เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล 97.2

Now you are reading เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล Chapter 97.2 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

เพียงพริบตาเด็กๆ ที่โอ้อวดว่าตัวเองเป็นเจ้าของคอกม้าแห่งนี้ ก็กลายเป็น ‘กากเดนอังเกนัส’ แต่ไม่มีใครกล้าท้วงติงออกมาแม้แต่คำเดียว

 

“ระ เรื่องนั้น…”

 

คาเซย์ อังเกนัสกลัวสองแฝดมากเสียจนพูดอะไรไม่ออก

 

ในตอนนั้นเอง ฟีเรนเทียก็พูดเสียงนิ่ง

 

“ทั้งสองคน พูดจาเสียมารยาทแบบนั้นได้ยังไง ต้องรักษามารยาทด้วยสิ”

 

มารยาท? สองคนนั่นน่ะนะ

 

สองแฝดที่ได้ชื่อว่าเป็นตัวร้ายแห่งลอมบาร์เดีย เป็นบุคคลที่ห่างไกลจากคำว่ามารยาทมาก

 

แต่ปาฏิหาริย์ก็พลันเกิดขึ้น

 

คู่แฝดที่คำรามขู่อยู่เมื่อครู่ จู่ๆ ก็ฉีกยิ้มเหมือนลูกสุนัขแสนเชื่อฟังคำสั่งเจ้านายในทันที

 

“เข้าใจแล้ว เทีย”

 

สองแฝดตอบรับอย่างเชื่อฟัง ทั้งคู่ฉีกยิ้มเล็กน้อย ในขณะที่ถามขึ้นใหม่อีกรอบ

 

“พวกเจ้าชวนเทียของพวกข้าไปดื่มชาหรือ”

 

มันเป็นคำพูดที่ฟังดูมีมารยาทมากขึ้นจริงๆ

 

แต่ไม่รู้ทำไมถึงได้ฟังดูน่ากลัวกว่าเดิม

 

“มะ ไม่ใช่พวกเรา…”

 

ใครคนหนึ่งเหลือบมองคาเซย์ อังเกนัส ในขณะที่ตอบด้วยเสียงสั่นเครือ

 

“…เจ้าหรือ”

 

“อ๊ะ อา…”

 

คาเซย์ อังเกนัส ตัวสั่นไม่หยุด แทบจะทรุดตัวลงไปนั่งกองอยู่บนพื้นมันเสียประเดี๋ยวนี้

 

“ทำไม”

 

คิลลีวูยื่นหน้าเข้าไปใกล้พลางถามขึ้น

 

“กะ ก็แค่พอดีเพิ่งเคยเห็นครั้งแรก…”

 

“หึ”

 

เมโลนพ่นลมหายใจเสียงดังหึ ในขณะที่เดินเข้าไปใกล้เช่นกัน

 

และกระซิบด้วยเสียงทุ้มต่ำ

 

“เป็นแค่กากเดนอังเกนัส ก็น่าจะมีตามองบ้างนะ”

 

สายตาที่ซุกซ่อนอยู่ใต้แพขนตายาวเย็นยะเยือกมีเพียงความเย็นชา

 

คิลลีวูเลื่อนมือไปลูบฝักดาบที่ห้อยอยู่ที่เอว

 

“กล้ายุ่มย่ามกับน้องสาวข้า อยากอายุสั้นหรือไง”

 

“ฮะ เฮือก! ”

 

คาเซย์ อังเกนัสสะดุ้งเฮือกด้วยความหวาดกลัว

 

“พอได้แล้ว ทั้งสองคน ข้าเหนื่อย”

 

ฟีเรนเทียเพียงแค่พูดเสียงเฉื่อยชาประโยคเดียว ราวกับหมดสนุกแล้วเท่านั้น

 

เพียงแค่นั้นจิตสังหารรุนแรงของสองแฝดก็พลันจางหายไปในพริบตา เหลือเพียงคนโง่งมที่ส่งยิ้มกว้างมองฟีเรนเทียอย่างว่าง่าย

 

“เทียของพวกเราเหนื่อยหรือ

 

“งั้นรีบไปหาที่อุ่นๆ กันเถอะ! ”

 

ฟีเรนเทียกับลอรีลเป็นฝ่ายเดินนำไปก่อน ส่วนสองแฝดก็เดินตามหลังพวกนางไป

 

ไม่ได้สนใจเลยว่ากลุ่มเด็กชนชั้นสูงที่ถูกทิ้งไว้เบื้องหลังจะแข้งขาอ่อนยวบ จนทรุดตัวลงไปนั่งฟุบอยู่บนพื้นหรือไม่

 

ระหว่างทางมุ่งหน้าไปยังมุมที่แสงแดดส่องลงมาอย่างอบอุ่นตามที่สองแฝดจัดหาที่ทางไว้ล่วงหน้า ฟีเรนเทียพึมพำเสียงแผ่ว

 

“คนอื่นๆ ไม่รู้จักข้านี่มันช่างไม่สะดวกเอาเสียเลย คงต้องเริ่มเปิดตัวได้แล้วละมั้ง”

 

* * *

 

ณ <คาราเมล อเวนิว>ที่เงียบลงหลังจากปิดร้านวันนี้

 

เชฟอบขนมโทลลี่ยิ้มให้เบ๊ตที่เพิ่งจะได้นั่งลงในสำนักงานซึ่งอยู่ด้านในห้องครัว ก่อนจะกล่าวลา

 

“วันนี้ก็เหนื่อยหน่อยนะ เบ๊ต”

 

“อา ลุงเองก็เหมือนกันครับ”

 

หลังจากนั้นเบ๊ตจึงยื่นมือออกไปยังเอกสารที่ถูกเขียนไว้ด้วยโค้ดลับอ่านยากซึ่งวางทิ้งไว้บนโต๊ะทำงาน

 

“ทำงานหนักมาทั้งวันแล้ว พักบ้างเถอะ เบ๊ต”

 

โทลลี่สงสารเบ๊ต

 

เด็กหนุ่มคนนี้อยู่ในวัยที่ควรจะได้สนุกกับการใช้ชีวิต แต่นอกจากเวลานอนแล้วก็เอาแต่ทำงานทั้งวัน ขนาดเขาแค่เฝ้ามองอยู่ข้างกายเช่นนี้ยังรู้สึกเหนื่อยแทน

 

โดยเฉพาะหลังจากเตรียม ‘กิจการค้าข้อมูล’ อะไรนั่น ตนก็ไม่เคยเห็นเบ๊ตพักผ่อนเลย

 

“อ่านเอกสารอีกแค่ไม่กี่หน้าเองครับ ไม่เป็นไรหรอกครับ กลับไปก่อนเถอะนะครับ ลุง”

 

“อืม งั้นหรือ บนชั้นมีพายแอ๊ปเปิ้ลวางอยู่หลายชิ้น ยังไงถ้าหิวก็กินเสียหน่อยละ”

 

โทลลี่มองเบ๊ตด้วยนัยน์ตาเป็นกังวลเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะตบไหล่เด็กหนุ่มพลางพูดขึ้น

 

“ครับ ลุง”

 

โทลลี่เลิกงานกลับไปแล้ว เบ๊ตที่เหลือตัวคนเดียวจึงสวมแว่นที่ถอดทิ้งไว้มุมหนึ่ง แล้วหยิบเอาเอกสารพวกนั้นขึ้นมาอ่าน

 

ภายใต้โคมไฟสลัว แว่นตาไร้ขอบส่องประกายสีเหลืองอ่อน

 

“หึ สั่งให้ข้าลองสืบเรื่องเกี่ยวกับเจ้าดูสักครั้งงั้นหรือ”

 

น้ำเสียงที่ไม่รู้ทำไมฟังแล้วถึงได้เหมือนมันกระทบศักดิ์ศรีของเขาเข้าอย่างจังนั่น ยังคงดังก้องชัดอยู่ในโสตประสาทหูอยู่เลย

 

“คิดว่าข้าจะไม่กล้าสืบจริงๆ หรือไง”

 

การสืบหาและรวบรวมข้อมูลเป็นความสามารถพิเศษของเบ๊ต

 

อีกอย่าง เขายังมีนัยน์ตาในการแยกแยะข้อมูลของจริง ท่ามกลางข่าวลือไม่แน่ชัดทั้งหลายแหล่

 

เด็กน้อยลอมบาร์เดียเริ่มแวะเวียนมาที่ร้านตั้งแต่เมื่อหลายเดือนก่อน เป็นเรื่องนานมากแล้วที่เบ๊ตเคยรู้สึกดีๆ กับใครสักคนแบบนี้

 

ราวกับสั่งให้เขาต้องสนใจนาง ทุกครั้งที่มาก็มักจะสั่งเค้กด้วยการสั่งว่า ‘เอาตั้งแต่นี่จนถึงนั่น’ เป็นประจำทุกครั้ง

 

กระทั่งเครย์ลีบัน เพลเลสจากร้านค้าเพลเลสที่กำลังเป็นประเด็นร้อนยังตามมาด้วย จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะไม่รู้สึกให้ความสนใจ

 

แถมนางยังเป็นบุตรสาวคนเดียวของแคลอฮัน ลอมบาร์เดียผู้โด่งดัง เป็นหลานสาวที่รูลลัก ลอมบาร์เดียรักใคร่มากที่สุด

 

มองถึงแค่นั้นก็ถือว่าฟีเรนเทีย ลอมบาร์เดียไม่ธรรมดาในหลายๆ ด้านแล้ว แต่เขาเองก็สามารถรับรู้ได้ด้วยสัญชาตญาณว่ายังมีอะไรบางอย่างที่พิเศษยิ่งกว่านั้น

 

“จะขุดให้ถึงรากเลย”

 

เบ๊ตพึมพำเช่นนั้น ในขณะที่เริ่มถูกฝังอยู่ใต้เอกสารกองพะเนิน

 

เขาเลือกชิ้นส่วนจิ๊กซอว์ที่พอจะนำมาใช้ได้จากในกองนั่น กวาดสายตามองอ่านมันผ่านๆ เหมือนไม่ได้สนใจอะไรมากนัก

 

ทำเช่นนั้นแล้ว ไม่นานภาพขนาดใหญ่ที่ไม่มีใครรู้ก็ถูกวาดขึ้นเป็นรูปเป็นร่าง

 

ยามค่ำคืนเริ่มมาเยือน พระจันทร์ส่องสว่างลอยขึ้นเหนือบนท้องฟ้า สุดท้ายจนกระทั่งท้องฟ้าทางด้านตะวันออกเริ่มค่อยๆ ส่องสว่าง เบ๊ตถึงได้หยุดทำงาน

 

กุกกัก

 

แว่นตาที่ถูกถอดออกไถลไปบนโต๊ะหนังสือ แต่เบ๊ตก็ไม่คิดที่จะสนใจ

 

สองมือใหญ่ยกขึ้นลูบใบหน้าของตน ก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

 

และได้แต่ยกมือขึ้นปิดปากตัวเอง

 

กักเก็บเสียงกรีดร้องที่เกือบจะหลุดออกมาไว้ข้างในนั้น

 

เอกสารโค้ดลับที่กระจัดกระจายอย่างไม่เป็นระเบียบ ต่างกำลังบอกเหมือนกันหมดอย่างแน่นอน

 

ฟีเรนเทีย ลอมบาร์เดียคนนี้ให้ภาพที่ยิ่งใหญ่กว่าที่เบ๊ตจินตนาการเอาไว้เสียอีก

 

เบ๊ตได้แต่พึมพำเสียงแผ่วราวกับเสียงร้องคราง

 

“เจ้าเป็นใครกันแน่”

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล 97.2

Now you are reading เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล Chapter 97.2 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

เพียงพริบตาเด็กๆ ที่โอ้อวดว่าตัวเองเป็นเจ้าของคอกม้าแห่งนี้ ก็กลายเป็น ‘กากเดนอังเกนัส’ แต่ไม่มีใครกล้าท้วงติงออกมาแม้แต่คำเดียว

 

“ระ เรื่องนั้น…”

 

คาเซย์ อังเกนัสกลัวสองแฝดมากเสียจนพูดอะไรไม่ออก

 

ในตอนนั้นเอง ฟีเรนเทียก็พูดเสียงนิ่ง

 

“ทั้งสองคน พูดจาเสียมารยาทแบบนั้นได้ยังไง ต้องรักษามารยาทด้วยสิ”

 

มารยาท? สองคนนั่นน่ะนะ

 

สองแฝดที่ได้ชื่อว่าเป็นตัวร้ายแห่งลอมบาร์เดีย เป็นบุคคลที่ห่างไกลจากคำว่ามารยาทมาก

 

แต่ปาฏิหาริย์ก็พลันเกิดขึ้น

 

คู่แฝดที่คำรามขู่อยู่เมื่อครู่ จู่ๆ ก็ฉีกยิ้มเหมือนลูกสุนัขแสนเชื่อฟังคำสั่งเจ้านายในทันที

 

“เข้าใจแล้ว เทีย”

 

สองแฝดตอบรับอย่างเชื่อฟัง ทั้งคู่ฉีกยิ้มเล็กน้อย ในขณะที่ถามขึ้นใหม่อีกรอบ

 

“พวกเจ้าชวนเทียของพวกข้าไปดื่มชาหรือ”

 

มันเป็นคำพูดที่ฟังดูมีมารยาทมากขึ้นจริงๆ

 

แต่ไม่รู้ทำไมถึงได้ฟังดูน่ากลัวกว่าเดิม

 

“มะ ไม่ใช่พวกเรา…”

 

ใครคนหนึ่งเหลือบมองคาเซย์ อังเกนัส ในขณะที่ตอบด้วยเสียงสั่นเครือ

 

“…เจ้าหรือ”

 

“อ๊ะ อา…”

 

คาเซย์ อังเกนัส ตัวสั่นไม่หยุด แทบจะทรุดตัวลงไปนั่งกองอยู่บนพื้นมันเสียประเดี๋ยวนี้

 

“ทำไม”

 

คิลลีวูยื่นหน้าเข้าไปใกล้พลางถามขึ้น

 

“กะ ก็แค่พอดีเพิ่งเคยเห็นครั้งแรก…”

 

“หึ”

 

เมโลนพ่นลมหายใจเสียงดังหึ ในขณะที่เดินเข้าไปใกล้เช่นกัน

 

และกระซิบด้วยเสียงทุ้มต่ำ

 

“เป็นแค่กากเดนอังเกนัส ก็น่าจะมีตามองบ้างนะ”

 

สายตาที่ซุกซ่อนอยู่ใต้แพขนตายาวเย็นยะเยือกมีเพียงความเย็นชา

 

คิลลีวูเลื่อนมือไปลูบฝักดาบที่ห้อยอยู่ที่เอว

 

“กล้ายุ่มย่ามกับน้องสาวข้า อยากอายุสั้นหรือไง”

 

“ฮะ เฮือก! ”

 

คาเซย์ อังเกนัสสะดุ้งเฮือกด้วยความหวาดกลัว

 

“พอได้แล้ว ทั้งสองคน ข้าเหนื่อย”

 

ฟีเรนเทียเพียงแค่พูดเสียงเฉื่อยชาประโยคเดียว ราวกับหมดสนุกแล้วเท่านั้น

 

เพียงแค่นั้นจิตสังหารรุนแรงของสองแฝดก็พลันจางหายไปในพริบตา เหลือเพียงคนโง่งมที่ส่งยิ้มกว้างมองฟีเรนเทียอย่างว่าง่าย

 

“เทียของพวกเราเหนื่อยหรือ

 

“งั้นรีบไปหาที่อุ่นๆ กันเถอะ! ”

 

ฟีเรนเทียกับลอรีลเป็นฝ่ายเดินนำไปก่อน ส่วนสองแฝดก็เดินตามหลังพวกนางไป

 

ไม่ได้สนใจเลยว่ากลุ่มเด็กชนชั้นสูงที่ถูกทิ้งไว้เบื้องหลังจะแข้งขาอ่อนยวบ จนทรุดตัวลงไปนั่งฟุบอยู่บนพื้นหรือไม่

 

ระหว่างทางมุ่งหน้าไปยังมุมที่แสงแดดส่องลงมาอย่างอบอุ่นตามที่สองแฝดจัดหาที่ทางไว้ล่วงหน้า ฟีเรนเทียพึมพำเสียงแผ่ว

 

“คนอื่นๆ ไม่รู้จักข้านี่มันช่างไม่สะดวกเอาเสียเลย คงต้องเริ่มเปิดตัวได้แล้วละมั้ง”

 

* * *

 

ณ <คาราเมล อเวนิว>ที่เงียบลงหลังจากปิดร้านวันนี้

 

เชฟอบขนมโทลลี่ยิ้มให้เบ๊ตที่เพิ่งจะได้นั่งลงในสำนักงานซึ่งอยู่ด้านในห้องครัว ก่อนจะกล่าวลา

 

“วันนี้ก็เหนื่อยหน่อยนะ เบ๊ต”

 

“อา ลุงเองก็เหมือนกันครับ”

 

หลังจากนั้นเบ๊ตจึงยื่นมือออกไปยังเอกสารที่ถูกเขียนไว้ด้วยโค้ดลับอ่านยากซึ่งวางทิ้งไว้บนโต๊ะทำงาน

 

“ทำงานหนักมาทั้งวันแล้ว พักบ้างเถอะ เบ๊ต”

 

โทลลี่สงสารเบ๊ต

 

เด็กหนุ่มคนนี้อยู่ในวัยที่ควรจะได้สนุกกับการใช้ชีวิต แต่นอกจากเวลานอนแล้วก็เอาแต่ทำงานทั้งวัน ขนาดเขาแค่เฝ้ามองอยู่ข้างกายเช่นนี้ยังรู้สึกเหนื่อยแทน

 

โดยเฉพาะหลังจากเตรียม ‘กิจการค้าข้อมูล’ อะไรนั่น ตนก็ไม่เคยเห็นเบ๊ตพักผ่อนเลย

 

“อ่านเอกสารอีกแค่ไม่กี่หน้าเองครับ ไม่เป็นไรหรอกครับ กลับไปก่อนเถอะนะครับ ลุง”

 

“อืม งั้นหรือ บนชั้นมีพายแอ๊ปเปิ้ลวางอยู่หลายชิ้น ยังไงถ้าหิวก็กินเสียหน่อยละ”

 

โทลลี่มองเบ๊ตด้วยนัยน์ตาเป็นกังวลเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะตบไหล่เด็กหนุ่มพลางพูดขึ้น

 

“ครับ ลุง”

 

โทลลี่เลิกงานกลับไปแล้ว เบ๊ตที่เหลือตัวคนเดียวจึงสวมแว่นที่ถอดทิ้งไว้มุมหนึ่ง แล้วหยิบเอาเอกสารพวกนั้นขึ้นมาอ่าน

 

ภายใต้โคมไฟสลัว แว่นตาไร้ขอบส่องประกายสีเหลืองอ่อน

 

“หึ สั่งให้ข้าลองสืบเรื่องเกี่ยวกับเจ้าดูสักครั้งงั้นหรือ”

 

น้ำเสียงที่ไม่รู้ทำไมฟังแล้วถึงได้เหมือนมันกระทบศักดิ์ศรีของเขาเข้าอย่างจังนั่น ยังคงดังก้องชัดอยู่ในโสตประสาทหูอยู่เลย

 

“คิดว่าข้าจะไม่กล้าสืบจริงๆ หรือไง”

 

การสืบหาและรวบรวมข้อมูลเป็นความสามารถพิเศษของเบ๊ต

 

อีกอย่าง เขายังมีนัยน์ตาในการแยกแยะข้อมูลของจริง ท่ามกลางข่าวลือไม่แน่ชัดทั้งหลายแหล่

 

เด็กน้อยลอมบาร์เดียเริ่มแวะเวียนมาที่ร้านตั้งแต่เมื่อหลายเดือนก่อน เป็นเรื่องนานมากแล้วที่เบ๊ตเคยรู้สึกดีๆ กับใครสักคนแบบนี้

 

ราวกับสั่งให้เขาต้องสนใจนาง ทุกครั้งที่มาก็มักจะสั่งเค้กด้วยการสั่งว่า ‘เอาตั้งแต่นี่จนถึงนั่น’ เป็นประจำทุกครั้ง

 

กระทั่งเครย์ลีบัน เพลเลสจากร้านค้าเพลเลสที่กำลังเป็นประเด็นร้อนยังตามมาด้วย จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะไม่รู้สึกให้ความสนใจ

 

แถมนางยังเป็นบุตรสาวคนเดียวของแคลอฮัน ลอมบาร์เดียผู้โด่งดัง เป็นหลานสาวที่รูลลัก ลอมบาร์เดียรักใคร่มากที่สุด

 

มองถึงแค่นั้นก็ถือว่าฟีเรนเทีย ลอมบาร์เดียไม่ธรรมดาในหลายๆ ด้านแล้ว แต่เขาเองก็สามารถรับรู้ได้ด้วยสัญชาตญาณว่ายังมีอะไรบางอย่างที่พิเศษยิ่งกว่านั้น

 

“จะขุดให้ถึงรากเลย”

 

เบ๊ตพึมพำเช่นนั้น ในขณะที่เริ่มถูกฝังอยู่ใต้เอกสารกองพะเนิน

 

เขาเลือกชิ้นส่วนจิ๊กซอว์ที่พอจะนำมาใช้ได้จากในกองนั่น กวาดสายตามองอ่านมันผ่านๆ เหมือนไม่ได้สนใจอะไรมากนัก

 

ทำเช่นนั้นแล้ว ไม่นานภาพขนาดใหญ่ที่ไม่มีใครรู้ก็ถูกวาดขึ้นเป็นรูปเป็นร่าง

 

ยามค่ำคืนเริ่มมาเยือน พระจันทร์ส่องสว่างลอยขึ้นเหนือบนท้องฟ้า สุดท้ายจนกระทั่งท้องฟ้าทางด้านตะวันออกเริ่มค่อยๆ ส่องสว่าง เบ๊ตถึงได้หยุดทำงาน

 

กุกกัก

 

แว่นตาที่ถูกถอดออกไถลไปบนโต๊ะหนังสือ แต่เบ๊ตก็ไม่คิดที่จะสนใจ

 

สองมือใหญ่ยกขึ้นลูบใบหน้าของตน ก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

 

และได้แต่ยกมือขึ้นปิดปากตัวเอง

 

กักเก็บเสียงกรีดร้องที่เกือบจะหลุดออกมาไว้ข้างในนั้น

 

เอกสารโค้ดลับที่กระจัดกระจายอย่างไม่เป็นระเบียบ ต่างกำลังบอกเหมือนกันหมดอย่างแน่นอน

 

ฟีเรนเทีย ลอมบาร์เดียคนนี้ให้ภาพที่ยิ่งใหญ่กว่าที่เบ๊ตจินตนาการเอาไว้เสียอีก

 

เบ๊ตได้แต่พึมพำเสียงแผ่วราวกับเสียงร้องคราง

 

“เจ้าเป็นใครกันแน่”

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+