เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล 146.1

Now you are reading เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล Chapter 146.1 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 146

ตึกตัก! ตึกตัก!

หัวใจเต้นกระหน่ำอย่างรุนแรงสาเหตุอาจจะเป็นเพราะแอบดูฉากอาบน้ำของเฟเรสโดยที่เจ้าตัวไม่ได้อนุญาต แล้วดันโดนจับได้หรือไม่ก็…

ตึกตัก!

หัวใจเต้นกระหน่ำอย่างรุนแรงอีกครั้งราวกับจะทะลุออกมานอกตัว

วินาทีที่มองสบนัยน์ตาเปล่งประกายระยิบระยับของเฟเรสคู่นั้นก็ได้แต่คิดว่า

งดงาม!

เรือนผมเปียกชื้นไปด้วยหยาดน้ำถูกเสยไปด้านหลัง เผยให้เห็นใบหน้าหล่อเหลา นัยน์ตาคมและจมูกโด่งคมสันที่ต้องแสงจันทร์จนก่อให้เกิดเป็นแสงเงากล้ามเนื้อที่ส่องประกายยามหยดน้ำบนเรือนร่างสะท้อนกับแสง ไม่เพียงแค่นั้น ยังมีกระทั่งอุณหภูมิร่างกายอุ่นร้อนของเฟเรสที่ถ่ายทอดมาถึงเธอผ่านบริเวณผิวหนังที่สัมผัสกันนั่นอีก

แพขนตายาวเหนือนัยน์ตาที่ก้มลงมองเธอและคิ้วเข้มที่ขมวดลงเล็กน้อยด้วยความเป็นห่วงเธอนั่นก็ด้วย

เธอได้แต่อยู่นิ่งๆ ขยับไปไหนไม่ได้ภายในอ้อมกอดของเฟเรส ได้แต่หวังให้หัวใจที่เต้นกระหน่ำเสียงดังแผ่วลงไปเอง

“…เทีย?”

คนที่ช่วยพยุงเธอให้ลุกขึ้นยืนคือเฟเรส

มือใหญ่ที่ยังคงเปียกชื้นไปด้วยหยดน้ำช่วยพยุงไหล่ของเธอให้ลุกขึ้นยืน

“อา…”

จู่ๆ ก็พลันรู้สึกได้ถึงความเสียดายที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อนความรู้สึกนี้มันคืออะไรกันแน่นะ

และก่อนที่เธอจะทันได้ค้นหาสาเหตุนั่น เฟเรสก็โค้งกายลงมาหาเธอ

มือสากกอบกุมประคองแก้มทั้งสองข้างของเธอเอาไว้

“ดูเหมือนจะยังมีไข้อยู่นิดหน่อยนะ”

ใช่ ต้องไข้ขึ้นแน่ละถึงแม้จะไม่ได้มีไข้เพราะเป็นหวัดก็เถอะ แต่แก้มเธอมันร้อนผ่าวขึ้นจริงๆ

ในตอนนั้นเองเธอถึงค่อยตั้งสติขึ้นมาได้ จึงถอยหลังเขยิบห่างออกไปครึ่งก้าว

“ขอโทษนะ เฟเรส พอดีแค่เดินตามเสียงมาน่ะ ไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ข้าขอโทษนะ”

เธอเอ่ยออกไปโดยพยายามซ่อนเสียงสั่นเทาเอาไว้อย่างสุดความสามารถ

“…ไม่เป็นไรสักหน่อย”

“ไม่หรอก แน่นอนว่าที่นี่มันเป็นที่สาธารณะก็จริง แต่ถึงยังไงตอนที่รู้ตัวว่าเจ้าเปลือยอยู่ ข้าก็สมควรที่จะหันหลังกลับ…”

พูดแบบนั้นออกไปพลางมองสำรวจร่างกายเฟเรสไปด้วย และก็ได้เห็นอะไรหลายอย่างที่ก่อนหน้านี้เธอไม่ทันได้สังเกต

“ทั้งหมดนี่มัน…อะไรกันน่ะ บาดแผลพวกนี้”

ทั่วหน้าอกกว้างกับแผ่นหลังของเฟเรสเต็มไปด้วยร่องรอยโหดร้ายทารุณมากมาย

“ไม่ใช่บาดแผล รอยแผลต่างหาก”

“ก็นั่นแหละ รอยแผล!ทำไมถึงได้เยอะขนาดนี้ล่ะ!”

แทบทั้งหมดอาจจะเหลือให้เห็นแค่รอยแผลยาวเป็นเส้นบางๆ เท่านั้นก็จริง แต่บริเวณแขนข้างซ้ายหรือสีข้างด้านขวา รอยแผลบนนั้นค่อนข้างใหญ่และลึกพอสมควร

อีกทั้งบนร่างกายของเฟเรสยังมีกระทั่งรอยแผลเป็นสีแดงคล้ำ คล้ายลวดลายบนหนังงูปนอยู่ด้วย

“ถ้ารอยแผลยังเหลืออยู่ขนาดนี้ แล้วเดิมทีบาดแผลมันจะใหญ่ขนาดไหนเนี่ย”

“เรื่องพวกนี้มันเกิดขึ้นได้บ่อยๆ เวลาฝึกซ้อมน่ะ”

เฟเรสพูดราวกับมันไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญอะไร

“ฝึก? ฝึกอะไรรุนแรงขนาดนี้ ที่อะคาเดมีมีใครรังแกเจ้าอย่างนั้นเหรอ ไม่สิ ยิ่งไปกว่านั้นคือ ปกติเขาใช้ของอย่างพวกดาบไม้กันไม่ใช่หรือไง!”

เฟเรสแสยะยิ้มเล็กน้อยให้กับคำพูดของเธอ ก่อนจะเอ่ยตอบ

“การใช้ดาบน่ะ มันเป็นการต่อสู้เอาตัวรอดด้วยสัญชาตญาณและจิตวิญญาณในการตั้งใจจะสังหารให้สิ้น ถ้าไม่ใช้ดาบของจริงจะไม่มีทางพัฒนาได้เลย เทีย”

“อา…” นั่นสินะ สิ่งที่เรียกว่าดาบ

เพราะไม่ได้สวมเสื้อผ้า รอยแผลเป็นยิบย่อยที่แขนกับมือของเฟเรสจึงปรากฏสู่สายตาของเธอด้วย

และชี้ไปตรงรอยแผลสีแดงคล้ำบริเวณเอวที่เธอรู้สึกตงิดใจมากที่สุดมาตั้งแต่เมื่อครู่ พลางเอ่ยถามขึ้น

“ไหนลองบอกชื่อคนที่ทิ้งรอยแผลนั่นไว้บนร่างของเจ้ามาซิ รอยนั่นดูไม่น่าใช้การฝึกแล้ว แต่มีจุดประสงค์อื่นมากกว่า”

“…ข้าเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน”

“ทำไมไม่รู้ชื่อ เป็นคนที่เรียนอยู่ที่อะคาเดมีไม่ใช่หรือไง”

“อันนี้ไม่ใช่แผลที่ได้จากการซ้อมประลองน่ะ”

ในตอนนั้นเอง เธอถึงค่อยนึกขึ้นมาได้

“บางครั้งก็ถูกโจมตีหรือลอบสังหารบ้าง”

ที่เฟเรสเคยบอกเธอว่า จักรพรรดินีมักจะส่งคนไปลอบสังหารเขาอยู่บ่อยๆ

“คนตายไปแล้ว ตอนนี้ก็ไปถามชื่อไม่ได้ด้วย”

เฟเรสกำลังบอกเธอว่า นักฆ่าที่จักรพรรดินีส่งไปพวกนั้น ตายหมดแล้วนี่เอง

เธอเงยหน้าขึ้นมองเฟเรสด้วยสายตาว่างเปล่า

เผลอเข้าใจผิดไปอยู่เรื่อย

เธอเข้าไปแทรกแซงชีวิตในวัยเด็กของเฟเรส ช่วยสร้างสภาพแวดล้อมที่ดียิ่งขึ้นให้เขา แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเรื่องทุกอย่างมันจะราบรื่นกว่าเดิมสักหน่อย

ชีวิตของเด็กหนุ่มยังคงเต็มไปด้วยความโหดร้ายเหมือนเคย

มากพอๆ กันกับรอยแผลเป็นลึกที่เหลือค้างอยู่ตรงนี้

เธอเอื้อมมือออกไปแตะลงบนรอยแผลเป็นนูน

“คงจะเจ็บน่าดู”

ราวกับฉากโหดร้ายในวันที่เกิดรอยแผลนี่มันวาดผ่านขึ้นมาตรงหน้า

แต่ทันทีที่มือของเธอเอื้อมไปแตะเอวนั่น ก็เกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นทันควัน

ร่างกายของเฟเรสสะดุ้งเล็กน้อย หน้าท้องแกร่งเกร็งแน่น

กล้ามเนื้อเป็นลอนดูสมบูรณ์แบบดั่งรูปสลัก ยิ่งเผยให้เห็นภาพลักษณ์เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์อย่างบุรุษเพศ

อุณหภูมิร่างกายของเฟเรสที่รู้สึกได้ผ่านปลายนิ้วเองก็พลันอุ่นร้อนขึ้นมา

หมับ! เขากำหมัดแน่น แขนเกร็งจนเห็นเส้นเลือดปูดโปน

เธอเงยหน้าขึ้นมองเฟเรส

“…”

สบตาเข้ากับนัยน์ตามืดหม่นคู่นั้นข้างในนั้นมันดูยุ่งเหยิงไปหมด ให้ความรู้สึกอันตรายชอบกล

รู้สึกได้ถึงความอุ่นร้อนจากการพยายามอดกลั้นแรงอารมณ์ผ่านทางแผ่นอกกว้างเปลือยเปล่าของเฟเรส ที่หอบหายใจถี่จนมันกระเพื่อมเป็นจังหวะขึ้นลงอยู่เงียบๆ

เขาก้มหน้ามองเธอ เปลือกตาคู่นั่นสั่นเทา

ในจังหวะนั้นเอง เสียงรอบด้านที่เคยถูกผลักไสออกห่างจนไม่ได้ยินสิ่งใดนอกจากการมีตัวตนของพวกเราทั้งคู่ก็กลับมาดังเข้าสู่โสตประสาทหู แล้วก็พลันตระหนักได้ถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนี้ขึ้นมาได้

ภายใต้แสงจันทร์ เธอกำลังลูบไล้เรือนร่างของเฟเรส และเด็กหนุ่มก็พันเพียงแค่ผ้าคลุมเอาไว้ที่เอวอย่างหมิ่นเหม่

“เฮือก!”

เธอรีบผละมือออกจากร่างกายของเฟเรส แล้วเอ่ยขึ้นด้วยความร้อนรน

“ขะ ข้ากลับไปที่รถม้าก่อนนะ! ตะ ต้องนอนอีกสักหน่อย!”

และก็รีบเดินหนีออกไปตามทางเดินในป่า ทุกย่างก้าวส่งเสียงดังสวบ สวบ

ตู้ม!

ได้ยินเสียงคล้ายกับเฟเรสจะกระโจนลงไปในทะเลสาบอีกครั้งดังตามไล่หลังมา

* * *

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล 146.1

Now you are reading เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล Chapter 146.1 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 146

ตึกตัก! ตึกตัก!

หัวใจเต้นกระหน่ำอย่างรุนแรงสาเหตุอาจจะเป็นเพราะแอบดูฉากอาบน้ำของเฟเรสโดยที่เจ้าตัวไม่ได้อนุญาต แล้วดันโดนจับได้หรือไม่ก็…

ตึกตัก!

หัวใจเต้นกระหน่ำอย่างรุนแรงอีกครั้งราวกับจะทะลุออกมานอกตัว

วินาทีที่มองสบนัยน์ตาเปล่งประกายระยิบระยับของเฟเรสคู่นั้นก็ได้แต่คิดว่า

งดงาม!

เรือนผมเปียกชื้นไปด้วยหยาดน้ำถูกเสยไปด้านหลัง เผยให้เห็นใบหน้าหล่อเหลา นัยน์ตาคมและจมูกโด่งคมสันที่ต้องแสงจันทร์จนก่อให้เกิดเป็นแสงเงากล้ามเนื้อที่ส่องประกายยามหยดน้ำบนเรือนร่างสะท้อนกับแสง ไม่เพียงแค่นั้น ยังมีกระทั่งอุณหภูมิร่างกายอุ่นร้อนของเฟเรสที่ถ่ายทอดมาถึงเธอผ่านบริเวณผิวหนังที่สัมผัสกันนั่นอีก

แพขนตายาวเหนือนัยน์ตาที่ก้มลงมองเธอและคิ้วเข้มที่ขมวดลงเล็กน้อยด้วยความเป็นห่วงเธอนั่นก็ด้วย

เธอได้แต่อยู่นิ่งๆ ขยับไปไหนไม่ได้ภายในอ้อมกอดของเฟเรส ได้แต่หวังให้หัวใจที่เต้นกระหน่ำเสียงดังแผ่วลงไปเอง

“…เทีย?”

คนที่ช่วยพยุงเธอให้ลุกขึ้นยืนคือเฟเรส

มือใหญ่ที่ยังคงเปียกชื้นไปด้วยหยดน้ำช่วยพยุงไหล่ของเธอให้ลุกขึ้นยืน

“อา…”

จู่ๆ ก็พลันรู้สึกได้ถึงความเสียดายที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อนความรู้สึกนี้มันคืออะไรกันแน่นะ

และก่อนที่เธอจะทันได้ค้นหาสาเหตุนั่น เฟเรสก็โค้งกายลงมาหาเธอ

มือสากกอบกุมประคองแก้มทั้งสองข้างของเธอเอาไว้

“ดูเหมือนจะยังมีไข้อยู่นิดหน่อยนะ”

ใช่ ต้องไข้ขึ้นแน่ละถึงแม้จะไม่ได้มีไข้เพราะเป็นหวัดก็เถอะ แต่แก้มเธอมันร้อนผ่าวขึ้นจริงๆ

ในตอนนั้นเองเธอถึงค่อยตั้งสติขึ้นมาได้ จึงถอยหลังเขยิบห่างออกไปครึ่งก้าว

“ขอโทษนะ เฟเรส พอดีแค่เดินตามเสียงมาน่ะ ไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ข้าขอโทษนะ”

เธอเอ่ยออกไปโดยพยายามซ่อนเสียงสั่นเทาเอาไว้อย่างสุดความสามารถ

“…ไม่เป็นไรสักหน่อย”

“ไม่หรอก แน่นอนว่าที่นี่มันเป็นที่สาธารณะก็จริง แต่ถึงยังไงตอนที่รู้ตัวว่าเจ้าเปลือยอยู่ ข้าก็สมควรที่จะหันหลังกลับ…”

พูดแบบนั้นออกไปพลางมองสำรวจร่างกายเฟเรสไปด้วย และก็ได้เห็นอะไรหลายอย่างที่ก่อนหน้านี้เธอไม่ทันได้สังเกต

“ทั้งหมดนี่มัน…อะไรกันน่ะ บาดแผลพวกนี้”

ทั่วหน้าอกกว้างกับแผ่นหลังของเฟเรสเต็มไปด้วยร่องรอยโหดร้ายทารุณมากมาย

“ไม่ใช่บาดแผล รอยแผลต่างหาก”

“ก็นั่นแหละ รอยแผล!ทำไมถึงได้เยอะขนาดนี้ล่ะ!”

แทบทั้งหมดอาจจะเหลือให้เห็นแค่รอยแผลยาวเป็นเส้นบางๆ เท่านั้นก็จริง แต่บริเวณแขนข้างซ้ายหรือสีข้างด้านขวา รอยแผลบนนั้นค่อนข้างใหญ่และลึกพอสมควร

อีกทั้งบนร่างกายของเฟเรสยังมีกระทั่งรอยแผลเป็นสีแดงคล้ำ คล้ายลวดลายบนหนังงูปนอยู่ด้วย

“ถ้ารอยแผลยังเหลืออยู่ขนาดนี้ แล้วเดิมทีบาดแผลมันจะใหญ่ขนาดไหนเนี่ย”

“เรื่องพวกนี้มันเกิดขึ้นได้บ่อยๆ เวลาฝึกซ้อมน่ะ”

เฟเรสพูดราวกับมันไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญอะไร

“ฝึก? ฝึกอะไรรุนแรงขนาดนี้ ที่อะคาเดมีมีใครรังแกเจ้าอย่างนั้นเหรอ ไม่สิ ยิ่งไปกว่านั้นคือ ปกติเขาใช้ของอย่างพวกดาบไม้กันไม่ใช่หรือไง!”

เฟเรสแสยะยิ้มเล็กน้อยให้กับคำพูดของเธอ ก่อนจะเอ่ยตอบ

“การใช้ดาบน่ะ มันเป็นการต่อสู้เอาตัวรอดด้วยสัญชาตญาณและจิตวิญญาณในการตั้งใจจะสังหารให้สิ้น ถ้าไม่ใช้ดาบของจริงจะไม่มีทางพัฒนาได้เลย เทีย”

“อา…” นั่นสินะ สิ่งที่เรียกว่าดาบ

เพราะไม่ได้สวมเสื้อผ้า รอยแผลเป็นยิบย่อยที่แขนกับมือของเฟเรสจึงปรากฏสู่สายตาของเธอด้วย

และชี้ไปตรงรอยแผลสีแดงคล้ำบริเวณเอวที่เธอรู้สึกตงิดใจมากที่สุดมาตั้งแต่เมื่อครู่ พลางเอ่ยถามขึ้น

“ไหนลองบอกชื่อคนที่ทิ้งรอยแผลนั่นไว้บนร่างของเจ้ามาซิ รอยนั่นดูไม่น่าใช้การฝึกแล้ว แต่มีจุดประสงค์อื่นมากกว่า”

“…ข้าเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน”

“ทำไมไม่รู้ชื่อ เป็นคนที่เรียนอยู่ที่อะคาเดมีไม่ใช่หรือไง”

“อันนี้ไม่ใช่แผลที่ได้จากการซ้อมประลองน่ะ”

ในตอนนั้นเอง เธอถึงค่อยนึกขึ้นมาได้

“บางครั้งก็ถูกโจมตีหรือลอบสังหารบ้าง”

ที่เฟเรสเคยบอกเธอว่า จักรพรรดินีมักจะส่งคนไปลอบสังหารเขาอยู่บ่อยๆ

“คนตายไปแล้ว ตอนนี้ก็ไปถามชื่อไม่ได้ด้วย”

เฟเรสกำลังบอกเธอว่า นักฆ่าที่จักรพรรดินีส่งไปพวกนั้น ตายหมดแล้วนี่เอง

เธอเงยหน้าขึ้นมองเฟเรสด้วยสายตาว่างเปล่า

เผลอเข้าใจผิดไปอยู่เรื่อย

เธอเข้าไปแทรกแซงชีวิตในวัยเด็กของเฟเรส ช่วยสร้างสภาพแวดล้อมที่ดียิ่งขึ้นให้เขา แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเรื่องทุกอย่างมันจะราบรื่นกว่าเดิมสักหน่อย

ชีวิตของเด็กหนุ่มยังคงเต็มไปด้วยความโหดร้ายเหมือนเคย

มากพอๆ กันกับรอยแผลเป็นลึกที่เหลือค้างอยู่ตรงนี้

เธอเอื้อมมือออกไปแตะลงบนรอยแผลเป็นนูน

“คงจะเจ็บน่าดู”

ราวกับฉากโหดร้ายในวันที่เกิดรอยแผลนี่มันวาดผ่านขึ้นมาตรงหน้า

แต่ทันทีที่มือของเธอเอื้อมไปแตะเอวนั่น ก็เกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นทันควัน

ร่างกายของเฟเรสสะดุ้งเล็กน้อย หน้าท้องแกร่งเกร็งแน่น

กล้ามเนื้อเป็นลอนดูสมบูรณ์แบบดั่งรูปสลัก ยิ่งเผยให้เห็นภาพลักษณ์เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์อย่างบุรุษเพศ

อุณหภูมิร่างกายของเฟเรสที่รู้สึกได้ผ่านปลายนิ้วเองก็พลันอุ่นร้อนขึ้นมา

หมับ! เขากำหมัดแน่น แขนเกร็งจนเห็นเส้นเลือดปูดโปน

เธอเงยหน้าขึ้นมองเฟเรส

“…”

สบตาเข้ากับนัยน์ตามืดหม่นคู่นั้นข้างในนั้นมันดูยุ่งเหยิงไปหมด ให้ความรู้สึกอันตรายชอบกล

รู้สึกได้ถึงความอุ่นร้อนจากการพยายามอดกลั้นแรงอารมณ์ผ่านทางแผ่นอกกว้างเปลือยเปล่าของเฟเรส ที่หอบหายใจถี่จนมันกระเพื่อมเป็นจังหวะขึ้นลงอยู่เงียบๆ

เขาก้มหน้ามองเธอ เปลือกตาคู่นั่นสั่นเทา

ในจังหวะนั้นเอง เสียงรอบด้านที่เคยถูกผลักไสออกห่างจนไม่ได้ยินสิ่งใดนอกจากการมีตัวตนของพวกเราทั้งคู่ก็กลับมาดังเข้าสู่โสตประสาทหู แล้วก็พลันตระหนักได้ถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนี้ขึ้นมาได้

ภายใต้แสงจันทร์ เธอกำลังลูบไล้เรือนร่างของเฟเรส และเด็กหนุ่มก็พันเพียงแค่ผ้าคลุมเอาไว้ที่เอวอย่างหมิ่นเหม่

“เฮือก!”

เธอรีบผละมือออกจากร่างกายของเฟเรส แล้วเอ่ยขึ้นด้วยความร้อนรน

“ขะ ข้ากลับไปที่รถม้าก่อนนะ! ตะ ต้องนอนอีกสักหน่อย!”

และก็รีบเดินหนีออกไปตามทางเดินในป่า ทุกย่างก้าวส่งเสียงดังสวบ สวบ

ตู้ม!

ได้ยินเสียงคล้ายกับเฟเรสจะกระโจนลงไปในทะเลสาบอีกครั้งดังตามไล่หลังมา

* * *

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+