เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล 120.2

Now you are reading เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล Chapter 120.2 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ผลิตเช็คปลอมที่เหมือนกันอย่างไร้ที่ติเช่นนั้นออกมาได้ ย่อมต้องเป็นคนที่มีความรู้ความสามารถด้านการปลอมแปลงอย่างแน่นอนไม่ใช่หรือคะ ความสามารถเช่นนั้นจะปล่อยให้ถูกขังไว้ในคุกใต้ดินอย่างเปล่าประโยชน์หลายปี ก็น่าเสียดายเกินไปหน่อย”

การรับโทษตามกฎหมายเป็นเรื่องสำคัญก็จริง แต่ถ้าหากทำเรื่องที่เป็นประโยชน์ให้แก่ลอมบาร์เดียได้แล้วละก็ การดึงตัวมาใช้งานให้ได้ผลประโยชน์มากที่สุดก็เป็นวิธีการที่ดีเช่นกัน

“และหากทำเช่นนั้น ระบบความปลอดภัยของธนาคารลอมบาร์เดียก็จะพัฒนาขึ้นอีกระดับ คราวนี้ข้าคิดว่าท่านป้าก็จะได้รับการประเมินในฐานะรักษาการเจ้าตระกูลสูงขึ้นไปอีกค่ะ”

เพราะเมื่อเคยมีเช็คปลอมถูกแจกจ่ายไปทั่วแล้วครั้งหนึ่ง การการันตีว่าจะไม่มีครั้งที่สองเป็นสิ่งที่ไม่ว่าใครก็ไม่อาจทำได้ทั้งนั้น

“แน่นอนว่านี่ถือเป็นการว่าจ้างแทนการลงโทษ จะลดค่าจ้างลงเสียหน่อย เรื่องเสียประโยชน์แค่นี้ทางฝ่ายนั้นก็สมควรต้องยอมรับค่ะ”

อุตส่าห์ยอมละเว้นโทษให้ไม่ต้องถูกขังลืมในคุกใต้ดิน เรื่องแค่นี้ย่อมไม่ควรแสดงความไม่พอใจออกมา

“…ได้ ข้าจะใช้ของขวัญที่เจ้ามอบให้เป็นอย่างดี แต่ว่า เทีย”

“คะ”

“เจ้ารู้ตัวตนของคนร้ายได้ยังไงกัน”

ชานาเนสถามด้วยใบหน้าอยากรู้อย่างบริสุทธิ์ใจจริงๆ

แน่นอนว่าเธอมีคำตอบที่ถูกระบุเอาไว้อยู่แล้วสำหรับเวลาแบบนี้

“ความลับทางธุรกิจค่ะ”

“…หึ”

แต่ชานาเนสกลับยกมือขึ้นปิดปากหัวเราะ

“หัวเราะทำไมเหรอคะ”

เธอพูดอะไรน่าตลกหรือไง

“ไม่มีอะไรหรอก”

ชานาเนสตอบเช่นนั้น แต่ก็ไม่อาจหยุดหัวเราะได้เลย

ในตอนนั้นเอง

“เทีย! เทียยย!”

ใครบางคนก็ตะโกนเสียงดังเรียกเธอด้วยความกระวนกระวาย วิ่งตัดข้ามลานกว้างตรงเข้ามาหาเธอ

รีบร้อนมากเสียจนแม้แต่สองแฝดที่กำลังเล่นประลองดาบกันอยู่ยังตกใจจนถึงกับต้องหยุดชะงักเลยทีเดียว

“พ่อ?”

“เทีย! ”

เธอสะดุ้งรีบลุกขึ้นยืนด้วยความตกใจ

“พ่อ ทำไม…”

สภาพดูไม่ได้แบบนั้นล่ะคะ

ท่านพ่อซึ่งปกติแล้วจะเป็นคนสะอาดทั้งยังดูเนี้ยบอยู่เสมอ สภาพในตอนนี้มองแค่ปราดเดียวก็รู้แล้วว่าคงไม่ได้อาบน้ำอาบท่ามาหลายวัน

ใบหน้าสกปรกไปหมด เสื้อผ้ายับย่น ไหนจะหนวดเคราที่ยาวเฟิ้มจนรกรุงรังนั่นอีก

แต่ท่านพ่อกลับไม่คิดสนใจเรื่องพวกนั้น ท่านวิ่งเข้ามาสวมกอดเธอไว้แน่น

แน่นอนว่ายังคงเอาใจใส่กันเหมือนเคยด้วยการหลบเลี่ยงบริเวณไหล่ข้างที่เธอได้รับบาดเจ็บ

“พ่อขอโทษนะที่มาช้า… มาช้าไปเพราะต้องทำงานให้เสร็จก่อนถึงจะเดินทางกลับมาได้ ขอโทษนะ เทีย”

“มะ ไม่เป็นไรค่ะ”

เธอตบแผ่นหลังกว้างของท่านพ่อเบาๆ เป็นการปลอบโยน

“ลูกสาวพ่อเป็นอะไรมั้ย เจ็บมากหรือเปล่า”

ท่านพ่อกวาดสายตามองสำรวจใบหน้ากับร่างกายของเธออย่างช้าๆ ด้วยนัยน์ตาเอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำตา

“อ๊ะ! ถ้าพูดถึงไหล่ละก็ ตอนนี้ไม่เป็นอะไรแล้วค่ะ! สัปดาห์ก่อนตัดไหมแล้วด้วยค่ะ! ”

“ตะ ตัดไหม…”

ท่านพ่อเสียการทรงตัวไปครู่หนึ่ง แต่เพียงไม่นานก็พูดอย่างหนักแน่น

“อืม ตอนนี้พ่อมาแล้ว ไม่เป็นอะไรแล้วนะ พ่อจะหาของบำรุงที่ดีต่อร่างกายลูกให้เยอะๆ เลย! ”

“ค่ะ พ่อ!”

ท่าทางคงจะเป็นห่วงเธอมากทีเดียว

ทันทีที่เสร็จงานทางใต้ ก็ไม่หลับไม่นอน นั่งรถม้าโดยสารกลับมายังคฤหาสน์โดยไม่หยุดพักแม้แต่วันเดียวสินะ

ท่านพ่อของเธอเป็นพวกห้ามไม่ฟังเสียด้วย

เธอมองสบตาท่านพ่อ หัวเราะเสียงดังแหะๆ

“เฮ้อ ตลอดระยะเวลาที่ไม่ได้เจอกัน เทียของพ่อแก้มตอบลงไปเยอะเลย…”

นั่นไม่น่าจะใช่เธอ แต่พูดถึงตัวท่านพ่อเองมากกว่ามั้ยล่ะ

ในตอนนั้นเอง ชานาเนสที่เฝ้ามองการกลับมาพบหน้ากันอีกครั้งของพวกเราสองพ่อลูก ก็เอ่ยเรียกท่านพ่อ

“แคลอฮัน”

“ครับ ท่านพี่”

“ไปอาบน้ำก่อนเถอะ ถ้าไม่อยากให้เทียป่วยเป็นไข้ไปจริงๆ”

ชานาเนสกล่าวในขณะที่ดึงตัวเธอออกจากท่านพ่ออย่างอ่อนโยน

“ครับ อ๊ะ ทราบแล้วครับ!”

ท่านพ่อรีบก้าวเท้าถอยห่างจากเธออย่างรวดเร็ว ในทันทีที่ได้ยินคำพูดของชานาเนส

“ไปอาบน้ำแล้วค่อยมาทานข้าวพร้อมกัน ไปทักทายท่านพ่อก่อนหรือยัง…อืม คงจะวิ่งตรงมาที่นี่ทันที ไม่ได้แวะไปทักทายท่านเลยสินะ”

“ฮ่าฮ่า มันเร่งด่วน…”

“ถ้างั้นคงต้องแจ้งให้ท่านพ่อมาร่วมทานอาหารด้วยกันแล้วละ”

“ครับ ท่านพี่! เทีย เดี๋ยวพ่อรีบไปอาบน้ำก่อน แล้วจะรีบมาหานะ!”

ท่านพ่อได้อาบน้ำในรอบหลายวันเสียที ตอนนี้กลับมามีภาพลักษณ์ปกติเหมือนอย่างที่เธอคุ้นเคยแล้ว หลังจากนั้นพวกเราก็มากินอาหารร่วมกัน

ชานาเนสเรียกกระทั่งครอบครัวของลอเรนซ์ที่ยังอยู่ในคฤหาสน์ให้มาร่วมกินพร้อมกันด้วย

น่าเสียดายที่ลาลาเน่ไม่อาจมาร่วมโต๊ะได้ แต่ในเมื่อเบเจอร์ไม่อยู่ ผู้คนในลอมบาร์เดียจึงได้มานั่งล้อมวงกันโดยไม่ต้องขมวดคิ้วทำหน้าบึ้งตึง

วันอันแสนวุ่นวายผ่านไปเช่นนั้น

เธอเดินกลับมายังห้องของตัวเอง ก่อนจะมองเห็นซองจดหมายวางทิ้งไว้อยู่บนโต๊ะหนังสือซองหนึ่ง

[ถึง เทีย]

จดหมายจากเฟเรสนี่นา

“ดูเหมือนจะเดินทางไปถึงอะคาเดมีได้อย่างปลอดภัยสินะ”

ทันทีที่ไปถึงก็ส่งจดหมายมาทันทีเลยเหรอเนี่ย

ระยะห่างระหว่างอะคาเดมีกับลอมบาร์เดียถือว่าไกลมาก มันจึงเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ที่พวกเราจะได้แต่ติดต่อกันทางจดหมายเหมือนแต่ก่อนอีกครั้ง

[ถึง เทีย

คืนนี้เป็นคืนแรกหลังจากเดินทางมาถึงอะคาเดมี

ทุกคนได้ห้องส่วนตัวกันคนละห้อง คนอื่นๆ ต่างบ่นกันใหญ่ว่าห้องมันเล็กมากเกินไป แต่สำหรับข้าแล้ว มันถือว่าไม่เลวเลยทีเดียว

เทียบกับที่เคยต้องอาศัยอยู่ในวังเล็กตามลำพัง ข้าพอใจมากเลย

ทางฝั่งอะคาเดมีเองก็ใส่ใจข้ามาก ทำให้แคทเธอรีนกับคาอิลรัสเองได้มาอยู่ประกบสองห้องข้างๆ ข้าด้วย

(อ่านข้าม)

คงเพราะอยู่ท่ามกลางภูเขากระมัง อากาศที่นี่ถึงได้หนาวมาก

หนาวขนาดเห็นควันออกปากในตอนเช้ากับตอนกลางคืนเลยละ

เทีย โล่งอกไปทีนะ ที่ที่เจ้าอาศัยอยู่อากาศไม่หนาว

(อ่านข้าม)

ตั้งแต่สัปดาห์หน้า ข้าจะเริ่มเรียนวิชาฟันดาบแล้วละ

ถ้ามีเวลาว่างมากพอ ก็อยากจะเรียนวิชาการเมืองด้วยเหมือนกัน แต่ไม่รู้ว่าจะเป็นเช่นไรบ้าง

(อ่านข้าม)

ที่นี่มีผู้คนหลากหลายแบบมาก

และผิดคาดที่เหมือนจะมีผู้คนเป็นมิตรกับข้ามากทีเดียว

บางทีข้าอาจจะได้เพื่อนที่ดีก็ได้ละมั้ง

เวลาล่วงเลยมาถึงป่านนี้แล้วหรือเนี่ย

ตอนนี้ถึงเวลาดับไฟแล้วละ

คงต้องเขียนจดหมายถึงแค่นี้

อย่าได้เจ็บป่วย ทานอาหารตรงเวลาด้วยนะ

ข้าจะรอการตอบกลับ

คิดถึง เฟเรส]

“ส่งจดหมายอะไรยาวขนาดนี้เนี่ย”

หนึ่ง สอง สาม…

ลองนับดู มันเป็นจดหมายที่กินความยาวถึงหกหน้าเต็มๆ

ภายในจดหมายเล่าเรื่องชีวิตประจำวันโดยละเอียดของเด็กหนุ่ม ซึ่งจากเรื่องราวพวกนั้นเธอสามารถแน่ใจได้เรื่องหนึ่ง

“ตื่นเต้นสินะ ตอนนี้”

เฟเรสกำลังปรับตัวเข้ากับอะคาเดมีได้เป็นอย่างดี

“ถ้าไม่เขียนตอบกลับไปทันทีคงได้งอนแน่”

เธอหยิบปากกา เริ่มเขียนจดหมายตอบกลับไป

[ถึง เฟเรส

โล่งอกไปที ดูเหมือนเจ้าจะปรับตัวเข้ากับอะคาเดมีได้ดีทีเดียว

ทุกวันของข้าก็ยังเหมือนเคย

ได้คบเพื่อนใหม่ๆ มากเลยใช่มั้ย

คอยเล่าเรื่องเพื่อนใหม่ของเจ้าให้ข้าฟังบ้างนะ

อยากรู้จังว่าเจ้าจะคบหากับผู้คนแบบไหน

และก็…]

เฟเรสกับเธอส่งจดหมายติดต่อหากันเป็นประจำ

เธอถึงกับต้องหากล่องใบใหญ่ใบหนึ่งเอาไว้เก็บรักษาจดหมายพวกนั้นเลยทีเดียว

แต่พอเอามาเก็บกระทั่งของขวัญชิ้นเล็กชิ้นน้อยที่เฟเรสขยันหมั่นเพียรส่งมาให้ภายหลัง แค่ครู่เดียวกล่องก็เต็มแน่นไปทั้งใบแล้ว

จดหมายเริ่มกองพะเนินสูงขึ้นเรื่อยๆ ตามกาลเวลาที่ค่อยๆ ดำเนินผ่านไปอย่างเชื่องช้าเช่นนั้น

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล 120.2

Now you are reading เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล Chapter 120.2 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ผลิตเช็คปลอมที่เหมือนกันอย่างไร้ที่ติเช่นนั้นออกมาได้ ย่อมต้องเป็นคนที่มีความรู้ความสามารถด้านการปลอมแปลงอย่างแน่นอนไม่ใช่หรือคะ ความสามารถเช่นนั้นจะปล่อยให้ถูกขังไว้ในคุกใต้ดินอย่างเปล่าประโยชน์หลายปี ก็น่าเสียดายเกินไปหน่อย”

การรับโทษตามกฎหมายเป็นเรื่องสำคัญก็จริง แต่ถ้าหากทำเรื่องที่เป็นประโยชน์ให้แก่ลอมบาร์เดียได้แล้วละก็ การดึงตัวมาใช้งานให้ได้ผลประโยชน์มากที่สุดก็เป็นวิธีการที่ดีเช่นกัน

“และหากทำเช่นนั้น ระบบความปลอดภัยของธนาคารลอมบาร์เดียก็จะพัฒนาขึ้นอีกระดับ คราวนี้ข้าคิดว่าท่านป้าก็จะได้รับการประเมินในฐานะรักษาการเจ้าตระกูลสูงขึ้นไปอีกค่ะ”

เพราะเมื่อเคยมีเช็คปลอมถูกแจกจ่ายไปทั่วแล้วครั้งหนึ่ง การการันตีว่าจะไม่มีครั้งที่สองเป็นสิ่งที่ไม่ว่าใครก็ไม่อาจทำได้ทั้งนั้น

“แน่นอนว่านี่ถือเป็นการว่าจ้างแทนการลงโทษ จะลดค่าจ้างลงเสียหน่อย เรื่องเสียประโยชน์แค่นี้ทางฝ่ายนั้นก็สมควรต้องยอมรับค่ะ”

อุตส่าห์ยอมละเว้นโทษให้ไม่ต้องถูกขังลืมในคุกใต้ดิน เรื่องแค่นี้ย่อมไม่ควรแสดงความไม่พอใจออกมา

“…ได้ ข้าจะใช้ของขวัญที่เจ้ามอบให้เป็นอย่างดี แต่ว่า เทีย”

“คะ”

“เจ้ารู้ตัวตนของคนร้ายได้ยังไงกัน”

ชานาเนสถามด้วยใบหน้าอยากรู้อย่างบริสุทธิ์ใจจริงๆ

แน่นอนว่าเธอมีคำตอบที่ถูกระบุเอาไว้อยู่แล้วสำหรับเวลาแบบนี้

“ความลับทางธุรกิจค่ะ”

“…หึ”

แต่ชานาเนสกลับยกมือขึ้นปิดปากหัวเราะ

“หัวเราะทำไมเหรอคะ”

เธอพูดอะไรน่าตลกหรือไง

“ไม่มีอะไรหรอก”

ชานาเนสตอบเช่นนั้น แต่ก็ไม่อาจหยุดหัวเราะได้เลย

ในตอนนั้นเอง

“เทีย! เทียยย!”

ใครบางคนก็ตะโกนเสียงดังเรียกเธอด้วยความกระวนกระวาย วิ่งตัดข้ามลานกว้างตรงเข้ามาหาเธอ

รีบร้อนมากเสียจนแม้แต่สองแฝดที่กำลังเล่นประลองดาบกันอยู่ยังตกใจจนถึงกับต้องหยุดชะงักเลยทีเดียว

“พ่อ?”

“เทีย! ”

เธอสะดุ้งรีบลุกขึ้นยืนด้วยความตกใจ

“พ่อ ทำไม…”

สภาพดูไม่ได้แบบนั้นล่ะคะ

ท่านพ่อซึ่งปกติแล้วจะเป็นคนสะอาดทั้งยังดูเนี้ยบอยู่เสมอ สภาพในตอนนี้มองแค่ปราดเดียวก็รู้แล้วว่าคงไม่ได้อาบน้ำอาบท่ามาหลายวัน

ใบหน้าสกปรกไปหมด เสื้อผ้ายับย่น ไหนจะหนวดเคราที่ยาวเฟิ้มจนรกรุงรังนั่นอีก

แต่ท่านพ่อกลับไม่คิดสนใจเรื่องพวกนั้น ท่านวิ่งเข้ามาสวมกอดเธอไว้แน่น

แน่นอนว่ายังคงเอาใจใส่กันเหมือนเคยด้วยการหลบเลี่ยงบริเวณไหล่ข้างที่เธอได้รับบาดเจ็บ

“พ่อขอโทษนะที่มาช้า… มาช้าไปเพราะต้องทำงานให้เสร็จก่อนถึงจะเดินทางกลับมาได้ ขอโทษนะ เทีย”

“มะ ไม่เป็นไรค่ะ”

เธอตบแผ่นหลังกว้างของท่านพ่อเบาๆ เป็นการปลอบโยน

“ลูกสาวพ่อเป็นอะไรมั้ย เจ็บมากหรือเปล่า”

ท่านพ่อกวาดสายตามองสำรวจใบหน้ากับร่างกายของเธออย่างช้าๆ ด้วยนัยน์ตาเอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำตา

“อ๊ะ! ถ้าพูดถึงไหล่ละก็ ตอนนี้ไม่เป็นอะไรแล้วค่ะ! สัปดาห์ก่อนตัดไหมแล้วด้วยค่ะ! ”

“ตะ ตัดไหม…”

ท่านพ่อเสียการทรงตัวไปครู่หนึ่ง แต่เพียงไม่นานก็พูดอย่างหนักแน่น

“อืม ตอนนี้พ่อมาแล้ว ไม่เป็นอะไรแล้วนะ พ่อจะหาของบำรุงที่ดีต่อร่างกายลูกให้เยอะๆ เลย! ”

“ค่ะ พ่อ!”

ท่าทางคงจะเป็นห่วงเธอมากทีเดียว

ทันทีที่เสร็จงานทางใต้ ก็ไม่หลับไม่นอน นั่งรถม้าโดยสารกลับมายังคฤหาสน์โดยไม่หยุดพักแม้แต่วันเดียวสินะ

ท่านพ่อของเธอเป็นพวกห้ามไม่ฟังเสียด้วย

เธอมองสบตาท่านพ่อ หัวเราะเสียงดังแหะๆ

“เฮ้อ ตลอดระยะเวลาที่ไม่ได้เจอกัน เทียของพ่อแก้มตอบลงไปเยอะเลย…”

นั่นไม่น่าจะใช่เธอ แต่พูดถึงตัวท่านพ่อเองมากกว่ามั้ยล่ะ

ในตอนนั้นเอง ชานาเนสที่เฝ้ามองการกลับมาพบหน้ากันอีกครั้งของพวกเราสองพ่อลูก ก็เอ่ยเรียกท่านพ่อ

“แคลอฮัน”

“ครับ ท่านพี่”

“ไปอาบน้ำก่อนเถอะ ถ้าไม่อยากให้เทียป่วยเป็นไข้ไปจริงๆ”

ชานาเนสกล่าวในขณะที่ดึงตัวเธอออกจากท่านพ่ออย่างอ่อนโยน

“ครับ อ๊ะ ทราบแล้วครับ!”

ท่านพ่อรีบก้าวเท้าถอยห่างจากเธออย่างรวดเร็ว ในทันทีที่ได้ยินคำพูดของชานาเนส

“ไปอาบน้ำแล้วค่อยมาทานข้าวพร้อมกัน ไปทักทายท่านพ่อก่อนหรือยัง…อืม คงจะวิ่งตรงมาที่นี่ทันที ไม่ได้แวะไปทักทายท่านเลยสินะ”

“ฮ่าฮ่า มันเร่งด่วน…”

“ถ้างั้นคงต้องแจ้งให้ท่านพ่อมาร่วมทานอาหารด้วยกันแล้วละ”

“ครับ ท่านพี่! เทีย เดี๋ยวพ่อรีบไปอาบน้ำก่อน แล้วจะรีบมาหานะ!”

ท่านพ่อได้อาบน้ำในรอบหลายวันเสียที ตอนนี้กลับมามีภาพลักษณ์ปกติเหมือนอย่างที่เธอคุ้นเคยแล้ว หลังจากนั้นพวกเราก็มากินอาหารร่วมกัน

ชานาเนสเรียกกระทั่งครอบครัวของลอเรนซ์ที่ยังอยู่ในคฤหาสน์ให้มาร่วมกินพร้อมกันด้วย

น่าเสียดายที่ลาลาเน่ไม่อาจมาร่วมโต๊ะได้ แต่ในเมื่อเบเจอร์ไม่อยู่ ผู้คนในลอมบาร์เดียจึงได้มานั่งล้อมวงกันโดยไม่ต้องขมวดคิ้วทำหน้าบึ้งตึง

วันอันแสนวุ่นวายผ่านไปเช่นนั้น

เธอเดินกลับมายังห้องของตัวเอง ก่อนจะมองเห็นซองจดหมายวางทิ้งไว้อยู่บนโต๊ะหนังสือซองหนึ่ง

[ถึง เทีย]

จดหมายจากเฟเรสนี่นา

“ดูเหมือนจะเดินทางไปถึงอะคาเดมีได้อย่างปลอดภัยสินะ”

ทันทีที่ไปถึงก็ส่งจดหมายมาทันทีเลยเหรอเนี่ย

ระยะห่างระหว่างอะคาเดมีกับลอมบาร์เดียถือว่าไกลมาก มันจึงเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ที่พวกเราจะได้แต่ติดต่อกันทางจดหมายเหมือนแต่ก่อนอีกครั้ง

[ถึง เทีย

คืนนี้เป็นคืนแรกหลังจากเดินทางมาถึงอะคาเดมี

ทุกคนได้ห้องส่วนตัวกันคนละห้อง คนอื่นๆ ต่างบ่นกันใหญ่ว่าห้องมันเล็กมากเกินไป แต่สำหรับข้าแล้ว มันถือว่าไม่เลวเลยทีเดียว

เทียบกับที่เคยต้องอาศัยอยู่ในวังเล็กตามลำพัง ข้าพอใจมากเลย

ทางฝั่งอะคาเดมีเองก็ใส่ใจข้ามาก ทำให้แคทเธอรีนกับคาอิลรัสเองได้มาอยู่ประกบสองห้องข้างๆ ข้าด้วย

(อ่านข้าม)

คงเพราะอยู่ท่ามกลางภูเขากระมัง อากาศที่นี่ถึงได้หนาวมาก

หนาวขนาดเห็นควันออกปากในตอนเช้ากับตอนกลางคืนเลยละ

เทีย โล่งอกไปทีนะ ที่ที่เจ้าอาศัยอยู่อากาศไม่หนาว

(อ่านข้าม)

ตั้งแต่สัปดาห์หน้า ข้าจะเริ่มเรียนวิชาฟันดาบแล้วละ

ถ้ามีเวลาว่างมากพอ ก็อยากจะเรียนวิชาการเมืองด้วยเหมือนกัน แต่ไม่รู้ว่าจะเป็นเช่นไรบ้าง

(อ่านข้าม)

ที่นี่มีผู้คนหลากหลายแบบมาก

และผิดคาดที่เหมือนจะมีผู้คนเป็นมิตรกับข้ามากทีเดียว

บางทีข้าอาจจะได้เพื่อนที่ดีก็ได้ละมั้ง

เวลาล่วงเลยมาถึงป่านนี้แล้วหรือเนี่ย

ตอนนี้ถึงเวลาดับไฟแล้วละ

คงต้องเขียนจดหมายถึงแค่นี้

อย่าได้เจ็บป่วย ทานอาหารตรงเวลาด้วยนะ

ข้าจะรอการตอบกลับ

คิดถึง เฟเรส]

“ส่งจดหมายอะไรยาวขนาดนี้เนี่ย”

หนึ่ง สอง สาม…

ลองนับดู มันเป็นจดหมายที่กินความยาวถึงหกหน้าเต็มๆ

ภายในจดหมายเล่าเรื่องชีวิตประจำวันโดยละเอียดของเด็กหนุ่ม ซึ่งจากเรื่องราวพวกนั้นเธอสามารถแน่ใจได้เรื่องหนึ่ง

“ตื่นเต้นสินะ ตอนนี้”

เฟเรสกำลังปรับตัวเข้ากับอะคาเดมีได้เป็นอย่างดี

“ถ้าไม่เขียนตอบกลับไปทันทีคงได้งอนแน่”

เธอหยิบปากกา เริ่มเขียนจดหมายตอบกลับไป

[ถึง เฟเรส

โล่งอกไปที ดูเหมือนเจ้าจะปรับตัวเข้ากับอะคาเดมีได้ดีทีเดียว

ทุกวันของข้าก็ยังเหมือนเคย

ได้คบเพื่อนใหม่ๆ มากเลยใช่มั้ย

คอยเล่าเรื่องเพื่อนใหม่ของเจ้าให้ข้าฟังบ้างนะ

อยากรู้จังว่าเจ้าจะคบหากับผู้คนแบบไหน

และก็…]

เฟเรสกับเธอส่งจดหมายติดต่อหากันเป็นประจำ

เธอถึงกับต้องหากล่องใบใหญ่ใบหนึ่งเอาไว้เก็บรักษาจดหมายพวกนั้นเลยทีเดียว

แต่พอเอามาเก็บกระทั่งของขวัญชิ้นเล็กชิ้นน้อยที่เฟเรสขยันหมั่นเพียรส่งมาให้ภายหลัง แค่ครู่เดียวกล่องก็เต็มแน่นไปทั้งใบแล้ว

จดหมายเริ่มกองพะเนินสูงขึ้นเรื่อยๆ ตามกาลเวลาที่ค่อยๆ ดำเนินผ่านไปอย่างเชื่องช้าเช่นนั้น

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+