกันก็พยักหน้าลงด้วยความพอใจ

เลือดมอนสเตอร์ตัวหนึ่งที่เลอะอยู่บนผมไหลอาบแก้มลงมาเข้าปากซึมผ่านไรฟันของอาสทาน่าที่กำลังหัวเราะ

“ใช่แล้ว เฟเรส ไอ้ชั้นต่ำนั่นไม่มีทางล่ามอนสเตอร์ได้มากขนาดนี้แน่ พวกมอนสเตอร์แถวนี้โดนข้าจัดการกวาดล้างไปจนเรียบ”

อาสทาน่ายิ้มเหี้ยม

“ใช่แล้ว ข้าแข็งแกร่งยิ่งกว่าเจ้านั่นชัดๆ”

“…พ่ะย่ะค่ะ?”

เบเลซักเอียงคอด้วยความงุนงง

แข็งแกร่งกว่าเจ้าชายลำดับที่สองที่เป็นถึงนักดาบขั้นมาสเตอร์เนี่ยนะ

“ดูสิ ข้าจัดการเฉือนพวกมอนสเตอร์ได้มากขนาดนี้ เจ้านั่นไม่มีทางทำได้เหมือนข้าแน่”

“แต่…”

“หนวกหู!ข้าแข็งแกร่งกว่า! หากต้องสู้กับเจ้านั่นตอนนี้ละก็ ข้าสามารถฆ่ามันได้ในดาบเดียวแน่!”

อาสทาน่าตะโกนเสียงดังลั่นราวกับต้องการประกาศศึก

“เฮือก”

เบเลซักปิดปากแน่น

เพราะปลายดาบของอาสทาน่าที่เลอะเลือดสีเขียวจนทั่วนั่นมันกำลังชี้จ่ออยู่ที่คอของเขา

“ถะ…ถูกต้องพ่ะย่ะค่ะ เจ้าชายทรงแข็งแกร่งกว่ามาก”

“ใช่มั้ยล่ะ ว่าแล้วเชียว เจ้าเองก็คิดแบบนั้นเหมือนกันสินะ”

อาสทาน่ากล่าวด้วยนัยน์ตาเหม่อลอยไปไกล

“ใช่แล้ว ข้ามีความคิดอะไรดีๆ ด้วย”

“ความคิด…ดีๆ หรือพ่ะย่ะค่ะ”

ชั่วเสี้ยววินาที ลางสังหรณ์ร้ายพลันแวบผ่านขึ้นมาในหัวสมองของเบเลซัก

“ข้าจะฆ่าไอ้เลือดผสมโสโครกนั่นเสีย ไปกันเถอะ”

จู่ๆ อาสทาน่าก็ขยับเท้าก้าวเดิน

ไม่คิดที่จะตัดชิ้นส่วนศพมอนสเตอร์ที่เพิ่งลงมือฆ่าไปตัวสุดท้ายด้วยซ้ำ

“หากเป็นตอนนี้ละก็ จะต้องฆ่าเจ้านั่นได้แน่ ในป่าแบบนี้คงไม่มีใครรู้หรอก”

อาสทาน่าเอาแต่หัวเราะคิกคักพูดพึมพำอยู่คนเดียว

“แค่ฆ่าไอ้ชั้นต่ำนั่นก็จบ แค่นั้นก็จบเรื่องทุกอย่าง”

แค่นั้นฝ่าบาทก็ไม่อาจดูถูกเขาได้อีกต่อไป

เสด็จแม่เองก็จะต้องชื่นชมเขาว่าทำได้ดีมากใช่มั้ย

“อยู่ที่ไหนกันนะ เสื้อเกราะสีแดง เสื้อเกราะสีแดง”

อาสทาน่ากล่าวซ้ำๆ ราวกับกำลังร่ายมนตร์คาถา

ภายในป่ามืดมิด นัยน์ตาของอาสทาน่าเอาแต่มองหาสีแดงเท่านั้น

“อยู่นั่นไง”

อาสทาน่าแสยะยิ้ม

เดินเรื่อยเปื่อยไปในป่า จู่ๆ ก็พบเข้ากับทุ่งหญ้าขนาดเล็ก และฝั่งตรงข้ามก็มีเฟเรสปรากฎตัวขึ้นราวกับเวทมนตร์

“ชุดเกราะสีแดง”

ดูจากที่ข้างกายเจ้านั่นมีนังเด็กลอมบาร์เดียอยู่ด้วย แสดงว่าต้องเป็นเฟเรสไม่ผิดตัวแน่

อาสทาน่ากระชับดาบในมือแน่น

และเริ่มวิ่งตรงไปหาเฟเรสอย่างไม่รั้งรอ

“เจ้าชาย!”

ได้ยินเสียงเบเลซักตะโกนเรียก ในขณะที่รีบวิ่งตามหลังเขามาด้วยความตกใจ

แต่อาสทาน่าก็ไม่ได้หยุด

ไม่มีโอกาสไหนจะดีไปกว่านี้ในการลงมือสังหารเฟเรสอีกแล้ว

อาสทาน่ายังคงเอาแต่วิ่งตรงไปในขณะที่จ้องเพียงแค่ใบหน้าน่ารำคาญสายตาของเฟเรสเท่านั้น

“สกัดไว้!”

ในตอนนั้นเอง กลุ่มคนที่อาสทาน่าไม่เคยได้สังเกตเห็นจู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นในห้วงสายตาของเขา

เหล่าอัศวินจากกองกำลังอัศวินส่วนพระองค์กำลังเฝ้าอารักขาอยู่รอบกายเฟเรส

ชั่วขณะอาสทาน่าพลันรู้สึกตื่นตระหนกขึ้นมา

ทำไมพวกกองกำลังอัศวินถึงได้อารักขาเจ้านั่นกัน

และในวินาทีถัดมาโทสะก็แล่นขึ้นหัว

เหอะ ที่แท้พวกนั้นก็แอบเข้าข้างอยู่เบื้องหลังไอ้ชั้นต่ำนั่นนี่เอง

“ตายซะ!”

อาสทาน่าตะโกนเสียงดัง

ใบหน้าเฟเรสที่ตื่นตกใจอยู่ตรงหน้าเขาแค่เอื้อม

เคร้ง!

แต่ด้วยน้ำมือของกองกำลังอัศวินส่วนพระองค์ ดาบของอาสทาน่าจึงกระเด็นหลุดไปไกล

“แฮก แฮก!”

ไอ้เวรนั่นอยู่ตรงหน้าเขาแค่นี้แท้ๆ

แค่เอื้อมมือออกไปก็ถึงแล้ว

จะยอมแพ้แค่นี้ไม่ได้

ในตอนนั้นเอง สายตาของอาสทาน่าก็หันไปเห็นเบเลซักเข้าพอดี

พูดให้ถูกก็คือ มีดสั้นที่เจ้านั่นห้อยอยู่ที่เอวต่างหาก

“ตายซะ!”

อาสทาน่าคำรามเสียงกราดเกรี้ยว มือเอื้อมไปดึงมีดสั้นออกมาจากเอวของเบเลซัก

เขาง้างมันขึ้น ก่อนจะแทงมีดสั้นเล่มนั้นเข้าใส่เฟเรสทันที

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล 203.2

Now you are reading เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล Chapter 203.2 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เล่ม 5 บทที่ 203.2

วันที่ 3 วันสุดท้ายของเทศกาลแข่งล่าสัตว์

“ตาย! ตาย!”

อาสทาน่ากระโดดขึ้นไปเหนือร่างของมอนสเตอร์ ก่อนจะปักดาบลงมา

เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ

ทุกครั้งที่อาสทาน่าขยับกาย จะมีเสียงน่าขนลุกดังขึ้นทุกครา

“เจ้าชาย…”

เบเลซักเอ่ยเรียกอาสทาน่า

แต่อาสทาน่าที่มัวแต่สนใจอยู่กับการไล่แทงมอนสเตอร์กลับไม่ได้ยินเสียงนั้น

มอนสเตอร์ที่อาสทาน่าล่าได้ตลอดระยะเวลา 3 วันมีเกินกว่าสี่สิบตัวแล้ว

นั่นคือผลลัพธ์ที่ได้จากการเอาแต่ล่าไม่หยุดตั้งแต่ก่อนพระอาทิตย์ขึ้นจนตกดินเหมือนคนโดนมนตร์สะกด

“เฮ้ นี่พวกเราควรจะห้ามเจ้าชายหรือเปล่า”

เบเลซักถามคนในกลุ่มอย่างระมัดระวัง

“…?”

แต่กลับไม่มีคำตอบใดดังกลับมา

พอหันกลับไปมอง ถึงได้พบว่าตำแหน่งที่บุตรชายคนโตของตระกูลเบลคเซนผู้เหลือเป็นคนสุดท้ายของกลุ่มกลับว่างเปล่าไปเสียแล้ว

คงจะยกธงขาวแอบหนีไปในระหว่างที่อาสทาน่าเอาแต่ไล่ล่าอย่างบ้าคลั่งเป็นแน่

อึก

เบเลซักกลืนน้ำลายแห้งหนืดลงคอ

ตอนนี้ที่เหลืออยู่ก็มีแค่อาสทาน่ากับเบเลซักสองคนเท่านั้น

‘ใช่แล้ว บางทีนี่อาจจะดีแล้วก็ได้’

เบเลซักคิดเช่นนั้น

ก่อนจะมาร่วมการแข่งล่าสัตว์นี่ ท่านแม่กล่าวไว้ว่า

“ยิ่งอันตรายมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีโอกาสสำหรับเจ้ามากเท่านั้น เข้าใจมั้ย เบเลซัก”

ในสถานการณ์ที่ทุกคนหนีหายกันไปหมด เขาจะต้องคอยปกป้องอยู่ข้างกายเจ้าชายให้ได้จนถึงที่สุด

หากนี่ไม่ได้เรียกว่าภักดีอย่างแท้จริง จะเรียกว่าอะไรได้อีก

“นี่เป็นโอกาสสุดท้ายที่เจ้าจะได้กลับไปทวงตำแหน่งคนสนิทของพระองค์คืนกลับมา!”

เบเลซักนึกถึงประโยคที่เซรัลเคยกล่าวเอาไว้ ขณะที่ลอบพยักหน้ากับตัวเอง

สภาพของอาสทาน่าอาจจะดูแตกต่างจากปกติไปเล็กน้อย แต่ก็คงแค่สนุกอยู่กับการล่าสัตว์นั่นแหละ จะเป็นอะไรไปได้กัน

อีกอย่าง ในสถานการณ์อย่างตอนนี้ เกิดเขาเสนอหน้าห้ามออกไป คงได้โดนเจ้าชายเกลียดขี้หน้ากันพอดี

เบเลซักจึงตัดสินใจที่จะนิ่งเงียบไม่พูดอะไรทั้งนั้น

ในตอนนั้นเอง

“เบเลซัก เอากระบอกน้ำมาหน่อย”

อาสทาน่าออกคำสั่ง

“พ่ะย่ะค่ะ อยู่นี่แล้วพ่ะย่ะค่ะ”

เบเลซักรีบขยับกายส่งกระบอกน้ำให้อย่างรวดเร็ว

กระบอกหนังเบามากเพราะของเหลวในกระบอกเหลืออยู่แค่ก้นกระบอกเท่านั้น

“เจ้าชายต้องชนะแน่พ่ะย่ะค่ะ”

เบเลซักยิ้มประจบประแจง เพราะคิดว่าอย่างไรอาสทาน่าจะต้องดีใจแน่

และก็เป็นไปอย่างที่เบเลซักคาดการณ์เอาไว้จริงๆ

อาสทาน่าแสยะยิ้ม ขณะเดียวกันก็พยักหน้าลงด้วยความพอใจ

เลือดมอนสเตอร์ตัวหนึ่งที่เลอะอยู่บนผมไหลอาบแก้มลงมาเข้าปากซึมผ่านไรฟันของอาสทาน่าที่กำลังหัวเราะ

“ใช่แล้ว เฟเรส ไอ้ชั้นต่ำนั่นไม่มีทางล่ามอนสเตอร์ได้มากขนาดนี้แน่ พวกมอนสเตอร์แถวนี้โดนข้าจัดการกวาดล้างไปจนเรียบ”

อาสทาน่ายิ้มเหี้ยม

“ใช่แล้ว ข้าแข็งแกร่งยิ่งกว่าเจ้านั่นชัดๆ”

“…พ่ะย่ะค่ะ?”

เบเลซักเอียงคอด้วยความงุนงง

แข็งแกร่งกว่าเจ้าชายลำดับที่สองที่เป็นถึงนักดาบขั้นมาสเตอร์เนี่ยนะ

“ดูสิ ข้าจัดการเฉือนพวกมอนสเตอร์ได้มากขนาดนี้ เจ้านั่นไม่มีทางทำได้เหมือนข้าแน่”

“แต่…”

“หนวกหู!ข้าแข็งแกร่งกว่า! หากต้องสู้กับเจ้านั่นตอนนี้ละก็ ข้าสามารถฆ่ามันได้ในดาบเดียวแน่!”

อาสทาน่าตะโกนเสียงดังลั่นราวกับต้องการประกาศศึก

“เฮือก”

เบเลซักปิดปากแน่น

เพราะปลายดาบของอาสทาน่าที่เลอะเลือดสีเขียวจนทั่วนั่นมันกำลังชี้จ่ออยู่ที่คอของเขา

“ถะ…ถูกต้องพ่ะย่ะค่ะ เจ้าชายทรงแข็งแกร่งกว่ามาก”

“ใช่มั้ยล่ะ ว่าแล้วเชียว เจ้าเองก็คิดแบบนั้นเหมือนกันสินะ”

อาสทาน่ากล่าวด้วยนัยน์ตาเหม่อลอยไปไกล

“ใช่แล้ว ข้ามีความคิดอะไรดีๆ ด้วย”

“ความคิด…ดีๆ หรือพ่ะย่ะค่ะ”

ชั่วเสี้ยววินาที ลางสังหรณ์ร้ายพลันแวบผ่านขึ้นมาในหัวสมองของเบเลซัก

“ข้าจะฆ่าไอ้เลือดผสมโสโครกนั่นเสีย ไปกันเถอะ”

จู่ๆ อาสทาน่าก็ขยับเท้าก้าวเดิน

ไม่คิดที่จะตัดชิ้นส่วนศพมอนสเตอร์ที่เพิ่งลงมือฆ่าไปตัวสุดท้ายด้วยซ้ำ

“หากเป็นตอนนี้ละก็ จะต้องฆ่าเจ้านั่นได้แน่ ในป่าแบบนี้คงไม่มีใครรู้หรอก”

อาสทาน่าเอาแต่หัวเราะคิกคักพูดพึมพำอยู่คนเดียว

“แค่ฆ่าไอ้ชั้นต่ำนั่นก็จบ แค่นั้นก็จบเรื่องทุกอย่าง”

แค่นั้นฝ่าบาทก็ไม่อาจดูถูกเขาได้อีกต่อไป

เสด็จแม่เองก็จะต้องชื่นชมเขาว่าทำได้ดีมากใช่มั้ย

“อยู่ที่ไหนกันนะ เสื้อเกราะสีแดง เสื้อเกราะสีแดง”

อาสทาน่ากล่าวซ้ำๆ ราวกับกำลังร่ายมนตร์คาถา

ภายในป่ามืดมิด นัยน์ตาของอาสทาน่าเอาแต่มองหาสีแดงเท่านั้น

“อยู่นั่นไง”

อาสทาน่าแสยะยิ้ม

เดินเรื่อยเปื่อยไปในป่า จู่ๆ ก็พบเข้ากับทุ่งหญ้าขนาดเล็ก และฝั่งตรงข้ามก็มีเฟเรสปรากฎตัวขึ้นราวกับเวทมนตร์

“ชุดเกราะสีแดง”

ดูจากที่ข้างกายเจ้านั่นมีนังเด็กลอมบาร์เดียอยู่ด้วย แสดงว่าต้องเป็นเฟเรสไม่ผิดตัวแน่

อาสทาน่ากระชับดาบในมือแน่น

และเริ่มวิ่งตรงไปหาเฟเรสอย่างไม่รั้งรอ

“เจ้าชาย!”

ได้ยินเสียงเบเลซักตะโกนเรียก ในขณะที่รีบวิ่งตามหลังเขามาด้วยความตกใจ

แต่อาสทาน่าก็ไม่ได้หยุด

ไม่มีโอกาสไหนจะดีไปกว่านี้ในการลงมือสังหารเฟเรสอีกแล้ว

อาสทาน่ายังคงเอาแต่วิ่งตรงไปในขณะที่จ้องเพียงแค่ใบหน้าน่ารำคาญสายตาของเฟเรสเท่านั้น

“สกัดไว้!”

ในตอนนั้นเอง กลุ่มคนที่อาสทาน่าไม่เคยได้สังเกตเห็นจู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นในห้วงสายตาของเขา

เหล่าอัศวินจากกองกำลังอัศวินส่วนพระองค์กำลังเฝ้าอารักขาอยู่รอบกายเฟเรส

ชั่วขณะอาสทาน่าพลันรู้สึกตื่นตระหนกขึ้นมา

ทำไมพวกกองกำลังอัศวินถึงได้อารักขาเจ้านั่นกัน

และในวินาทีถัดมาโทสะก็แล่นขึ้นหัว

เหอะ ที่แท้พวกนั้นก็แอบเข้าข้างอยู่เบื้องหลังไอ้ชั้นต่ำนั่นนี่เอง

“ตายซะ!”

อาสทาน่าตะโกนเสียงดัง

ใบหน้าเฟเรสที่ตื่นตกใจอยู่ตรงหน้าเขาแค่เอื้อม

เคร้ง!

แต่ด้วยน้ำมือของกองกำลังอัศวินส่วนพระองค์ ดาบของอาสทาน่าจึงกระเด็นหลุดไปไกล

“แฮก แฮก!”

ไอ้เวรนั่นอยู่ตรงหน้าเขาแค่นี้แท้ๆ

แค่เอื้อมมือออกไปก็ถึงแล้ว

จะยอมแพ้แค่นี้ไม่ได้

ในตอนนั้นเอง สายตาของอาสทาน่าก็หันไปเห็นเบเลซักเข้าพอดี

พูดให้ถูกก็คือ มีดสั้นที่เจ้านั่นห้อยอยู่ที่เอวต่างหาก

“ตายซะ!”

อาสทาน่าคำรามเสียงกราดเกรี้ยว มือเอื้อมไปดึงมีดสั้นออกมาจากเอวของเบเลซัก

เขาง้างมันขึ้น ก่อนจะแทงมีดสั้นเล่มนั้นเข้าใส่เฟเรสทันที

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล 203.2

Now you are reading เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล Chapter 203.2 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เล่ม 5 บทที่ 203.2

วันที่ 3 วันสุดท้ายของเทศกาลแข่งล่าสัตว์

“ตาย! ตาย!”

อาสทาน่ากระโดดขึ้นไปเหนือร่างของมอนสเตอร์ ก่อนจะปักดาบลงมา

เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ

ทุกครั้งที่อาสทาน่าขยับกาย จะมีเสียงน่าขนลุกดังขึ้นทุกครา

“เจ้าชาย…”

เบเลซักเอ่ยเรียกอาสทาน่า

แต่อาสทาน่าที่มัวแต่สนใจอยู่กับการไล่แทงมอนสเตอร์กลับไม่ได้ยินเสียงนั้น

มอนสเตอร์ที่อาสทาน่าล่าได้ตลอดระยะเวลา 3 วันมีเกินกว่าสี่สิบตัวแล้ว

นั่นคือผลลัพธ์ที่ได้จากการเอาแต่ล่าไม่หยุดตั้งแต่ก่อนพระอาทิตย์ขึ้นจนตกดินเหมือนคนโดนมนตร์สะกด

“เฮ้ นี่พวกเราควรจะห้ามเจ้าชายหรือเปล่า”

เบเลซักถามคนในกลุ่มอย่างระมัดระวัง

“…?”

แต่กลับไม่มีคำตอบใดดังกลับมา

พอหันกลับไปมอง ถึงได้พบว่าตำแหน่งที่บุตรชายคนโตของตระกูลเบลคเซนผู้เหลือเป็นคนสุดท้ายของกลุ่มกลับว่างเปล่าไปเสียแล้ว

คงจะยกธงขาวแอบหนีไปในระหว่างที่อาสทาน่าเอาแต่ไล่ล่าอย่างบ้าคลั่งเป็นแน่

อึก

เบเลซักกลืนน้ำลายแห้งหนืดลงคอ

ตอนนี้ที่เหลืออยู่ก็มีแค่อาสทาน่ากับเบเลซักสองคนเท่านั้น

‘ใช่แล้ว บางทีนี่อาจจะดีแล้วก็ได้’

เบเลซักคิดเช่นนั้น

ก่อนจะมาร่วมการแข่งล่าสัตว์นี่ ท่านแม่กล่าวไว้ว่า

“ยิ่งอันตรายมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีโอกาสสำหรับเจ้ามากเท่านั้น เข้าใจมั้ย เบเลซัก”

ในสถานการณ์ที่ทุกคนหนีหายกันไปหมด เขาจะต้องคอยปกป้องอยู่ข้างกายเจ้าชายให้ได้จนถึงที่สุด

หากนี่ไม่ได้เรียกว่าภักดีอย่างแท้จริง จะเรียกว่าอะไรได้อีก

“นี่เป็นโอกาสสุดท้ายที่เจ้าจะได้กลับไปทวงตำแหน่งคนสนิทของพระองค์คืนกลับมา!”

เบเลซักนึกถึงประโยคที่เซรัลเคยกล่าวเอาไว้ ขณะที่ลอบพยักหน้ากับตัวเอง

สภาพของอาสทาน่าอาจจะดูแตกต่างจากปกติไปเล็กน้อย แต่ก็คงแค่สนุกอยู่กับการล่าสัตว์นั่นแหละ จะเป็นอะไรไปได้กัน

อีกอย่าง ในสถานการณ์อย่างตอนนี้ เกิดเขาเสนอหน้าห้ามออกไป คงได้โดนเจ้าชายเกลียดขี้หน้ากันพอดี

เบเลซักจึงตัดสินใจที่จะนิ่งเงียบไม่พูดอะไรทั้งนั้น

ในตอนนั้นเอง

“เบเลซัก เอากระบอกน้ำมาหน่อย”

อาสทาน่าออกคำสั่ง

“พ่ะย่ะค่ะ อยู่นี่แล้วพ่ะย่ะค่ะ”

เบเลซักรีบขยับกายส่งกระบอกน้ำให้อย่างรวดเร็ว

กระบอกหนังเบามากเพราะของเหลวในกระบอกเหลืออยู่แค่ก้นกระบอกเท่านั้น

“เจ้าชายต้องชนะแน่พ่ะย่ะค่ะ”

เบเลซักยิ้มประจบประแจง เพราะคิดว่าอย่างไรอาสทาน่าจะต้องดีใจแน่

และก็เป็นไปอย่างที่เบเลซักคาดการณ์เอาไว้จริงๆ

อาสทาน่าแสยะยิ้ม ขณะเดียวกันก็พยักหน้าลงด้วยความพอใจ

เลือดมอนสเตอร์ตัวหนึ่งที่เลอะอยู่บนผมไหลอาบแก้มลงมาเข้าปากซึมผ่านไรฟันของอาสทาน่าที่กำลังหัวเราะ

“ใช่แล้ว เฟเรส ไอ้ชั้นต่ำนั่นไม่มีทางล่ามอนสเตอร์ได้มากขนาดนี้แน่ พวกมอนสเตอร์แถวนี้โดนข้าจัดการกวาดล้างไปจนเรียบ”

อาสทาน่ายิ้มเหี้ยม

“ใช่แล้ว ข้าแข็งแกร่งยิ่งกว่าเจ้านั่นชัดๆ”

“…พ่ะย่ะค่ะ?”

เบเลซักเอียงคอด้วยความงุนงง

แข็งแกร่งกว่าเจ้าชายลำดับที่สองที่เป็นถึงนักดาบขั้นมาสเตอร์เนี่ยนะ

“ดูสิ ข้าจัดการเฉือนพวกมอนสเตอร์ได้มากขนาดนี้ เจ้านั่นไม่มีทางทำได้เหมือนข้าแน่”

“แต่…”

“หนวกหู!ข้าแข็งแกร่งกว่า! หากต้องสู้กับเจ้านั่นตอนนี้ละก็ ข้าสามารถฆ่ามันได้ในดาบเดียวแน่!”

อาสทาน่าตะโกนเสียงดังลั่นราวกับต้องการประกาศศึก

“เฮือก”

เบเลซักปิดปากแน่น

เพราะปลายดาบของอาสทาน่าที่เลอะเลือดสีเขียวจนทั่วนั่นมันกำลังชี้จ่ออยู่ที่คอของเขา

“ถะ…ถูกต้องพ่ะย่ะค่ะ เจ้าชายทรงแข็งแกร่งกว่ามาก”

“ใช่มั้ยล่ะ ว่าแล้วเชียว เจ้าเองก็คิดแบบนั้นเหมือนกันสินะ”

อาสทาน่ากล่าวด้วยนัยน์ตาเหม่อลอยไปไกล

“ใช่แล้ว ข้ามีความคิดอะไรดีๆ ด้วย”

“ความคิด…ดีๆ หรือพ่ะย่ะค่ะ”

ชั่วเสี้ยววินาที ลางสังหรณ์ร้ายพลันแวบผ่านขึ้นมาในหัวสมองของเบเลซัก

“ข้าจะฆ่าไอ้เลือดผสมโสโครกนั่นเสีย ไปกันเถอะ”

จู่ๆ อาสทาน่าก็ขยับเท้าก้าวเดิน

ไม่คิดที่จะตัดชิ้นส่วนศพมอนสเตอร์ที่เพิ่งลงมือฆ่าไปตัวสุดท้ายด้วยซ้ำ

“หากเป็นตอนนี้ละก็ จะต้องฆ่าเจ้านั่นได้แน่ ในป่าแบบนี้คงไม่มีใครรู้หรอก”

อาสทาน่าเอาแต่หัวเราะคิกคักพูดพึมพำอยู่คนเดียว

“แค่ฆ่าไอ้ชั้นต่ำนั่นก็จบ แค่นั้นก็จบเรื่องทุกอย่าง”

แค่นั้นฝ่าบาทก็ไม่อาจดูถูกเขาได้อีกต่อไป

เสด็จแม่เองก็จะต้องชื่นชมเขาว่าทำได้ดีมากใช่มั้ย

“อยู่ที่ไหนกันนะ เสื้อเกราะสีแดง เสื้อเกราะสีแดง”

อาสทาน่ากล่าวซ้ำๆ ราวกับกำลังร่ายมนตร์คาถา

ภายในป่ามืดมิด นัยน์ตาของอาสทาน่าเอาแต่มองหาสีแดงเท่านั้น

“อยู่นั่นไง”

อาสทาน่าแสยะยิ้ม

เดินเรื่อยเปื่อยไปในป่า จู่ๆ ก็พบเข้ากับทุ่งหญ้าขนาดเล็ก และฝั่งตรงข้ามก็มีเฟเรสปรากฎตัวขึ้นราวกับเวทมนตร์

“ชุดเกราะสีแดง”

ดูจากที่ข้างกายเจ้านั่นมีนังเด็กลอมบาร์เดียอยู่ด้วย แสดงว่าต้องเป็นเฟเรสไม่ผิดตัวแน่

อาสทาน่ากระชับดาบในมือแน่น

และเริ่มวิ่งตรงไปหาเฟเรสอย่างไม่รั้งรอ

“เจ้าชาย!”

ได้ยินเสียงเบเลซักตะโกนเรียก ในขณะที่รีบวิ่งตามหลังเขามาด้วยความตกใจ

แต่อาสทาน่าก็ไม่ได้หยุด

ไม่มีโอกาสไหนจะดีไปกว่านี้ในการลงมือสังหารเฟเรสอีกแล้ว

อาสทาน่ายังคงเอาแต่วิ่งตรงไปในขณะที่จ้องเพียงแค่ใบหน้าน่ารำคาญสายตาของเฟเรสเท่านั้น

“สกัดไว้!”

ในตอนนั้นเอง กลุ่มคนที่อาสทาน่าไม่เคยได้สังเกตเห็นจู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นในห้วงสายตาของเขา

เหล่าอัศวินจากกองกำลังอัศวินส่วนพระองค์กำลังเฝ้าอารักขาอยู่รอบกายเฟเรส

ชั่วขณะอาสทาน่าพลันรู้สึกตื่นตระหนกขึ้นมา

ทำไมพวกกองกำลังอัศวินถึงได้อารักขาเจ้านั่นกัน

และในวินาทีถัดมาโทสะก็แล่นขึ้นหัว

เหอะ ที่แท้พวกนั้นก็แอบเข้าข้างอยู่เบื้องหลังไอ้ชั้นต่ำนั่นนี่เอง

“ตายซะ!”

อาสทาน่าตะโกนเสียงดัง

ใบหน้าเฟเรสที่ตื่นตกใจอยู่ตรงหน้าเขาแค่เอื้อม

เคร้ง!

แต่ด้วยน้ำมือของกองกำลังอัศวินส่วนพระองค์ ดาบของอาสทาน่าจึงกระเด็นหลุดไปไกล

“แฮก แฮก!”

ไอ้เวรนั่นอยู่ตรงหน้าเขาแค่นี้แท้ๆ

แค่เอื้อมมือออกไปก็ถึงแล้ว

จะยอมแพ้แค่นี้ไม่ได้

ในตอนนั้นเอง สายตาของอาสทาน่าก็หันไปเห็นเบเลซักเข้าพอดี

พูดให้ถูกก็คือ มีดสั้นที่เจ้านั่นห้อยอยู่ที่เอวต่างหาก

“ตายซะ!”

อาสทาน่าคำรามเสียงกราดเกรี้ยว มือเอื้อมไปดึงมีดสั้นออกมาจากเอวของเบเลซัก

เขาง้างมันขึ้น ก่อนจะแทงมีดสั้นเล่มนั้นเข้าใส่เฟเรสทันที

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+