เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล 34.2

Now you are reading เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล Chapter 34.2 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“การตัดสินใจเรื่องราคาไม่สามารถเลื่อนออกไปนานกว่านี้แล้วนะครับ”

เครย์ลีบันกล่าวพูดเป็นการแจ้งว่าหมดเวลาพักแล้ว

“ค่าใช้จ่ายที่ต้องชำระให้ทางกิลด์โรงงาน กับราคาค่าตัดเย็บเสื้อผ้า และไหนจะค่าก่อสร้างอีก ยังมีเรื่องให้ต้องตัดสินใจอีกหลายเรื่องนะครับ”

เธอลงจากตักเพื่อให้ทั้งสองคนได้พูดคุยกันได้อย่างสะดวก แล้วนั่งลงบนเก้าอี้ตัวข้างๆ แทน

ในตอนนั้นเองนัยน์ตาของเธอก็มองสบเข้ากับนัยน์ตาของเครย์ลีบันพอดี

มันไม่ได้ต่างอะไรจากปกติ แต่แววตาคู่นั้นมีอะไรบางอย่างเปลี่ยนไป

แต่ก็เพียงแค่ครู่เดียวเท่านั้น

แค่กะพริบตาเพียงครั้ง แววตานั่นก็หายไปแล้ว

เธอมองผิดไปเหรอ

“ท่านแคลอฮัน ฟังที่ข้าพูดให้ดีนะครับ”

เครย์ลีบันย้ายสายตาไปจากเธอ แล้วเอ่ยพูดกับท่านพ่อ

“ท่านแคลอฮัน ที่ข้าบอกว่าร้านค้าจะต้องมุ่งเป้าไปที่ตลาดเฮลสล็อต ไม่ใช่เซดาคิวนาร์ เป็นเพราะข้าประเมินว่า สามัญชนจะเปิดรับรูปแบบการซื้อใหม่ๆ นี่มากกว่าพวกชนชั้นสูงครับ”

“แต่ว่า…”

“ถึงกิจการนี้จะตั้งเป้าไปที่สามัญชน แต่ก็จะต้องเลือกเป้าหมายไปที่กลุ่มคนที่ต้องการสินค้าชั้นสูงครับ”

หืม? เดี๋ยวนะ

เธอสะดุ้งตกใจ เงยหน้าขึ้นมองเครย์ลีบัน

มันต้องไม่ใช่แบบนี้สิ?

แต่เครย์ลีบันกลับดูจริงจังมาก

แววตาที่มองท่านพ่อไม่มีวี่แววล้อเล่นเลยแม้แต่น้อย

“อืม…”

ท่านพ่อเองเมื่อเห็นท่าทางของเครย์ลีบัน ก็เริ่มครุ่นคิดอย่างระมัดระวัง

“สินค้าชั้นสูงอย่างนั้นหรือ…”

ไม่นะ! ท่านพ่อ! ไม่ใช่แบบนั้น!

“ครับ ถึงจะใช้ตลาดเฮลสล็อต แต่เพื่อสินค้าใหม่นี่ พวกเราจะต้องทำกิจการเพื่อกลุ่มคนที่สามารถใช้จ่ายเงินจำนวนมากออกไปได้ครับ”

ไม่สิ ขนาดเครย์ลีบันก็ด้วย ทำไมเป็นแบบนี้กันล่ะ!

เหงื่อเริ่มไหลชื้นเต็มทั่วแผ่นหลังของเธอที่กำลังตื่นตระหนก

“ต้องเพิ่มราคาถึงจะถูกต้องหรือเปล่านะ…”

ในที่สุดท่านพ่อก็ประสานมือครุ่นคิด

อุตส่าห์ทำได้ดีมาตลอดจนถึงตอนนี้แล้วแท้ๆ !

ธุรกิจครั้งนี้จะต้องจับกลุ่มชนชั้นกลางทั่วไปในหมู่สามัญชนเป็นเป้าหมายให้ได้ดังนั้นราคาก็จะต้องตั้งให้ต่ำลงอย่างเหมาะสมไปด้วยโดยธรรมชาติถึงจะถูกต้องเพื่อที่จะลดความยากลำบากในการตัดเย็บผ้าเองโดยตรง พวกเขาอาจจะมีความยืดหยุ่นในการทดลองสิ่งใหม่ๆ แต่ก็ยังต้องการเสื้อผ้าที่ราคาถูกกว่าการเดินทางไปยังห้องเสื้ออยู่ดี

สำหรับวันพิเศษอาจจะยังคงแวะไปวัดตัวตัดเย็บเสื้อผ้าที่ห้องเสื้อเหมือนเคย แต่ชุดธรรมดาที่สวมใส่ทุกวันนั้น พวกเขายังพอทำใจมองข้ามจุดด้อยที่ต้องสวมใส่ดีไซน์แบบเดียวกันกับคนอื่น และเลือกซื้อเสื้อผ้าสำเร็จรูปได้

“ลองคิดดูให้ดีสักครั้งนะครับ”

ทั้งๆ ที่เป็นเครย์ลีบันที่เธออุตส่าห์เชื่อใจแท้ๆ !

เขากำลังชักนำท่านพ่อไปบนเส้นทางที่ผิด

ฟีเรนเทียเฝ้ารอจนถึงท้ายที่สุด

เฝ้ารอให้ท่านพ่อหรือไม่ก็เครย์ลีบัน ให้ใครสักคนในสองคนนี้ตระหนักถึงจุดบอดของความเห็นครั้งนี้แต่หลังจากครุ่นคิดอย่างลึกซึ้ง จังหวะที่ท่านพ่อเปิดปากออก เธอก็ต้องเอ่ยแทรกทันที

“ถ้าอย่างนั้นก็คงจะต้องขึ้นราคา…”

“ตะ…แต่ถ้าเป็นข้าคงจะไม่ชอบหรอกนะคะ!”

พอเธอตะโกนออกไปด้วยความร้อนรน ท่านพ่อก็หันมามองเธอด้วยนัยน์ตาตกใจ

เป็นแบบนี้แล้วก็คงช่วยไม่ได้

ฟีเรนเทียพยายามพูดเปลี่ยนความคิดอย่างสุดความสามารถ

“ไหนบอกว่าคนอื่นๆ ก็จะได้ใส่ชุดแบบเดียวกันกับข้าไม่ใช่เหรอคะ ถ้าอย่างนั้นสู้ไปตัดเสื้อที่ห้องเสื้อยังจะดีกว่าอีกค่ะ! ”

“อย่างนั้นเหรอ”

“ปกติเสื้อผ้าก็ไปตัดที่ห้องเสื้อนี่คะ! ”

ท่านพ่อพยักหน้าเล็กน้อยในขณะที่พูดว่า ‘ก็นั่นสินะ’

“เพราะฉะนั้นคงจะต้องลดราคาให้ต่ำลงหน่อยนะคะ ให้สามารถใส่ได้สบายและจ่ายเงินซื้อได้ง่ายขึ้นน่ะค่ะ”

ฟีเรนเทียเองก็อยากจะบอกใบ้ให้เล็กน้อยเหมือนปกติ แต่เธอไม่อาจรับมือกับความเสี่ยงที่เรื่องราวจะพลิกตาลปัตรไปอีกรอบได้

เธอมองท่านพ่อในขณะที่เอ่ยพูดเน้นย้ำ

“และในบรรดาสามัญชน คนไม่มีเงินมีเยอะกว่าคนรวยไม่ใช่เหรอคะ”

พูดง่ายๆ ก็คือ ตลาดใหญ่กว่า

แน่นอนว่าขายเสื้อตัวหนึ่งอาจจะเหลือกำไรเพียงแค่เล็กน้อย แต่จะมองข้ามกำไรเล็กน้อยแต่ให้ผลตอบแทนรวดเร็วไม่ได้เด็ดขาด

เพราะตั้งแต่แรกแล้ว จุดแกร่งของเสื้อผ้าสำเร็จรูปก็คือเรื่องนั้นนั่นแหละ

“ดูเหมือนคำพูดของฟีเรนเทียเองก็จะถูกต้องอยู่เหมือนกันนะ คุณเครย์ลีบันคิดยังไงบ้างครับ”

คำพูดของเธอทำให้ท่านพ่อหันไปมองเครย์ลีบันเพื่อเอ่ยถามความเห็น

เธอเองก็หันหน้าไปทางเขาพร้อมกับท่านพ่อเช่นกัน

และเธอก็ได้เห็น

ว่าบนใบหน้าของเครย์ลีบันนั้นแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มราวกับภาพสโลว์โมชั่น

มันไม่ใช่รอยยิ้มบางเบาที่แค่วาบผ่านขึ้นมาเท่านั้น

ไม่ใช่รอยยิ้มเย็นชาเหมือนทุกวันด้วย

มันเป็นรอยยิ้มยินดีที่ยิ้มออกมาด้วยความดีใจจริงๆ

“คะ…คุณเครย์ลีบัน”

ได้ยินเสียงตื่นตระหนกของท่านพ่อ

เธอเองก็ตกใจเหมือนกัน

ไม่ว่าจะชาตินี้ หรือชาติก่อน เธอเพิ่งเคยเห็นคนที่ชื่อเครย์ลีบัน เพลเลสคนนี้ยิ้มแบบนี้เป็นครั้งแรก

ไม่สิ ไม่อาจแม้แต่จะฝันด้วยซ้ำว่าเขาเป็นคนที่ยิ้มได้อย่างสดใสแบบนี้

เครย์ลีบันไม่ได้สนใจพวกเราสองพ่อลูกที่ตกใจจนช็อก เขายังคงยิ้มอยู่เหมือนเคย

ทั้งๆ ที่ปลายสายตาของเขาก็จับจ้องอยู่ที่เธอแต่เพราะเธอกำลังตกใจกับรอยยิ้มดั่งภาพวาดของเครย์ลีบันอยู่ จึงไม่อาจคิดอะไรออกได้ทั้งนั้น

ในตอนนั้นเองเครย์ลีบันที่นั่งอยู่บนเก้าอี้จู่ๆ ก็ลุกขึ้น เดินเข้ามาหาเธอ

ผงะ

เธอตกใจจนเผลอเกร็งตัวจนแข็งทื่อ ไม่กล้าขยับตัวสุ่มสี่สุ่มห้า

ได้แต่เฝ้ามองเครย์ลีบันอยู่นิ่งๆ

เครย์ลีบันเดินเข้ามาใกล้เธอ ก่อนจะคุกเข่าลงข้างหนึ่ง ย่อกายลงตรงหน้าเธอ

มันเกิดขึ้นก่อนที่ท่านพ่อที่กำลังตกใจจะทันได้พูดอะไรออกไปด้วยซ้ำ

และตำแหน่งที่ปลายนิ้วของเครย์ลีบันสัมผัสอยู่ก็คือแขนเสื้อของเธอ

พูดให้แน่ชัดก็คือ ริบบิ้นที่ห้อยอยู่ตรงแขนเสื้อ

ไม่รู้ว่าคลายตัวหลุดออกจากปมไปเมื่อไหร่ ชายริบบิ้นกำลังแกว่งไปมา

เครย์ลีบันจับปลายนั้นไว้โดยไม่พูดอะไร

ปลายนิ้วเรียวยาวเคลื่อนไหวอย่างสวยงาม ช่วยผูกริบบิ้นให้เป็นปม เพียงไม่นานก็ได้รูปโบดูสวยงาม

“ขะ…ขอบคุณค่ะ”

เมื่อได้ยินเสียงแผ่วเบาของเธอ เครย์ลีบันจึงเงยหน้าขึ้นมองเธอพร้อมกับส่งยิ้มให้

“เรื่องเล็กน้อยครับ คุณหนู”

ฟีเรนเทียไม่อาจละสายตาห่างไปจากใบหน้านั้นได้เลย

เพราะรู้สึกเหมือนกับว่า นัยน์ตาทั้งสองข้างที่โค้งเป็นรูปพระจันทร์คู่นั้น มันแฝงไปด้วยความหมายต่างๆ มากมายเกินกว่าจะเป็นการมองเธอเฉยๆ

เมื่อครู่นี้ เธอรู้สึกราวกับข้างในนัยน์ตาคู่นั้น มีอะไรบางอย่างเปลี่ยนแปลงไป

เธอได้แต่นั่งเหม่อมองเครย์ลีบันอยู่นิ่งๆ แบบนั้น

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล 34.2

Now you are reading เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล Chapter 34.2 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“การตัดสินใจเรื่องราคาไม่สามารถเลื่อนออกไปนานกว่านี้แล้วนะครับ”

เครย์ลีบันกล่าวพูดเป็นการแจ้งว่าหมดเวลาพักแล้ว

“ค่าใช้จ่ายที่ต้องชำระให้ทางกิลด์โรงงาน กับราคาค่าตัดเย็บเสื้อผ้า และไหนจะค่าก่อสร้างอีก ยังมีเรื่องให้ต้องตัดสินใจอีกหลายเรื่องนะครับ”

เธอลงจากตักเพื่อให้ทั้งสองคนได้พูดคุยกันได้อย่างสะดวก แล้วนั่งลงบนเก้าอี้ตัวข้างๆ แทน

ในตอนนั้นเองนัยน์ตาของเธอก็มองสบเข้ากับนัยน์ตาของเครย์ลีบันพอดี

มันไม่ได้ต่างอะไรจากปกติ แต่แววตาคู่นั้นมีอะไรบางอย่างเปลี่ยนไป

แต่ก็เพียงแค่ครู่เดียวเท่านั้น

แค่กะพริบตาเพียงครั้ง แววตานั่นก็หายไปแล้ว

เธอมองผิดไปเหรอ

“ท่านแคลอฮัน ฟังที่ข้าพูดให้ดีนะครับ”

เครย์ลีบันย้ายสายตาไปจากเธอ แล้วเอ่ยพูดกับท่านพ่อ

“ท่านแคลอฮัน ที่ข้าบอกว่าร้านค้าจะต้องมุ่งเป้าไปที่ตลาดเฮลสล็อต ไม่ใช่เซดาคิวนาร์ เป็นเพราะข้าประเมินว่า สามัญชนจะเปิดรับรูปแบบการซื้อใหม่ๆ นี่มากกว่าพวกชนชั้นสูงครับ”

“แต่ว่า…”

“ถึงกิจการนี้จะตั้งเป้าไปที่สามัญชน แต่ก็จะต้องเลือกเป้าหมายไปที่กลุ่มคนที่ต้องการสินค้าชั้นสูงครับ”

หืม? เดี๋ยวนะ

เธอสะดุ้งตกใจ เงยหน้าขึ้นมองเครย์ลีบัน

มันต้องไม่ใช่แบบนี้สิ?

แต่เครย์ลีบันกลับดูจริงจังมาก

แววตาที่มองท่านพ่อไม่มีวี่แววล้อเล่นเลยแม้แต่น้อย

“อืม…”

ท่านพ่อเองเมื่อเห็นท่าทางของเครย์ลีบัน ก็เริ่มครุ่นคิดอย่างระมัดระวัง

“สินค้าชั้นสูงอย่างนั้นหรือ…”

ไม่นะ! ท่านพ่อ! ไม่ใช่แบบนั้น!

“ครับ ถึงจะใช้ตลาดเฮลสล็อต แต่เพื่อสินค้าใหม่นี่ พวกเราจะต้องทำกิจการเพื่อกลุ่มคนที่สามารถใช้จ่ายเงินจำนวนมากออกไปได้ครับ”

ไม่สิ ขนาดเครย์ลีบันก็ด้วย ทำไมเป็นแบบนี้กันล่ะ!

เหงื่อเริ่มไหลชื้นเต็มทั่วแผ่นหลังของเธอที่กำลังตื่นตระหนก

“ต้องเพิ่มราคาถึงจะถูกต้องหรือเปล่านะ…”

ในที่สุดท่านพ่อก็ประสานมือครุ่นคิด

อุตส่าห์ทำได้ดีมาตลอดจนถึงตอนนี้แล้วแท้ๆ !

ธุรกิจครั้งนี้จะต้องจับกลุ่มชนชั้นกลางทั่วไปในหมู่สามัญชนเป็นเป้าหมายให้ได้ดังนั้นราคาก็จะต้องตั้งให้ต่ำลงอย่างเหมาะสมไปด้วยโดยธรรมชาติถึงจะถูกต้องเพื่อที่จะลดความยากลำบากในการตัดเย็บผ้าเองโดยตรง พวกเขาอาจจะมีความยืดหยุ่นในการทดลองสิ่งใหม่ๆ แต่ก็ยังต้องการเสื้อผ้าที่ราคาถูกกว่าการเดินทางไปยังห้องเสื้ออยู่ดี

สำหรับวันพิเศษอาจจะยังคงแวะไปวัดตัวตัดเย็บเสื้อผ้าที่ห้องเสื้อเหมือนเคย แต่ชุดธรรมดาที่สวมใส่ทุกวันนั้น พวกเขายังพอทำใจมองข้ามจุดด้อยที่ต้องสวมใส่ดีไซน์แบบเดียวกันกับคนอื่น และเลือกซื้อเสื้อผ้าสำเร็จรูปได้

“ลองคิดดูให้ดีสักครั้งนะครับ”

ทั้งๆ ที่เป็นเครย์ลีบันที่เธออุตส่าห์เชื่อใจแท้ๆ !

เขากำลังชักนำท่านพ่อไปบนเส้นทางที่ผิด

ฟีเรนเทียเฝ้ารอจนถึงท้ายที่สุด

เฝ้ารอให้ท่านพ่อหรือไม่ก็เครย์ลีบัน ให้ใครสักคนในสองคนนี้ตระหนักถึงจุดบอดของความเห็นครั้งนี้แต่หลังจากครุ่นคิดอย่างลึกซึ้ง จังหวะที่ท่านพ่อเปิดปากออก เธอก็ต้องเอ่ยแทรกทันที

“ถ้าอย่างนั้นก็คงจะต้องขึ้นราคา…”

“ตะ…แต่ถ้าเป็นข้าคงจะไม่ชอบหรอกนะคะ!”

พอเธอตะโกนออกไปด้วยความร้อนรน ท่านพ่อก็หันมามองเธอด้วยนัยน์ตาตกใจ

เป็นแบบนี้แล้วก็คงช่วยไม่ได้

ฟีเรนเทียพยายามพูดเปลี่ยนความคิดอย่างสุดความสามารถ

“ไหนบอกว่าคนอื่นๆ ก็จะได้ใส่ชุดแบบเดียวกันกับข้าไม่ใช่เหรอคะ ถ้าอย่างนั้นสู้ไปตัดเสื้อที่ห้องเสื้อยังจะดีกว่าอีกค่ะ! ”

“อย่างนั้นเหรอ”

“ปกติเสื้อผ้าก็ไปตัดที่ห้องเสื้อนี่คะ! ”

ท่านพ่อพยักหน้าเล็กน้อยในขณะที่พูดว่า ‘ก็นั่นสินะ’

“เพราะฉะนั้นคงจะต้องลดราคาให้ต่ำลงหน่อยนะคะ ให้สามารถใส่ได้สบายและจ่ายเงินซื้อได้ง่ายขึ้นน่ะค่ะ”

ฟีเรนเทียเองก็อยากจะบอกใบ้ให้เล็กน้อยเหมือนปกติ แต่เธอไม่อาจรับมือกับความเสี่ยงที่เรื่องราวจะพลิกตาลปัตรไปอีกรอบได้

เธอมองท่านพ่อในขณะที่เอ่ยพูดเน้นย้ำ

“และในบรรดาสามัญชน คนไม่มีเงินมีเยอะกว่าคนรวยไม่ใช่เหรอคะ”

พูดง่ายๆ ก็คือ ตลาดใหญ่กว่า

แน่นอนว่าขายเสื้อตัวหนึ่งอาจจะเหลือกำไรเพียงแค่เล็กน้อย แต่จะมองข้ามกำไรเล็กน้อยแต่ให้ผลตอบแทนรวดเร็วไม่ได้เด็ดขาด

เพราะตั้งแต่แรกแล้ว จุดแกร่งของเสื้อผ้าสำเร็จรูปก็คือเรื่องนั้นนั่นแหละ

“ดูเหมือนคำพูดของฟีเรนเทียเองก็จะถูกต้องอยู่เหมือนกันนะ คุณเครย์ลีบันคิดยังไงบ้างครับ”

คำพูดของเธอทำให้ท่านพ่อหันไปมองเครย์ลีบันเพื่อเอ่ยถามความเห็น

เธอเองก็หันหน้าไปทางเขาพร้อมกับท่านพ่อเช่นกัน

และเธอก็ได้เห็น

ว่าบนใบหน้าของเครย์ลีบันนั้นแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มราวกับภาพสโลว์โมชั่น

มันไม่ใช่รอยยิ้มบางเบาที่แค่วาบผ่านขึ้นมาเท่านั้น

ไม่ใช่รอยยิ้มเย็นชาเหมือนทุกวันด้วย

มันเป็นรอยยิ้มยินดีที่ยิ้มออกมาด้วยความดีใจจริงๆ

“คะ…คุณเครย์ลีบัน”

ได้ยินเสียงตื่นตระหนกของท่านพ่อ

เธอเองก็ตกใจเหมือนกัน

ไม่ว่าจะชาตินี้ หรือชาติก่อน เธอเพิ่งเคยเห็นคนที่ชื่อเครย์ลีบัน เพลเลสคนนี้ยิ้มแบบนี้เป็นครั้งแรก

ไม่สิ ไม่อาจแม้แต่จะฝันด้วยซ้ำว่าเขาเป็นคนที่ยิ้มได้อย่างสดใสแบบนี้

เครย์ลีบันไม่ได้สนใจพวกเราสองพ่อลูกที่ตกใจจนช็อก เขายังคงยิ้มอยู่เหมือนเคย

ทั้งๆ ที่ปลายสายตาของเขาก็จับจ้องอยู่ที่เธอแต่เพราะเธอกำลังตกใจกับรอยยิ้มดั่งภาพวาดของเครย์ลีบันอยู่ จึงไม่อาจคิดอะไรออกได้ทั้งนั้น

ในตอนนั้นเองเครย์ลีบันที่นั่งอยู่บนเก้าอี้จู่ๆ ก็ลุกขึ้น เดินเข้ามาหาเธอ

ผงะ

เธอตกใจจนเผลอเกร็งตัวจนแข็งทื่อ ไม่กล้าขยับตัวสุ่มสี่สุ่มห้า

ได้แต่เฝ้ามองเครย์ลีบันอยู่นิ่งๆ

เครย์ลีบันเดินเข้ามาใกล้เธอ ก่อนจะคุกเข่าลงข้างหนึ่ง ย่อกายลงตรงหน้าเธอ

มันเกิดขึ้นก่อนที่ท่านพ่อที่กำลังตกใจจะทันได้พูดอะไรออกไปด้วยซ้ำ

และตำแหน่งที่ปลายนิ้วของเครย์ลีบันสัมผัสอยู่ก็คือแขนเสื้อของเธอ

พูดให้แน่ชัดก็คือ ริบบิ้นที่ห้อยอยู่ตรงแขนเสื้อ

ไม่รู้ว่าคลายตัวหลุดออกจากปมไปเมื่อไหร่ ชายริบบิ้นกำลังแกว่งไปมา

เครย์ลีบันจับปลายนั้นไว้โดยไม่พูดอะไร

ปลายนิ้วเรียวยาวเคลื่อนไหวอย่างสวยงาม ช่วยผูกริบบิ้นให้เป็นปม เพียงไม่นานก็ได้รูปโบดูสวยงาม

“ขะ…ขอบคุณค่ะ”

เมื่อได้ยินเสียงแผ่วเบาของเธอ เครย์ลีบันจึงเงยหน้าขึ้นมองเธอพร้อมกับส่งยิ้มให้

“เรื่องเล็กน้อยครับ คุณหนู”

ฟีเรนเทียไม่อาจละสายตาห่างไปจากใบหน้านั้นได้เลย

เพราะรู้สึกเหมือนกับว่า นัยน์ตาทั้งสองข้างที่โค้งเป็นรูปพระจันทร์คู่นั้น มันแฝงไปด้วยความหมายต่างๆ มากมายเกินกว่าจะเป็นการมองเธอเฉยๆ

เมื่อครู่นี้ เธอรู้สึกราวกับข้างในนัยน์ตาคู่นั้น มีอะไรบางอย่างเปลี่ยนแปลงไป

เธอได้แต่นั่งเหม่อมองเครย์ลีบันอยู่นิ่งๆ แบบนั้น

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+