เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล 216.2

Now you are reading เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล Chapter 216.2 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เล่ม 6 บทที่ 216.2

ในชีวิตก่อน ท่านปู่ทำงานมาโดยตลอดจนกระทั่งช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิต

หน้าที่คอยช่วยเหลืองานเหล่านั้นก็เป็นบทบาทของเธอ ดังนั้นเธอถึงได้รู้ว่าช่วงเวลาเหล่านั้นมันยากลำบาก และโดดเดี่ยวอ้างว้างเพียงใด

“เรื่องยุ่งยากมอบให้เป็นหน้าที่ของข้าเองนะคะ ท่านปู่ต้องพักผ่อนให้มาก”

หากทำแบบนั้นแล้ว ท่านปู่จะต้องมีชีวิตยืนยาวยิ่งกว่าชีวิตก่อนแน่ๆ

เพราะเธอจะทำให้เป็นแบบนั้นเอง

“ไม่กลัวหรือ”

“ไม่ค่ะ”

“เด็กคนนี้ กล้าหาญมากจริงๆ”

“ข้าอาจจะดูกล้าหาญ แต่ยังไงข้าก็ไม่ได้ต้องเผชิญหน้ากับทุกสิ่งเพียงลำพังนี่คะ แหม”

เธอยักไหล่ไม่ยี่หระ

“ยังมีเจ้าตระกูลหลายๆ ท่านจากตระกูลใต้บังคับบัญชาที่จะคอยช่วยเหลือข้า และหากมีสิ่งใดที่ข้าไม่รู้ ก็ยังมีท่านป้าชานาเนสให้คอยถาม เหนือสิ่งอื่นใดก็คือท่านปู่ก็ยังอยู่เคียงข้างข้าไม่ใช่เหรอคะ”

“…ใช่แล้ว ตำแหน่งเจ้าตระกูลไม่ใช่ตำแหน่งที่จะต้องลงมือจัดการเรื่องทุกอย่างเพียงลำพัง อย่าได้ฝืนตัวเอง”

นัยน์ตาสีน้ำตาลอบอุ่นของท่านปู่เหม่อมองเธอด้วยความอ่อนโยน

เธอกุมมือท่านปู่เอาไว้แน่น

“เพราะฉะนั้นท่านปู่ ต่อไปมีเรื่องอะไรต้องบอกข้าตามตรงนะคะ โดยเฉพาะเรื่องสุขภาพของท่านปู่”

“…ได้ๆ”

“ห้ามเก็บซ่อนมันไว้เพราะกลัวว่าข้าจะเป็นห่วงเด็ดขาดเลยนะคะ ต้องบอกข้าตามตรง ข้าจะได้ช่วยเหลือท่านปู่ได้”

เธอจงใจพูดเสียงฟังดูสดใสกว่าเดิมเพื่อให้ท่านปู่สบายใจขึ้น

“หากนัยน์ตาเริ่มพร่าเลือน ข้าสามารถอ่านหนังสือ อ่านเอกสารทุกอย่างให้ท่านปู่ฟังได้ค่ะ หากเดินเหินได้ลำบาก ข้าก็จะจัดการสร้างเก้าอี้ติดล้อ แล้วพาท่านปู่ไปยังที่ที่ท่านปู่อยากไป ยามพลบค่ำก็ไปเดินเล่นในป่าที่ท่านย่าชอบด้วยกันนะคะ ท่านปู่”

“เทีย…”

ท่านปู่กุมมือเธอแน่น และเอ่ยคำพูดหยอกเย้าร่วมหัวเราะไปกับเธอ

“แบบนั้นเจ้าไม่ยิ่งเหนื่อยแย่หรือ”

“ไม่หรอกค่ะ”

เธอส่ายหน้า พูดยืนยันหนักแน่น

“ข้าสามารถทำได้ทุกสิ่ง”

เพราะมันเป็นงานที่เธอเคยทำมาหมดแล้วในชีวิตก่อน แถมยังเป็นเวลาหลายปีเลยด้วย

“อืม อืม”

ท่านปู่ดูท่าจะไม่ได้เชื่อคำพูดของเธอเสียเท่าไหร่ แต่แรงจากมือที่สั่นเทาก็เริ่มทุเลาลงไป คงจะชอบใจมากทีเดียว

เธอนั่งสนทนากับท่านปู่ต่ออีกครู่ใหญ่ และเปิดประเด็นเรื่องที่สองที่ตั้งใจมาเพื่อสนทนากับท่านปู่ในวันนี้อย่างระมัดระวัง

“และมีอีกเรื่องที่ข้าอยากได้คำอนุญาตจากท่านปู่ค่ะ”

* * *

รถม้าตระกูลลอมบาร์เดียที่เธอนั่งโดยสารเดินทางมาถึงหน้าประตูพระราชวัง

พลทหารประจำวังสังเกตเห็นตราสัญลักษณ์ของตระกูลลอมบาร์เดียมาตั้งแต่ไกล พวกเขารีบร้อนวิ่งมาเปิดประตูให้

แน่นอนว่ารถม้าของลอมบาร์เดียสามารถเข้าสู่ตัวพระราชวังและวังเล็กวังน้อยภายในพระราชวังได้ทุกแห่งโดยไม่ถูกตรวจค้น

พอลองคิดถึงจุดที่กองกำลังทหารของราชวงศ์กลับไม่อาจเข้าไปในเขตคฤหาสน์ลอมบาร์เดียได้แล้ว มันก็ดูจะไม่ยุติธรรมอยู่เหมือนกัน

พูดง่ายๆ ก็คือ ถ้าเธอต้องการแล้วละก็ เธอสามารถเข้าไปในวังจักรพรรดินีได้โดยไม่ต้องขออนุญาตด้วยซ้ำ แต่เป้าหมายในวันนี้ของเธอไม่ใช่วังจักรพรรดินีหรอก

“พาข้าไปตึกกองกำลังอัศวินหน่อยได้มั้ยคะ”

สารถีบังคับม้าให้วิ่งมุ่งหน้าไปยังตึกกองกำลังอัศวินส่วนพระองค์ทันทีเมื่อได้รับคำสั่งจากเธอ

ผ่านไปไม่นานรถม้าก็มาจอดอยู่หน้าอาคารขนาดสามชั้นที่สร้างขึ้นจากหินสีดำล้วน

“มาด้วย…ธุระอันใดหรือครับ”

อัศวินที่ยืนเฝ้าเวรยามอยู่ด้านหน้าเดินเข้ามาถาม ดูเหมือนว่าทางฝ่ายนั้นจะรู้ดีอยู่แล้วว่าเธอเป็นใคร ถึงแม้ใบหน้านั่นจะเรียบเฉยไม่แสดงความรู้สึก แต่ก็ยังหลุดสีหน้าตื่นตระหนกออกมาให้เห็นอยู่ดี

“มาขอพบผู้รับผิดชอบคดีลอบสังหารองค์จักรพรรดิค่ะ”

เธอเงยหน้าขึ้นกล่าวอย่างมั่นใจ ในขณะเดียวกันก็รู้สึกได้ถึงสายตามากมายที่มองจ้องมาที่เธอ

“เจ้าชายลำดับที่สองอยู่ที่นี่หรือเปล่า”

“ยะ…อยู่ครับ แต่ตอนนี้กำลังทำการสอบสวน…”

“ไปเชิญตัวมา”

“…ครับ?”

อัศวินถามเธอด้วยความตื่นตระหนก

“ข้าสั่งให้ไปเชิญเจ้าชายลำดับที่สองมา”

“จะ…จะให้ไปเชิญเจ้าชายลำดับที่สองมาได้ยังไงกัน…แถมยังอยู่ในระหว่างทำงาน…”

“ก็ไม่น่าถามออกมาแบบนั้น เพราะไม่รู้ว่าข้าที่กำลังสนทนาอยู่กับลอร์ดในตอนนี้เป็นใครเสียหน่อย”

อัศวินทำสีหน้าราวกับอยากร่ำร้องหาพระเจ้าเสียเหลือเกิน เพราะเพิ่งจะตระหนักขึ้นมาได้ว่าทำเรื่องผิดพลาดลงไป

เธอมองอัศวินตรงหน้านิ่ง เอ่ยย้ำอย่างชัดถ้อยชัดคำทุกพยางค์

“ไปแจ้งเจ้าชายว่า รักษาการเจ้าตระกูลลอมบาร์เดียขอเชิญให้มาพบ”

และไม่ลืมที่จะยิ้มปิดท้าย

“เข้าใจมั้ย”

“ทะ…ทราบแล้วครับ”

อัศวินรีบวิ่งหายเข้าไปในตึกอย่างรวดเร็ว

“ทิ้งแขกไว้บนถนนแบบนี้เนี่ยนะ”

อารมณ์เสียชะมัด แต่เธอไม่คิดโทษว่าเป็นความผิดของอัศวินที่ไร้ซึ่งทักษะในการต้อนรับแขกเหรื่อหรอก เพราะยังไงก็คงไม่ต้องรอนานอะไรขนาดนั้นอยู่แล้ว

เธอคิดแบบนั้นขณะที่เฝ้ามองภาพอัศวินที่ได้เห็นผ่านหน้าต่างที่เปิดทิ้งไว้

ขึ้นไปชั้น 2 เปิดประตูห้องใกล้บันไดเข้าไปด้านใน

นั่นคงจะเป็นห้องไต่สวนละมั้ง

และผ่านไปเพียงไม่กี่วินาที

พรวด!

ประตูเปิดออก ก่อนที่เฟเรสจะวิ่งออกมาจากห้อง

เด็กหนุ่มกึ่งเดินกึ่งวิ่งลงมาตามบันได เมื่อได้เห็นว่าเธอยังคงยืนรออยู่หน้าตึก เขาก็เร่งฝีเท้าวิ่งตรงมาด้วยความรวดเร็ว

ข้างหลังยังมีหัวหน้ากองกำลังอัศวินที่เคยเห็นหน้าค่าตาในงานเทศกาลแข่งล่าสัตว์เมื่อคราวก่อนกับอัศวินจากกองกำลังส่วนพระองค์อีกหลายนายเดินตามมาด้วย

เฟเรสรีบร้อนเข้ามาใกล้ เขาหยุดห่างจากเธอแค่สองก้าว ก่อนจะเอ่ยถามทันที

“ทำไมไม่เข้าไปข้างใน…”

“ก็ไม่มีใครเชิญเสียหน่อย หม่อมฉันจะเข้าไปได้ยังไงล่ะเพคะ”

คำพูดของเธอทำให้เฟเรสหันขวับไปจ้องอัศวินที่ยืนรักษาเวรยามเขม็ง

“ขออภัยพ่ะย่ะค่ะ!”

“ไม่เป็นไรหรอก ข้าไม่ได้มาเพื่อรับคำขอโทษจากใคร”

เธอเอ่ยกับอัศวิน แล้วหันไปพูดกับเฟเรส

“วันนี้หม่อมฉันมาธุระในฐานะรักษาการเจ้าตระกูลลอมบาร์เดียเพคะ”

“ธุระ?”

ขนาดตอนที่พูดออกไป เธอยังไม่อยากเชื่อเลยว่านี่จะเป็นงานแรกอย่างเป็นทางการในฐานะรักษาการเจ้าตระกูลอย่างเป็นทางการ แต่ในฐานะรักษาการเจ้าตระกูลเธอก็ไม่อาจแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นอีกต่อไปได้

“เรื่องตัดสินโทษของเบเลซัก ลอมบาร์เดีย ขอทรงมอบให้ทางตระกูลลอมบาร์เดียของพวกเราเป็นผู้จัดการกันเองด้วยเพคะ เจ้าชาย”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล 216.2

Now you are reading เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล Chapter 216.2 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เล่ม 6 บทที่ 216.2

ในชีวิตก่อน ท่านปู่ทำงานมาโดยตลอดจนกระทั่งช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิต

หน้าที่คอยช่วยเหลืองานเหล่านั้นก็เป็นบทบาทของเธอ ดังนั้นเธอถึงได้รู้ว่าช่วงเวลาเหล่านั้นมันยากลำบาก และโดดเดี่ยวอ้างว้างเพียงใด

“เรื่องยุ่งยากมอบให้เป็นหน้าที่ของข้าเองนะคะ ท่านปู่ต้องพักผ่อนให้มาก”

หากทำแบบนั้นแล้ว ท่านปู่จะต้องมีชีวิตยืนยาวยิ่งกว่าชีวิตก่อนแน่ๆ

เพราะเธอจะทำให้เป็นแบบนั้นเอง

“ไม่กลัวหรือ”

“ไม่ค่ะ”

“เด็กคนนี้ กล้าหาญมากจริงๆ”

“ข้าอาจจะดูกล้าหาญ แต่ยังไงข้าก็ไม่ได้ต้องเผชิญหน้ากับทุกสิ่งเพียงลำพังนี่คะ แหม”

เธอยักไหล่ไม่ยี่หระ

“ยังมีเจ้าตระกูลหลายๆ ท่านจากตระกูลใต้บังคับบัญชาที่จะคอยช่วยเหลือข้า และหากมีสิ่งใดที่ข้าไม่รู้ ก็ยังมีท่านป้าชานาเนสให้คอยถาม เหนือสิ่งอื่นใดก็คือท่านปู่ก็ยังอยู่เคียงข้างข้าไม่ใช่เหรอคะ”

“…ใช่แล้ว ตำแหน่งเจ้าตระกูลไม่ใช่ตำแหน่งที่จะต้องลงมือจัดการเรื่องทุกอย่างเพียงลำพัง อย่าได้ฝืนตัวเอง”

นัยน์ตาสีน้ำตาลอบอุ่นของท่านปู่เหม่อมองเธอด้วยความอ่อนโยน

เธอกุมมือท่านปู่เอาไว้แน่น

“เพราะฉะนั้นท่านปู่ ต่อไปมีเรื่องอะไรต้องบอกข้าตามตรงนะคะ โดยเฉพาะเรื่องสุขภาพของท่านปู่”

“…ได้ๆ”

“ห้ามเก็บซ่อนมันไว้เพราะกลัวว่าข้าจะเป็นห่วงเด็ดขาดเลยนะคะ ต้องบอกข้าตามตรง ข้าจะได้ช่วยเหลือท่านปู่ได้”

เธอจงใจพูดเสียงฟังดูสดใสกว่าเดิมเพื่อให้ท่านปู่สบายใจขึ้น

“หากนัยน์ตาเริ่มพร่าเลือน ข้าสามารถอ่านหนังสือ อ่านเอกสารทุกอย่างให้ท่านปู่ฟังได้ค่ะ หากเดินเหินได้ลำบาก ข้าก็จะจัดการสร้างเก้าอี้ติดล้อ แล้วพาท่านปู่ไปยังที่ที่ท่านปู่อยากไป ยามพลบค่ำก็ไปเดินเล่นในป่าที่ท่านย่าชอบด้วยกันนะคะ ท่านปู่”

“เทีย…”

ท่านปู่กุมมือเธอแน่น และเอ่ยคำพูดหยอกเย้าร่วมหัวเราะไปกับเธอ

“แบบนั้นเจ้าไม่ยิ่งเหนื่อยแย่หรือ”

“ไม่หรอกค่ะ”

เธอส่ายหน้า พูดยืนยันหนักแน่น

“ข้าสามารถทำได้ทุกสิ่ง”

เพราะมันเป็นงานที่เธอเคยทำมาหมดแล้วในชีวิตก่อน แถมยังเป็นเวลาหลายปีเลยด้วย

“อืม อืม”

ท่านปู่ดูท่าจะไม่ได้เชื่อคำพูดของเธอเสียเท่าไหร่ แต่แรงจากมือที่สั่นเทาก็เริ่มทุเลาลงไป คงจะชอบใจมากทีเดียว

เธอนั่งสนทนากับท่านปู่ต่ออีกครู่ใหญ่ และเปิดประเด็นเรื่องที่สองที่ตั้งใจมาเพื่อสนทนากับท่านปู่ในวันนี้อย่างระมัดระวัง

“และมีอีกเรื่องที่ข้าอยากได้คำอนุญาตจากท่านปู่ค่ะ”

* * *

รถม้าตระกูลลอมบาร์เดียที่เธอนั่งโดยสารเดินทางมาถึงหน้าประตูพระราชวัง

พลทหารประจำวังสังเกตเห็นตราสัญลักษณ์ของตระกูลลอมบาร์เดียมาตั้งแต่ไกล พวกเขารีบร้อนวิ่งมาเปิดประตูให้

แน่นอนว่ารถม้าของลอมบาร์เดียสามารถเข้าสู่ตัวพระราชวังและวังเล็กวังน้อยภายในพระราชวังได้ทุกแห่งโดยไม่ถูกตรวจค้น

พอลองคิดถึงจุดที่กองกำลังทหารของราชวงศ์กลับไม่อาจเข้าไปในเขตคฤหาสน์ลอมบาร์เดียได้แล้ว มันก็ดูจะไม่ยุติธรรมอยู่เหมือนกัน

พูดง่ายๆ ก็คือ ถ้าเธอต้องการแล้วละก็ เธอสามารถเข้าไปในวังจักรพรรดินีได้โดยไม่ต้องขออนุญาตด้วยซ้ำ แต่เป้าหมายในวันนี้ของเธอไม่ใช่วังจักรพรรดินีหรอก

“พาข้าไปตึกกองกำลังอัศวินหน่อยได้มั้ยคะ”

สารถีบังคับม้าให้วิ่งมุ่งหน้าไปยังตึกกองกำลังอัศวินส่วนพระองค์ทันทีเมื่อได้รับคำสั่งจากเธอ

ผ่านไปไม่นานรถม้าก็มาจอดอยู่หน้าอาคารขนาดสามชั้นที่สร้างขึ้นจากหินสีดำล้วน

“มาด้วย…ธุระอันใดหรือครับ”

อัศวินที่ยืนเฝ้าเวรยามอยู่ด้านหน้าเดินเข้ามาถาม ดูเหมือนว่าทางฝ่ายนั้นจะรู้ดีอยู่แล้วว่าเธอเป็นใคร ถึงแม้ใบหน้านั่นจะเรียบเฉยไม่แสดงความรู้สึก แต่ก็ยังหลุดสีหน้าตื่นตระหนกออกมาให้เห็นอยู่ดี

“มาขอพบผู้รับผิดชอบคดีลอบสังหารองค์จักรพรรดิค่ะ”

เธอเงยหน้าขึ้นกล่าวอย่างมั่นใจ ในขณะเดียวกันก็รู้สึกได้ถึงสายตามากมายที่มองจ้องมาที่เธอ

“เจ้าชายลำดับที่สองอยู่ที่นี่หรือเปล่า”

“ยะ…อยู่ครับ แต่ตอนนี้กำลังทำการสอบสวน…”

“ไปเชิญตัวมา”

“…ครับ?”

อัศวินถามเธอด้วยความตื่นตระหนก

“ข้าสั่งให้ไปเชิญเจ้าชายลำดับที่สองมา”

“จะ…จะให้ไปเชิญเจ้าชายลำดับที่สองมาได้ยังไงกัน…แถมยังอยู่ในระหว่างทำงาน…”

“ก็ไม่น่าถามออกมาแบบนั้น เพราะไม่รู้ว่าข้าที่กำลังสนทนาอยู่กับลอร์ดในตอนนี้เป็นใครเสียหน่อย”

อัศวินทำสีหน้าราวกับอยากร่ำร้องหาพระเจ้าเสียเหลือเกิน เพราะเพิ่งจะตระหนักขึ้นมาได้ว่าทำเรื่องผิดพลาดลงไป

เธอมองอัศวินตรงหน้านิ่ง เอ่ยย้ำอย่างชัดถ้อยชัดคำทุกพยางค์

“ไปแจ้งเจ้าชายว่า รักษาการเจ้าตระกูลลอมบาร์เดียขอเชิญให้มาพบ”

และไม่ลืมที่จะยิ้มปิดท้าย

“เข้าใจมั้ย”

“ทะ…ทราบแล้วครับ”

อัศวินรีบวิ่งหายเข้าไปในตึกอย่างรวดเร็ว

“ทิ้งแขกไว้บนถนนแบบนี้เนี่ยนะ”

อารมณ์เสียชะมัด แต่เธอไม่คิดโทษว่าเป็นความผิดของอัศวินที่ไร้ซึ่งทักษะในการต้อนรับแขกเหรื่อหรอก เพราะยังไงก็คงไม่ต้องรอนานอะไรขนาดนั้นอยู่แล้ว

เธอคิดแบบนั้นขณะที่เฝ้ามองภาพอัศวินที่ได้เห็นผ่านหน้าต่างที่เปิดทิ้งไว้

ขึ้นไปชั้น 2 เปิดประตูห้องใกล้บันไดเข้าไปด้านใน

นั่นคงจะเป็นห้องไต่สวนละมั้ง

และผ่านไปเพียงไม่กี่วินาที

พรวด!

ประตูเปิดออก ก่อนที่เฟเรสจะวิ่งออกมาจากห้อง

เด็กหนุ่มกึ่งเดินกึ่งวิ่งลงมาตามบันได เมื่อได้เห็นว่าเธอยังคงยืนรออยู่หน้าตึก เขาก็เร่งฝีเท้าวิ่งตรงมาด้วยความรวดเร็ว

ข้างหลังยังมีหัวหน้ากองกำลังอัศวินที่เคยเห็นหน้าค่าตาในงานเทศกาลแข่งล่าสัตว์เมื่อคราวก่อนกับอัศวินจากกองกำลังส่วนพระองค์อีกหลายนายเดินตามมาด้วย

เฟเรสรีบร้อนเข้ามาใกล้ เขาหยุดห่างจากเธอแค่สองก้าว ก่อนจะเอ่ยถามทันที

“ทำไมไม่เข้าไปข้างใน…”

“ก็ไม่มีใครเชิญเสียหน่อย หม่อมฉันจะเข้าไปได้ยังไงล่ะเพคะ”

คำพูดของเธอทำให้เฟเรสหันขวับไปจ้องอัศวินที่ยืนรักษาเวรยามเขม็ง

“ขออภัยพ่ะย่ะค่ะ!”

“ไม่เป็นไรหรอก ข้าไม่ได้มาเพื่อรับคำขอโทษจากใคร”

เธอเอ่ยกับอัศวิน แล้วหันไปพูดกับเฟเรส

“วันนี้หม่อมฉันมาธุระในฐานะรักษาการเจ้าตระกูลลอมบาร์เดียเพคะ”

“ธุระ?”

ขนาดตอนที่พูดออกไป เธอยังไม่อยากเชื่อเลยว่านี่จะเป็นงานแรกอย่างเป็นทางการในฐานะรักษาการเจ้าตระกูลอย่างเป็นทางการ แต่ในฐานะรักษาการเจ้าตระกูลเธอก็ไม่อาจแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นอีกต่อไปได้

“เรื่องตัดสินโทษของเบเลซัก ลอมบาร์เดีย ขอทรงมอบให้ทางตระกูลลอมบาร์เดียของพวกเราเป็นผู้จัดการกันเองด้วยเพคะ เจ้าชาย”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+